12 กุมภาพันธ์ 2554 17:34 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ หอมข้าวจี่สีเหลืองไข่โชยไอกรุ่น
ในงานบุญเมื่อเดือน ๓ ยามข้าวใหม่
ข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนดีแล้วจี่ไฟ
โรยเกลือใส่ชุบไข่พอกออกเหลืองนวล
๏ โชยกลิ่นฟุ้งจรุงไกลไปทั่วย่าน
อวลกลิ่นซ่านเย้ายวนใจหอมให้หวล
คือข้าวทิพย์วิเศษคุณกรุ่นกลิ่นครวญ
เร้ารัญจวนอวลตลบอบกำจาย
๏ ถวายทานแด่พระสงฆ์องคเจ้า
แจกผองเผ่าญาติสนิทมิตรสหาย
อุทิศแด่บรรพชนถึงฅนตาย
เทพทั้งหลายทุกชั้นฟ้าสุราลัย
๏ และอีกแม่พระโพสพน้อมจบเกล้า
คุณแม่เท่าพสุธาจะหาไหน
บำรุงขวัญบำรุงข้าวชาวนาไทย
ด้วยจิตใฝ่กตัญญูจึงบูชา
๏ ก่อนถวายข้าวหลวงพ่อขอตั้งจิต
เถิดชีวิตถึงนิพพานในกาลหน้า
หากกุศลผลบุญแต่งสร้างแปงมา
ขออย่าคลาดศาสนาพระศรีอาริย์๚๛
20 มกราคม 2554 19:41 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ สวัสดีความตายกรายมาเฉียด
โรคภัยเบียดรุมจนทนไม่ไหว
เผชิญทุกข์ยากขืนเกินฝืนใจ
สติหลุดลอยไกลในภวังค์
๏ เหมือนรอคอยลอยคอจนท้อแท้
กลางกระแสเลชลไกลพ้นฝั่ง
โอ้ว่าร่างกายนี้ไม่จีรัง
นับวันยิ่งผุพังสังขารโรย
๏ หามิตรแท้แม้หนึ่งพึ่งยังยาก
ครองร่างทรากทรุดถอนอ่อนระโหย
ที่อวลกลิ่นความตายกำจายโชย
เพียงแต่โดยลำพังยังเดียวดาย
๏ อันว่าตอนทุกข์ยากลำบากไข้
หนอกระไรเพื่อนลี้ลับหนีหาย
ไม่เหมือนคราสนุกสุขสบาย
มิตรมากมายหลายหลากจนยากจำ
๏ ระงับจิตปิดใจไม่ฟุ้งซ่าน
หยุดอาการละเมอครวญเพ้อพร่ำ
จะไปสนทำไมฅนใจดำ
เลิกครวญคร่ำอาลัยให้ป่วยการ
๏ เมื่อเกิดมาเพียงหนึ่งก็ตายหนึ่ง
คือกฏซึ่งเป็นไปในสังสารฯ
หากยังไม่ถึงพระนิรวาน
ก็ต้องผ่านเกิดดับชั่วกัปป์กัลป์
๏ จึงนอนรอความตายที่กรายเฉียด
มิหยามเหยียดเกลียดกลัวจนตัวสั่น
ระบายยิ้มประทับต้อนรับมัน
เห็นไหมนั่นความตาย....ง่ายนิดเดียว.....๚๛
30 ธันวาคม 2553 10:11 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ สะนูว่าวกราวสั่นกล่อมขวัญทุ่ง
ตลอดรุ่งราตรีที่ท้ายบ้าน
เป็นนัยบอกให้รู้ฤดูกาล
วอนแถนท่านหยุดฝนที่หล่นริน
๏ ได้เวลาเกี่ยวนวดหวดฟาดข้าว
ที่เหลืองพราวงามงดให้หมดสิ้น
ในท้องทุ่งรวงทองของแผ่นดิน
ได้เก็บกินเก็บไว้ใช้ต่อพันธุ์
๏ ลูกหลานที่จากบ้านไปย่านอื่น
ก็ได้คืนหวนกลับให้รับขวัญ
หอบหัวใจรอนล้าสารพัน
มาโฮมฝันโฮมใจในบ้านเฮา
๏ สะนูว่าวหวิวหวีดกรีดเวิ้งว่าย
ระเริงร่ายบรรเลงเพลงบทเก่า
กล่อมคืนค่ำราตรีฟ้าสีเทา
ขับความเหงาร้ายเหลือเมื่อเหมันต์
๏ ภวังค์จิตคิดหลงพะวงใฝ่
ไปถึงใครบางฅนจนเคลิ้มฝัน
ฝากสะนูไหว้วานสานสัมพันธ์
บอกรักเขาฅนนั้นแทนฉันที๚๛
10 ธันวาคม 2553 21:00 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ บริสุทธิ์พราวพร่างกระจ่างฟ้า
ได้แต่มองแหงนหน้าคราชมชื่น
ประกายดาวพราวฉ่ำคราค่ำคืน
ยามดึกดื่นชมโฉมโลมแสงดาว
๏ เจิดจรัสแจ่มจ้าเวหาหน
กระจ่างบนห้วงฟ้าเวหาหาว
มิเคยล้าโรยแรงแสงสกาว
คงพร่างพราวอย่างนั้นนิรันดร
๏ ส่องสว่างกลางใจฅนใกล้ท้อ
ให้เพียงพอเติมฝันวันโหยอ่อน
กระพริบแสงพรายพร่าเอื้ออาทร
ให้ฅนจรอบอุ่นคลายขุ่นใจ
๏ หากมีดาวพราวฟ้ามาเป็นเพื่อน
คงจะจางลางเลือนลืมทุกข์ได้
จึงได้แต่เอื้อนเอ่ยเผยความนัย
ฝากสายลมลอยไปในค่ำคืน
๏ บริสุทธิ์พราวพร่างกระจ่างฟ้า
ได้แต่มองแหงนหน้าคราชมชื่น๚๛
10 ธันวาคม 2553 20:54 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ ซำซอยคอยท่าอ้าย.....เบิ่งแยง
ยามค่ำย่ำเย็นแลง.............หรี่ฟ้า
ตะเว็นส่องสาดแสง............ศูรย์ดับนออ้าย
พักซั่วเซาคลายล้า.............ก่อนเด้อจั่งไป
๏ อีกไกลกว่าฮอดน้ำ.....ลำของ
ผูกเซื่อมสายเฮาสอง..........เกี่ยวไว้
คือบ้านพี่เมืองน้อง.............แต่พู้นอดีต
เซิญแว่พักอย่าได้..............ขุ่นข้องคลางแคลง
๏ ฟ้าแดงแลงค่ำแล้ว.....ทาบทา
เซิญเถิดอ้ายเมือสา............กลับบ้าน
ยังจำจื่อสัญญา...................ได้บ่? น้ออ้าย
สิเที่ยวมาหวั่นคร้าน...........ย่านอ้ายลืมกลอย
๏ ซำซอยคอยท่าอ้าย.....หวนมา
ยืนอยู่ขัวแลหา...................ค่ำเซ้า
หวังพ่อพบสบตา................อีกเทื่อนะอ้าย
หัวอกใฝ่ฝันเฝ้า...........หนุ่มเหน้าบ่าวไทย๚๛