24 กันยายน 2554 13:10 น.
สุนทรวิทย์
พระอาทิตย์ อัสดง ลงวันนี้
รุ่งรุจี อุษา ก็มาใหม่
พร้อมสาดแสง อวดโอ่ อโณทัย
ตามวิสัย ระวี เคยมีมา
ภาณุมาศ อร่าม งามอบอุ่น
มีการุณย์ ต่อคน ชนทั่วหล้า
สรรพสิ่ง ทั้งมวล ถ้วนโลกา
ทั้งพฤกษา ป่าเขา ลำเนาไพร
อยากเอื้อมสอย รังสิมา คว้าจุมพิต
แต่เกรงฤทธิ์ สุริยะ จะเผาไหม้
จำชะงัก หักห้าม ปรามหัวใจ
สุดคว้าไขว่ ได้แต่ แค่แหงนชม
อาภากร จรูง อยู่สูงนัก
เหมือนนงลักษณ์ นางหนึ่ง ซึ่งงามสม
ข้ามีจิต พิสมัย ใคร่ชื่นชม
แต่ถูกข่ม ด้วยชนชั้น ฐานันดร
โฉมตรู อยู่ไกลแสน สุดแขนเอื้อม
ฉันจึงเชื่อม คำรัก เป็นอักษร
แทนลมปาก ฝากไว้ ในบทกลอน
หวังบังอร เห็นใจ ตอบไมตรี
23 กันยายน 2554 15:22 น.
สุนทรวิทย์
ดาวตก วาววับ แล้วลับหาย
ละม้าย ชีวิน เมื่อสิ้นแสง
ฤดู หมุนเวียน ผันเปลี่ยนแปลง
คนแกร่ง แข็งกล้า ยังราโรย
วัน,คืน แสนสั้น นั้นต่างรู้
โสดอยู่ ทำไม ให้แห้งโหย
พบคน รักชอบ พึงกอบโกย
หว่านโปรย รักแท้ มอบแก่กัน
มิมี ผู้ใด ไร้ตำหนิ
มัวติ มัวเฟ้น อาจเป็นหมัน
ใครจะ ประเสริฐ เลิศครบครัน
สำคัญ ควรจัก มีรักจริง
เลิกห่วง หวงตัว มัวอุดอู้
หาคู่ แนบกาย เถิดชาย,หญิง
ถึงครา เจ็บไข้ ได้พึ่งพิง
เป็นมิ่ง เป็นขวัญ อันกลมเกลียว
ความสุข ใดใด ล้วนไม่เหมือน
มีเพื่อน ยามแก่ ผลัดแลเหลียว
ชาติหนึ่ง ผ่านไป คล้ายแว็บเดียว
โดดเดี่ยว อับเฉา เท่าขาดทุน
23 กันยายน 2554 15:13 น.
สุนทรวิทย์
คนไหว้พระ ควรเข้าถึง ซึ่งธรรมะ
ไหนเลยจะ มัวเมา เฝ้าแต่ขอ
พกความอยาก มักได้ ไม่รู้พอ
แต่กลับงอ-มืองอเท้า มิเอางาน
จงไหว้พระ ด้วยปัญญา สมาธิ
ใช้สติ ศึกษา หาแก่นสาร
ใช่มุ่งหวัง ลาภผล เที่ยวบนบาน
แล้วนั่งรอ ปาฏิหาริย์ บันดาลดล
การไหว้พระ ให้ศักดิ์สิทธิ์ จิตต้องนิ่ง
ละวางสิ่ง งมงาย ไร้เหตุผล
สำนึกว่า วิถี ชีวิตคน
ขึ้นกับตน สนใจ ใฝ่บำเพ็ญ
ช่วยตัวก่อน ก่อนจะ วอนพระช่วย
พากเพียรด้วย อุตสาหะ พระย่อมเห็น
สักวันบุญ หนุนส่ง คงร่มเย็น
นี่จึงเป็น หลักธรรม ค้ำโลกา
แม้นเชื่อศีล เชื่อธรรม คำพุทธะ
เท่ามีพระ คุ้มครอง ป้องเกศา
กราบไหว้พระ-ไตรรัตน์ โดยศรัทธา
บุญจะพา ให้พิพัฒน์ สวัสดี
23 กันยายน 2554 14:13 น.
สุนทรวิทย์
ฉันทุกข์ร้อน อ่อนจิต คิดไม่ตก
ในหัวอก กังวล ปนแหนหึง
ความตระหนก หมกไหม้ ใจพรั่นพรึง
ใครคนหนึ่ง เธอนั้น จักผันแปร
อยู่กันมา ดีดี ไม่มีเรื่อง
พอขุ่นเคือง แดกดัน ว่าฉันแก่
พูดเกินจริง เหยียดหยัน กันแท้แท้
ฉันก็แค่ หนุ่มใหญ่ วัยกลางคน
ถึงหน้าเหี่ยว ย่นบ้าง อย่าช่างซัก
งานมันหนัก นี่หนา อย่าพร่ำบ่น
เลิกสำรวจ ตรวจบัตร ประชาชน
บอกหลายหน หล่นหาย ไปนานปี
ร่างกายฉัน ทุกส่วน ล้วนแคล่วคล่อง
ที่เดินย่อง เหยาะเหยาะ เพราะเป็นฝี
อาจบางส่วน มิแกร่ง แต่แรงมี
หยุดเซ้าซี้ งุ่นง่าน พาลพาโล
โทษว่าฉัน หงำเหงอะ เลอะจนหลง
ไม่ยอมส่ง การบ้าน มานานโข
มิรู้หรือ ว่าฉัน มันเด็กโต
ต้องหมั่นโอ๋ คลึงเคล้น จึงเห็นการ
ควรรู้จัก เคลียเคล้า เอาใจใส่
ตามลูบไล้ สำออย อ่อยคำหวาน
ฉันคงเลิก หดหู่ พร้อมสู้งาน
ส่งการบ้าน เช้าเย็น ไม่เว้นเลย
22 กันยายน 2554 12:14 น.
สุนทรวิทย์
บุคคลใด รักดี มีสติ
พึ่งหิริ-โอตตัปปะ เป็นกระสาย
บุคคลนั้น สุขสันต์ นิรันตราย
เรื่องวุ่นวาย อุปสรรค มักไม่มี
หิริคือ ละอาย ในพิษบาป
เตือนคนหยาบ ให้เห็นธรรม กรรมวิถี
การหมดอาย ขายชื่อ คือหมดดี
คนอัปรีย์ จึงจะ ขาดละอาย
โอตตัปปะ คือกลัวบาป มิหยาบช้า
เปรียบธรรมา ชั้นเลิศ ส่องเฉิดฉาย
ช่วยดับทุกข์ กลบร้อน ให้ผ่อนคลาย
มีจุดหมาย งดงาม ตามครรลอง
การมี หิริโอตตัปปะ ในมนุษย์
ประเสริฐสุด เหนือสิ่งสรรพ ทรัพย์ทั้งผอง
คนชาติหิน สิ้นอาย ใจลำพอง
ล้วนจับต้อง ไม่ถึง ซึ่งเนื้อใน
คนรู้อาย รู้หลาบ ต่อบาปนั้น
ดุจอนันต-วิญญู ผู้ยิ่งใหญ่
คนไม่ อำมหิต คิดร้ายใคร
ย่อมสุขใจ เหมือนมีธรรม คอยค้ำจุน