6 มกราคม 2553 22:33 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
แม้แดดจะแผดเผา
สุมใจเศร้าให้หม่นไหม้
ร่ำร้อนจนอ่อนใจ
ยากเกินใครจะต้านทาน
หยาดเหงื่อจะไหลย้อย
จนใจพลอยคิดฟุ้งซ่าน
หนักหนากับอาการ
จนร้าวรานใจร้าวรอน
แม้ฝนจะโปรยสาย
แทบละลายหัวใจอ่อน
ฉ่ำทั่วตัวเปียกปอน
เป็นหวัดนอนพิษไข้ซม
สายฝนยังซัดซ่า
ชวนใจล้าพาขื่นขม
กลืนกล้ำช้ำระบม
จนใจตรมระทมใจ
ลมหนาวจะพัดผ่าน
ให้สะท้านสักแค่ไหน
หนาวหนักสักปานใด
หน่วงให้ใจพ่ายแพ้มัน
หนาวเนื้อต้องห่มเนื้อ
อุ่นไอเอื้อเจือจุนฝัน
หนาวใจห่มใจกัน
แลกอุ่นอันปันหนาวคลาย
จะกี่ฤดูเปลี่ยน
หมุนวนเวียนหลายต่อหลาย
มีเธอเคียงข้างกาย
ก็ห่างหายความทุกข์ทน
เพียงเพราะมีเธออยู่
ทุกฤดู หนาว ร้อน ฝน
หัวใจไม่อับจน
สุขเอ่อล้นท่วมท้นใจ
เธอคือ ฤดูรัก
มาทายทักมาชิดใกล้
ทำให้โลกทั้งใบ
แห่งหัวใจได้อิ่มเอม
3 มกราคม 2553 22:53 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
บรรจงจูบประทับรอยเพียงน้อยหนึ่ง
ก็ซ่านซึ้งใจนักเป็นหนักหนา
เร้ารัญจวนป่วนสิ้นจินตนา
ดั่งเวลาหยุดเคลื่อนละเลื่อนวาร
บรรจงเอ่ยความถ้อยร้อยคำรัก
สะท้อนนักสะท้านในใจฉ่ำหวาน
เหมือนโลกมีเพียงเราชั่วเนาว์นาน
จวบสิ้นกาลกัลป์กัปนับนิรันดร์
บรรจงกอดตระกองด้วย ๒ แขน
ไออุ่นแล่นกำซาบวาบใจฝัน
เกี่ยวกระหวัดรัดเราเข้าด้วยกัน
ดุจสัญญาว่ารักนั้นจนวันตาย
บรรจงเกี่ยวเรียวก้อยร้อยกระชับ
ดั่งตอบรับสัมพันธ์มั่นความหมาย
ว่าจะอยู่เคียงข้างไม่ห่างกาย
จวบจนวันสุดท้ายของชีวิต
เมื่อความรักชักใยให้ไหวหวาน
สอดประสานเกลียวกลมพรหมลิขิต
รอยประทับจับใจไปนานนิจ
หลอมดวงจิตเรามั่นนิรันดร