19 กันยายน 2554 13:55 น.
สุนทรวิทย์
เอาลูก เขามาเลี้ยง
เหมือนเอาเมี่ยง เขามาอม
โวหาร เก่านานนม
ยังเฉียบคม ฟังสมจริง
น้ำคำ ถ้อยสำนวน
มิสมควร ด่วนเกรงกริ่ง
วจี ที่ติติง
อ่อนอ้างอิง สิ่งยืนยัน
นิสัย เด็กวัยรุ่น
มีละมุน และหุนหัน
ปัญหา เรื่องสามัญ
เพียงกวดขัน หมั่นอบรม
เด็กงาม ตามผู้ใหญ่
เจียระไน ได้เหมาะสม
อัปภาคย์ จากโคลนตม
สู่อุดม ก็ถมไป
ตำหนิ ติลูกเขา
ลูกตนเล่า ดีเท่าไหน
แตกต่าง กันอย่างไร
ควรชั่งใจ ไตร่ตรองดู
ลูกใคร ใช่กำหนด ว่าหมดจด ฤๅอดสู
สำคัญ กตัญญู รักเชิดชู ผู้มีคุณ
19 กันยายน 2554 13:44 น.
สุนทรวิทย์
แม่รักเจ้า เช่นเจ้านี้ ที่รักลูก
จึงพันผูก แต่เยาว์ เฝ้ารักษา
ทะนุถนอม อนุบาล ปานแก้วตา
หมั่นนำพา อาทร สอนแนะนำ
เจ้ากำพร้า สิ้นพ่อ แม่ก็สู้
รักเอ็นดู มิให้ ใครเหยียบย่ำ
ถึงจนยาก ลำบาก ทนตรากตรำ
ป้อนข้าวน้ำ ลูกน้อย คอยห่วงใย
แม่คนเดียว กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงลูกห้า
แบกปัญหา ทุกอย่าง สางแก้ไข
เร่งกระวี กระวาด แทบขาดใจ
แอบร้องไห้ บ่อยครั้ง หลังหมดแรง
บัดนี้เจ้า ต่างเรียนรู้ เป็นผู้ใหญ่
แยกย้ายไป ได้ดี มีตำแหน่ง
สร้างครอบครัว ยืนหยัด ทะมัดทะแมง
เปลี่ยนหลักแหล่ง ทิ้งแม่อยู่ เพียงผู้เดียว
เจ้ารักลูก เยี่ยงแม่นี้ ที่รักเจ้า
เหตุใดเล่า จึงลืมแม่ มิแลเหลียว
ปล่อยอ้างว้าง ตรมตรอม ผอมซูบเซียว
ตายโดดเดี่ยว ด้วยถูก ลูกละเลย
ไยร้องเรียก ระทม ฟังขมขื่น
แม่ไม่ตื่น อีกแล้ว ลูกแก้วเอ๋ย
เลิกกราบไหว้ สิ้นเปลือง เครื่องสังวย
ใช่ชดเชย แม่ฟื้น คืนกลับมา
19 กันยายน 2554 13:20 น.
สุนทรวิทย์
ขอเดชะ มหาราช ผู้ปราดเปรื่อง
พระนามกระเดื่อง ภูมิพล ชนประจักษ์
ประชาราษฎร์ ทั่วถ้วน ล้วนจงรัก
ด้วยตระหนัก พระเมตตา อันการุณย์
หลายสิบปี ที่พระองค์ ทรงเหนื่อยเหน็ด
ความสำเร็จ มากมาย ได้เกื้อหนุน
ประเทศชาติ ปลอดภัย ใต้ร่มบุญ
พระมหา กรุณาธิคุณ ชนคุ้นเคย
ยามพระ ประชวร ชนครวญคร่ำ
กุศลกรรม โปรดเยือน อย่าเชือนเฉย
บันดล พระหฤทัย ให้เสบย
อยู่ล่วงเลย ร้อยปี ทีฆายุ
ขอวิงวอน พรเทวา มาประสิทธิ์
สำแดงฤทธิ์ นาเนก อันเอกอุ
ด้วยผลบุญ มากมี ที่ทำนุ
ดลบรรลุ ให้สมเจต สิ้นเภทภัย
อยู่เป็นร่ม โพธิ์ทอง ของประเทศ
ปิตุเรศ มหากษัตริย์ นิรัติศัย
ผองข้าพระพุทธเจ้า ซึมซาบ กราบอวยชัย
พระพลานามัย นฤดม สมบูรณ์เทอญ
18 กันยายน 2554 12:38 น.
สุนทรวิทย์
ริมน้ำตก แห่งนี้ เมื่อปีก่อน
เธอเคยนอน ซุกไซ้ ในอกฉัน
ป้อนคำรัก หวานชื่น นับหมื่นพัน
ขอมีกัน และกัน ตราบวันวาย
ริมน้ำตก วันนี้ ณ.ที่เก่า
ฉันจับเจ่า เศร้าสร้อย คอยโฉมฉาย
นานแล้วเธอ เลิกมา ปรากฏกาย
ทุกเช้าสาย บ่ายเย็น ไม่เห็นเงา
เสียงน้ำตก ชลธาร สะท้านโสต
แอบโอยโอด รำพึง คิดถึงเขา
สนธยา ยามนี้ มีแต่เรา
นั่งเงียบเหงา หดหู่ อยู่กลางไพร
กิริยา วาที ที่ฉอเลาะ
ท่าออเซาะ ค้อนควัก แกล้งผลักไส
ยังเห็นภาพ ประหนึ่ง พึ่งผ่านไป
แล้วไฉน ยุพา มาตัดรอน
มองสายธาร คดเคี้ยว ไหลเลี้ยวลับ
ช่างเหมือนกับ น้ำใจ สายสมร
ขาดซึ่งความ แหนหวง ห่วงอาวรณ์
นึกอยากจร ก็ไป ไม่ร่ำลา
18 กันยายน 2554 12:28 น.
สุนทรวิทย์
เวลา และวารี
เหมือนชีวี ที่เคลื่อนไหว
เยือนมา แล้วคลาไคล
ไม่เคยหวน ทวนกลับคืน
สรรพสิ่ง อิงสมมุติ
เกิด,ชำรุด สุดแข็งขืน
อนิจจัง มิยั่งยืน
ฝันที่ชื่น ตื่นก็คลาย
สิ่งใด ไหนเที่ยงแท้
ล้วนผันแปร แก่สลาย
ผลิ,ก่อ เพียงรอวาย
บทสุดท้าย คล้ายคลึงกัน
ล้านล้าน ปีผ่านมา
ผองชีวา ล้วนอาสัญ
ตอนอยู่ สู้ประจัญ
ปัจจุบัน เหลืออันใด
กำเนิด เกิดตัวเปล่า
ยามตายเผา เถ้ามอดไหม้
ลาภ,ยศ หมดสิ้นไป
วอดตามไฟ ในพริบตา
ชีพยัง จงตั้งใจ
ทำดีไว้ ให้คุ้มค่า
สายธาร กาลเวลา
มิรอท่า แม้นาที