13 กุมภาพันธ์ 2547 18:31 น.
ส่องหล้า
ดอกไม้ในมือถือมาด้วยใจ
เติบโตสมวัยสดใสทายท้า
สวยสมเต็มที่มากมีราคา
งดงามล้ำค่าปลูกมาด้วยมือ
เบ่งบานแต่เช้าจวบเข้ากลางคืน
ช่างแสนสดชื่นใครก็อยากถือ
อยากใกล้วัยผ่องแตะต้องยึดยือ
ตามคำร่ำลือว่างามจับใจ
ความรักหนักหน่วงห่วงเจ้าหนักหนา
กลัวจะโรยราก่อนโตสมวัย
กลัวกลีบเจ้าร่วงโอ้ดวงดอกไม้
อย่าแบ่งบานไปก่อนได้เพลา...
ดอกไม้ในใจส่งให้ถึงมือ
แหนหวงหน่วงถือไว้แนบอุรา
จงรู้ตัวตนมากล้นคุณค่า
งามแบ่งบานเต็มตาเมื่อโตเต็มวัย.....
6 สิงหาคม 2546 20:39 น.
ส่องหล้า
ความรักจากผู้ให้ ร้าวรานใจถึงผู้รับ
บุญทานได้ขานขับ บทเพลงเศร้าจากราวไพร
ย่ำเดินกลางถนน ต้องอดทนสะท้านไหว
ร้าวรวดปวดกายใจ ดูอ้างว้างในทางเดิน
กล้วยอ้อยคนคอยป้อน มีควานต้อนมิห่างเหิน
ร้อนหนาวเคล้าเผชิญ เหมือนฟันฝ่าค้นหาทาง
จากป่ามาสู่เมือง ฝุ่นควันเขื่องทะมึนขวาง
ตะลอนตะเวนทาง น้ำตาซึมสะเทือนทรวง
เป็นลูกที่ผูกรัก ความทุกข์หนักเกินเหนี่ยวหน่วง
แม่รักสุดหักหวง จ้วงบังคับจับแยกกัน
ถึงแม่ผู้ไกลห่าง ลูกอ้างว้างและหวาดหวั่น
ดื่มนมชั่วข้ามวัน คนมาพรากจากอกไกล
เพลงไพรไหวเพลงเศร้า น้ำตาเคล้าหม่นหมองไพร
หลั่งรินสะอื้นไห้ สะทกสั่นสะท้านทรวง
ลูกรักมาจากอก แม่วิตกและห่วงหวง
ลมเย็นพัดผ่านช่วง เจ็บลึกร้าวเหน็บหนาวนัก
หญ้าใหม่เคยได้ป้อน ทิวหญ้าอ่อนคิดถึงรัก
หัวใจยังหน่วงหนัก ร่องรอยเศร้าใจเปล่าเปลือง
เพลงไพรใฝ่อาสา ผูกพื้นป่ามาโยงเมือง
รักเอยจงนองเนือง อย่าพรากรักจากอกไพร
5 สิงหาคม 2546 22:02 น.
ส่องหล้า
ใบไม้ไหวต้องลมร้อนของตอนบ่าย
ดวงอาทิตย์ยังฉายสว่างหน
ชานชาลาคึกคักด้วยผู้คน
เดินเข้าออกเวียนวนดูวุ่นไป
สองแม่ลูกเฝ้าคอยด้วยความหวัง
หัวใจและกำลังอันสดใส
รอคุณพ่อผู้มาจากแดนไกล
เป็นวันนี้หัวใจจะกลับมา
แม่ค้าขายไก่ย่างไม่ห่างรถ
เหล้าเบียร์-นมสดไว้คอยท่า
ร้องขายอื้ออึงเจรจา
ทุกขบวนผ่านมาเหมือนเหมือนกัน
ม้าเหล็กควบแล่นสู่แดนด้าว
บรรทุกขนเรื่องราวสู่ความฝัน
พาผู้คนหวนย้อนสู่คืนวัน
ใสสุขสันต์ผุดผ่องของมารดา
จากถิ่นแม่ไปทำงานไกลบ้านช่อง
ออกเที่ยวท่องเพื่อเงินแสวงหา
เศรษฐกิจร่วงโรย-ใจอ่อนล้า
ต้องอำลาถิ่นเมืองเบื้องนาคร
นั่งนับชานชาลาเข้ามาสู่
ถิ่นตาปู่มวลมิตรมิ่งสมร
เหมือนดังนกกลับเย้ามาเฝ้าคอน
หวนบินย้อนสืบช่วงสู่รวงรัง
จะลงแล้วอำลาเจ้าม้าเหล็ก
เป่ามนต์เสกมวลดินถิ่นความหวัง
แผ่นดินแม่จงอุดมด้วยกำลัง
ให้ดอกเหงื่อพรูพรั่งยังแผ่นดิน
หวูดรถไฟแว่วใกล้สถานี
คนพลุกพล่านยินดีมิมีสิ้น
สองแม่ลูกสมเจตนาจินต์
รอคุณพ่อกลับถิ่นสถานี
ทั้งหนุ่มสาวเด็กเล็กคนชรา
มีผู้คนมากหน้าให้อึงมี่
ยืนสง่าหนุ่มใหญ่พ่อคนดี
แม่ลูกวิ่งรี่เข้าไปพลัน
ได้อบอุ่นในอ้อมกอดต่างพลอดพร่ำ
ลูกเมียร้องร่ำด้วยสุขสันต์
วันนี้อยู่พร้อมหน้ามาร่วมกัน
สู่คืนวันสดใสให้ครอบครัว...
8 กรกฎาคม 2546 09:45 น.
ส่องหล้า
ลูกสาวห้อยท้ายก่ายเกาะ โอบเลาะรอบเอวพ่อไว้
นั่งนิ่งท้ายมอเตอร์ไซด์ ซอกซอนชอนไชในเมือง
ยั้วเยี้ยหยุบหยับยุ่งยาก โยงอยากย่ำไปย้ายเยื้อง
รุมเร้าเรื่องราวรุ่งเรือง ล้วนเรื่องถนนหนทาง
ทางทั่วมีช่องล่องลอด สอดขวามาซ้ายย้ายขวาง
เลี้ยวปาดตัดหน้าด่าไปพราง เบรกค้างยังย้ายส่ายทัน
ฝุ่นควันคลุ้งเคล้าเข้ายุด รั้งฉุดกระชากลากฝัน
สาวน้อยยังเกาะเอวมั่น มุ่งดั้นสู่วันแห่งชัย
สายลมพัดโหมโบขาว กลิ่นคาวฝุ่นควันหวั่นไหว
โบขาวโบคล้ำฝุ่นไคล แกว่งไกวท้าทายฝุ่นควัน
หลังไหล่สะพายกระเป๋า วิชาแห่งเจ้าเฝ้าฝัน
สาวน้อยพลังสำคัญ แบกบุกบากบั่นจริงจัง
แออัดอึกอักอ้ำอึ้ง ติดตรึงตีบตันพรั่นหวัง
หัวใจสิ้นไร้กำลัง คับคั่งผู้คนหนทาง
กระบะโผย้ายเข้าแหย่ รถเก่งวิ่งแร่เข้าขวาง
รถเมล์จอดเอียงเบี่ยงทาง ผู้คนต่างหวังทางไป
ช่องเล็กเคยลอดก็ลด เกินเลี่ยงกำหนดพิสัย
เบรกนั้นไม่ทันดั่งใจ เสียงโครมสิ้นไร้กำลัง
สาวน้อยร้างท้ายให้เกาะ กระเด็นลิ่วเลาะพลัดหวัง
โบขาวด่าวดิ้นภินท์พัง รอยเลือดเกรอะกรังค้างโบ
3 กรกฎาคม 2546 00:25 น.
ส่องหล้า
หยดละอองน้ำค้างในยามค่ำ
ได้สุขล้ำกับยอดหญ้าเวลาดึก
สะท้อนเกล็ดแวววาวใต้ดาวสำนึก
สวยสมให้รู้สึกมณีงาม
ฟ้าสว่างน้ำค้างลาฟ้าสว่าง
ใบหญ้าเหงาเคว้งคว้างบนทางข้าม
ผะผ่าวร้อนฟอนแสงตะวันวาม
แผดเผาความสุกใสมลายพลัน
ฉะนี้ในกลกาลแห่งชีวิต
ธรรมชาติลิขิตให้เปลี่ยนผัน
เมื่อมีสุขก็มีทุกข์เสมอกัน
ขอเพียงใจยึดมั่นในความจริง
ชีวิตรอดผ่านรอบของชีวิต
หวังว่าในดวงจิตจะสุขยิ่ง
ผ่านปวงทุกข์-สุขใดได้อุ่นอิง
ผ่านไปสู่ความจริงของจิตใจ
จะพบดอกไม้งามที่ล้ำค่า
สวยพิสุทธิ์โสภาสว่างใส
สุขหรือทุกข์ก็งดงามกว่าดอกใด
ประดับอยู่ในใจนิรันดร...