25 พฤศจิกายน 2552 07:18 น.
สุรศรี
ลูกผู้ชายตัวจริงของผม
ค่ำแล้วหละ รถประจำทางสายโคราช-ระยองยังคงวิ่งฝ่าความมืดยามค่ำคืนไปตามถนนอันคดเคี้ยวของขุนเขาสองข้างทาง ผมพาครอบครัว ภรรยา และลูกสาว 2คน ลูกชาย 1 คน จุดหมายอยู่ที่อำเภอบ้านเพ จังหวัดระยอง น้องสาวอยากจะใหเราไปพักร้อนกับเขา หลังจากผลัดมาหลายปีแล้ว เราห้าชีวิต ออกจากหนองคายตั้งแต่ 2 โมงเช้า
พ่อกลับบ้านเราเถอะ ลูกสาวคนเล็กของผมอ้อนวอนหลังจากแกอาเจียนออกมาเพราะเมารถหลังจากรถวิ่งขึ้นเขาได้ไม่นาน
ไม่เป็นไรลูก เด๋ยวก็ถึงแล้ว ผมโกหกลูกสาว
เราหลับไปนานเท่าไรไม่ทราบมาตื่นตอนที่รถวิ่งเข้าปั๊มน้ำมันให้ผู้โดยสารได้พักเข้าห้องนำทำธุระส่วนตัว
ผมกลับมานั่งที่เบาะหลังตามเดิมลูก ๆ เดินลงไปซื้อขนมขบเคี้ยวและน้ำดื่ม สักครู่หนึ่งเห็นหลวงพี่องค์หนึ่งเดินกลับขึ้นมาบนรถพร้อมพูดโทรศัพท์เสียงดังจนทุกคนหันไปมองเป็นจุดเดียว
เออ ๆ ถึงกบินทร์แล้วหละไม่ต้องเป้นห่วงหรอก มีอะไรฉันจะขึ้นไปจัดการเองแหละ บอกอีนั่นมันระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน มันคิดผิดแล้วที่มาเล่นกับกู หลวงพี่พูดจบเดินมานั่งเบาะข้างหน้าผม สูงราว 160 ผิวเข้ม
จะไปไหนโยม หลวงพี่พูดประโยคแรกกับผม
จะไปเที่ยวระยองครับ ผมตอบหลวงพี่
อาตมาจะไปบ้านค่ายเลยระยองไปนิดหนึ่ง เพิ่งกลับจากร้อยเอ็ด หลวงพี่ชวนคุย บ้านค่ายที่แกพูดหมายถึงอำเภอหนึ่งของระยอง
หลวงพี่ไปทำอะไรที่นั่นครับ ผมชวนคุยเพื่อแสดงมิตรภาพกับเพื่อนใหม่
บนสันทางสายเดียวกัน รถโดยสารเริ่มเคลื่อนออกจากปั๊มน้ำมันหลังจากที่ผู้โดยสารขึ้นรถกันหมดแล้ว
ไปทำธุระมา โยมมาจากไหน จากอีสานเหรอ
ครับ พวกเรามาจากหนองคาย
เหรอ อาตมาก็เคยเป็นครูนะ แต่ลาออกซะก่อน มีเพื่อนเป็นชาวอีสานเยอะเหมือนกัน หลวงพี่ค่อย ๆ เปิดเผยความจริงทีละนิด
เหรอครับ ทำไมถึงลาออกหละครับ ผมทำท่าตื่นเต้นชวนคุยอย่างออกรสชาติ
อาตมาเป็นลูกชายคนเดียว พ่อแม่ไม่อยากให้รับราชการก็เลยให้ลาออก
อือ น่าเสียดายจัง
หลวงพี่ไม่ตอบ ภายในรถดับไฟผมจึงมองไม่ออกว่าในสายตาของหลวงพี่มีอะไรซ่อนอยู่ คิดอย่างไร เราสองคนนิ่งกันอยู่พักใหญ่ มีเพียงดนตรีตลกที่เปิดจากเครื่องเล่นซีดีบนเพดานเหนือบันไดขึ้น-ลง
โยมคิดว่าถ้าเรารักใครเราต้องเสียสละเพื่อเขาใช่ใหม หลวงพี่หันมาพูดกับผมอีกครั้งและมองสบตาในเงามืด แต่ไม่เห็นอะไร หลวงพี่จะมาไม้ไหนกันหนอ ผมคิดในใจ
ครับถ้าเรารักเขาจริง บางครั้งก็ต้องยอมครับ ผมตอบอ้อมแอ้แบ่งรับแบ่งสู้
แต่รักนี่มันทำให้เราทรมานนะโยม หลวงพี่ยิ่งทำไห้ผมงงเข้าไปอีก
ครับ ทรมานครับ ผมทำทีเป็นเห็นด้วย
อาตมาหลงรักเขา แต่เขามีครอบครัวแล้ว ว่าแล้วใหมหละ
หลวงพี่พูดและมองผมในเงาสลัวบนรถเมย์
อ้าว ทำไมหละครับ ดูเหมือนหลวงพี่ต้องการให้ผมถามประโยคนี้
เพื่ออยากจะบอกอะไรบางอย่าง
เขาเพิ่งแต่งงาน อาตมาไม่เชื่อก็เลยตามไปดูที่ร้อยเอ็ด ตามไปดูในคราบนักบวชนี่นะหลวงพี่ ผมคิดในใจ
แล้วจริงใหมครับหลวงพี่ ผมอยากรู้จริง ๆ
เขาแต่งงานกับผู้หญิงหากินเคยอยู่พัทยามาก่อน สวยก็ไม่สวย ไม่รู้แต่งเข้าไปได้ยัไง หลวงพี่พูดซะยืดยาว อะจ้าก ผมร้องในใจหลวงพี่ระ ระ...รัก ผู้ชาย และผู้ชาย ที่ว่านี้ แต่งงานแล้ว งั้นก็แสดงว่าหลวงพี่กำลังอกหัก ผมเพิ่งถึงบางอ้อ งั้นหลวงพี่ก็เป็น.....ต๊ายแล้ว ประเทศไทยแลนด์
ผมนิ่งอึ้ง ไม่มีคำตอบและความเห็นจากผม
อาตมาชอบแดง จิตรกร มีเทปเขาทุกชุด ทุกม้วน ร้องได้หมด
หลวงพี่เปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อได้ยินเสียงเพลงจากวิดีโอเทปที่เปิดเบา ๆ บนรถหลังจากไม่มีความคิดเห็นจากผม
เหรอครับ ผมก็ชอบ หลวงพี่ฟังอีสานออกเหรอครับ
ฟังออก พูดได้ จนคนคิดว่าหลวงพี่เป็นคนอีสาน หลวงพี่ยังคงเปิดเผยตนเองต่อไป
อาตมาให้เขาทุกอย่าง วัดบ้านเขาต้องการอะไร อาตมาเอาผ้าป่าไปทอดบ่อย ๆ หลวงพี่วกกลับมาพูดเรื่องเดิมอีกครั้ง
จนคนบ้านเขาคิดว่าอาตมาเป็นตัวเงินตัวทองของหมู่บ้านเขา และพากันสาบแช่งเขาที่เขาแต่งงาน หลวงพี่พูดด้วยความน้อยใจตนเอง
มาอยู่วัดกับอาตมา ทำงานเป็นกรรมกรอยากได้ค่าแรงเท่าไรอาตมาตามใจเขาทุกอย่าง ครับยังไม่หมดครับ
โยมคิดว่าเขาจะกลับมาหาอาตมาอีกใหม
ผมว่า เขาต้องกลับมาแน่นอนครับถ้าหลวงพี่ให้ค่าแรงเขาแพง ๆ อย่างนี้ ผมตอบเอาใจหลวงพี่และเริ่มเห็นใจมากขึ้น
หลวงพี่ล้วงเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากย่ามแล้วยื่นให้ผมดู
อาตมามีรูปของเขาด้วยหละ ดูสิ
เป็นเอกสารที่ถ่ายจากบัตรประจำตัวประชาชน ผมดูไม่ออกว่าเป็นรูปใครเห็นแต่สีดำ ๆ จากน้ำหมึกพิมพ์จากเครื่องถ่ายเอกสาร ผมคิดว่ามันไม่มีค่าอะไรเลย แต่ผมคิดผิดถนัดเมื่อเห็นหลวงพี่หยิบมันจากผมไปและแนบไว้กับอกอย่างมีความสุข
อาตมามีสวนยางเป็นร้อย ๆ ไร่ ให้คนกรีด พอมีเงินอยู่ถ้าเขาอยากได้อาตมาก็จะให้เขา เพียงให้เขาทำงานอยู่ใกล้ ๆ ก็พอ
ผมเริ่มรู้สึกสงสารหลวงพี่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่มีความเห็น
รถยังคงวิ่งฝ่าไปในความมืดเรื่อย ๆ ไม่รู้ถึงไหน หลายคนหลับไหลเพราะอ่อนเพลียเวลาเดี๋ยวนี้คงเกือบ ๆ เที่ยงคืนแล้วหละ
อาตมาทำงานตอนกลางวันที่วัด ทำงานหนักมากเพื่อให้เหนื่อย จะได้นอนหลับไม่คิดถึงเขา
แต่ไม่ไดผลโยม มันปวดหัวคิดมากตอนอยู่คนเดียวต้องกินยาตลอด
หลวงพี่หยิบเอาซองยาจากย่ามขึ้นมาให้ผมดู
หมอบอกว่าอาตมาเป็นโรคจิตอ่อน ๆ
อะจ้าก ผมสะดุ้งในใจ อะไรจะขนาดนั้นหลวงพี่
ดูเหมือนจะถึงระยองแล้วหละผู้คนบนรถโดยสารเริ่มลุกขึ้นหยิบกระเป๋า
ออกจากชั้นบนรถออกมาเตรียมตัวจะลงบันไดรอรถจอด
ไปเที่ยววัดกับอาตมาไหม เป็นประโยคสุดท้ายจากเพื่อนแปลกหน้าผู้ร่วมเส้นทางสายนั้น
ขอบคุณมากครับ เอาไว้โอกาสหน้าครับหลวงพี่ ผมยกมือไหว้ลาก่อนหลวงพี่เดินลงบันไดรถไปพร้อมกับเพื่อนผู้โยสารคนอื่น ๆ
เหลือผู้โดยสารไม่กี่คนบนรถคันนั้นที่จะไปลงที่สถานีขนส่งระยอง ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยหลายสิ่งหลายอย่าง สุดท้ายผมก็ได้บทสรุปก่อนรถประจำทางจะจอดสงบนิ่ง ผมต้องขอขอบคุณหลวงพี่ ที่ได้ให้ข้อคิดดี ๆ กับผม ผมอดยิ้มและภูมิใจกับตนเองไม่ได้ ถึงแม้ผมจะไม่มีสวนยางให้คนกรีดเป็นร้อย ๆไร่เหมือนกับหลวงพี่แต่ถ้าให้ผมเลือกเป็นระหว่างหลวงพี่กับผม ผมขอเป็นตังเองดีกว่า เพราะผมเป็น ลูกผู้ชายตัวจริง ผมเป็นผู้ชายทั้งตัวและหัวใจ มีความรู้สึกแบบผู้ชาย ผมชอบผู้หญิง ผมรักผู้หญิง
รักและชอบความสวยงาม ความอ่อนหวาน ความนุ่มนวลของผู้หญิง กริยามารยาทแบบผู้หญิง และรักความเป็นตัวของผู้หญิงทุก ๆ อย่าง รักเหมือนผู้ชายทุกคนที่รักผู้หญิง
(แต่ยกเว้นสำหรับผู้ชายอย่างหลวงพี่) นี่ไงหละที่ผมเลือกเป็นตัวของผมเอง
ครับ ผมภูมิใจในความโชคดีและความเป็นผู้ชายของตัวเองเหลือเกิน
17 พฤศจิกายน 2552 07:48 น.
สุรศรี
สมุดจ๋า
เธอคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันในยามที่ฉันเหงาเศร้าเช่นนี้ เธอพอมีเวลาที่จะรับฟังสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ไหมนะ ขอเวลาให้ฉันสักหน่อยนะเพราะว่าฉันไม่มีใครที่ดีกว่าเธออีกแล้ว
ฉันยอมรับว่าฉันอ่อนแอเกินไปที่จะรับภาระสิ่งที่ถาโถมเข้ามาใสตัวฉันในขณะนี้ แต่ละเรื่อง แต่ละวันมันหนักหนาสาหัสเอาการทีเดียว
ฉันยอมรับว่าตนเองขาดความรักความอบอุ่นที่เพียงพอตั้งแต่ยังเด็ก พอโตขึ้นฉันถึงรู้ว่ามันเป็นปมด้อยของฉันอย่างมหันต์ทีเดียว ฉันไม่สามารถแสดงออกให้คนอื่นรู้ได้ แต่ละวันฉันต้องกลบเกลื่อนปิดบังคนอื่นอยู่เงียบ ๆ
สมุดจ๋า การที่คน ๆหนึ่งมีครอบครัวอยู่แล้วมีใจให้อีกคนหนึ่งเธอว่ามันผิดมากไหม ฉันกำลังจะบอกเธอว่า เมื่อไม่นานมานี้ ฉันเกิดความรู้สึกแปลก ๆ กับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง คิดถึงเขายามเขาไม่อยู่ อยากอยู่ใกล้ ๆ เขา มันรู้สึกอบอุ่นยังไงไม่รู้ ฉันอยากทำงานร่วมกับเขา ไม่อยากให้มันมีวันหยุดเราจะได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ ดูสิเธอว่ามันน่าอายแค่ไหนมันบ้าแค่ไหน วันเวลาทำให้เราเรียนรู้นิสัยของกันและกันสนิทกัน แคร์ในความรู้ของกันและกัน ให้เกียรติกัน ช่วยเหลือกัน เติมเต็มในสิ่งที่ขาดให้กัน เวลาว่างเราคุยกันทางโทรศัพท์ เขาเป็นคนแปลกมากเท่าที่ฉันเคยพบมา เขาเป็นคนที่มีเพื่อนมากมายทุกเพศทุกวัยทุกระดับ ซึ่งตรงข้ามกับฉันมีเพื่อนแท้เพียงไม่กี่คน เขาเป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริง คุยสนุก เข้ากับทุกคน ได้ดี ซึ่งตรงข้ามกับฉันอีกนั่นแหละ
ทุกครั้งที่เขาคุยโทรศัพท์ฉันจะทำเป็นไม่สนใจเขา ซึ่งวันหนึ่ง ๆ เขาจะรับโทรศัพท์เยอะมาก
จนฉันออกจะรำคาญ ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวด้วยความอิจฉาคนที่คุยกับเขา ไม่อยากให้เขาคุยกับใครนาน ๆ ฉันหึงเขาฉันหวงเขา ดูสิสมุดจ๋ามันบ้าแค่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขาทั้งสิ้น เขาคงรูว่าฉันคิดอย่างไรกับเขา จากสิ่งที่ฉันแสดงออกมา เพราะมันคงปิดบังเขาไม่ได้หรอก เขารู้
ครั้งหนึ่งสมุดจ๋าวันเกิดเขาที่ผ่านมาเขาบอกว่ามีเพื่อน ๆ จัดงานวันเกิดให้เขา ซื้อเค้กให้เขา เขาไม่ได้จัดเอง เขามีหน้าที่ไปเป่าเค้กและร่วมสังสรรค์กับเพื่อน อย่างน้อยก็สองงาน แต่กับฉันฉันทำได้แค่เพียงตักบาตรในตอนเช้า และอวยพรวันเกิดทางโทรศัพท์ให้เขามีความสุข รู้ไหมฉันอวยพรให้ฉันได้พบเขาตลอดไปทั้งชาตินี้และชาติหน้า หน้าด้านมากใช่ไหม ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันตาบอด หูหนวกและกำลังจะเป็นใบเพราะโรคความรักมันเข้าตาฉัน
ฉันรักเขามาก จนในที่สุดฉันเป็นฝ่ายบอกรักเขาเองแหละ เขาไม่แสดงความรู้สึกอะไรต่อสิ่งที่ฉันพูดออกไป ฉันไม่ต้องการอะไรจากเขาเลย นอกจากให้เขารับรู้ในสิ่งที่ฉันรู้สึกกับเขา ฉันต้องการเพียงแค่รักเขาให้นาน นานที่สุดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่เคยคิดที่จะทิ้งครอบครัวแล้วหนีไปอยู่กับเขา ฉันไม่เห็นแก่ตัวขนาดนั้นหรอก ฉันรู้ดีว่าฉันเป็นใครมีความต้องการ
แค่ไหน
สมุดจ๋าฉันรู้ว่ามันผิด มันไม่สมควร แต่ฉันก็ทรยศต่อความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้ทำผิดอะไรมากมายนี่นา เราอยู่ในกรอบกติกามาตลอด ไม่เคยคิดล่วงเกิน เราให้เกียรติกันและให้เกียรติตัวเราเองเสมอ
สมุดจ๋า อย่างที่ฉันบอกไปฉันเป็นโรคภูมิแพ้ในใจตัวเองอยู่ใกล้ใครที่เขาดีกับฉันมาก ๆ ไม่ได้ฉันจะอดรักเขาไม่ได้ ผลที่ฉันได้รับก็คือความเจ็บปวดเพราะมันเป็นไปไม่ได้หรอกในสิ่งที่ตนเองคิดตนเองรู้สึกที่แสดงออกมาต่อคนคนนั้น อย่าถามฉันนะว่าฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี ฉันไม่ได้คิดวางแผนอะไรเลย ก็แค่ในตอนเช้าของวันทำงานฉัน ได้ทำงานร่วมกับเขาอยู่ใกล้เขา และยิ้มให้กันแค่นั้นก็พอแล้ว
นะฉันได้บอกได้สารภาพกับเธอแค่นี้ฉันก็นอนหลับแล้วหละ
สัญญานะว่าเธอจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกให้ใครเขารู้
ฉันไว้ใจเธอนะ
รักเธอเสมอ
คนอ่อนแอ
ปล. วันเสาร์นี้เขาชวนฉันไปเที่ยวที่บ้านเขาด้วยหละ เธอว่าฉันควรจะรับปากเขาดีไหม
13 พฤศจิกายน 2552 08:54 น.
สุรศรี
พิณพิศวาส
แสงเดือนของข้างขึ้นแปดค่ำในคืนนี้ส่องสว่างเหนือยอดไม้ข้างกระท่อมเดียวดายของผมดูมันสว่างยังกับกลางวัน มองฝ่าออกไปด้านนอกเห็นแปลงข้าวยืนสงบนิ่งในค่ำคืนที่มีสายหมอกบาง ๆ เช่นนี้ ที่ลานข้าวเห็นลอมฟางและกองข้าวที่เพิ่งขนเข้าลานเมื่อตอนบ่ายนี้ตะคุ่ม ๆ อยู่ นอกจากเสียงแมลงกลางคืนแล้วไม่มีสียงอะไรเลย นาน ๆ จะมีเสียงจากเครื่องยนต์ที่ดังมาจากถนนที่อยู่ห่างออกไปราว 2 กิโลเมตร
ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียว ข้าวในนาปีนี้จะได้กี่กระสอบ ราคาข้าวจะดีเหมือทุกปีไหม หักค่าแรงงาน ค่าปุ๋ย ค่าสำรับกับข้าว เครื่องดื่ม น้ำชากาแฟ จนข้าวขึ้นยุ้งขึ้นฉางจะเหลือเท่าไรกัน
นาแปลงนี่เป็นมรดกของพ่อที่แบ่งให้ลูกแต่ละคนใครทำมากก็ได้มาก ถ้าขยันไม่มีวันอกตาย พ่อเคยบอกไว้
.......................
ผมหยิบพิณที่ห้อยอยู่ข้างฝากระท่อมมาขึ้นสาย เสียงสูง เสียงกลาง เสียงต่ำขึ้นสายและเทียบเสียงเล่นเพลงที่ถนัด
วันเพ็ญ เดือนสิบสอง น้ำในคลองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริงวันลอยกระทง ลอย ๆ กระทง ลอย ๆ กระทง ลอยกระทงกันแล้วขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง .............
เป็นเพลงที่มีเสียงสูงต่ำที่ต่างกันมาก ๆ ขึ้นสูงสุด แล้วลงมาต่ำสุด ที่สำคัญลูก ๆ มักจะคะยั้นคะยอให้เล่น พวกเขาจะร้องคลอตาม
อยากกินสุกี้ไปเอ็มเค ถ้าไปเอ็มเคกินสุกี้...................
เพลงจากโฆษณาสวย ๆ และภาพน่ารัก ๆ ดนตรีไพเราะ จากทางทีวี เป็นเพลงเก่า ๆของ ญี่ปุ่นเพราะมาก (แต่ฟังเนื้อหารู้เรื่อง) ชื่อเพลง สุกี้ยากี้
เจ้าจากไกลไปตั้งนาน หลงรอวัน คอยเจ้านั้นคืนทุ่ง หลงเพลินเมืองกรุง
หลงความรุ่งเรือง เมืองฟ้าอำไพ ไปหลงสิ่งยวนเย้า ลืมรักเก่าเรา ไว้ทิ้งนาทิ้งไร่ หลงไปไม่ย้อนรอย ลืมหนุ่ม
น้อยชาวนา.......
เป็นเพลงที่เศร้าและซึ้งมาก ๆ เป็นเพลงลูกทุ่งเก่า ๆ เอาทำนองเพลงจีนมาใส่เนื้อร้องแบบไทย ๆ เนื้อหาพูดถึงชายหนุ่มที่ตัดพ้อต่อว่าคนรักที่ปล่อยให้เขาหลงคอยเธอและรอวันให้เธอกลับมาหาเขาที่บ้านนอกตามคำสัญญาที่ทั้งสองเคยให้ไว้ต่อกัน
เสียงเพลงจากพิณในยามค่ำคืนที่เงียบเย็นเช่นนี้ดูหวานไพเราะ สดใสและคึกคะนอง ดุจม้าศึกที่ได้ยินเสียงปี่เสียงกลองในยามที่จะออกรบ
หากมีวันใดที่เธอเศร้าใจจะคิดถึงพี่บ้างไหม
พี่มีจิตใจที่พร้อมให้น้องเพื่อน้องได้คลายเหงาเศร้า
หากมีใครทำให้เจ็บแค่เล็บแค่รอยจะไปในทันใด
จะปกป้องน้องไปจนกว่าจะปลอดภัยหายกังวล......
เป็นเพลงสุดท้ายที่ผมเล่นในคืนนี้ทำนองดูเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ เศร้า ๆ ดุจสายน้ำที่ดูนิ่งสงบแต่ก็ยังคงไหลไปเรื่อย ๆ เนื้อหาพูดถึงชายหนุ่มที่หลงรักหญิงสาวแต่สุดท้ายเขาก็เพิ่งค้นพบว่าความรักที่แท้จริงของเขาคือการเสียสละให้คนที่เรารักไปมีความสุขกับคนอื่น (เศร้ามาก โรแมนติกอีกแล้ว)
ผมหมุนลูกบิดของพิณและคลายสายลง วางมันลงไว้ข้างฝานึกถึงคืนวันเก่า ๆ
ที่ผมได้พิณตัวนี้มา มันเป็นพิณโปร่งสีเหลืองทองทำจากไม้ขนุนทาด้วยสีเคลือบไม้อย่างดี หัวเป็นรูปพยานาคแลบลิ้น มีดวงตาสีแดงด้วยลูกปัด บนคอร์ดที่คอพิณติดตัวโน้ตเป็นภาษาอังกฤษ เผื่อคนที่จำตัวโน้ตไม่ได้ ไม้ขนุนเป็นไม้ที่มีน้ำหนักเบาพอดี ไม่ใช่ไม้เนื้ออ่อน และไม่ใช่ไม้เนื้อแข็ง แก่นเป็นสีเหลืองสวยงาม ที่สำคัญเป็นไม้มงคลของไทยด้วยทำอะไรจะมีผู้ใหญ่สนับสนุน ค้ำจุน ช่วยเหลือกิจการงาน
ผมได้พิณตัวนี้คราไปเที่ยวที่สกลนคร เป็นพิณจากช่างฝีมือดีจากอำเภอนาหว้าจังหวัดนครพนม ไม่ใช่พิณตัวแรกที่ผมเล่น แต่เป็นพิณตัวปัจจุบันทีผมเล่นอยู่ รักและหวงมาก เพราะอะไร......เพราะเป็นพิณที่คนรักเก่าเขาซื้อให้ (โรแมนติกจังเยย) วันนั้นเราไปเที่ยวด้วยกัน คนขายเขาติดราคาไว้ 750 บาทเรากำลังจะควักเงินให้ เธอเดินมาพอดีต่อรองราคาตามประสาผู้หญิง และเธอควักเงินให้เขาไป 600 บาท
แต่ผมไม่มีโอกาสเล่นให้เธอฟังสด ๆ หรอกนะ เดาซิ เธอได้ฟังอย่างไร บันทึกเทป หรือก๊อปปี้ลงแผ่นซีดีให้ฟังงั้นเหรอ ผิด.....อย่าเดาดีกว่า
ตอนที่เธอรู้ว่าผมเล่นพิณได้ เธอตื่นเต้น และเซอร์ไพรส์ มาก ๆ
มีอะไรมาฝาก ผมโทรหาเธอในตอนสายของวันหนึ่ง
อะไร เธอสงสัย
เสียบหูฟังอยู่ใช่ใหม
ค่ะ เธอตอบเสียงใส ๆ
จะเล่นพิณให้ฟัง ผมพูดเบา ๆ อยากให้เธอเซอร์ไพรส์
อะไรนะ เธอพูดเสียงดังแบบว่าไม่เชื่อหูตนเอง
จะเล่นพิณให้ฟัง ผมย้ำ
ว้าว เล่นได้เหรอ เธอพูดปนหัวเราะ
พร้อมยัง
ค่ะ
ผมบรรจงเล่นเพลง ดอกไม้ให้คุณ บทเพลงซึ้ง ๆ และมีความหมายให้เธอฟังเป็นเพลงแรก ผ่านทางโทรศัพท์ให้เธอฟังเป็นเพลงแรก ตามด้วยเพลง รักที่ถูกลืม
ผมพยายามเล่นให้เพราะที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา มันยิ่งกว่าเปิดคอนเสิร์ตบนเวทีที่มีสายตาหลายพันคู่จ้องมองมายังเรา มันเกร็งสุด ๆ นี่มันเป็นคอนเสิร์ตที่ไม่มีที่ไหนในโลกเขาจัดกัน เล่นคอนเสิร์ตให้คนคนเดียวฟัง ไม่ใช่เล่นบนเวที แต่เล่นให้ฟังทางโทรศัพท์ เพลงพิเศษ โอกาสพิเศษ และเล่นให้คนพิเศษฟัง ว้าว อะไรจะพิเศษขนาดนั้นครับพี่น้องครับ
สุรศรี
13 พย. 52
9 พฤศจิกายน 2552 16:16 น.
สุรศรี
บทเรียนราคาแพง
สายลมหนาวพัดมาเยือนแต่ต้นปี 6 ตอนเปิดเทอมพอดี ลมกรรโชกแรงต้นจามจุรีหน้าอาคารเรียนพลิ้วไหวตามแรงลม ใบร่วงเกรียวกราว เด็ก ๆ วิ่งไล่ใบ้ไม้อย่างสนุกสนาน
หน้าหนาวดูเหมือนจะสายเร็วกว่าปกติ เจ็ดโมงเช้าแล้วอากาศยังมืดสลัวอยู่เลย นักเรียนบางคนมาไม่ทันเข้าแถวเคารพธงชาติตอนสองโมงครึ่ง แรก ๆ ครูเวรก็ให้บำเพ็ญประโยชน์ เก็บเศษกระดาษ บ่อยเข้าก็ให้ทำความสะอาดห้องน้ำ รดน้ำต้นไม้ ไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องโดนทำโทษด้วยไม้เรียว แม้กฎหมายจะห้ามไม่ให้ครูใช้ไม้เรียว แต่บางครั้งก็ต้องเห็นใจครูบ้าง
ไม้เรียวสร้างอนาคต
ครูบางคนยังท่องจำสมัยตอนเรียนชั้นประถม
เควี้ยว .. ขวับ
เสียงไม้เรียวดังแหวกอากาศในตอนสายของเช้าวันหนึ่งหลังจากที่เด็กเข้าชั้นเรียนแล้ว
เป็นการลงโทษเด็กนักเรียนที่มาสายเป็นประจำหลังจากใช้วิธีอื่นไม่ได้ผล
ครูเสรียังจำได้ตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อน เช้าวันหนึ่งมีงานเร่งด่วนที่ต้องส่งอำเภอเขาจึงเขียนคำศัพท์ลงบนกระดานแล้วให้เด็กนักเรียนถือไม้เรียวออกไปชี้อ่านทีละคนให้เพื่อนในห้องอ่านตาม นับเป็นเทคนิควิธีการอย่างหนึ่งที่เด็กแต่ละคนจะได้อ่านทีละหลายเที่ยวเป็นการฝึกให้นักเรียนอ่านออกโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้พออ่านเสร็จก็ยังให้เด็กคัดไทยลงสมุดเป็นการฝึกคัดลายมือไปด้วย ซึ่งวิธีการดังกล่าวดูเหมือนจะไม่มีแล้วในสมัยนี้ เด็กจึงลายมืออ่านไม่ออก
เด็กที่อ่านได้อ่านคล่องก็ไม่มีปัญหา แต่สำหรับสมคิดเขาเป็นเด็กที่อ่านไม่ได้เขียนไม่ออกจึงถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา
เส มี ยน
สมคิดก็อ่าน เส มี ยน ตามที่เพื่อนบอกทั้งที่จริงมันอ่านว่า เสมียน
เฮ เสียงร้องของเพื่อนดังขึ้นพร้อมกันอย่างสนุกที่ได้ล้อเลียนเพื่อน เสียงมันดังเสียดแทงเข้าไปทิ่มหัวใจสมคิดอย่างที่ไม่มีใครรู้ เขาหน้าแดงด้วยความอับอายขายหน้า
บอกเพื่อนดี ๆ
ครูเสรีเงยหน้าขึ้นมองเด็กพลางร้องเตือน
แผ-นก (แผนก)สมคิดอ่านตามเพื่อนอีกครั้งเมื่อมีเสียงดังมาจากเพื่อนข้างหลังห้อง
เสียงเฮ ของเพื่อดูเหมือนจะดังขึ้นกว่าเดิมและสนุกกว่าเดิมด้วยซ้ำ และมันเหมือนกับเอามีดเข้าไปกรีดยังดวงใจของสมคิดเป็นครั้งที่สอง
สุดแสนจะอับอาย สมคิดหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม สุดที่ใครจะคาดคิดสมคิดฟาดไม้เรียวที่อยู่ในมือลงบนกระดานเสียงดังสนั่น ฝุ่นชอล์กบนกระดานปลิวฟุ้งไปทั่วหน้าห้อง สมคิดถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น สองมือหักไม้เรียวเป็น 2 ท่อนและขว้างไปยังกลางห้องเรียนตามเสียงเฮนั้น เพื่อน ๆ หลบกันแทบไม่ทัน เขาเอามือปาดน้ำตาและเดินร้องไห้ไปนั่งฟุบอยู่ที่โต๊ะส่งเสียงสะอึกสะอึ้น
ภายในห้องนั้นเงียบกริบ เพื่อนทุกคนตกใจจนพูดไม่ออก และคงรู้แล้วว่าพวกตนผิดที่แกล้งเพื่อน
ครูเสรีตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มันเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เขาเจอ และถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดที่ไม่มีสอนแม้ในมหาวิทยาลัยที่ไหนในโลกนี้
การที่ทำให้คนอื่นขายหน้านั้นถือเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต
ครูเสรีท่องจนขึ้นใจ
สุรศรี
6 พฤศจิกายน 2552 07:24 น.
สุรศรี
คลิปวีดิโอ
ในตอนเช้าก่อนเข้าแถววันนั้นผมมาถึงโรงเรียนก่อนเพื่อนลงเวลาแล้วมานั่งสะสางงานที่คั่งค้างอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องพักครู เด็กนักเรียนเริ่มทยอยกันมามากแล้ว เล่นอยู่ที่สนามบาสเก็ตบอลบ้าง ใต้ร่มจามจุรีบ้าง
สวัสดีครับ
ครับ สวัสดีครับ
ผมรับไหว้สองผัวเมียที่เดินขึ้นบันไดอาคารเรียนแล้วเชิญให้นั่งที่โซฟาห้องผู้อำนวยการ ท่าทางสองคนนั่นไม่ค่อยกล้านั่งเท่าไรนัก ดู เก้ ๆ กัง ๆ แต่งตัวปอน ๆ เหมือนชาวบ้านทั่ว ๆไป
เชิญนั่งครับ ๆ ผมต้องเชิญเป็นครั้งที่สองพวกเขาถึงกล้านั่งลงอย่างช้า ๆ
เดี๋ยวนั่งคอย ผอ.สักครู่ก็คงมาครับ
ครับ ๆ บุคคลทั้งสองใช้สายตาสำรวจไปทั่ว ๆ ห้องอย่างมีท่าทางกังวล
ไม่สบายใจอะไรบางอย่าง
สักครู่ได้ยินเสียงรถยนต์จอดกึกหน้าตึกอาคารเรียนชั้นมัธยมต้นก่อนผู้อำนวยการเดินขึ้นมา พวกเรายกมือไหว้พร้อมกับผู้ปกครองนักเรียนทั้งสองคน
ครับ สวัสดีครับ ผู้อำนวยการยกมือไหว้ตอบพร้อมวางสิ่งของในมือลงบนโต๊ะทำงานก่อนที่จะเดินไปลงเวลาที่ห้องพักครู
เด็ก ๆ นักเรียนส่งเสียงดังอึกทึกมาจากชั้นล่างที่เดินผ่านห้องพักครูก็พากันมาจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผู้ปกครองที่มานี้เพราะได้รับหนังสือจากผู้อำนวยการโรงเรียนเชิญมาปรึกษาหารืออะไรบางอย่าง
มีผู้ปกครองนักเรียนชั้นมัธยมมาเพิ่มอีก 3 คน ผู้อำนวยการบอกให้ผมไปตามนักเรียนเหล่านั้นขึ้นมาที่ห้องพักครู มีเด็กชายอาทิตย์ เด็กชายวีระชั้น ม. 2 เด็กชายวินัย และเด็กชายสมใจนักเรียนชั้น ม.3 รวม
ทั้งหมด 4 คน
พวกเขาทำท่าแปลกใจและตกใจที่ครูเรียกไปพบ เด็ก ๆเหล่านี้มักจะขาดเรียนบ่อย หรือมาแล้วไม่ถึงโรงเรียน สูบบุหรี่ในห้องน้ำ ไม่สนใจรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย ครูที่สอนต่างส่ายหัวหนักใจถ้าพูดถึงเด็กเหล่านี้
ก็ขอขอบคุณผู้ปกครองทุกท่านที่เสียสละเวลาได้มาพบปะพูดคุยกันกับทางโรงเรียนนะครับ
ผู้อำนวยการเปิดการประชุมย่อย ๆ โดยมีผมครูวิชาการและพี่เสรี ครูฝ่ายกิจกรรมนักเรียนมาร่วมนั่งฟังอยู่ด้วย
เด็กนักเรียนนั่งก้มหน้านิ่งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนครูและผู้ปกครองนั่งที่โต๊ะโซฟา
คือตอนประชุมผู้ปกครองนักเรียนพวกเราก็บอกให้ทราบแล้วนะครับว่าห้ามนักเรียนพกโทรศัพท์ติดตัวมาโรงเรียนเพราะมันมีปัญหาที่ติดตามมาหลายอย่างมีโทษมากกว่าประโยชน์ ผู้อำนวยการเปิดประเด็นต่อไป
ถ้าใครพกมาแล้วครูจับได้ครูจะยึดไว้แล้วให้ผู้ปกครองมารับเองจะได้ทราบปัญหาด้วย
ผมห้ามมันอยู่นะครู แต่มันก็ไม่ฟัง ตาของเด็กชายวินัยพูดสวนขึ้นมา
ครับ ไม่ใช่แค่โทร ในเวลาครูสอนเท่านั้นนะ บางคนเปิดเพลงรบกวนเพื่อนครูห้ามก็ไม่ฟังครูหลายคนมาบ่นกับผม ไม่รู้มันมีธุระปะปังอะไรนักหนา
พ่อมันอยู่กรุงเทพไม่ค่อยส่งเงินมาหรอกเห็นลูกบอกอยากได้โทรศัพท์ก็เลยซื้อให้มัน คุณตาอธิบายเหตุผลให้ฟัง
พ่อของวินัยหลังจากเลิกกับกับแม่แล้วก็ไปแต่งงานใหม่ปล่อยให้ลูกชาย 2 คนเป็นภาระของพ่อแก่ ๆ คอยดูแลเลี้ยงดูเงินทองก็ขาด ๆ เขิน นาน ๆ ก็ส่งมาทีหนึ่ง เมื่อไม่มีเวลาเลี้ยงดูก็เลยอยากเอาใจลูกโดยการซื้อโทรศัพท์ให้เป็นของขวัญ
ครับ ๆ ผมเข้าใจหัวอกผู้เป็นพ่อก็รักลูกทุกคนนั่นแหละ แต่เราก็ต้องดูแล บางครั้ง เราอาจรักลูกในทางที่ผิดโดยที่เราไม่รู้ตัว จริงไหมคุณตา ผู้อำนวยการเป็นฝ่ายรุก
ครับมันก็จริงแหละครู คุณตาตอบเสียงอ่อย ๆ
เสียงสัญญาณระฆังเข้าแถวดังทำลายบรรยากาศที่แสนอึดอัดในห้องนั้น เสียงประกาศ จากครูเวรให้เด็กไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนมาเข้าแถวหน้าเสาธง ให้เด็กหยุดเล่น ไปล้างมือล้างเท้าให้สะอาด แต่งตัวให้เรียบร้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ มันถ่ายรูปได้ด้วย ผู้อำนวยการยิ้มที่มุมปากและสบตาทุกคน
จริงไหมวินัย เด็กชายวินัยสะดุ้งนิดหนึ่งตอบครับเบา ๆ ยังคงก้มหน้านิ่งเหมือนเดิม
ที่ผมเรียกพบวันนี้อยากจะขอเตือนให้ผู้ปกครองได้ช่วยกันสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาร่วมกัน
ไม่อยากให้เด็กของเราไปทำในสิ่งที่เสียหาย ยิ่งแถวหมู่บ้านเราตำรวจบอกว่ามียาเสพติดผ่านเข้ามาเยอะมากกลัวลูกหลานเราไปยุ่งเกี่ยวข้องแวะ เดี๋ยวจะมีปัญหาตามมา ผู้อำนวยการยังคงร่ายยาวต่อไปเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ
ไม่มีหรอกครู แม่ของเด็กชายวีระพูดเป็นครั้งแรก
ค่ำมามันก็ไปเล่นกับเพื่อน ไม่เคยเถลไถลที่ไหน พ่อของสมใจพูดเสริม
บุหรี่อาจมีบ้างครู เพราะผมก็สูบให้มันเห็น แต่อย่างอื่นนี่ผมรับรองไม่มีครู พ่อของอาทิตย์เสริมอีกคน
นั่นสิครู ถึงมันจะขาดเรียนบ้างแต่ยาเสพติดนี่ผมยืนยันไม่มีแน่นอน พ่อของวีระยืนยันอีกคน
แน่ใจนะครับว่าไม่มี ผู้อำนวยการขอให้ยืนยันอีครั้ง
ไม่มีครับ ไม่มี ผู้ปกครองทุกคนตอบพร้อมกัน
ถ้ามีหละ จะให้ทางโรงเรียนจัดการอย่างไร ผู้อำนวยการดูจะพยายามวางเงื่อนไขกับทุกคน
มอบให้ครูจัดการได้ทุกอย่างนะ ผู้อำนวยการสร้างเงื่อนไขจริง
ผู้อำนวยการเสียบปลั๊กคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานแล้วเปิดหันหน้าจอมาทางทุกคนคลิกโน่นคลิกนี่สักครูก็มีภาพขึ้นที่หน้าจอดูจะมืด ๆ บ้างแต่ก็ดูออกว่าเป็นภาพใครทำอะไร พลางเปิดเสียงลำโพงดังขึ้นอีก
ทุกคนส่งเสียงฮือในลำคอ ผู้ปกครองทุกคนทำท่าจะเป็นใบ้ เมื่อภาพเด็กทั้ง 4 ที่ตกเป็นจำเลยในห้องนี้ ทุกคนกำลังดูดกัญชา จากบ้องไม้ไผ่อันเขื่อง พ่นควันอกจากปากอย่างมีความสุข สายตาปรือ ๆ เวียนกันไปมา โดยมีเสียงบรรยายภาพอ้อแอ้ในลำคอของเด็กบางคนแต่จำไม่ได้ว่าใคร ทุกคนอยู่ในอริยาบถที่ไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรและมีใครแอบถ่ายคลิปวีดิโอไว้ตอนไหนด้วยความคึกคะนอง
ทุกคนคงไม่ปฏิเสธนะว่าไม่ใช่เป็นพวกเรา ผู้อำนวยการหันไปพูดกับจำเลยทั้ง 4 คนก่อนจะปิดภาพจากคอมพิวเตอร์นั้น
มันปฏิเสธไม่ได้หรอกครู ภาพชัดออกอย่างนั้น พ่อของอาทิตย์พูดขึ้น
มันทำไปได้ โอ๊ย ลูกหนอลูก แม่ของวีระพูดด้วยความน้ำเสียงโกรธลูกตัวเอง
ผมไม่ได้เอาภาพนี้มาประจานแต่อย่างใด แต่อย่างที่บอกไว้ที่ผมอยากให้ทุกคนช่วยดูแล
ลูกหลานของตัวเองช่วยทางโรงเรียนอีกทางหนึ่งเด็กมันกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยากรู้อยากลองโดยที่ไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกก็ขอให้ค่อยพูดค่อยจากับเขาดี ๆ ผู้อำนวยการพูดสรุป
แล้วจะลงโทษอย่างไรครู ตาของวินัยยังสงสัยในโทษทัณฑ์
ขอให้คุณตาเก็บโทรศัพท์ไว้ไม่ต้องให้เขาใช้ ส่วนทุกคนผมจะให้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานทั้งเด็กและผู้ปกครอง คราวหลังจะไม่ได้ทำอีก
ได้ครับครู งั้น ขอบคุณมาก ๆ ที่ไม่ไล่มันออก พ่ออาทิตย์พูดพลางยกมือไหว้ขอบคุณ
ไม่หรอกครับ ไม่ถึงขนาดนั้น เด็กทุกคนก็คือลูกหลานถ้าไปผมทำก็เสียอนาคตเขาเปล่า ๆ
เด็กทุกคนยกมือไหว้ก่อนเซ็นชื่อรับทราบความผิด และเดินคอตกลงบันใดไปเข้าห้องเรียนตามปกติ
ไอ้วิ มึงทำไมไม่ลบภาพออกวะ ไอ้ฉิบหาย ไม่รู้เสียงใครดังมาคล้อยหลังตามมา
สุรศรี