11 ธันวาคม 2552 22:39 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
ฉันสลักรักลงตรงหินผา
เป็นบันไดศิลามารับขวัญ
หน้าเถื่อนถ้ำวิมานทองผ่องอำพัน
ให้เธอนั้นลีลาศเยื้องยาตรกราย
เพื่อชื่นชมความหมายโลกภายนอก
ทะเลหมอกดอกไม้พรรณอันหลากหลาย
กำซาบไอ ป่า ดิน กลิ่นกำจาย
รับลมพรายพริ้วโชยโบยโบกมา
หลีกหนีม่านประเพณีที่กางกั้น
ห่างจากคนเหยียดหยันครหา
มาอยู่เถื่อนถ้ำทองผ่องโสภา
ตามประสายากจนข้นเข็ญใจ
จะคอยเป็นเช่นดั่งดวงประทีปกล้า
ส่องนำทางนาวาชีวิตให้
จะคอยอยู่เคียงข้างไม่ห่างไกล
กล่อมไม่ให้รู้สึกแย่แม้สักวัน
ฉันสกัดสลักหินและดินผา
เป็นบันไดไกลกว่า ๖,๐๐๐ ขั้น
สื่อสัญญาว่ารักแท้แน่นิรันดร์
หลอมรวมเธอกับฉันจวบวันตาย
*****************************************
แรงบันดาลใจ
เรื่องราวความรักอันเหลือเชื่อปรากฏขึ้นที่ประเทศจีนเมื่อเร็วๆ นี้ และได้รับการ
เผยแพร่ไปทั่วโลก เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งกับหญิงที่มีอายุมากกว่า
ผู้ซึ่งหลีกหนีความมี ชีวิต และรักกันอย่างสงบสุขกว่าครึ่งศตวรรษ ชายอายุ 70 ปี
ผู้ซึ่งสลักหินเป็นบันไดด้วยมือ มากกว่า 6,000 ขั้น ปีนภูเขาไปหา
คู่รักอายุ 80 ปี ซึ่งจากเขาไปแล้ว เพื่อไปยังถ้ำซึ่งเป็นรังรักของพวกเขามากว่า
50 ปี เมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว หลิว โกวเจียง ชายหนุ่มวัย 19 ตกหลุมรัก
แม่หม้ายลูกติดนาม ซู เฉากวิน ดังนิยายโรมิโอกับจูเลียตอันเลื่องชื่อของ
เชคสเปียร์ ผองเพื่อนและญาติๆ กล่าวขวัญถือความสัมพันธ์ อันเนื่องจาก
ความต่างของวัย กับความจริงที่ว่า ซู มีลูกแล้ว ในขณะนั้น เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม
และรับไม่ได้ ที่ชายหนุ่มจะรักกับผู้หญิงที่แก่กว่า เพื่อหลีกหนีพวก
ปากตลาดและการดูถูกของสังคม ทั้งคู่ตัดสินใจพากันหนีและอาศัยอยู่ในถ้ำที่
เจียงจิน เมืองชนบททางตอนใต้ของเขตปกครองตนเอง ชงควิน ช่วง
เริ่มต้น ชีวิตไม่มีอะไร ไม่มีไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งอาหาร ทั้งคู่กินหญ้าและพืชหัวที่
พบแถวๆ ภูเขา และหลิวก็ได้ประดิษฐ์ตะเกียงน้ำมันก๊าดเพื่อให้แสง
สว่าง รวมทั้งนำทางชีวิต ซูรู้สึกว่าเข้าผูกมัดหลิว จำกัดอิสระภาพของหลิว เธอถาม
คำถามซ้ำๆ กับหลิวว่า หลิว เธอเสียใจมั้ย ตราบเท่าที่เรา
ขยัน ชีวิตเราจะดีขึ้น คือคำตอบที่ออกจากปากของหลิวเสมอเมื่อเจอคำถาม ใน
ปีที่สองของชีวิตบนภูเขา หลิวเริ่มแกะสลักบันได และทำอย่างนั้น
ต่อเนื่องมากว่า 50 ปี เพื่อที่จะให้คู่ชีวิตของเขาลงจากภูเขาได้โดยง่าย ครึ่ง
ศตวรรษต่อมา ปี 2001 นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งได้ค้นพบป่าและต้อง
ประหลาดใจที่พบคู่รักวัยชรา และบันไดที่สลักด้วยมือกว่า 6,000 ขั้น หลิว
หมิงเส็ง หนึ่งในลูกทั้งเจ็ดกล่าวว่า พ่อ-แม่ของเรารักกันมาก พวกเขา
อาศัยอยู่อย่างสันโดษมากว่า 50 ปี และไม่เคยทิ้งกันแม้แต่วันเดียว บันไดที่สลัก
ด้วยมือกว่า 6,000 ขั้นที่มานะทำขึ้นหลายปี เพื่อความสบายของ
แม่ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ลงจากภูเขาบ่อยเช่นนั้น คู่รักอาศัยอยู่อย่างสงบมากว่า
50 ปี กระทั่งสัปดาห์ที่แล้ว หลิว ชายวัย 72 ในวันนี้ กลับจากงาน
ประจำวันที่ไร่จากนั้นก็ทรุดกายลง ซู นั่งและสวดมนต์กับสามี จากนั้น หลิวก็จาก
ไปภายในอ้อมกอดของภรรยา ดังที่เห็นความรักของหลิวที่มีต่อซู
ไม่มีใครสามารถแกะมือของเขาออกจากมือภรรยาได้ แม้กระทั่งหลังเขาตาย คุณ
สัญญาว่าจะดูแลฉัน คุณจะอยู่กับฉันเสมอจนถึงวันที่ฉันตาย แต่
ตอนนี้คุณจากฉันไปก่อน ฉันจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีคุณ ซูใช้เวลาหลายวัน พูด
ประโยคซ้ำๆ แผ่วๆ และสัมผัสโลงศพของสามี ด้วยน้ำตานองหน้า ใน
ปี 2006 เรื่องราวของพวกเขา กลายมาเป็นเรื่องรักติดอันดับท็อปเท็น ใน
ประเทศจีน ซึ่งรวบรวมโดย Chinese Women Weekly รัฐบาลท้องถิ่น
ตัดสินใจอนุรักษ์ บันไดแห่งความรักและรังรักของพวกเขาเป็นพิพิธภัณฑ์ ยังผล
ให้เรื่องราวแห่งความรักนี้มีอยู่ตลอดไป
10 ธันวาคม 2552 17:02 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
หนึ่งดาวร้าวแสง
รอนล้าโรยแรง
ร่วงฟ้า
พลัดจากเวหา
ทะเลดารา
พริบพราย
สิ้นแสงประกาย
รัศมีฉาย
วูบดับ
คล้อยเคลื่อนเลือนลับ
ลบรังสีจับ
แจ่มจ้า
ดื่นดาริกา
พันพริบพรายพร่า
อาลัย
มิตรผู้จากไป
คร่ำครวญหวนไห้
อาวรณ์
ฉันสะอื้นถอน
น้ำตาตกรอน
รินฉ่ำ
พิศนาฏกรรม
เสน่หาลัยล้ำ
แห่งดาว
*******************************************
กาพย์ดอกแคร่วง เป็นกาพย์ประดิษฐ์ใหม่
โดยคุณศิวกานต์ ปทุมสูติ ครับ
ใช้ในการพิลาปรำพัน คร่ำครวญ บรรยายความเศร้าโศกเสียใจ
อ่านเพิ่มเติมได้จากฉันทลักษณ์คำประพันธ์ไทยนะครับ
ผมเลยนำมาแต่งในแบบฉบับของผมเองครับ
8 ธันวาคม 2552 00:46 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
ต้องบำเพ็ญบารมีมากี่ชาติ
จึงเกิดเป็นหน่อปราชญ์กวีได้
ฤ โอมอ่านพระเวทเน้นจนเจนใจ
บูชาทวยเทพไท้เทวี
ฤ เคยยึดธรรมสว่างหนทางมรรค
ในองค์สำนักพระชินสีห์
บำเพ็ญไตรสิกขาบารมี
จึงได้แก้วมณีแห่งปัญญา
เป็นแก้วสารพัดนึกมณีช่วง
เด่นดวงด้วยภูมิธรรมอันล้ำค่า
จึ่งรังสรรค์วรรณศิลป์จินตนา
ตามลิขิตเลขาแห่งตน
ยังแต่ทิพยญาณโลกุตระ
นิรพานพุทธวิมุติผล
เหตุคงเช่นฉะนี้หนาสาธุชน
จึงเกิดเป็นจอมคนคมกวี
แม้นต้องสร้างบารมีสักกี่ชาติ
ขอมุ่งมาดภูมิธรรมอันล้ำที่
ปรารถนาดวงแก้วแววมณี
หมายเป็นศรีกวีศิลป์ระบิลนาม
.......................................................................................................
แรงบันดาลใจของกลอนบทนี้มีที่มา จากปัจฉิมปกแห่งปณิธานกวีของ อังคาร
กัลยาณพงศ์ ที่ประกาศว่า
"บทกวีนิพนธ์นั้น
ควรจะอยู่ในชีพจรของผู้ที่เกิดมาเป็นกวี
จากมิติแท้จริงของดวงวิญญาณ
เปรียบดั่งผู้สืบสายโลหิตแห่งฟ้าและดิน
บทกวีนั้น
สมควรจะเป็นลมหายใจเสียด้วยซ้ำไป
คือทุกลมหายใจเสมอว่าจะเต็มไปด้วยบทกวี
หรือมีบทกวีอยู่ทุกลมหายใจก็กล่าวได้
คงจะสร้างสมบารมีมาในการนี้
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายภพชาตินัก
ในภพชาตินี้จึ่งได้เกิดมาเป็นกวี
มีมโนคติเป็นแก้วสารพัดนึก
จะนฤมิตสรรพสิ่งใด ๆ ก็ได้สิ้น
เว้นไว้แต่ทิพยญาณในโลกุตระ นิรพานแล้วไซร้
ไม่มีอะไรที่ไหน
ที่มโนคติจะไม่เจาะทะลุเข้าถึงแก่นแท้"
6 ธันวาคม 2552 20:30 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
เรื่อเรืองรองแสงทองทาบ
อบอุ่นกำซาบ
ปรากฏ ณ เส้นขอบฟ้า
เฉิดฉายแสงสุริยา
ทั่วทุกทิศา
สว่างกระจ่างแดนไตร
ชีวิตที่นิทราใน
ราตรีกาลได้
พลิกฟื้นตื่นขึ้นอีกหน
เมื่อรัศมีสุริยนต์
ทาบทับจับบน
ทุ่งท้องนภมฆวาน
บุปผามาลีคลี่บาน
ยั่วแย้มตระการ
หมู่ผึ้งภมรร่อนรำ
ว่อนเวียนว่ายวนดิ่งดำ
ร่ายเริงระบำ
ชิดเชยชมกลีบมาลา
เคล้าคลึงเกสรผกา
นำน้ำหวานมา
ตักตวงไว้ในรวงรัง
ไก่ขันเอ้กอี๊เอ้กดัง
หวานปานระฆัง
ไพเราะเสนาะเสียงใส
วิหคผกผินบินไป
หากินถิ่นไกล
ผละจากรังน้อยเรือนนอน
ท่องไปในป่าดงดอน
ผลพืชเกสร
แมงหนอนต่างจิกจับมา
แมกไม้หมู่ไพรพฤกษา
เขียวตระการตา
เสลาสล้างแกว่งไกว
ผลิดอกตุ่มตาวิไล
แผ่กิ่งก้านใบ
โบกไหวเริงรับสายลม
สุขใจได้ชิดชื่นชม
ล้างความขื่นขม
อารมณ์ขุ่นข้องหมองมัว
สลายความหวาดขาดกลัว
ฟื้นความตื่นตัว
กระตุ้นมนเบิกบาน
หล่อเลี้ยงกล่อมเกลี้ยงดวงมาน
ระงับทุกข์พาล
สันติสงบสุขใจ
ธรรมชาติงดงามวิไล
บริสุทธิ์ใส
ในยามฟ้ารุ่งอรุณ
หอมประกายแดดละมุน
อายอบกลิ่นกรุ่น
แห่งสรวงสวรรค์ยามเช้า
3 ธันวาคม 2552 23:27 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
พระจันทร์แจ่มกระจ่าง
สุกสว่างกลางเวหา
หนุ่มสาวชาวบ้านนา
เขาออกมาชื่นชมจันทร์
เว้าเล่นเป็นผญา
โต้ไปมาน่าสรวลสันต์
หวานคำถ้อยจำนรรจ์
กล่าวเกี้ยวกันอย่างเขินอาย
"อ้ายเที้ยวจ๋นท้างโสก
อยากปัวโรคฮักให่หาย
ฮ้ำฮ้อนน้อนเดี๋ยวด๋าย
ฮับฮักอ้ายได้บ่น้อ...?"
"น้องนี่ปอดอ้อยส้อย
เสมอจั๊งอ้อยกล๋างก๋อ
คันฮักให้ม้าขอ
กั๊บแม่พ่อได้บ่นาย...?"
"เกี๋ยวข้าวแล่วย้ามใด๋
สิให่แม่ไป๋หมั่นหมาย
แต่งใภ้ให่ลูกซาย
ต๋อนเดื๋อนอ้ายได้บ่นาง...?"
"อ้ายอย่าลื้มค้ำหมั่น
ให่ไว่คื้นจั๋นทร์กระจ๊าง
สัญญ้าฮักบ่ส่าง
อย่าหนีฮ่างไป๋ท้างใด๋"
"อ้ายบ่ลื้มสัญญ้า
ซุคำวาเว่าออกไป๋
สิเอ๋าฮักผูกไว่
กับอี๊เกิ้งเทิงท่องฟ่า"
"ยามน่องคิดฮอดอ้าย
ให่ส่องส่ายให่แล้หา
คันเห็นด๋วงจั๋นทา
กะแม้นวาใจ๋เกี๊ยวกั๋น"
"ยามอ้ายคิดฮอดน่อง
อ้ายสิม้องหาพระจั๋นทร์
สิเฝ่าคะนึงฝัน
ฮอดมื่อวั้นได้แต่งด๋อง"
เมื่อคราฟ้าผ่องเพ็ญ
อาบไล้เย็นสุกแสงส่อง
ทุ้มท่วงห้วงทำนอง
ผญาก้องกังวานใจ.......
********************************
คำศัพท์ / ความหมาย
๑ เที้ยวจ๋นท้างโสก = เทียวจนทางโสก = ไป ๆ มา ๆ จนทางที่รกชัฎกลายเป็นทางเลี่ยนเตียนโล่ง
๒ ปัว = รักษา
๓ ฮ้ำฮ้อน = ฮำฮอน = รุ่มร้อน ทุรนทุราย
๔ คัน = ถ้า
๕ แต่งใภ้ = แต่งลูกสะใภ้
๖ ซุคำ = ทุกคำ
๗ อี๊เกิ้ง = อีเกิ้ง = ดวงจันทร์
๘ ฮอด = ถึง
๙ แต่งด๋อง = แต่งดอง = แต่งงาน