13 กรกฎาคม 2546 22:45 น.
สุวรรณวัฒกี
ดอกไม้... คือเรี่ยวแรงแห่งสวรรค์สรรค์สร้าง
เปี่ยมความงามเป็นนิรันดร์ทั่วสรรพางค์ อุทิศร่างประดับโลกด้วยเรือนกาย
สายธารธรรมชาติ...อำนาจสว่าง จึงแทรกซึมเรือนร่างทุกเส้นสาย
โปรยเกสรสืบสานวิญญาณดอกไม้ กรุ่นกำจายด้วยกลิ่นกล้าภาษาดิน
กร้าวแกร่ง...ด้วยแรงไหลจากสายน้ำ ผงาดล้ำ...ด้วยเรี่ยวแรงแห่งโขดหิน
ประกาศกร้าวกลางฝนที่หล่นริน ให้โลกยิน...วัฏจักร...จักสมดุล
มนุษย์... เริ่มหายใจระรวยด้วยแรงหมุน
แห่งวัฎจักรธรรมชาติค้ำจุน กลิ่นละมุนแห่งดอกไม้ให้ชีวิต
ดวงอาทิตย์ส่องแสงเป็นแรงสร้าง ความสว่างเป็นดวงตาและดวงจิต
ใช้ก้อนเมฆเสกสมองให้ตรองคิด วิปริต...ด้วยบางก้อนทะมึนดำ
มนุษย์เร่งสร้างเมืองหวังเรืองรุ่ง ป่าจึงกลายเป็นทุ่งตกต่ำ
หวังสร้างโลกใหม่ให้เลิศล้ำ วัฎจักรตกต่ำก็หาคิด
โลกรุ่งเรืองจนคนบ้าโลกาภิวัตน์ มนุษย์โลกกำหนัดดอกไม้ประดิษฐ์
มุ่งขันแข่งสำแดงอิทธิ์ฤทธิ์ ลืมถูกผิดหวังอำนาจประกาศตัว
หวังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวัตถุ หวังบรรลุเส้นทางสร้างความชั่ว
วัฎจักรเสื่อมไปก็ไม่กลัว เพราะเมามัวจนเป็นบ้าหลงฆ่าฟัน
วัฏจักร... เริ่มแตกหักเมื่อมนุษย์เปลี่ยนผัน
วันมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกัน น้ำตาสวรรค์ก็ร่วงริน
จิตแห่งผาหินวิญญาณดอกไม้ เกือบถึงวันตายหมดสิ้น
หากสายใยกล้าแกร่งแห่งแผ่นดิน ต่อชีวินพยุงไว้มิให้ตาย
สาวน้อย... เธอบรรจงกรีดเล็บเก็บดอกไม้
เลือกดอกบานรับแสงด้วยแรงกาย ประดับป้ายหลุมซากเหยื่อสงคราม
เพียงเสี้ยวหนึ่งมุ่งหวังพลังสว่าง จะอำพรางความเกลียดความเหยียดหยาม
หวังพลังธรรมชาติผงาดงาม จะลบนามความเกลียดอันเสียดแทง
กำจายกลิ่นกำจรกายกระจายฝัน คือแวววันรักกำจรกระจายแสง
กำจายกลิ่นไม้ดอกบอกแสดง คือเรี่ยวแรงสันติภาพจักอาบคน