4 กันยายน 2554 11:45 น.
สุนทรวิทย์
แม่สอนว่า คนดี ผีไม่หลอก
คนกลับกลอก มุสา กลัวฟ้าผ่า
คนฉ้อฉล คือทาส อาชญา
คนอิจฉา เนืองนิตย์ มิตรไม่มี
แม่บอกอย่า อ้อยส้อย คอยโชคลาภ
อย่าใจบาป มีจิต คิดป้ายสี
อย่าคบหา ทรชน คนอัปรีย์
อย่าอวดดี พองขน คนจะชัง
แม่ว่าพบ ปัญหา อย่าท้อแท้
ห้ามอ่อนแอ สิ้นคิด ยามผิดหวัง
รักศักดิ์ศรี ถนอมเกียรติ มิเบียดบัง
ความมั่งคั่ง ยากไร้ ใช่ยั่งยืน
แม่ว่าทำ สิ่งใด ได้สิ่งนั้น
กฎโลกันตร์ ตราไว้ ไม่อาจขืน
กรรมของใคร ต่างต้องรับ ย้อนกลับคืน
เหมือนเกลียวคลื่น ไล่หลัง ประดังมา
แม่สอนว่า ดี,ชั่ว ตัวตนรู้
ให้ปิดหู-ตาคน จนทั่วหล้า
ก็มิอาจ หันเห ทัณฑ์เทวา
เมื่อถึงครา ย่อมสำแดง ผลแห่งกรรม
4 กันยายน 2554 11:39 น.
สุนทรวิทย์
ทุกข์บีบคั้น ฉันให้ ใจอมทุกข์
สุขไม่สุข ปล่อยปละ ตามยถา
คนเพลี่ยงพล้ำ จำเจ ทุกเวลา
เชื้อระอา ย่อมกลุ้ม-รุมกัดกิน
ความสำเร็จ อยู่ไหน ไม่พานพบ
ที่ประสบ ครบครัน นั้นหนี้สิน
การพลาดหวัง เรื้อรัง หลังเหงื่อริน
คำคุ้นชิน อันก่นด่า ชะตาตน
จากวัยหนุ่ม ไฟแรง แฝงมุ่งมั่น
วันแล้ววัน เคี่ยวขับ กลับไร้ผล
รางวัลได้ ติดมือ คือความจน
แววกังวล หม่นไหม้ ในดวงตา
อุตสาหะ ตะบึง ถึงยามแก่
กายอ่อนแอ โรคภัย ตะกายหา
ไร้ลูกเมีย อาทร ตอนโรยรา
มัวเงื้อง่า ครองโสด จะโทษใคร
นอนพึมพำ ลำพัง ยื้อสังขาร
ขาดอาหาร หยูกยา คราป่วยไข้
ฝ่าแดดลม ข่มหนาว มายาวไกล
ก่อนสิ้นใจ มีเสื่อ เหลือผืนเดียว
4 กันยายน 2554 11:25 น.
สุนทรวิทย์
สิงขร นอนนิ่งนิ่ง
เหมือนร่างหญิง พิงหลับใหล
ยอดภู ดูไฉไล
เพ่งพิศไป คล้ายปทุม
เนินนูน พูนประหลาด
โล่งสะอาด ขาดหญ้าคลุม
พินิจ พิษไฟรุม
กามเกาะกุม เข้าสุมทรวง
ดินแยก แตกกึ่งกลาง
ผิเนื้อนาง หว่างแหนหวง
เสียววาบ ในภาพลวง
คล้อยตามบ่วง ห่วงกามา
อารมณ์ อุดมศิลป์
ไม่หมดสิ้น จินตนา
ห้วงลึก นึกมายา
เคล้าตัณหา ประสาคน
มโนภาพ ฉาบราคะ
มิลดละ สัปดน
โลกีย์ ที่ปะปน
ก่อบันดล เป็นผลงาน
กวี มีรสชาติ
ต้องโรยราด สาดคำหวาน
บรมครู ผู้เชี่ยวชาญ
ล้วนชำนาญ การเปรียบเปรย
บรรยาย ขยายฝัน
กล่าวรำพัน อันเปิดเผย
ฝึกฝน จนคุ้นเคย
ใครได้เชย ย่อมเอ่ยชม
4 กันยายน 2554 11:10 น.
สุนทรวิทย์
ศาสนา เตือนสติ มิให้หลง
เพื่อธำรง ความดีงาม ตามแก่นสาร
นำมาซึ่ง บุญญา-กฤดาการ
ปูพื้นฐาน ชีวิต วิศิษฏ์ชน
ศาสนา ของใคร ใครย่อมรัก
ถือเป็นหลัก บรรลุ มรรคกุศล
ควรให้เกียรติ กันและกัน ฉันสากล
เพราะเหตุผล จุดหมาย ล้วนคล้ายคลึง
ไม่แบ่งเขา แบ่งเรา คงเข้าท่า
หลอมศรัทธา น้ำใจ ไว้เป็นหนึ่ง
ใครสูง,ต่ำ ขาว,ดำ เลิกคำนึง
สิ่งอันพึง ยึดถือ คือกรรมดี
เกิดเป็นไทย เหนือ,ใต้ ไม่กระทบ
อยู่ร่วมภพ พึงปรองดอง ฉันน้อง,พี่
ชีวิตคน สั้น,ยาว ราวกี่ปี
มัวราวี ห้ำหั่น กันทำไม
แม้มีใจ รักชาติ ศาสน์,กษัตริย์
จงขจัด อคติ มิเหลวไหล
จะต่างเชื้อ ต่างชาติ ศาสนาใด
อยู่เมืองไทย ก็ควรจัก สามัคคี
4 กันยายน 2554 10:59 น.
สุนทรวิทย์
ราตรี ที่เย็นเฉียบ
หนาวยะเยียบ และเงียบหงอย
หญิงหนึ่ง กึ่งเหม่อลอย
กอดลูกน้อย คอยสามี
เสื่อ,หมอน นอนต่างเตียง
แสงตะเกียง เพียงริบหรี่
กระท่อม ซอมซ่อนี้
สองชีวี โศกีครวญ
เสียงร่ำ พร่ำตัดพ้อ
ลูกจดจ่อ รอพ่อหวน
นับวัน ผันคำนวณ
ป่านนี้ควร พ่อด่วนมา
แม่ตอบ ปลอบลูกรัก
อย่าทึกทัก จนหนักหนา
พ่อเจ้า เขาสัญญา
รุ่งทิวา จะมาพลัน
พ่อเกณฑ์ เป็นทหาร
ประจำการ ชาญเขตขัณฑ์
แดนไกล กลับไม่ทัน
เลิกไหวหวั่น เถิดขวัญตา
ทหารกล้า ผู้ลาไป
ป้องไผท ในแนวหน้า
หมิ่นเหม่ ทุกเวลา
แสนเหนื่อยล้า คงฝ่าฟัน
สละ กาย,พลัง
เพียงแนวหลัง ยังสุขสันต์
หน้าที่ มีสำคัญ
พร้อมประจัญ รันรบรา
วันนี้ เขาคืนอู่
กลับที่อยู่ อย่างผู้กล้า
มีธง ห่มกายา
กับเหรียญตรา มาอีกอัน
เขาดับ ลับไปแล้ว
ทิ้งลูกแก้ว แคล้วเมียขวัญ
หนึ่งพลี สิ้นชีวัน
แลกหมื่น,พัน นิรันตราย
เพื่อชาติ ศาสน์,กษัตริย์
เขายืนหยัด สัตย์ถวาย
แน่วแน่ แม้ตัวตาย
เกียรติ,วินัย ใจมั่นคง
คารวะ สดุดี
เทิดศักดิ์ศรี ที่สูงส่ง
ทหารไทย ใจอาจอง
ธงไตรรงค์ จึ่งทรงชัย