๏ ฉันสีซอสำเนียงเสียงปนเศร้า กล่อมทุ่งเหงาไพรป่าผืนนากว้าง ในวันที่กลิ่นไอไฟรักจาง เขาแรมร้างเป็นอื่นไม่คืนมา ๏ ลืมแล้ว"ลาวดวงเดือน"(๑)เคยเอื้อนเอ่ยพร่ำรำเพยความนัยที่ใฝ่หา ว่ารักเจ้าชีวันขวัญชีวา จำนรรจาความรักสลักใจ ๏ ว่าโอ่โอ้ละหนอดวงเดือนเอ๋ยพี่นี้รักทรามเชยจะหาไหน แม้นกลิ่นมวลบุปผาผกาใด จะหอมไกลหอมเท่าหอมเจ้าเอย ๏ ลืมแก้มสาวลืม"ลาวดอกไม้เหนือ"(๒)เขาคงเบื่อถ้อยคำพร่ำเฉลย จึงร้างจากฝากช้ำซ้ำคนเคย ได้ชิดเชยชมชื่นแล้วคืนคำ๏ ลืมแล้ว"ลาวเสี่ยงเทียน"(๓)เวียนลอยล่อง หัวอกน้องละเมอพกเพ้อพร่ำ ถวิลครวญหวนไห้คนใจดำ คราพี่ย้ำรักปองน้องบ้านนา ๏ "สร้อยสนตัด"(๔)ขัดข้องตรมหมองไหม้ กล่อมพงไพรลำเนาเคล้าบ้านป่า ส่งสาส์นฝากจากใจคนไกลตา น้องคอยท่าอย่าร้างทิ้งนางครวญ(๕)๚๛
๏ ภูทอกแถนทอกทิ้ง...เถื่อนทาง ยืนหยัดยิ่งยงกลาง......โลกหล้า เทวาวิจิตรวาง............วิเศษแท้นอ เมืองแมนแม่นแดนฟ้า....ชลอไว้เวนดิน ๏ เสกศิลป์ชิ้นเอกอ้าง...อวดตา งามพระปฏิมา...........อ่อนช้อย งามระเบียงคดผา.......รายรอบ งามพุทธวิหารน้อย......สลักล้วนโขดเขิน ๏ จำเริญเพลินเถื่อนถ้ำ....ทิพย์ทอง จำรัสล้วนเรืองรอง.....เลิศล้ำ วนพฤกษ์เนืองนอง.....เนาแน่น กึ่งกึ่งกลายสวรรค์ก้ำ.....กอบพื้นปฐพี ๏ ธรณีนี่นี้.....เป็นพยาน อานิสงส์จาริกสถาน.....ดุ่มดั้น โปรดรับกิจปุณยทาน.....เทอญแม่ ไกลกู่ฟากฟ้ากั้น.....กอปรแล้วการกุศล ๏ เรียมยลชะเวิกว้าง.....เวิ้งผา เดินระเบียงคดพา.....คลื่นไส้ ขาแข้งขัดแข็งขา.....เขินขัดขวยอ่อน นิ่งนึกหน้านุชให้.....สตินี้คืนคง๚๛
๏ ฦๅองค์อินทร์เทพไท้...ทวยแถน ยังพระธาตุอินทร์แขวน.....คู่หล้า เขินโขดตระหง่านแหงน.....โอนอ่อนเอียงเอน ไป่สยบลมฟ้า.....ร่ำร้องรำเพย ๏ งามเอยงามแต่งแสร้ง...เสกสรร ทองทาบอาบอำพัน.....ผ่องพื้น รัศมีฉาบเฉิดฉัน .....ฉายยิ่งยามแล พิสุทธิ์พุทธศิลป์ชื้น.....ฉ่ำแล้วสุวรรณภูมิ ๏ บัวตูมโกมุทน้อม...บูชา องค์พระธาตุศาสดา.....อริยเจ้า ต่ออายุศาสนา.....พันหมื่นปีเฮย อานิสงส์ก่อเค้า.....เกิดใต้โพธิญาณ ๏ กว่านิพพานจักได้...มรรคผล เกิดดับกัปป์เวียนวน.....ว่ายนั้น เป็นพุทธศาสนิกชน.....หมายมั่น สาธุจิตดิ่งดั้น.....ด่าวด้นอธิษฐาน๚๛
๏ กำเนิดสรรพสิ่งล้วน.....เอนกอนันต์ จวบอดีตลุปัจจุบัน..............ผ่านพ้น เกิดดับกี่กัปป์กัลป์...............บนร่างเรือนแม่ เถ้ากระดูกท่วมท้น..............กล่นพื้นธรณี ๏ ราคีแต้มด่างพร้อย......ธรณินทร์ เปื้อนเปรอะเลอะมลทิน.........ทั่วพื้น พระแม่กลับยังยิน................-ดีทุกข์ทูนเทวษ พระหทัยฉ่ำชื้น..................ชุ่มล้ำมโนประจักษ์ ๏ ทักษิโณทกอ้าง.........เทวี เชิญแม่เป็นสักขี.................ทุกครั้ง ในกิจจปุณยมี..................นับเนื่องอนันตชาติ ขอพระแม่จ่งรั้ง.................รับน้ำอวยทาน ๏ โอมอ่านบทกรวดน้ำ...นำใจ น้อมจิตระลึกใน.................กิจนั้น สัพเพสัตตาฯไป..................แผ่ทั่วสรรพชีพ สู่สุคติดั้น.........................ภพด้าวแดนสวรรค์๚๛
๏ ซายเอย มาหมู่เฮามาโฮมกัน ตั้งบายศรีพานสู่ขวัญ อภิวันท์พระธาตุเจ้า ๏ ซายเอย ประเพณีแต่ก่อนเก่า เฮ็ดกั๋นมาแต่ดนเค้า มาหมู่เฮามารำฟ้อน ๏ ซายเอย ดวงหน้านางรำงามงอน หอมมะลิมาลัยซ้อน แขนโค้งอ่อนยามตั้งวง (๏ โอ้ละหนอ โอ้โอ้โอโอ้ละหนอ โอ้ละหนอ โอ้โอ้โอโอละนอ) ๏ ซายเอย อันพระธาตุพนมองค์ นี้พระอริยสงฆ์ คงสถาปนาไว้ ๏ ซายเอย มาหมู่เฮามาฮ่วมใจ ดำรงพุทธศาสน์ไท้ สานสืบไป ๕,๐๐๐ ปี (๏ โอ้ละหนอ โอ้โอ้โอโอ้ละหนอ โอ้ละหนอ โอ้โอ้โอโอละนอ) ๏ ซายเอย เฮามาร่ายระบำพลี น้อมระลึกสดุดี องค์พระศรีศาสดา ๏ ซายเอย ขออัญเซิญปวงเทวา ทุกสวรรค์ทุกซั้นฟ้า เซิญลงมาเป็นพยาน ๏ ซายเอย ทั้งนาคาใต้บาดาล ผู้พิทักษ์พุทธสถาน แต่บุราณนมนานเนาว์ ๏ ซายเอย จงเอ็นดูหมู่พวกเฮา ถึงสิเกิดจากต่างเค้า แต่ละเผ่าละพงศ์พันธุ์ ๏ ซายเอย แต่เฮามีใจเดียวกัน เพราะพระพุทธศาสน์นั้น ฮ้อยผูกพันมั่นตรึงตรา (๏ โอ้ละหนอ โอ้โอ้โอโอ้ละหนอ โอ้ละหนอ โอ้โอ้โอโอละนอ) ๏ ซายเอย มาหมู่เฮามาบูซา องค์พระธาตุศาสดา ณ ต่อหน้าธาตุพนม ๏ ซายเอย ขอให้เฮาได้ซื่นซม ลาภมงคลไซยอุดม เกิดใต้ฮ่มพระศรีอาริย์๚๛ (๏ โอ้ละหนอ โอ้โอ้โอโอ้ละหนอ โอ้ละหนอ โอ้โอ้โอโอละนอ ซายเอย)