30 กันยายน 2553 07:24 น.

ด้วยแรงอธิษฐาน (กลบทนิราวสาน)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ๏ ในนิมิตมายาเธอมากล่าว
					
บอกเรื่องราวเล่าอ้างอย่างความฝัน

รักที่เคยร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์
						
ยังรำพันร่ำหาแสนอาลัย

     ๏ ด้วยพี่ละบาดาลถิ่นฐานเกิด
					
อธิษฐานขอกำเนิดภพภูมิใหม่

หวังพบพุทธธรรมนำน้อมใจ	

แล้วกระไรใยตระบัดสัตยา

     ๏ ได้ฟังถ้อยมธุรสแสนสดชื่น
					
รสหวานอื่นดื่นใดดูไร้ค่า

มิเคยลืมสัจจะละวาจา
						
ให้น้องเสียโมทนาสาธุการ

     ๏ แต่ภาระหน้าที่พี่โอบรัด

สารพัดมรสุมระรุมผ่าน

จึงมิอาจหลุดล่วงพ้นบ่วงมาร
						
ให้สมตามอธิษฐานลั่นวาจา

     ๏ มิเสียดายได้เกิดเป็นมนุษย์
					
เพราะได้พบพระพุทธศาสนา

หมั่นประพฤติตามโอวาทพระศาสดา
						
โดยกำลังวังชาปัญญาตน

     ๏ วิบากกรรมปางหลังยังตามติด
					
ให้หลงผิดหลงทางอย่างสับสน

กว่าจะรู้ก็สายได้ผจญ
						
ทุกข์ระคนกลืนกล้ำช้ำอุรา

     ๏ ตาสว่างหาทางดับระงับทุกข์
					
ที่เข็ญขุกบุกใจให้ปวดปร่า

หมั่นเจริญสติภาวนา
						
ให้เกิดแสงแห่งปัญญากล้าประกาย

     ๏ ในส่วนลึกเลือนลางอย่างความฝัน
					
สายสัมพันธ์ยังมั่นอยู่มิรู้หาย

รอยอดีตแจ่มจ้าคงพร่าพราย
						
เป็นม่านสายลายฝันบรรพกาล

     ๏ ได้แต่แผ่เมตตาอานิสงส์
					
ให้โฉมยงค์พ้นบ่วงห้วงสังสารฯ

สักวันหนึ่งคงถึงพระนฤพาน	

ยุติเวรรอนรานแต่กาลกัลป์

     ๏ ในนิมิตมายาเธอมากล่าว

บอกเรื่องราวเล่าอ้างอย่างความฝัน๚๛

				
21 กันยายน 2553 18:49 น.

ในนิมิต (กลบทนิราวสาน)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ๏ ในนิมิตมายาเธอมากล่าว

บอกเรื่องราวเล่าอ้างอย่างความฝัน

รักเราเคยร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์
						
ยังรำพันร่ำหาแสนอาลัย

     ๏ ว่าพี่จากบาดาลละฐานถิ่น
					
ลืมหมดสิ้นทิ้งน้องให้ร้องไห้

หวังพึ่งพุทธธรรมน้อมนำใจ
					
สู้อุตส่าห์อวยชัยให้พี่ยา

     ๏ อธิษฐานขอเกิดเป็นมนุษย์
					
หวังได้พบพระพุทธศาสนา

ครั้นได้เสกสมคำจำนรรจา
						
กลับหลงภาพมายานิจจาใจ

     ๏ ลืมสัจจะวาจาว่าแม่นมั่น
					
ระเริงฝันหลง"สุขในทุกข์"ได้

มิยึดพุทธธรรมนำทางไป
						
เช่นวิสัยในมนุษย์ปุถุชน

     ๏ จึงชวนกลับบาดาลถิ่นฐานเกิด
					
แม้นว่าทางประเสริฐไม่เกิดผล

ร่วมภิรมย์เคียงครองเรา ๒ ฅน
						
อยู่คู่จนชีพดับสิ้นกัปกัลป์

     ๏ อีกมิช้ามินานกาลสิ้นสุด
					
โลกมนุษย์ถึงคราจะอาสัญ

นาคราชจะผลาญพร่าล้างอาธรรม์
						
บันดาลให้น้ำนั้นท่วมแผ่นดิน

     ๏ เหมือนเมื่อครั้งตำนานแต่กาลเก่า
					
ที่พวกเรากรีธามารานสิ้น

ทั้งโยนก หนองหาน พาลพังภินท์
						
ชำระรินความชั่วทั่วโลกา

     ๏ ยังแต่สัปปุรุษชนบนผืนภพ
					
ผู้เคารพในพุทธศาสนา

ประพฤติตามโอวาทพระศาสดา
						
ดำรงพุทธนาวา ๕,๐๐๐ ปี

     ๏ จึงบอกกล่าวเล่าแจ้งแสดงเลศ
					
ให้รู้เหตุความกระบวนจนถ้วนถี่

หากยังเหลือเยื่อใยมิตรไมตรี
						
เพ่งพินิจคิดให้ดีเถอะพี่ยา

     ๏ ว่าจะตั้งในธรรม์เป็นมั่นเหมาะ
					
ให้สมที่พี่เสาะแสวงหา

ฤๅจะคืนถิ่นพรากที่จากลา
						
สู่วิมานนาคามาครองกัน

     ๏ ในนิมิตมายาเธอมากล่าว
					
บอกเรื่องราวเล่าอ้างอย่างความฝัน๚๛

				
19 กันยายน 2553 02:04 น.

นาคยุทธ์(กลบทนิราวสาน)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ๏ เกี่ยวกระหวัดฟัดเหวี่ยงเขวี้ยงหางฟาด

นาคราชฟาดฟันจนหวั่นไหว

สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นแทบบรรลัย
					
เข้าชิงชัยโรมรันกันวุ่นวน

     ๏ ฝังเขี้ยวพิษฤทธิ์ร้ายหมายเข่นฆ่า
				
ต่างไม่ยอมลดราโกลาหล

ปะทะกันอุตลุตสุดดิ้นรน
					
ไม่จำนนยอมแพ้ให้แก่กัน

     ๏ หนองกระแสสีครามทรามขุ่นข้น
				
สัตว์เกลื่อนกล่นวายวางต่างอาสัญ

จวบ ๗ ปี ๗ เดือนเลือน ๗ วัน
					
พญาแถนทรงธรรม์จึ่งบัญชา

     ๏ "พวกเอ็งจงย้ายฐานจากย่านนี้
				
ไปอยู่ที่แห่งใหม่ให้ไกลข้า

ยุติความร้าวรอนแต่ก่อนมา
					
จากธารานทีนี้ให้ไกล"

     ๏ "ผู้ใดถึงมหาสมุทรสุดล้ำลึก
				
กูจะยกปลาบึกวิเศษให้"

ต่างรับคำดำผุดขุดดินไป
					
หมายเส้นชัยชเลชลด้นลำนำ

     ๏ ๑ มุ่งใต้ , ๑ มุ่งตะวันออก
				
ต่างขุดลอกสู่เบื้องทะเลต่ำ

หมายชิงชัยไขว่คว้า"ปลาบึกคำ"
					
ถลำจ้วงทะลวงจ้ำมุ่งดำดิน

     ๏ ถือกำเนิดเกิดน้ำโขงและน้ำน่าน
				
๒ สายธารมหาชลาสินธุ์

คือตำนานกาลเก่าเล่ายลยิน	
				
จับร้อยรินจารเจือจากเนื้อใจ

     ๏ เกี่ยวกระหวัดฟัดเหวี่ยงเขวี้ยงหางฟาด	
			
นาคราชฟาดฟันจนหวั่นไหว๚๛



****************************************************************
     จากตำนานคำชะโนดอันลือลั่น แต่ปางบรรพ์ที่สถานย่านหนองแสหรือ

หนองกระแส ในอาณาจักรน่านเจ้าหรือตาลีฟูในอดีต มีพญานาค ๒ ตนเป็น

เพื่อนรักกัน ตนหนึ่งชื่อพญาสุวรรณนาคราช อีกตนหนึ่งชื่อพญาสุทโธนาคราช 

ตนหนึ่งปกครองเมืองที่หัวหนอง อีกตนหนึ่งปกครองเมืองที่ท้ายหนอง ทั้ง ๒ ต่าง

สัญญาว่าเมื่อหาอาหารอะไรได้ก็จะแบ่งปันกันเท่า ๆ กัน					
     มาวันหนึ่งพญาสุทโธนาคจับได้ช้างมาเป็นอาหารจึงได้นำมาแบ่งแก่สหาย ใน

เวลาต่อมาพญาสุวรรณนาค	ก็จับได้เม่นมาตัวหนึ่ง จึงได้นำเนื้อเม่นมาแบ่งให้

สหายเช่นกัน แต่พญาสุทโธนาคกลับกินไม่อิ่ม หนำซ้ำยังเหลือบไปเห็นขนเม่นมี

ขนาดใหญ่กว่าขนช้างตั้งเยอะดังนั้นขนาดของเม่นจึงต้องใหญ่กว่าช้างหลายเท่า 

แต่อีกฝ่ายกลับแบ่งเนื้อให้ตนเพียงนิดเดียว พญาสุทโธนาคจึงโมโห ร้อนถึงพญา

สุวรรณนาคต้องออกมาชี้แจงแต่ก็ไม่เป็นผล					
     สงครามระหว่างพญานาคทั้งสองจึงได้เกิดขึ้นและดำเนินมาเป็นเวลา ๗ ปี ๗ 

เดือน ๗ วัน ส่ำสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่บริเวณหนองแสต่างได้รับความเดือด

ร้อนล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากน้ำหนองแสขุ่นข้น   ร้อนถึง

พญาแถนหัวหน้าเทวดาทั้งหลายต้องลงมาขับไล่พญานาคทั้งสองและบริวารให้

ย้ายออกจากหนองกระแส  โดยสัญญาว่าถ้าใครขุดแม่น้ำลงไปถึงทะเลได้ก่อนก็

จะให้ปลาบึกเป็นรางวัลตอบแทน					
     พญาสุทโธนาคจึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของหนองแสและขุดดินโดยใช้

อกขุดให้เป็นร่องลึก ด้วยความที่เป็นพญานาคใจร้อน เมื่อขุดไปเจอภูเขาขวาง

กั้นที่ตรงไหน ก็ขุดดินอ้อมเขานั้น ๆ ไป แม่น้ำที่ขุดนั้นจึงมีชื่อว่า"แม่น้ำโขง" อัน

มีความหมายว่าแม่น้ำที่มีความโค้งนั่นเอง (แม่น้ำโขงมีชื่อภาษาบาลีว่าขรนที หรือ

อุรงคมาลีนทีแปลว่าแม่น้ำสายงู บางตำราว่าอุรงคนทีคือแม่น้ำอู ไม่ใช่แม่น้ำโขง)

     ฝ่ายพญาสุวรรณนาคได้มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของหนองแส และลงมือขุดดิน 

ความที่เป็นนาคใจเย็นสายน้ำที่ขุดจึงมีลักษณะเป็นเส้นตรง จึงถูกเรียกว่าแม่น้ำ

น่าน
     ท้ายที่สุดพญาสุทโธนาคเป็นผู้ชนะจึงได้"ปลาบึกคำ" (หมายถึงปลาบึกที่มีค่าดั่ง

ทอง)ไปอยู่ในแม่น้ำโขงดังนั้นแม่น้ำโขงจึงเป็นแม่น้ำสายเดียวที่มีปลาบึกอาศัย

อยู่ด้วยประการฉะนี้๚๛

				
12 กันยายน 2553 10:42 น.

ในม่านฝน

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ๏ ระดะหลั่งพร่างพรายพริ้วสายฝน

ระดะหล่นเกินพร่ำกับคำถาม
			
ถึงสัมพันธ์คลุมเครือเหลือนิยาม
					
อยากติดตามถามย้ำเผื่อทำใจ
			
     ๏ เพียงเพราะเธอเผลอไปใช่หรือเปล่า?
				
หรือฉันเหงาเกินกั้นสุดหวั่นไหว?
			
สัมพันธ์บนหนทางที่ห่างไกล	
				
จะยาวนานแค่ไหนก่อนร้างลา?
			
     ๏ ที่โน่นหมอกหยอกเบาเย้าดอกไม้
				
ที่นี่ฝนรินไหลใจปวดปร่า
			
ฅนทางนั้นสุขซึ้งตรึงอุรา
					
ฅนทางนี้คล้ายว่ารอนล้าใจ
			
     ๏ ระดะหลั่งพร่างพรายพริ้วสายฝน
				
ระดะล้นน้ำตารินบ่าไหล
			
หากสัมพันธ์เลือนรางยังห่างไกล
				
คงอกตรมขมไหม้ไปอีกนาน   (สุริยันต์)

     ๏ ฅนทางนี้งันหงอยบนดอยหม่น
				
ฅนทางนี้สับสนไม่กล้าหาญ
			
ฅนทางนี้แพ้ใจให้ร้าวราน
					
ต้องข่มใจก้าวผ่านวันเวลา
			
     ๏ แม้เหงางำทำใจไม่ยอมท้อ

แม้ต้องรอเลื่อนลอยการคอยหา
		
อาจเนิ่นนานตราบสิ้นดินและฟ้า
					
ตราบสุริยันจันทราจะเห็นใจ	
		
     ๏ ทะเลภูหมอกพรมห่มสิงขร
		
ทะเลใจร้าวรอนยิ่งอ่อนไหว
			
ทะเลรักคลื่นคลั่งหลั่งท่วมใน	

ให้พะวงหลงไหลอยู่ในมนต์
			
     ๏ มนต์ภูผาเพรียกพาสายลมอ้อน
				
ยิ่งเศร้าซ้อนหลอนลึกรู้สึกหม่น
			
มนต์สวาทบาดย้ำซ้ำกมล
					
ระดะล้นเกินคำพร่ำพรรณา	(อินสวน)

				
8 กันยายน 2553 11:35 น.

วัสสานฤดู

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ๏ ทะยานโผนกระโจนฟ้า	
			
บนนภาเวหาหาว

ละเล่นลายสายพริ้วพราว
					
คะนองกร้าวด้วยศักดิ์ดา

     ๏ บันดาลเมฆเสกสั่งฝน	

ให้ร่วงหล่นจากเวหา

ประจบจุพสุธา					

เป็นหยาดฟ้าสุราลัย

     ๏ ชุบชีวิตให้แช่มชื่น				

คลายความขื่นความขมไหม้

ความร้อนดับไปกับใจ
					
น้ำทิพย์ไล้จนชุ่มเย็น

     ๏ ณ วัสสานฤดูฝน				

สักกี่ฅนจะได้เห็น

ในวิถีสิ่งที่เป็น	
				
หากปิดเร้นจากนาคา

     ๏ ระดะหลั่งเป็นม่านสาย				

ร่วงริ้วรายจากเวหา

วรุณโรยลงโปรยมา
					
ด้วยฤทธานาคให้น้ำ๚๛


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุริยันต์ จันทราทิตย์