10 กรกฎาคม 2550 11:42 น.
สุวรรณโสภิต
สายลมเย็นโชยพัดเอาดอกปีบสีขาวร้วงหล่นลงสู่อ่างบัวใบใหญ่ กลิ่นหอมชื่นใจของดอกบัวผสมกับดอกปีบขาว ไม่ได้ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ที่ข้างอ่างบัวแช่มชื้นเลยสักน้อย กลับหมองหม่นมากขึ้นด้วยซ้ำ หญิงชราผู้สูงศักดิ์ประทับนั่งอยู่ตรงนี้เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว หล่อนนั่งทบทวนสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มองดอกบัวสีขาวที่ชูดอกพ้นน้ำล่อแมลง กลีบดอกที่บานจนไกล้จะร้วงหล่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านั้น
เปลียบไปก็เหมือนคน ที่กว่าจะหลุดพ้นจากจิตใจคิดริษยาที่มีอยู่ทิฐิต่างๆที่หมักหมมอยู่ในใจพ้นจากน้ำขึ้นมาก็สายเกินแก้เสียแล้ว ไม่นานก็ถึงเวลาสิ้นสุดของชีวิต "ฉันก็คงจะเหมือนดอกบัวที่เธอรัก ศรีรำไพร กว่าที่จะพ้นน้ำก็สายเกินแก้แล้วถ้าฉันลดทิฐิลงไม่บังคับใครให้เป็นอย่างที่ใจต้องการ เรื่องทุกอย่างก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ วันนี้หลานชายที่เธอรักและพยายามกันเขาออกจาการผูกมัดของฉัน เขาจะมีครอบครัวที่มีความสุขแล้วครอบครัวที่เขาเลือกเอง เธอเป็นคนที่ตาแหลมจริงๆ สมแล้วที่ลูกชายคนเดียวของฉันรักเธอนักหนาไม่ว่าฉันจะใช้วิธีใดกันเขาออกจากเธอก็ตาม" ลมวูปพัดดอกบัวเอนเหมือนเจ้าของอ่างบัวที่ล้วงลับไปแล้วจะทราบถึงคำสารภาพของแม่สามี ผู้ที่ไม่เคยยอมให้เธอเลยไม่ว่าจะเวลาไหน ชีวิตที่อุทิตแด่งานของประเทศ และคนที่ตนเองรักรอบข้างอย่า เสด็จพระองค์หญิงศรีรำไพ ต้องมาจบลงเพื่อให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้นเหมือนกับคำว่าไม่มีมีการสูญเสียปัญหาก็จะไม่จบ ท่านใช้ทั้งชีวิตแลกกับความสุขของคนที่ตนรักได้ทิ้งไว้เพียงรอยน้ำตา และความดีที่มีให้จดจำเท่านั้น ดังต้นไม้ใหญ่ที่เคยบกคุมผู้คนใต้ต้นไม้ให้ร้มเย็นเมื่อวันที่ต้นไม่ล้มลงสิ่งที่เคยอาศัยอยู่ก็ต่างแยกย้ายแตกกันไปคนละทิศละทาง
23 มิถุนายน 2550 15:59 น.
สุวรรณโสภิต
รถยนต์คันหรูแล่นเมาจอดหน้าตึกตำหนักใหญ่ในวังดวงดารา กรรณติมาสก้าวลงมาในชุดแซกสั้นแค่เข่าสีขาวนวลฉะลุลูกไม้ ดูอ่อนหวานตามด้วยเพื่อนสาวทั้งสองและคุณธงรบ กรรณติมาสและวินวรรณมองไปรอบๆวังอย่างตื่นตาในความงามของวังที่จะเป็นแบบวังของไทยออกๆไปทางเหนือนิดหน่อย กับสวนดอกไม้ไทยที่หอมอบไปทั่วบริเวณเพราะเจ้าของก็มีเชื้อสายไทยสวนหนึ่งจึงยังรักและรักษาความเป็นไทยที่ทางเจ้าของวังคนก่อนเคยทำไว้
สวยจังเลยยายรตี เหมือนอยู่ในวังเก่าๆในไทยเลย
วินวรรณเอ่ยขึ้น
ก็คนที่นี้เขามีเชื้อสายไทยส่วนหนึ่งอย่างที่ฉันบอกเมื่อคืนไง รตีตอบ ก่อนหันไปหากรรณติมาสที่ยืนยิ้มอยู่ เป็นไง จะอยู่ได้ไหม
หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มงาม วันนี้เธอดูงามมากกว่าทุกวันยิ่งเวลายิ้มเหมื่อนทำให้โลกสดใสขึ้นทันทีกรรณติมาสนั้นเหมือนมารดาของเธอเป็นคนนิ่มๆ งามแบบที่มองไม่เบื่อ
เชิญข้างในค่ะ เสียงของหญิงคนหนึ่งใส่เสื่อแขนกระบอกคอปาดกับผ้าซิ่นยาวถึงข้อเท้า รวบผมเป็นมวยไว้ทางด้านหลัง เดินเข้ามาทำความเคารพแขกที่มาเยือนแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
หม่อมไม่อยู่หรือคะคุณแสงคำ รตีเอ่ยขึ้นกับคุณข้าหลวงอย่างคนที่คุนเคยกับที่นี้ เธอมาที่นี้บ่อยมากจนจะกลายเป็นคนของที่นี้ไปแล้วเพราะสามีของเธอเป็นพระสหายของท่านชายและเธอยังเป็นคนไทยเหมือน หม่อม
หม่อมอยู่ที่ห้องทรงพระอักษรกับเสด็จค่ะ เดี๋ยวคงออมารับ ท่านทราบแล้วว่าพวกคุณมา
ทั้งหมดไปนั่งในห้องโถงใหญ่ที่มีประตูหลายบานทะลุไปยังห้องต่างๆ มีม่านสีน้ำเงินปิดไว้ภายในห้องหอมไปด้วยกลิ่นน้ำอบที่เจ้าของวังชอบทำขึ้น นั่งไม่นานก็มีหญิงวัยกลางคนแต่งตัวจะดีกว่าคุณแสนคำคนที่ไปรับคนแรกหน่อย เดินเข้ามาหม่อมละออยังดูแข็งแรงไม่ได้แก่อย่างที่วินวรรณคิดเลยแสดงว่าเธอคิดผิดแล้วหนึ่งเรื่องหญิงสาวแอบยิ้มขำในความคิดตัวเอง หลังจากรตีแนะนำแล้วว่าบุคคลที่เข้ามาคือใคร
หม่อมนี้ยังไม่แก่เลยนะคะเท่าที่รตีบรรยายดิฉันคิดว่าจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีอายุมากแล้ว
วินวรรณเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี ดูหล่อนจะทำความสนิทสนมได้เร็วกว่าเพื่อนสาวที่จะเข้ามาอยู่ที่นี้เสียอีก กรรณติมาสกลับนั่งยิ้มเงียบๆ ไม่พูดอะไร
แก่แล้วค่ะใครว่าไม่แก่แต่คงเป็นเพราะดิฉันไม่ได้ทำงานหนักมังคะ หม่อมละออตอบนิ่มๆใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มตลอด
คุณกรรรณติมาสเป็นลูกสาวของคุณหญิงกรรณศิริหรือคะ ดิฉันพอรู้จักคุณแม่คุณบ้างตอนที่อยู่เมืองไทย
เสียใจด้วยนะคะ
กรรณติมาสไหว้ขอยคุณผู้อาวุโสตรงหน้า ขอบคุณค่ะ คุณแม่ท่านทราบว่าดิฉันมาอยู่กับหม่อมท่านก็คงเบาใจ
ค่ะ ที่นี้เราอยู่กันอย่างญาติพี่น้องค่ะ คุณสบายใจได้ เสด็จท่านทรงพระทัยดี
แล้วเสด็จละคะทรงอยู่หรือเปล่า รตีถาม
อ้อ ดิฉันก็ลืมไปมัวแต่คุย ท่านทรงให้มาบอกว่าเดี๋ยวท่านจะออกมาค่ะท่านทรงงานอยู่รอสักครู่นะคะ
ไม่เป็นไรค่ะ
ขาดคำรตี หญิงวัยเดียวกับหม่อมละออก็ก้าวพ้นประตูข้างห้องเข้ามาพอดี ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มละมุนต้อนรับแขกผู้มาเยือนแล้วเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั้งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ตรงกลางแค่เห็นการแต่งตัวและการหมอบกราบจากพวกข้าหลวงที่นั่งอยู่ภายในห้องกรรณติมาสและวินวรรณก็ทราบทันทีว่าใครมา ทั้งสองไหว้ผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างอ่อนน้อมโดยที่รตีและคุณธงรบไม่ต้องแนะนำ ส่วนวินวรรณดูเหมือนว่าหล่อนจะคิดผิดอีกแล้ว
คนไหนคะคุณรตีคุณครูที่จะมาสอนท่านหญิงทั้งสอง
เสด็จทรงตรัสน้ำเสียงระรื้นหูทำให้กรรณติมาสคลายความกังวลใจลงได้บ้าง
คนนี้มังคะ รตีผายมือไปทางกรรณติมาส คุณกรรณติมาส พิพัฒพงษ์
กรรณติมาสกราบผู้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างงามแต่ก็ยังประหม่าอยู่
แล้วอีกคนเป็นเพื่อนของหม่อมฉันมังคะชื่อ วินวรรณเขาอยากตามมาส่งยายมาสมังคะ
มีคุณครูสวยๆแบบนี้นี่เล่าท่านหญิงทั้งสองถึงเร่งรัดอยากเรียนนัก พวกเธอบอกว่าดูจากรูปแล้วเธอว่าคุณคงจะใจดี ส่วนฉันไม่เคยเห็นละพวกเขาสามพี่น้องเลือกกันเอง อยู่ที่นี้ไม่ต้องกลัว รับประกันความปลอดภัย เสด็จตรัส ฉันไม่ใช่พวกเจ้าใจร้ายหลอกไม่ต้องกลัวไม่เชื่อถามหม่อมละออได้
กรรณติมาสได้ยินคำชมก็ซ่อนอายหน้าแดงนึกในใจว่าถ้าอาไม่รู้หลานชายจอมจุ้นคงเป็นคนจัดการแน่นอน
ท่านชายนั้เป็นคนเลือกเองเพียงแต่นำประวัติมาให้เสด็จทรงอ่านเฉยๆ
ดูพระพัตรแล้วก็พอจะทราบว่าไม่ทรงใจร้ายมังคะหม่อมฉันจะได้หมดห่วง วินวรรณตอบ
เสด็จทรงตรัสอย่างอารมณ์ดีว่า
ฉันไม่เอาเพื่อนคุณมาฆ่ามาแกงแน่ แล้วเป็นอย่างไรบ้างการเดินทางเรียบร้อยดีหรือเปล่าคุณรตี
เรียบร้อยดีมังคะ ท่านชายทรงจัดการทุกอย่างให้หมด แล้วนี้ท่านชายไปไหนมังคะ
เขาก็อยู่แถวนี้ละไม่ได้ไปไหน เดี๋ยวก็คงออกมาส่วนท่านหญิงทั้งสองเขาพาพี่หมอของพวกเขาไปเที่ยวประเดี๋ยวก็คงกลับ ฉันดีใจที่คุณตกลงมาทำงานให้กับเราหวังว่าคุณจะทำมันอย่างเต็มที่ และเสียใจด้วยเรื่องคุณแม่ของคุณ ท่านชายเขามาบอกฉัน เขาก็ไปรวมงานศพมาด้วยแต่คงไม่เจอกัน
ประโยคหลังท่านทรงหันไปบอกกับกรรณติมาส
คนเราชีวิตก็มีแค่นี้เกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดาของคน เพียงแต่คนที่ยังอยู่ไม่นำมันมาเป็นความเสียใจมากจนเกินไปจนกระทบต่อการดำเนินชีวิตและคนที่อยู่ก็เท่านั้น เสด็จทรงตรัสอย่างคนที่ผ่านโลกมามากและรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
15 มิถุนายน 2550 16:39 น.
สุวรรณโสภิต
ท่านชายผายมือให้หญิงสาวก่อนออกคำเชิญว่าจะไปส่งเธอที่บ้านของรตีกรรณติมาสมองเขาแล้วยิ้มออกมาอย่างจนใจโดยมีเพื่อนๆยืนลุ้นอยู่ รตีขึ้รถไปกับคุณธงรบสามี ส่วนวินวรรณและกรรณติมาสไปคันเดียวกับท่านชายและหมออนพโดยมีนายเอียมเป็นคนขับ
คุณครูดูไม่สดชื่นเท่าไรหรือไม่เต็มใจที่จะมาครับ ท่านชายหนุ่มเปิดฉากการสนทนา หญิงสาวตอบแบบเสียไม่ได้ว่า
ไม่เป็นอะไรมังคะอาจจะเหนือยนิดหน่อย
ถ้าคุณไปสอนน้องสาวของผมอาจจะเหนือยกว่านี้มาก ที่วังเราอยู่กันอย่างครอบครัวคุณคงจะไม่เหงาเพราะมีคนไทยอยู่ที่นั้นด้วย
ใครกันคะเขามาทำหน้าที่อะไรคะ วินวรรณแทรกถามขึ้น
หม่อมละออ ครับท่านเป็นภรรยาทูตคนเก่าสามีท่านเสียชีวิต แล้วตัวท่านก็ไม่มีลูกท่านก็เลยตัดสินใจอยู่ที่นี้ท่านเป็นคนเป็นคนสนิทของเสด็จอาและก็ดูแลท่านหญิงทั้งสองครับ
ดีเลยยายมาสเธอจะได้มีเพื่อนอย่างน้อยฉันก็สบายใจ
วิวรรณหันมาพูดกับเพื่อนสาวที่เอาแต่ยิ้มน้อยๆ
หม่อมท่านเป็นคนน่ารักคุณหน้าจะเข้ากับท่านได้ดี
คุณหมอมาทำอะไรที่นี้คะ
วินวรรณหันไปถามหมอที่นั้งอยู่ข้างหน้าดูเหมือนเธอจะมีความสุขมากกว่าใครในรถ
ผมมาเฝ้าเสด็จครับและมาเยี่ยมท่านหญิงทั้งสองด้วย
เขาตอบเนิบๆตามนิจสัยที่เป็นคนนิ่งๆการสนทนาของคนบนรถเป็นไปอย่างต่อเนื้องจนถึงบ้านของรตี ที่เป็บบ้านที่โอ่โถงใหญ่โตสมฐานะคนค้าขาย ท่านชายส่งกรรณติมาสแล้วก็ขอตัวกลับ ก่อนกลับยังเอ่ยชวนแขกที่มาจากเมืองไทยไปรับประทานอาหารเย็นที่วังในวันพรุ้งนี้ ผู้ถูกชวนทั้งหมดก็รีบรับปากด้วยความเต็มใจ โดยเฉพาะวินวรรณที่ดูจะตื่นเต้นกว่าใครที่จะได้เข้าวังตามนิจสัยที่เป็นคนสนุกสนานของหล่อน
สายลมยามค่ำคืนโชยเบาๆเย็นวูบ หอบเอาความหอมจากมวนดอกไม้ไทยที่เจ้าของบ้านนำมาปลูกไว้โชยมาประทะจมูกกลิ่นหอมชื่นใจ ยิ่งทำให้กรรณติมาสที่คิดถึงบ้านมากขึ้น เธอเดินไปนั้งในศาลาไม้ที่อยู่กลางสวนสายลมที่เย็นๆทำให้หญิงสาวต้องกระชับผ้าห่มผืนน้อยคลุมไหลที่นำมาจากบ้าน เมื่อก่อนผ้าผืนนี้มันเป็นของมารดาของเธอที่ท่านชอบใช้มากที่สุด เธอหยิบมันติดมาพร้อมรูปภาพของมารดาหวังว่าจะเป็นตัวแทนมารดาได้ในเวลาที่เหงา บรรณยากาศแบบนี้ทำให้กรรณติมาสคิดถึงบ้านไม่น้อย คิดถึงร้อยยิ้มงามๆ ของแม่และน้ำเสียงนุ่มๆที่มักจะได้ยินแล้วชื่นใจเสมอแต่เวลานี้ไม่มีแล้วถ้าแม่ของเธออยู่การลงมาเดินเล่นกลางคืนคนเดียวแบบนี้คงจะโดนดุแน่ แม่มักจะบอกว่ามืดค่ำแล้วน่ากลัวถึงจะเป็นบ้านของเราก็ตาม น้ำตาอุ่นๆคลอในตาพยายามแข็มแข็งที่สุดแล้ว
ยายมาส มาเดินทำอะไรคนเดียวกลางค่ำกลางคืน
เสียงใสๆของวินวรรณทำลายความเงียบลงไป ที่เนี่ยไม่ใช่บ้านเราเธอไม่กลัวผีหรือ
ไม่ ฉันคิดถึงคุณแม่ก็เลยลงมาเดินเล่น
หญิงสาวน้ำตาพร้า ถ้าคุณแม่อยู่ท่านคงจะไม่ยอมให้ฉันมาที่นี้แน่ แต่คุณพ่อไม่คิดจะทักทวงสักคำ
น้ำเสียงตัดพ้อในตอนท้าย
คุณพ่อท่านคงอยากไห้เธอมาเปิดหูเปิดตาบ้างจะได้สบายใจ
วินวรรณดึงเพื่อนเข้ามากอดปลอบ
คุณพ่อท่านก็รักเธอมากนะท่ายยังโทรมาฝากฝังฉันกับรตีให้ดูแลเธอให้ดีด้วย ถ้าท่านไม่ห่วงท่านคงไม่โทรมาฉันหลอก วินวรรณลูบหลังเพื่อนที่สอื่นนิดๆเบา อยากจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน
แล้วเรื่องคุณแม่ ท่านไปสบายอย่าทำให้ท่านเป็นห่วงเลย เธอยังร้องให้อยู่อย่างนี้ถ้าคุณแม่ท่านมองลงมาท่านจะเสียใจนะมาส ฉันว่าเธอเอาเวลาไปคิดเรื่องที่จะต้องเจอพรุ่งนี้ดีก่วาแล้วเก็บคุณแม่ไว้ในใจได้ใหมมาส
คุณแม่ท่านคงอยางให้เธอเข้มแข็งและเริ่มชิวิตใหม่ที่สดใส พรุ่งนี้เราต้องพบเจอคนที่แปลกหน้าแปลกนิจสัยตั้งมากมายเตรียมตัวรับกับวันพรุ่งนี้ดีกว่า ถ้าตาบวมแล้วพรุ้งนี้จะไปพบใครได้
รตีเดินเข้ามาสมทบแล้วพูดขึ้นกรรณติมาสจำต้องคลายกอดวินวรรณเช็ดน้ำตาที่เปลอะแก้มมองหน้าเพื่อนทั้งสองก่อนคอยๆฝืนยิ้มออกมาน้อย
ฉันนี้อ่อนแอมากจริงๆ
ใช่ทำเป็นร้องไห้ยังกับเด็ก ดูสิฉันก็เลยจะร้องตามเธอเลย วินวรรณเย้า
พรุ่งนี้จะต้องไปเจอเสด็จพระองค์หญิงศิริรำไพร พวกเธอว่าท่านจะหน้าตายังไง รตีถาม
ฉันว่าต้องหน้าดุอายุก็คงจมากแล้ว แก่ๆดูน่ากลัวคงไว้ผมยาวๆแล้วก็ม้วนเป็นมวยไว้เหมือนพวกเจ้าทางเนือมัง วินวรรณออกความเห็น
ผิดถนัด เธอนี้มันจิตนาการห้วยจริงๆเลยยายวิน ดูหลานสิหลอขนาดนั้นอาจะหน้าตาอย่างที่เธอบอกได้ยังไง รตีแวดขึ้น
แล้วท่านใจดีไหมรตี กรรณติมาสถามต่อด้วยความอยากรู้
ใจดีใจดีเหมือนท่านชายแหละ
ทำไมต้องมีตาคนนั้นเกี่ยวด้วยเล่า
12 มิถุนายน 2550 16:30 น.
สุวรรณโสภิต
ตอนที่4
คุณจันจิราตรงเข้าไปดึงแขนสามีเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์รุนแรงขึ้น สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจ
ตั้งแต่เกิดมาคุณแม่ไม่เคยทำกับหนูแบบนี้เลยพ่อก็ไม่เคยทำไมวันนี้คุณพ่อถึงทำกับหนูอย่างนี้คะหรือเพราะคนคนนี้คนที่แย่งทุกอย่างไปจากคุณแม่คุณพ่อเห็นเขาดีกว่าคุณแม่และหนูใช่ไหม
กรรณติมาสพูดพร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่หญิงคราวแม่ที่อยู่ตรงหน้า
ดี ถ้าคุณพ่อเลือกเขาหนูก็จะไม่อยู่ขัดขวามความสุขของคุณพ่อเชิญ จะทำอะไรก็เชิญตามสบายหนูจะเป็นฝ่ายไปเอง
พูดจบหญิงสาวก็วิ่งผ่าบิดาออกไป คุณวิศนุยืนอึ้งเสียใจในการกระทำของตัวเอง จริงอย่างที่บุตรสาวบอกตั้งแต่เล็กจนโตคำน้อยคำมากมารดาของหล่อนก็ไม่เคยว่ารวมทั้งพ่อด้วยแต่วันนี้เขาได้ทำพลาดไปแล้วพลาดที่ตบหน้าลูกสาวที่รัก
ถ้าแม่เขาเห็นเข้าเขาคงจะโกรธผมมากที่ทำกับลูกเขาแบบนี้เขาเลี้ยงกันมาอย่างมีเหตุผลไม่มีการตีการดุคุณหญิงเขาคงจะเสียใจมาก คุณจันจิราไมแสดงความเห็นใดๆเธอปีบมือสามีเบ่าเพื่อให้กำลังใจเท่านั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เป็นส่วนหนึงที่ทำลายครอบครับของพวกเขา
กรรณติมาสนอนกอดรูปมารดาน้ำตาอาบแก้มเหมือนเด็กน้อยที่ถูกขัดใจสะอึกสะอืน ขาดแม่ไปแล้วเวลานี้จะมีใครปลอบเล่า
คุณแม่คะคุณแม่ไปอยู่ไหนจะทราบหรือเปล่าว่าตอนนี้คุณพ่อเปลี่ยนไปแล้วท่านไม่รักลูกไม่รักคุณแม่แล้ว ลูกไม่มีใครแล้วค่ะคุณแม่ หญิงสาวรำพึงรำพันแล้วก็ซุกหน้าร้องไห้หน้ารูปคุณกรรณศิริที่มีรอยยิ้มปนความเศร้าเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความทุกข์ของบุตรสาว
เช้าวันใหม่ คุณวิศนุสั่งให้คนใช้ในบ้านเก็บข้าวของของคุณกรรณศิริเข้าที่ตามเดิมแล้วจัดห้องใหม่ให้คุณจันจิรา กรรณติมาสออกจากห้องลากระเป๋าใบใหญ่ออกมาด้วย
คุณมาสจะไปไหนคะ มาค่ะเดี๋ยวนกช่วย
นกถามด้วยความแปลกใจก่อนรีบเขาไปช่วยนายยกกระเป๋า
ฉันจะไปต่างประเทศมีคนเขาจ้างให้ไปสอนภาษาเด็กที่นั้น สบายใจเมื่อไรแล้วจะกลับ หญิงสาวตอบเหมื่อนคนที่ไมมีชีวิตชีวีเพราะในใจยังอาลัยบ้านหลังนี้ไม่อยากจากไปไหนนานๆ
นกเขาไปกอดนาย คุณจะไปจริงหรือคะแล้วคุณพ่อละ
ท่านมีคนดูแลแล้วพี่นก ขาดฉันท่านคงไม่เป็นอะไรขนาดขาดคุณแม่ท่านยังทำใจได้เลย พี่นกอยู่ทางนี้ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ มาสไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ
หญิงสาวบอกกับพี่เลียงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
คุณมาสจะไม่ไปลาคุณพ่อหรือคะท่านอยู่ที่ห้องรับแขก ยังไงท่านก็เป็นพ่อนะคะ
กรรณติมาสเดินออกไปห้องรับแขกเห็นพ่อกับคุณจันจิรานั้งคุยกันอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก็เกิดความน้อยใจ
หันหลังเดินกลับไปพอดีที่คุณวิศนุหันมาเห็นเข้าจึงรีบเรียกไว้
มาส เรื่องเมื่อวานนี้พ่อขอโทษนะลูก
ค่ะหนูเลิกคิดถึงมันไปแล้ว ที่มาก็จะมาบอกลา เธอตอบอย่างหมดเยื่อใย
ลา ลาไปไหน
ไปเขมรัฐคะ ลูกจะไปเป็นครูสอนภาษาไทยที่นั้น คุณพ่อไม่ต้อห่วงนะคะเพราะลูกไปกับรตี
แล้วจะกลับเมื่อไร
เมือสบายใจค่ะงานนี้เขาติดต่อมานานแล้วเห็นว่าไม่อยากอยู่บ้านเพราะที่นี้ก็ไม่มีคุณแม่แล้วก็เลยตัดสินใจไป ลูกลาละค่ะ ขอให้อยู่กันอย่งมีความสุขนะคะ เธอชายหางตามองไปทางผู้ที่ยืนอย่ข้างบิดา นิดหน่อย
หญิงสาวพยายามซ่อนความรู้สึกเสียใจแล้วยกมือไหว้ลาบิดาที่เสียใจไม่แพ้กันแต่ก็ไม่อยากรั้งไว้เพราะอยากให้บุตรสาวสบายใจแต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ ที่ลูกสาวต้องออกไปไกลจากอก คุณวิศนุเดินเข้าไปกอดบุตรสาวแล้วหญิงสาวก็เดินออกจากห้องนั้นไป พ้นหน้าพ่อน้ำตาก็ไหลดังเขื่อนแตกที่กลั้นไว้เมื่อครู้รินออกมาเธอก็ปล่อยให้มันไหลแบบนั้น แล้วชีวิตที่ต้องเผชิญข้างหน้าจะเป็นอย่างไรบ้างแต่หลังจากมารดาเสีย มันก็มีสิ่งที่ส่อนให้เธอเข้มแข็งมากมายแล้วนี้จะเจออะไรข้างหน้าก็ไม่สำคัญแล้ว
กรรณติมาสไปหารตีที่บ้านเพื่อนสาวแปลกใจระคนดีใจที่เพื่อนตัดสินใจไปเขมรัฐ และก็พอจะเดาออกว่าพ่อลูกคงจะทะเลาะกันอีกจึงทำให้เพื่อนตัดสินใจไปทำงานที่เธอออกแรงชวนมาเป็นเดือน แต่ก็ไม่อยากถามถึงสาเหตุที่ไปเพราะถ้าเพื่อนสบายใจคงเล่าให้ฟังเอง
การเดินทางไปเขมรัฐนั้นมีผู้ที่รวมดินทางหลายคนด้วยกันวินวรรณตามไปด้วยเพราะอยากไปดูความเป็นอยู่ของเพื่อนจะได้หมดห่วง และมีร้อยเอกภานุวัตรมาส่งน้องสาวชายหนุ่มไม่สามารถไปส่งที่เขมรัฐได้เพราะติดราชการแต่ก็ยังสั่งให้น้องสาวโทรศัพทร์มาหาบ่อยๆจะได้หมดห่วงซึ้งกรรณติมาสก็รับปากว่าจะโทรหาพี่ชายบ่อยๆเช่นกัน
ทางคณะของท่านชายจัตราพงษ์เมื่อเสร็จงานในไทยแล้วก็เดินทางกลับวันเดียวกันพร้อมเพื่อนคือ
หมออนพที่จะไปเฝ้าเสด็จพระองค์หญิงศิริรำไพรและเยี้ยมท่านหญิงทั้งสองด้วย
หมออนพเป็นเด็กกำพร้าที่เสด็จทรงส่งเสียงเลียงดูให้เรียนหมอจนจบ และเป็นเพื่อนเรียนกับท่านชายมาตั้งแต่เด็กท่านชายไม่เคยคิดรังเกรียจเพื่อนคนนี้เลยกลับรักและห่วงใยกันมากก่วา ส่วนหมออนพก็รักและเคารพเสด็จยิ้งเพราะเป็นบุคลที่ให้ชีวิตใหม่กับเขา
ท่านชายเดินทางด้วยความสุขใจที่มีหญิงที่ตนหมายปองเดินทางไปด้วยและยังจะได้ไปอยู่ไกล้ชิดกันด้วยเป็นครังแรกที่ท่านชายหนุ่มตกหลุมรักหญิงสาว ที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยกันสักคำ
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินในประเทศเขมรัฐท่านชายเดินเข้ามาสมทบกับคณะของรตี รตีแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ท่านชายยิ้มทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเองโดยเฉพราะครูคนใหม่ของน้องๆ
คุณกรรณติมาสเดินทางมาคงจะเหนื่อยวันนี้ยังไม่ต้องเข้าเฝ้าเสด็จอาหลอกครับไว้วันพรุ้งนี้ วันนี้ผมอยากให้คุณพักผ่อนก่อน เขาพูดอย่างอ่อนน้อมมองหญิงสาวด้วยสายตาชื้นชม ส่วนกรรณติมาสหลอนอายจนหน้าแดงไม่เคยมีใครกล้ามองหล่อนด้วยสายตาแบบนี้
มังคะ
ผมดีใจมากทีคุณตัดสินใจมาสอนน้องสาวทั้งสองคนของผม
มังคะ
คุณรตีวันนี้ถ้าเพื่อนคุณคงจะพูดเป็นแต่คำว่ามังคะกระมัง
เขาพูดจบก็หัวเราะออกมาทำให้ผู้ถูกว่ายิ่งอายขึ้นไปอีกคิดอยากจะกระโดดชกหน้าท่านชายจอมยุ้งคนนี้เสียเลือเกิน
11 มิถุนายน 2550 16:00 น.
สุวรรณโสภิต
เมื่อพรมลิขิตนำพาเขาและเธอให้มาเจอกันความรักคอยๆก่อตัวขึ้นจากจิตใจที่ดีของเธอและความเป็ยสุภาพบุรุต สมฐานะของเข้าทั้งคูเหมือนว่าจะเหมาะสมกันทั้งหน้าตาและการศึกษา ฝ่ายหญิงจะต่างจากชายบ้างก็ตรงที่ไม่ได้มียศศักดิ์ติดตัวตั้งแต่เกิดเหมือนฝ่ายชายเท่านั้นแต่ชาติตระกูลของเธอ ก็นับว่าดีเหมาะสมไม่หน้าเกรียจ แต่เชื้อชาติก็เป็นอีกสิ่งที่เป็นช่องหว่างของคนทั้งคู้ แต่สวนหนึ่งในสายเลือดของฝ่ายชายก็เป็นไทย เมื่อความรักเริ่มเป็นไปด้วยดีเขาและเธอก็ต้องเจอปัญหาใหญ่ที่ฝ่ายชายจะต้องทดแทนแผ่นดินที่เกิดและเติบโตมาด้วยการแต่งงานกับคนที่ถูกหมั้นหมายไว้ หญิงสาวหนีความวุ้นวายและความเสียใจกลับมาซบแผ่นดินเกิดที่ที่เธอหนีไปเพราะความเสียใจและผิดหวังเช่นกัน ชายหนุ่มไม่อาจตัดใจได้ทิ้งทุกอย่างและปัญหามากมายจากที่ที่เขาเกิดมาตามหัวใจ
เข้าไม่รู้เลยว่าเขาทำให้ผู้มีพระคุณเสียใจและเจ็บปวดมากเท่าไรและมันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสูนเสียที่กว่าเขาจะเข้าใจก็สายเกินกว่าคำว่าขอโทษจะมีความหมายแล้ว เมื่อคนที่ชุบเลี้ยงเขามาต้องจากไปหน้าที่ที่ใหญ่หลวงที่จะต้องทำหลังจากความเสียใจมาเยือนคือการดูแลน้องสาวที่รักยิ้งและไร้หลักในชีวิต เขาและเธอจะทำอย่างไรกับชิวิตข้างหน้าจะได้สมปราถนาในความรักหรือไม่ คงไม่มีใครตอบได้นอกจากการตัดสินใจของคนสองคน