18 กุมภาพันธ์ 2550 20:35 น.
สุสานสีน้ำฟ้า
ตั้งแต่เธอเข้ามาในชีวิต
ฉันเริ่มคิดได้สิ่งที่สร้างสรรค์
แม้ปัญหามากมายเป็นร้อยพัน
ไม่เคยหวั่นเพราะมีเธอเป็นแรงใจ
ฉันนอนดึกทุกคืนเพราะทำงาน
ไม่เกียจคร้านไม่ท้อแท้และอ่อนไหว
ฉันตื่นเช้าก่อนนาฬิกาอย่างชื่นใจ
และยิ้มได้ต้อนรับแสงแห่งวันใหม่
ฉันตื่นเช้าด้วยแรงเธอที่ผลัดดัน
และนอนฝันด้วยแรงแห่งหัวใจ
ยามรุ่งเช้าตื่นมายิ้มหน้าใส
ใครต่อใครมองว่าฉันเริงร่า
ฉันเข้าครัวทำกับข้าวอย่างมีสุข
ไร้ความทุกข์เพราะ.ฉันนั้นไร้น้ำตา
แม้ว่าเราจะอยู่ห่างไกลหน้า
ทุกเวลาฉันนั้นมีเพียงเธอ
มีหลายครั้งที่ฉันพูดในใจ
และยิ้มให้ห่วงใยเธอเสมอ
ขำตัวเองเพราะฉันเหมือนคนเวอร์
เพราะมีเธอจึงยิ้มได้ตลอดเวลา
มาวันนี้เธอจากไปทิ้งฉันอยู่
ฉันเพิ่งรู้ว่าวันนี้ช่างเหนื่อยล้า
ตื่นเช้ามาเห็นรอยคราบน้ำตา
เหมือนไร้ค่าไร้เธอไร้ความหมาย
ตกกลางคืนฉันนั้นไม่อยากนอน
หัวถึงหมอนเมื่อไหร่หลับเป็นตาย
มิหนำซ้ำแถมยังจะฝันร้าย
มองข้างกายมีเพียงแค่หมอนข้าง
เช้ามาไม่อยากตื่นฝืนนอนต่อ
ยามเมื่อพ่อเข้ามาปลุกบอกไม่ว่าง
แม่เข้ามาบอกว่ายังไม่สว่าง
เหมือนคนคว้างไร้แรงไร้พลัง
เหน็ดเหนื่อยจังวันนี้ฉันเพิ่งรู้
นั่งเฝ้าดูเงาตัวเองอย่างสิ้นหวัง
เธอคงไม่หวนกลับคืนมาอีกครั้ง
ไร้พลังจะสู้ในวันใหม่
ฉันเพิ่งรู้ว่าวันนี้ฉันเหนื่อยเป็น
แสนยากเย็นที่จะตื่นอย่างสดใส
คงอีกนานกว่าฉันนี้จะยิ้มได้
หรืออาจไม่มีวัน...วันนั้นเลย
16 กุมภาพันธ์ 2550 18:58 น.
สุสานสีน้ำฟ้า
ลูกจ๋าลูกแม่ที่น่ารัก
มาหนุนตักแม่สักครั้งก่อนจะสาย
มากอดแม่อีกครั้งก่อนแม่ตาย
อันร่างกายแม่ทรุดโทรมแทบหมดลม
อันคนเราเกิดมานั้นต้องจาก
จำพลัดพรากจากกันอย่างขื่นขม
จากนี้ไปคงไร้แม่คอยติชม
คอยอบรมสั่งสอนเจ้าเจ้ารู้ไหม
เป็นเด็กดีของสังคมนะลูกน้อย
จงอย่าคอยวาสนาจากสิ่งใด
จงตั้งมั่นก้าวไปสู่วันยิ่งใหญ่
ที่เจ้าใฝ่และฝันมาเนิ่นนาน
แม่จากเจ้าใช่ว่าจากเพียงครึ่งวัน
แต่จากกันชั่วนิรันดร์ในสุสาน
ไม่มีแม่คอยแลเจ้าดั่งวันวาน
อย่าเกียจคร้านนะลูกน้อยลูกของแม่
สังขารเราเกิดมาไม่จีรัง
มีหรือหวังชีวิตมีแต่แก่
จากนี้ไปชีวิตเจ้าไร้เงาแม่
เหลือเพียงแต่ความทรงจำที่ย้ำเตือน
ลมหนาวมาคงไม่มีใครห่มผ้า
เจ้าเรียนมาคงไม่มีใครเป็นเพื่อน
เจ้าทำผิดคงไม่มีใครคอยเตือน
อย่าแชเชือนเถลไถลนะลูกจ๋า
หน้าฝนมาเจ้านั้นคงเปียกปอน
ยามเจ้านอนจะไม่มีแม่แล้วหนา
แม่จากไปเพราะว่าโชคชะตา
วาสนาพานพบจบแค่นี้
จงตั้งใจร่ำเรียนหาความรู้
ผิดเป็นครูหนูจำไว้เป็นเด็กดี
อีกร้อยครั้งพันหนาวหวนมากี่ปี
เจ้าไม่มีแม่แล้วนะลูกน้อย
แม่จะเช็คน้ำตาให้ครั้งสุดท้าย
หลังแม่ตายจงก้าวหน้าอย่าเดินถอย
เมื่อเจ้าล้มก็รีบลุกอย่านั่งคอย
เจ้าจงสอยดาวดวงนั้นที่ฝันหา
แม่จากเจ้าไปแล้วนะลูกแก้ว
หยุดได้แล้วหยุดร้องไห้หยุดน้ำตา
หากมีใหม่เราค่อยเจอกันชาติหน้า
แม่จะมาดูแลเจ้า...อีก...ดัง...วัน...วาน...นะ...ลูกรัก...ของแม่
แม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่..................................................................ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
16 กุมภาพันธ์ 2550 18:51 น.
สุสานสีน้ำฟ้า
ลูกจ๋าลูกน้อยลูกของพ่อ
อย่านั่งคลอน้ำตาอีกเลยหนา
อันความตายของพ่ออยู่ข้างหน้า
ส่วนเวลาก็สั้นลงทุกวัน
จากนี้ไปเจ้านั้นคงไร้พ่อ
อย่ารีรอก้าวไปสู่ปลายฝัน
วิญญาณพ่อจะดูแลเจ้าทุกวัน
จะผลัดดันเจ้าให้ถึงดวงดาว
อาการพ่อทรุดโทรมลงทุกวัน
เราจากกันครั้งนี้ชั่วนิรันดร์
จงไขว่คว้าในสิ่งที่เจ้าฝัน
สร้างคืนวันที่ยิ่งใหญ่ดังใจปอง
เจ้าจงตื่นก่อนตะวันจะรุ่งเช้า
เจ้าต้องเข้าทำอาหารให้กับน้อง
เจ้าต้องแบ่งกับข้าวออกเป็นสอง
หนึ่งให้น้องแล้วอีกหนึ่งนั้นให้เจ้า
พ่อจากไปครั้งนี้คงไม่กลับ
จะหายลับเป็นเถ้าถ่านไร้รูปเงา
จงทำดีอย่ามีเรื่องกับใครเขา
รู้ว่าเราไม่มีพ่อปกป้องแล้ว
ลมหายใจของพ่อจวนจะขาด
พ่อขอวาดความหวังกับลูกแก้ว
ขออวยชัยให้เจ้าจงคลาดแคล้ว
จงตามแถวเดินตามหลังรอยเท้าพ่อ
จากนี้ไปจงตั้งใจเพียรศึกษา
พร่ำวิชาหาความรู้อย่ารีรอ
จงตั้งมั่นฝ่าฟันอย่าย่อท้อ
วิญญาณพ่อจะรอดูเจ้าทั้งสอง
เช็คน้ำตาเถิดลูกอย่าร้องไห้
พ่อจะไปจากเจ้าสองพี่น้อง
จงรักกันให้อภัยและปรองดอง
อย่าแตะต้องสิ่งชั่วร้ายเป็นอันขาด...(นะลูกเอ๋ย)
16 กุมภาพันธ์ 2550 18:41 น.
สุสานสีน้ำฟ้า
รักเรานี้คงไม่มีวันกลับคืน มาเหมือนเดิมได้
เพราะเธอจากไป คงไม่หวนมาใหม่ อีกครั้งเหมือนคราวก่อน
จากนี้ต่อไป ยามสาย-สาย ฉันยังคงนอน
และเขียนกลอนร่ำหาเธอ ละเมอไร้ความหมาย
ฉันทำผิดอะไรไม่เคยรู้ ที่รู้คือเธอห่างหาย
คงเดียวดาย เช้ามาไม่อยากตื่น กลางคืนหลับเป็นตาย
มีบางคืนฉันนอนไม่หลับ ถ้าหลับก็ฝันร้าย
ตื่นมา มองข้างกาย เหลือแต่ความเดียวดายแห่งราตรี
คำว่า "คนดีทานข้าวยัง" คงไม่มีแล้วต่อจากนี้
เสียงที่เคยได้ยิน "อิอิ" คงไม่มีอีกแล้วหนอคนดี
เป็นแค่เพียงพริบตาเดียว เหลียวไปมอง ไร้แสงสี
ต่อจากนี้อีกยาวนานคงฟุ้งซ่าน และทรมาน
อยากให้เธอกลับคืนมา ช่วยรักษา แผลในใจ
แต่คงได้แต่ร่ำไห้ อยู่เดียวดายอย่างซมซาน
ต่อนี้อีกยาวนาน รอยร้าวคงไร้ยาประสาน
ยังรอเธอกลับมาพยาบาลให้ใจฉันหายดังเดิม
16 กุมภาพันธ์ 2550 04:41 น.
สุสานสีน้ำฟ้า
ฝนกระหน่ำฟ้ามืดมัวสลัวทาง
คนอ้างว้างยังเหินห่างเส้นทางฝัน
เพียงได้แต่หวังไว้ว่าสักวัน
จะสานฝันให้สำเร็จดังใจหวัง
ฝนชื่นฉ่ำกระหน่ำมาพาเหน็บหนาว
เส้นทางร้าวเพราะไร้รักไร้พลัง
ยังต้องฝ่าค่ำฝนอย่างไร้หวัง
ไม่เคยยั้งแม้ยากเย็นเข็นแค่ไหน
ทางมืดมนมองไม่เห็นเส้นทางไป
ไร้แสงไฟส่องทางในใจฉัน
ฝ่าป่าเขาน้ำหลากที่สูงชัน
ยังสานฝันต่อไปไม่เคยท้อ
ฝนกระหน่ำฟ้าครำรามช่างน่ากลัว
ทางสลัวมมองไม่เห็นยังไม่รอ
บอกตัวเองว่าจงก้าวอย่าย่อท้อ
จะไม่ขอฟากฟ้าให้ปราณี
แบมือออกมีเทียนไขอยู่เล่มหนึ่ง
เป็นที่พึ่งของค่ำนี้แห่งราตรี
พยายามจุดไฟให้แสงสี
แรงที่มีทุ่มแทจนหมดใจ
ทนต่อให้ทำเท่าไหร่ก็อดทน
แม้สายฝนจะกระหน่ำห้ามแสงไฟ
มีหนึ่งเดียวแห่งความหวังคือเทียนไข
เพื่อแสงไฟแห่งประกายของวันใหม่
จุดเท่าไหร่ก็หวังและอดทน
ไม่เป็นผลเพราะเป็นไปไม่ได้
เหมือนดังเธอที่เดินจากฉันไป
เหมือนจุดไฟให้เทียนไขกลางสายฝน
ต่อให้ช้ำเท่าไหร่ก็ทนไป
ผลที่ได้สุดท้ายกก็มืดมน
เพราะว่าฉันจุดเทียนกลางสายฝน
ต่อให้ทนเท่าไหร่ก็เป็นไปไม่ได้...(หรอกเธอจ๋า)