15 มีนาคม 2550 02:40 น.
สุสานสีน้ำฟ้า
14 กุมภา วันแห่งความรัก มีคนมากมายที่สมหวัง มีรอยยิ้มที่สดใส แต่ในเวลาเดียวกัน มีคนเป็นล้านที่ต้องผิดหวังในวันนี้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ได้ทั้งสองอย่างในวันเดียวกัน ก็ไม่รู้จะโทษใคร ก็เราสมัครใจไปรักเค้าเอง จนป่านนี้แล้ว ยังทำใจไม่ได้ เหมือนใจได้ตายกับเค้าไปแล้ว
14 กุมภา ได้รับทั้งการ์ดวาเลนไทน์ ได้ส่งของขวัญให้คนที่เรารักเช่นคนอื่นๆ แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้รับความผิดหวัง พร้อมกับการ์ดจากเธอคนนั้น เป็นการ์ดที่ส่งด้วยความรัก พร้อมกับเวลาที่จบด้วยคำอำลา
14 มีนา หวานมาถึงแล้ว แค่เดือนเดียว แต่เหมือนเป็นปีๆที่ห่างกัน แต่ดูปฏิทินแล้ว แค่เดือนเดียวเองที่ไม่เจอเค้า เห็นเพียงเงาแว่วๆ เหมือนลมแผ่วเบา เวลาที่มีกันและกัน ช่างแสนสั้นนัก แค่พริบตาเดียว ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดเลย
14 เมษาก็ใกล้วันเกิดด้วย คงไม่มีกำลังใจจะทำความดีในวันเกิดของตน ยังคงฟุ่งซ่านซมซานอยู่ในสุสานต่อไป ดวงวิญญาณยังเร่ร่อน ร้องเรียกหาเธอ ด้วยเสียงร่ำไห้เบา เมื่อลมแผ่วเบาผ่านมา
14 คือเลขโชคร้ายสำหรับผมเหรอ ช่วยตอบทีลมแผ่วเบา เจ้าพัดไปถึงไหนแล้ว
24 กุมภาพันธ์ 2550 03:45 น.
สุสานสีน้ำฟ้า
มีใครบ้างที่เป็นนักโทษคุกใจแล้วอยากออกจากคุกใจบ้าง ผมคิดว่าคงมีน้อยนะ คนที่ตกเป็นผู้ต้องหาหัวใจ คงไม่มีใครอยากออกจากคุกใจ แต่บางคน (ตัวผม) ถูกศาลตัดสินว่าไม่ผิด เลยไล่ออกจากคุกใจ
เคยบอกกับเธอว่าจะอยู่ในคุกใจตลอดไป เธอก็บอกว่า จะขังไว้ในคุกใจตลอดไป แต่วันนี้ ทำไม ทำไมหนอ ไม่อยากจากเธอไปเลย จะให้ลืมเธอนั้น คงทำได้ยาก ยังยากกว่าการเข้าไปในชีวิตเธออีก
แม้เธอจะไม่กลับมา หรือแม้เธอจะไม่อยากอ่านเมล์ ไม่อยากเห็นชื่อนักโทษคนนี้ นักโทษคุกใจคนนี้ยังรอเธอกลับมา นานเท่าไหร่ก็จะรอ
หากเธอมาเที่ยวถึงดินแดนแห่งนี้ ให้รู้ว่านักโทษคนนี่ที่เคยอยู่ในคุกใจเธอฝันร้ายแทบทุกคืน จากที่ฝันถึงเธอยามใกล้รุ่ง กลับมาฝันถึงมารร้ายเร่ร่อน กลางคืนไม่อยากนอน นอนเมื่อไหร่ก็ฝันร้าย เช้ามาไม่อยากตื่น กาฬิกาปลุกดังก็ปิด ฝืนนอนต่อ เธอจะรู้บ้างไหมเธอ ว่าทรมานแค่ไหน ผมรู้ว่าเธอสงสารผม แต่เธอฝืนใจเอง กลับมาเถิดหนา อย่าให้นักโทษคนนี้ ฝันร้ายต่อไปอีกเลย กลับมาพยาบาลหัวใจให้ยิ้มได้หน้าสดใสดังวันวานเถิดคนดีที่ฝั่งฝัน จะรอเธอเสมอ ณ ปลายฝัน
12 กุมภาพันธ์ 2550 12:14 น.
สุสานสีน้ำฟ้า
จะมีใครบ้างไหมที่เชื่อว่า "ผู้ชายเจ็บเป็น" ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่เจ็บเป็น อาจจะเจ็บเพราะความซื่อสัตย์ และใจดีกับทุกคน
ผมเป็นแค่หมาวัดตัวหนึ่ง ที่ไร้เจ้าของ ผมพบเจอกับดอกฟ้าดอกหนึ่ง โดยบังเอิญ กาลเวลาผ่านไป เรามีความผูกพันธ์มากขึ้น ยังจำได้ช่วงแรกที่เจอเธอ ครั้งแรกนั้น ผมขี้เล่นนิดนึง เพราะผมเป็นเด็กดื้อร้อยลิ้น ฉายาผมที่เพื่อนมอบให้เป็นรางวัลขี้เล่น ผมล้อเล่นกับเธอ ทำให้เธอไม่เชื่อผม ผมรู้ว่าเธอไม่เชื่อผมแล้ว ผมจึงเลิกขี้เล่น และมาสนทนาธรรมกับเธอ
เวลาต่อมา ผมกับเธอก็เป็นเพื่อนกัน เธอเรียกผมว่า "พี่ชาย" ผมเรียกเธอว่า "น้องสาว" เราคุยกันทางเอ็มทุกวัน เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก คอยแกล้งและหยอกล้อกับผม ตื่นเช้ามา ก่อนที่เธอจะไปทานอาหารเช้า เธอก็รีบแต่งตัว แล้วมาหาผมทางเอ็ม ก่อนไปเรียน เธอก็มาหาผมก่อนไปเข้าแถว วันเสาร์อาทิตย์ เธอมาหาผมแต่เช้า ข้าวไม่ได้ทาน น้ำไม่ได้ดื่ม เธอพักอยู่ที่หอในวิทลัย เธอเรียนพยาบาล เธอคุยกับผม ตั้งแต่เช้ายันบ่าย เธอหิวข้าวจนท้องแสบ บางครั้ง ก็เหมือนจะเป็นลม ผมก็สงสารเธอมาก แต่ก็อยากคุยกับเธอ
เธอบอกว่า "พี่ชาย พี่ชายรู้ไหม พี่ชายทำให้น้องสาวอยากมาคุยกับพี่ชายทุกวันเลย รู้ตัวอ่ะป่าว" และเธอบอกว่า "พี่ชาย พี่ชายเป็นคนแรกที่น้องสาวคุยเอ็มด้วยนะ ไม่เคยคุยกับใครมาก่อนเลย" ผมบอกว่า "ดีจัง พี่ลอยแล้วนะเนี่ย" "จับโต๊ะไว้สิพี่ชาย" เธอพูด
เวลาผ่านไป ผมบอกเธอว่า ผมตกหลุมรักเธอแล้ว ถึงแม้เธอจะยังไม่รักผม แต่ผมจะรอ และผมถามเธอว่า เธอมีใจให้ผมไหม เธอบอกว่า ถ้าไม่มีจะมาคุยกับผมทุกวันหรือ เราก็มีอุปสรรคบ้าง แต่ก็ฟันฝ่าไปได้
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความผูกพันธ์เราก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงบอกเธอว่า หากเราเป็นพี่น้องกัน แล้ววันหนึ่ง เราจากกัน เราจะเสียดายที่ไม่ได้บอกความในใจให้กัน และเสียดายที่ไม่ได้ทำสิ่งดีๆให้กันและกัน แต่เป็นพี่น้อง เราจากกันก็ไม่เจ็บปวด แต่ถ้าเราตกลงรักกัน แม้วันหนึ่งเราต้องจากกัน ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่ก็ไม่เสียดายที่ได้ทำสิ่งดีๆให้กัน คำแรกที่เธอพูดคือ "เรามารักกันนะ" เธอบอกว่า ยากมากๆกับการตัดสินใจรักกับผม จากนั้นเราก็ปลูกต้นรัก ดูแลใส่ปุ๋ย รดน้ำพรวนดิน ก็งอกงามแตกเป็นใบเขียว แต่ต้นรักยังไม่ทันออกดอก ปีใหม่ก็หวนมาถึง เธอเรียนพักอยู่กับหอ เธอต้องกลับบ้านวันปีใหม่ ก่อนเธอกลับบ้าน เธอบอกผมว่า จะไปเล่าเรื่องของผมและเธอให้คุณแม่เธอฟัง
เมื่อปีใหม่ 2550 หวนมาถึง คนทั้งโลกนับถอยหลังกัน ผมก็อยากนับด้วย นัดเพื่อนมานับถอยหลังกันหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่พอจะถึงเวลาจริงๆ ก็นึกถึงเธอ อยากนับถอยหลังกับเธอ แต่รู้ว่าเธอติดธุระ ผมก็ลองโทรไปหาเธอ แต่ไม่มีสัญญาณ ติดต่อเธอไม่ได้ ผมเลยเลิกไม่นับถอยหลัง แต่ด้วยความจริงแห่งวิญญาณ ผมรู้สึกว่า เธอไปจากใจผมแล้ว ไม่ใช่เธอแต่งงาน แต่เธอไม่รักผมแล้ว ผมมีลางสังหรณ์อย่างนี้ และรอวันเธอกลับมากับข่าวร้าย
หลังจากที่เธอกลับมา ผมก็ได้รับข่าวร้ายจริง นั่นคือ "เธอออกจากชีวิตผมแล้ว" ผมก็ได้แต่เสียใจ เรารักค่ำขึ้น และก็ลาค่ำแรม เร็วมากๆเลย ถึงเวลาที่เราต้องจากกันแล้ว ผมไม่เอ่ยถามว่า "ทำไม เธอจึงจากผมไป" เราจึงจากกันในรูปของคนรัก เธอก็ตำหนิตัวเอง แต่ผมก็ขอ ไม่ให้เธอตำหนิตัวเองอีก เพราะเราต่างพอใจมารักกัน ทั้งๆที่เราว่าระยะทางห่างไกลกันมา คนละทวีปเลย
เพราะว่าเราตัดบัวยังไว้ใย ตัดใจยังแฝงรัก เราไม่จากกัน เรายังอยู่เป็นพี่น้องต่อ เรายังมาคุยเอ็มทุกวันเช่นเคย เป็นเพราะว่า เราจากกันไม่ได้ ยังคิดถึง ห่วงหาอาทรกัน แต่ไม่ใช่แฟน ผมก็คิดว่าผมเป็นฝ่ายเดียวที่คิดถึงเธอ และไม่อยากจากเธอไป คืนและวันผ่านไป ผมจึงรู้ว่าเธอก็คิดเช่นเดียวกับผม จึงทำให้เธอจากผมไปไม่ได้เช่นกัน และแล้วเราก็มารักกันอีกครั้ง ปลูกต้นรักต้นที่สอง
คำแรกที่เธอบอกคือ "คนดีมานั่งกลางใจ ... แล้ว" ผมรู้ว่าเธอเปิดใจรับผมอีกครั้ง เราก็มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นตามมามากมาย เธอเรียกผมว่า "คนดี" แทนชื่อผม เธอบอกว่า "ผมเป็นคนดีของเธอ" เธอบอกว่า "เธอปลื้มและประทับใจผมมากเลย หากเสียผมไป คงเสียดายมากเลย" ผมก็แอบปลื้มมาก เธอบอกว่า "เธอจะอยู่กับผมนานๆ" เธอจะกล่อมคุณแม่ของเธอบ่อยๆ เพราะคุณแม่เธอยังไม่ยอมเปิดไฟเขียวให้เรา
เดือนมกราผ่านไป เดือนกุมภาหวนกลับมาถึง สิบสี่วันก็ถึงวันวาเลนไทน์ ผมอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เธออยู่เมืองไทย หลังจากกลับจากโรงเรียน ผมตะลอนหาของขวัญให้เธอจนแทบจะเป็นหวัด เพราะอากาศหนาวมากเลย ผมจะส่งของขวัญมาให้ทันวันวาเลนไทน์ 2550 ผมซื้อเสื้อสีชมพูแขนยาวสีขาว มอบให้แทนดอกกุหลาบ และเสื้อสีขาวกันหนาวอีกสองตัว มอบให้เธอได้อบอุ่น
เธอมีสอบปลายภาค และก็ปิดเทอม ก่อนปิดเทอม ผมกับเธอได้จำลองวันวาเลนไทน์ขึ้นมา เพราะว่าเดี๋ยวเธอกลับบ้านไปแล้ว ติดธุระ ผมติดต่อเธอไม่ได้วันวาเลนไทน์จริง เราต่างก็มีความสุขวันวาเลนไทน์จำลอง เดี๋ยวนี้สถานศึกษาเธอก็ปิดแล้ว
วันนี้เธอจากผมไปอีกแล้ว โทรไปหา ไม่ยอมรับโทรศัพท์ มีครั้งหนึ่ง เธอเผลอรับสาย แต่พอรู้ว่าเป็นผม ก็ปิดทันทีเลย ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไป คำสันนิฐานผมคือ "เธอจากผมไปแล้ว"
ผมคุยกับเพื่อนของผมเกี่ยวกับเรื่องของเธอและผม เพื่อนก็ให้กำลังใจผมว่า ให้โอกาสเธอ บางครั้งเธออาจจะมีปัญหา และสับสน ผมพยายามติดต่อเธอจนท้อ จนผมตัดสินใจว่า จะไม่ง้อไม่รอเธอแล้ว เมื่อผมทำดีที่สุดให้เธอแล้ว เธอยังจากไป ผมก็ทำอะไรไม่ได้
ผมโทรไปหาเพื่อนของเธอ เพื่อนเธอก็พยายามช่วยผม เพราะเค้าก็อยากรู้ว่า เธอเป็นอะไรไปเช่นกัน แต่เพื่อนของเธอก็ติดต่อไม่ได้ เธอไม่ยอมรับสายเลย เพื่อนเธอก็สันนิฐานว่า โทรศัพท์เธอหาย แต่ผมว่าไม่ใช่ เพื่อนเธอก็บอกผมว่า ให้เวลาเธอ รู้สึกว่าช่วงนี้เธอเซ็งๆ สับสนบ้าง ผมก็เปิดโอกาสให้ตัวเอง รอวันที่เธอกลับไปเรียน แล้วจะโทรไปหาอีกครั้ง เธออาจจะดีขึ้น หรืออาจจะได้ข่าวร้ายก็ไม่รู้ เพื่อนเธอก็พร้อมที่จะช่วยผม อย่างไรก็ตาม ผมพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่จะได้รับกลับมา
ถึงเธอจากทำเช่นนี้ ถึงเธอจะจากผมไป หรือแม้ว่าผมจะเจ็บปวดแค่ไหน ผมก็ยังเห็นว่าเธอเป็นคนดีเสมอมา และต่อไป ผมไม่โกรธไม่เกลียด ไม่โทษเธอแม้แต่น้อย แม้จะเสียใจหรือเสียเธอไป ก็ยังอยากให้เธอจากไปด้วยรอยยิ้ม ได้พบกับคนที่ดี คนที่ใช่ในชีวิต
วันนี้วันที่ 12 กุมภา อีกสองวันก็ถึงวันวาเลนไทน์จริงแล้ว เธอเคยบอกผมว่า "เธอดีใจ ปลื้ม และประทับใจผมมากๆเลย ไม่เคยมีใครให้ของขวัญวันวาเลนไทน์ให้เธอ เคยมีแต่คนให้ดอกไม้ ไม่นานก็เหี่ยวแห้ง ร่วงไป" วันนี้ของขวัญที่ผมส่งไป ก็จะถึงมือเธอแล้ว ไม่รู้ว่าเธอจะรับหรือไม่ ของขวัญจะหลงทาง แล้วตกหล่นจากเครื่องบินลงมหาสมุทรหรือไม่ หรือของขวัญจะกลับมาอย่างเศร้าๆ ผมไม่รู้เลย ผมอยากให้เธอรับของขวัญนั้นไป ถึงแม้ว่าเธอจะจากผมไป แต่ของขวัญคงไร้ค่า การ์ดคงไร้ความหมาย จากนี้อีกร้อยวันพันคืน ก็คงจะเดียวดาย ฝ่าราตรีที่ยาวนาน ความหวังและสิ่งดีๆที่เคยมีให้กัน พังทลายลงไปในพริบตา ยังไงก็ขอให้เธอโชคดี หากคิดได้ ก็กลับมาหา ผมยังอยู่ตรงนี้ ที่ที่เคยมีเราสองคน
ผมมีสำนวนหนึ่งที่เธอชอบมากคือ "อยู่เพื่อรัก ทำเพื่อเธอ" ส่วนผมประทับใจคำพูดที่เธอจะพูดเสมอๆเมื่อเข้าเอ็ม และก่อนออกเอ็ม นั่นคือ "คนดี ทานข้าวหรือยัง และ คนดี อย่าลืมทานข้าวนะ ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วย" วันนี้ไม่มีเธอมาพูดคำนี้อีกแล้ว
ถึงยังไง เธอก็ยังเป็นคนดี ใครจะว่าผมงมงาย ก็ยอมรับ ทุกๆปี วาเลนไทน์ไม่เคยมีความหมาย มาปีนี้ก็คงต้องเดียวดายต่อไป
อยู่เพื่อรัก ทำเพื่อเธอ รอเธอเสมอ ณ ปลายฝัน
มอบแด่ นางฟ้าน่ารัก
จาก หมาวัดไร้เจ้าของ