16 กันยายน 2554 13:57 น.
สุนทรวิทย์
พิรุณ โปรยปราย หล่นทายทัก
พรรษาจัก เริ่มต้น อีกหนหนึ่ง
ปีนี้ ปีกลาย คงคล้ายคลึง
หนองบึง อึ่งกบ ควรครบครัน
ชาวนา กระหยิ่ม ยิ้มต้อนรับ
ขยับ ท่วงที ขมีขมัน
เตรียมควาย เตรียมไถ ไว้ประจัญ
มุ่งมั่น ขันแข็ง เรี่ยวแรงมา
ฝันเฟื่อง คึกคาม ยามฝนหลั่ง
คาดหวัง เรื่อยไป ไม่ประสา
ทุ่งเลิ้ง เจิ่งเย็น เห็นยายตา
ปักกล้า ก้นโด่ง หลังโค้งงอ
วิถี ผู้คน ชนบท
ปรากฏ ภาพความ งดงามหนอ
หลังฉาก สิหนา น้ำตาคลอ
เขาฝ่อ ท้อแท้ แต่ปางบรรพ์
หวังแม่ โพสพ สยบหนี้
หวังมี กินใช้ ใช่แต่ฝัน
หวังพึ่ง ดินฟ้า สารพัน
หวังนั่น หวังนี่ ทุกปีไป
น้ำท่วม ฝนแล้ง แข่งกระหน่ำ
บอบช้ำ ซ้ำซาก ยากแก้ไข
จะมี ก็เพียง เสียงปลอบใจ
ผู้ใด ไหนเล่า ช่วยเขาจริง
16 กันยายน 2554 13:18 น.
สุนทรวิทย์
สองเท้าผลัด ย่างก้าว ทั้งหนาว,ร้อน
เส้นสัญจร คดเคี้ยว แถมเดี่ยวโดด
มุ่งจุดหมาย ปลายทาง ห่างแสนโยชน์
ครองความโสด มุ่งหน้า ฝ่าประจัญ
สะดุดล้ม คลุกคลาน หาญขึ้นรุก
มานะบุก เรี่ยวแรง แข็งขยัน
อุปสรรค ขวากหนาม ขวางครามครัน
สู้บากบั่น พันตู อยู่อาจิณ
เพียรตรากตรำ อดทน จนสัมฤทธิ์
เมื่อดวงจิต ชรา หายบ้าบิ่น
วัน,เวลา กัดกร่อน รอนชีวิน
เหงื่อไหลริน เท่าไร ไม่รู้พอ
จวบสังขาร อ่อนล้า กายาเสื่อม
ความอาจเอื้อม คมเข้ม เต็มกลับฝ่อ
ปณิธาน สูงลิ่ว พลอยกิ่วงอ
กำลังท้อ ตามกาล ที่ผ่านไป
จากวัยสาว มุงาน การทุกอย่าง
เพื่อสรรค์สร้าง อนาคต ให้สดใส
ถึงสำเร็จ สมหวัง ดั่งตั้งใจ
แต่ขาดใคร เคียงข้าง จึงอ้างว้าง
ในบั้นปลาย ชีวิต คิดย้อนหลัง
สักกี่ครั้ง เคยสลัด ตัดรักบ้าง
เมินไมตรี ทุกชาย คล้ายฝ้าฟาง
มาอยู่อย่าง เงียบเหงา เศร้าวันนี้
บนกองเงิน กองทอง กองสมบัติ
เห็นเด่นชัด สุขนั้น สั้นริบหรี่
หากถอยวัย คืนได้ หลายสิบปี
ฉันขอมี รักแท้ แม้ยากจน
16 กันยายน 2554 12:43 น.
สุนทรวิทย์
ลำน้ำปิง อิงกาย คล้ายหญิงหลับ
คลื่นขยับ แผ่วพลิ้ว ริ้วฟูฟ่อง
ผิวนที ยามเย็น เป็นสีทอง
ฉันเหม่อมอง เรือน้อย ลอยเคลื่อนคลา
สนธยา เยือนหล้า เพ-ลาพลบ
ตะวันหลบ ค่อยคืบ แอบหลืบผา
ฟากฟ้าสวย อร่าม งามจับตา
พสุนธรา ชโลทร ดุจซ่อนมนต์
ปิงก่อเกิด จากแหล่ง แห่งหนไหน
เธอชอนไช คดเคี้ยว เลี้ยวสับสน
ชุบเลี้ยงคน สองฝั่ง ยังเวียนวน
เป็นสายชล ตำนาน บุราณกาล
ถิ่นกำเนิด ก่อเกื้อ เอื้อชีวิต
ธารนิมิต ยิ่งใหญ่ แผ่ไพศาล
ที่ซึ่งฉัน เจ็บช้ำ จำนมนาน
อดีตกาล ฝังเตือน เคยเปื้อนคาว
มาแม่ปิง ครั้งนี้ ไม่มีเขา
มิเหมือนเก่า ปีก่อน ตอนหน้าหนาว
หวนครุ่นคิด ทีไร ใจปวดร้าว
ฉันสิ้นสาว คราวนั้น วันเที่ยวปิง
15 กันยายน 2554 12:43 น.
สุนทรวิทย์
ชาวเรือ สัญจร ร่อนเร่
ทะเล ถือดั่ง คลังสิน
เที่ยวจับ ปูปลา หากิน
ชีวิน เวียนว่าย สายชล
นาวา หวงแหน แทนบ้าน
กรำงาน กร้านกลาง แดดฝน
ฝ่าคลื่น โถมถั่ง วังวน
ดักดน ตรากตรำ ร่ำไป
ไร้แหล่ง บันเทิง เวิ้งว้าง
ขาดนาง สนิท ชิดใกล้
ว้าเหว่ โหยหา ยาใจ
ห่างไกล อาลัย อาวรณ์
ราตรี เหม่อมอง ท้องฟ้า
ดารา ต่างหน้า สมร
แขนพี่ เคยสอด กอดนอน
งามงอน จำได้ ไหมเอย
ขึ้นฝั่ง ครั้งใด ใจชื่น
กลับคืน เคหา ผ่าเผย
ปลอบขวัญ ยอดชู้ คู่เชย
มิเคย หย่อนรัก สักครา
เดือน,ปี หมุนเวียน เปลี่ยนศก
ปลงตก อนิจจัง สังขาร์
จำเจ เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า
กายา ทรหด อดทน
น้ำใจ ชาวเรือ เกื้อหนุน
ทำคุณ ประโยชน์ โภชผล
บำเรอ เสบียง เลี้ยงคน
ส่วนตน ลำบาก ยากเย็น
15 กันยายน 2554 12:27 น.
สุนทรวิทย์
มองแควคุ้ง คุดโค้ง โยงคดเคี้ยว
ยืนดายเดียว เปลี่ยวเปล่า เหงาเดี่ยวโดด
เงียบว้าเหว่ เอกา อุราโรท
หัวอกโทษ เทวา ฟ้าเบื้องบน
ธารสะท้อน เงาเห็น เช่นคันฉ่อง
ก้มสอดส่อง ตรองตรึก นึกเหตุผล
ฉันชาวนา หากิน ถิ่นวิมล
ไยยากจน ตกทอด ตลอดกาล
ผืนนาแตก ระแหง ด้วยแล้งฝน
จำดิ้นรน ต่อสู้ กู้รากฐาน
ลูกหลายคน เข้ากรุง มุ่งหางาน
นานแสนนาน ล้วนลาลับ มิกลับมา
เหมือนสาบสูญ เงียบหาย ทั้งชายหญิง
ทุกข์ทรวงยิ่ง อนาถ วาสนา
ทิ้งผู้เฒ่า ระกำ กินน้ำตา
โอ้ลูกจ๋า ไฉน ไม่หวนคืน
กี่ปีแล้ว ลูกเอ๋ย เคยนับไหม
แม่ตรอมใจ สลด หมดแรงฝืน
พึ่งมอดม้วย ป่วยตาย ไปวานซืน
พ่อกล้ำกลืน ซ้อนซ้ำ อยู่ลำพัง
คำสั่งเสีย สุดท้าย ใกล้อาสัญ
แม่รำพัน ซ้ำซ้ำ พร่ำฝากฝัง
แบ่งที่นา ลูกถ้วนหน้า อย่าชิงชัง
เป็นความหวัง วิงวอน ก่อนสิ้นลม
ใครรู้บ้าง ลูกตามี นี้อยู่ไหน
โปรดจงได้ ส่งข่าว-คราวขื่นขม
หากยังรัก กตัญญู ผู้ให้นม
ควรเกลียวกลม มากราบแม่ แม้ครั้งเดียว