3 กันยายน 2554 16:02 น.
สุนทรวิทย์
คิดถึงเธอ ทุกครา เวลาเหงา
คิดถึงเท่า ชีวี พึงมีให้
คิดถึงด้วย ยังห่วง หมดดวงใจ
คิดถึงใคร คนนั้น ฉันเคยครอง
คิดถึงสาย สัมพันธ์ อันหวานชื่น
คิดถึงคืน เก่าเก่า ของเราสอง
คิดถึงรส สัมผัส รัดตระกอง
คิดถึงแก้ม ผุดผ่อง ของกานดา
คิดถึงความ ใส่ใจ ในครั้งก่อน
คิดถึงตอน ทุ่มเท เสน่หา
คิดถึงคำ รำพัน กล่าวสัญญา
คิดถึงภาพ แววตา ที่อาทร
คิดถึงคา-รมปาก พร่ำฝากรัก
คิดถึงตัก เนื้ออุ่น หนุนแทนหมอน
คิดถึงท่า ฮึดฮัด บอกตัดรอน
คิดถึงเสียง ยอกย้อน ตอนชิงชัง
คิดถึงเธอ ป่านนี้ อยู่ที่ไหน
คิดถึงไหม หน่อยหนึ่ง ซึ่งความหลัง
คิดถึงเพียง อยากสะกิด คิดถึงจัง
คิดถึงทั้ง ที่หมดสิทธิ์ คิดถึงเธอ
3 กันยายน 2554 15:42 น.
สุนทรวิทย์
พ.ศ. สองพัน-ห้าร้อย ย้อนถอยหลัง
เมืองไทยครั้ง อุดม สมบูรณ์สุข
ข้าวเต็มทุ่ง ธารา ปูปลาชุก
เริ่มต้นยุค วิวัฒน์ พัฒนา
เขตบางกอก สงบเงียบ คนเรียบง่าย
ทางหลายสาย ปลูกแต่ง แปลงพฤกษา
บ้างอาศัย คูคลอง ล่องนาวา
ตามประสา พอกิน สิ้นกังวล
ภาพรถราง เชื่องช้า เมื่อคราก่อน
พบสัญจร ประปราย ในถนน
สามล้อถีบ รับจ้าง มิสร้างมล
ส่วนรถยนต์ จากน้อย ค่อยทวี
ตึกสองชั้น เรียงราย ขยายเพิ่ม
แล้วต่อเติม ลุกลาม ขึ้นสามสี่
ผุดโรงหนัง ละคร บ่อนกุลี
เพลงดนตรี เทศบุก รุกประโคม
ความเจริญ ย่างเท้า เข้าแทนที่
สื่อแสงสี โฆษณา แข่งถาโถม
วัฒนธรรม ตะวันตก ยกจู่โจม
บ้านเปลี่ยนโฉม ทันสมัย ใหม่ตามกาล
หลายทศวรรษ ล่วงผ่าน วันวารเก่า
ผู้แก่เฒ่า เจ็บ,วาย พ่ายสังขาร
อดีตถูก เรียกหา ว่าโบราณ
นึกแล้วพาน อาลัย ถึงวัยเยาว์
มาบัดนี้ ขวักไขว่ แทบไม่เชื่อ
มิหลงเหลือ ร่องรอย เคยหงอยเหงา
ชนรุ่นใหม่ เอิบอิ่ม ดูพริ้มเพรา
ผิดเทือกเถา พ่อ,แม่ แต่ปางบรรพ์
นามบางกอก ปรับปรุง เรียกกรุงเทพฯ
แหล่งกินเสพ พรั่งพร้อม น้อมเลือกสรร
เหลียวมองไหน โสมนัส อัศจรรย์
หฤหรรษ์ สุทัศน์ สวัสดี
คอนโดใหญ่ เบียดเสียด สูงเฉียดฟ้า
ศูนย์การค้า ทำเลทอง ของเศรษฐี
สมองกล คอมพิวเตอร์ เกร่อธานี
แหล่งโลกีย์ ตัณหา สารพัน
เซ็นเตอร์พอยท์ สาวกรีดกราย นุ่งสายเดี่ยว
เสื้อนิดเดียว แพลมเต้า เขย่าถัน
เปิดสะดือ อวดโอ่ โป๊แข่งกัน
ยั่วกระสัน บัดสี ทั้งดี้,ทอม
กะเทยเทียม กะเทยแท้ แห่สลอน
เขียนคิ้วงอน ฉีดนม พรมน้ำหอม
เสริมกายา ชำแรก สิ่งแปลกปลอม
ผมเผ้าย้อม หลากสี หวีพิลึก
อาร์ซีเอ พัฒน์พงศ์ ดงนักเที่ยว
โชว์หวาดเสียว ครึกครื้น ยันดื่นดึก
คาราโอเกะ ผับ,บาร์ สารพัดนึก
อึกทึก บรรเลง เพลงสำราญ
อยากสงบ อารมณ์ เชิญชมวัด
ไปสัมผัส อุโบสถ โบสถ์วิหาร
กราบพระแก้วฯ อิทธิ อภิบาล
ขอประทาน ความประศม สุขร่มเย็น
เสียงระฆัง วงเดือน เตือนสติ
ดลสิริ นำกมล พ้นทุกข์เข็ญ
ควันธูปเทียน รสพระธรรม ปัดลำเค็ญ
ผสานเป็น พุทธคุณ หนุนชีวัน
พระราชวัง อร่าม งามวิจิตร
เนรมิต สมแดนไท ไอศวรรย์
สถานประทับ กษัตรา วงศ์ราชันย์
อเนกอนันต์ พระบุญญา บารมี
เจ้าพระยา มหานที เอื้อชีวิต
ไหลจากทิศ เหนือมา ผ่ากรุงศรี
สะพานแขวน เชื่อมโครง โยงปฐพี
ทัศนีย์ เพลิดเพลิน เกินบรรยาย
รถใต้ดิน รถลอยฟ้า เหาะอากาศ
คล่องประหลาด แล่นรุด สู่จุดหมาย
ผู้โดยสาร นั่ง,ลุก สุขสบาย
ช่วยผ่อนคลาย ถ่ายเท ย่นเวลา
ดุจเมืองแก้ว แพร้วเพริศ เจิดจรัส
อมรรัตน-โกสินทร์ ปิ่นเทศา
เทพบรรจง ประสิทธิ์ สัมฤทธา
ให้เหมือนว่า สรวงนภา สุราลัย
3 กันยายน 2554 14:55 น.
สุนทรวิทย์
ฟ้างาม ยามเดือนหงาย
โสมเฉิดฉาย คล้ายดวงแก้ว
หมื่นดาว ตื่นวาวแวว
ลอยเพริศแพร้ว แอ่วนภา
สุขใจ ใต้แสงจันทร์
กอดจอมขวัญ หมายมั่นว่า
รักนี้ ชั่วชีวา
ไม่สร่างซา สักราตรี
ข้างแรม เดือนแรมร้าง
ดาราต่าง หมางเมินหนี
ว้าเหว่ แม้เมฆี
ค่ำคืนนี้ มีแต่ลม
ยอดสร้อย พลอยหายหน้า
ลืมสัญญา คราสุขสม
เปลี่ยนชู้ คู่บรรทม
หลงรื่นรมย์ ตะบมไป
ขึ้งเคียด เกลียดข้างแรม
ฟ้ามอมแมม มิแจ่มใส
ยิ่งมอง ยิ่งหมองใจ
เมื่อข้างกาย ไร้ผู้คลอ
รำพึง ถึงทรามวัย
ยังจำได้ อยู่ไหมหนอ
ความหลัง ครั้งชอบพอ
เคยขับซอ หยอกล้อกัน
ยามนี้ ณ.ที่เก่า
มีแต่เรา เฝ้าเพ้อฝัน
อาลัย สายสัมพันธ์
ทนโศกศัลย์ กลั้นน้ำตา
3 กันยายน 2554 13:52 น.
สุนทรวิทย์
โลกนี้ คือละคร
ทุกบทตอน ซุกซ่อนฝัน
หมุนเวียน เปลี่ยนนิรันดร์
อัศจรรย์ เหนือบรรยาย
ชีวิต อนิจจัง
ยากพร้อมพรั่ง ดั่งใจหมาย
ประจัญ ถึงบั้นปลาย
ก่อนวางวาย พ่ายแพ้กาล
คนรวย ก็รวยจัด
พูนสมบัติ-พัสถาน
บ้านโต มโหฬาร
ดุจวิมาน ปานเทวา
คนจน ทนอนาถ
ขาดอำนาจ วาสนา
คับแค้น แสนระอา
ทุกข์โศกา น้ำตาคลอ
ชะตา ฟ้าลิขิต
อย่าหงุดหงิด คิดมากหนอ
เทือกเถา ร่วมเหล่ากอ
ยังแตกคอ มิง้อกัน
ดูไป คล้ายจำอวด
ชิงประกวด ดวจแข่งขัน
ยื้อแย่ง เกินแบ่งปัน
ด้วยเชิงชั้น อันบิดเบือน
โลกนี้ มีครบรส
ทั้งงามงด บทเชือดเฉือน
แสงไฟ รำไรเลือน
อาจเสมือน เตือนชี้ทาง
อย่าท้อ ต่อปัญหา
จงเชิดหน้า กล้าสะสาง
ชีวี ที่อับปาง
คงเสริมสร้าง คืนอย่างดี
3 กันยายน 2554 13:41 น.
สุนทรวิทย์
วันไหน จะตาย ไม่อาจรู้
วันนี้ ยังอยู่ จักสู้ต่อ
ชาติหน้า ชาติไหน ไม่หวังรอ
ที่ขอ มุ่งมาด คือชาตินี้
สังขาร มีแยก มีแตกดับ
ตกอับ ปิติ เวียนวิถี
ชุ่มโชก โศก,สุข อันคลุกคลี
ไม่กี่ เพ-ลา ก็ราร้าง
เมื่ออยู่ เมื่อยง คงเดินหน้า
แขนขา ร่วมแรง แข่งสะสาง
มิท้อ มิถอย มิปล่อยวาง
ถูกบ้าง ผิดบ้าง ก้าวย่างไป
ภาระ หน้าที่ มีล้นบ่า
เวลา สิสั้น จนหวั่นไหว
หักโหม โรมรัน มิทันใด
หนทาง ยาวไกล ใกล้ขาดตอน
จะตาย วันไหน ก็ตายเถิด
เรื่องเกิด เรื่องตาย คล้ายภาพหลอน
มิมี สักสิ่ง จริงถาวร
รุ่มร้อน ทำไม ให้เป็นทุกข์