28 ตุลาคม 2553 22:23 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ พราวลมพัดลมพราวจนหนาวสั่น
คืนค่ำอันค่ำคืนดาวดื่นใส
วาววับวิบวับวาวสกาวใจ
อาบเอิบไล้เอิบอาบซาบซึ้งทรวง
๏ กล้าแสงโชนแสงกล้าพร่าพรายพร่าง
สุกส่องช่างส่องสุกลุกโชติช่วง
สานสอดแซมสอดสานแสนล้านดวง
เห่กล่อมห้วงกล่อมเห่ทะเลดาว
๏ ใจที่ล้าที่ใจได้แช่มชื่น
ค่ำคราคืนคราค่ำร่ำลมหนาว
เอื้ออุ่นไออุ่นเอื้อเรื่อแสงพราว
คลายขวัญร้าวขวัญคลายหายทุกข์ทน
๏ หวังสักวันสักหวังในครั้งหนึ่ง
ดวงดาวถึงดาวดวงริ้วร่วงหล่น
ในกุมมือกุมในใจของตน
ให้หนึ่งฅนหนึ่งให้ได้ชิดเชย
๏ แต่ได้เอื้อมได้แต่แค่คว้าไขว่
ห่างอีกไกลอีกห่างอย่างเหลือเอ่ย
ดวงดาวไร้ดาวดวงริ้วร่วงเลย
ฝันเหมือนเคยเหมือนฝันไร้วันจริง๚๛
27 ตุลาคม 2553 20:58 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ เหมือนจะเป็นไข้
หัวใจมันสั่น
ยามนึกถึงกัน
คราฝันถึงเธอ
๏ ได้แต่เพ้อพก
อก ฤ ก็เก้อ
เฝ้าใฝ่ละเมอ
เผลอลืมหายใจ
๏ ฟุ้งซ่านเพราะฤทธิ์
จิตสะท้านไหว
ป่วนมนใน
ให้ทุกข์ระทม
๏ สุขและก็เศร้า
เคล้า ฤ ผสม
หวานซ่านอารมณ์
ขมฤดิดวง
๏ จะเวลาไหน
ใจก็นึกห่วง
ล้นระดะทรวง
ตกบ่วงความรัก๚๛
19 ตุลาคม 2553 11:52 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ หลงในรูปจูบพร่ำรำพันเพ้อ
หลงละเมอใฝ่ฝันรำพันหา
หลงดื่มด่ำน้ำคำจำนรรจา
มิอาจละสายตาสักนาที
๏ เพราะฤทธิ์รักมักร้ายจึงพ่ายแพ้
ฅนอ่อนแอไร้ทางเดินห่างหนี
หากเพียงเธอตอบกลับรับไมตรี
ก็คงมีความหวังกำลังใจ
๏ พูดกับภาพของเธอแสนเพ้อพร่ำ
ในหัวอกกลืนกล้ำช้ำขมไหม้
เฝ้าหลงรูปจูบรอยคอยร่ำไป
รอเมื่อไหร่ฅนในรูปจะจูบคืน๚๛
18 ตุลาคม 2553 08:43 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ น้องมาเตือนแล้วนะพี่
ว่าโลกนี้จะวินาศ
ด้วยฤทธิ์แห่งนาคราช
จะผลาญพร่าล้างอาธรรม์
๏ เหล่ามนุษย์จะวางวาย
จะล้มตายจะอาสัญ
จะกลืนกล้ำจะรำพัน
วิปโยคและโศกครวญ
๏ ประชาช้ำร่ำระงม
จะทุกข์ตรมจะไห้หวน
มรณะจะอบอวล
เพราะอุทกธารา
๏ เพียงแค่กึ่งพุทธกาล
ที่ล่วงผ่านศาสนา
ทุราบายในโลกา
จะล้างรินให้สิ้นไป
๏ ให้แดนดินถิ่นมนุษย์
บริสุทธิ์สะอาดใส
ธำรงรัตนตรัย
จนสิ้นสุดพุทธกาล
๏ น้องมาเตือนเพราะเป็นห่วง
อยากให้ล่วงพ้นสังสารฯ
หมั่นรักษาสมาทาน
ศีลธรรมประจำใจ
๏ บำเพ็ญเพียรภาวนา
จวบชะตาอายุขัย
สมดั่งตั้งมโนมัย
ที่น้อมจิตอธิษฐาน
๏ หวังใจไว้ในวันหนึ่ง
คงจะถึงซึ่งนิพพาน
สู้อุตส่าห์สาธุการ
ที่น้องตั้งโมทนา
๏ น้องมาเตือนแล้วนะพี่
เถอะคนดีฟังน้องว่า
ช่วยบอกเขาเหล่าประชา
ว่าจงอย่าได้ประมาท
๏ น้องมาเตือนแล้วนะพี่
ว่าโลกนี้จะวินาศ๚๛
17 ตุลาคม 2553 11:48 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ พร่างพรายประกายผุด
ลูกไฟจุดใต้ผืนน้ำ
วันขึ้น ๑๕ ค่ำ
เดือน ๑๑ ออกพรรษา
๏ สีแดงอมส้มอ่อน
ลูกไฟว่อนสู่เวหา
เป็นพุทธบูชา
จากนาคาใต้บาดาล
๏ คราองค์พระสัมพุท-
ธวิสุทธสันดาน
ครรลาดาวดึงส์สถาน
หลังโปรดพุทธมารดา
๏ เสด็จพร้อมองค์พรหมมินทร์
องค์อมรินทร์เบื้องซ้ายขวา
ธ องค์ทรงลีลา
ครรไลสู่ปฐพี
๏ สำแดงปาฏิหาริย์
แห่งโองการพระชินสีห์
เตภูมิก็คลายชี้
ส่องให้เห็นโดยทั่วกัน
๏ สัตว์นรกโลกวิญญาณ
ได้พบพานชาวสวรรค์
ทวยเทพและเทวัญ
ก็เห็นเหล่านราชน
๏ ฝ่ายหมู่มวลมนุษย์
เห็นทางสุดผู้เสพผล
ชั่ว-ดีประพฤติตน
เป็นที่อัศจรรย์ใจ
๏ ครั้งนั้นนาคนาคา
ก็ออกมาพ่นลูกไฟ
ทุกทางสว่างไสว
ไปทั่วทิศานุทิศ
๏ ผู้คนก็ไหว้สา
น้อมบูชาบันเทิงจิต
นาคีผู้มีฤทธิ์
นิรมิตลูกบั้งไฟ
๏ เหนือขรนที
ประเพณีแต่ก่อนไกล
ปาฏิหาริย์ผ่านสมัย
แห่งบั้งไฟพญานาค๚๛