6 กันยายน 2554 18:55 น.
สุนทรวิทย์
หิ่งห้อย พร้อยพลาม วามวิจิตร
แสงนิด แสงน้อย ร้อยเป็นหนึ่ง
เรืองรอง ผ่องพริ้ม ว่อนริมบึง
เคล้นคลึง ทึ้งหา โลกราตรี
บนไม้ เค้าโมง ยืนโคลงหัว
ทรงตัว ตาวาว ราวภูตผี
จันทร จรหาย ในเมฆี
ปฐพี ยะเยียบ ฟ้าเงียบงัน
ปะรำ คร่ำคร่า ผ้าใบขาด
ฉันวาด วิมาน ผ่านเพ้อฝัน
คนรัก ที่ไกล ไปนานวัน
จงหัน กลับมา อาทรเทอญ
โอหนอ คืนค่ำ อันดำมืด
จืดชืด ด้วยนาง เธอห่างเหิน
หัวใจ สิหวัง ยังดำเนิน
เผชิญ ทุกข์ล้ำ คงจำทน
หิ่งห้อย พร้อยพลาม วามวิศิษฏ์
เพ่งพิศ คิดทวน มิถ้วนหน
วันวาน สองเรา เคล้าคู่ยล
บัดดล ไฉน เลิกไยดี
ฉันเพียง ชาวป่า อนาถา
ชีวา ขัดสน หม่นราศี
เขารัก ถือว่า เขาปรานี
เขาหนี เขาหน่าย ได้แต่ตรม
6 กันยายน 2554 15:59 น.
สุนทรวิทย์
หนูเป็นสาว แล้วนะ จะบอกให้
งามไฉไล สมสมัย วัยสิบห้า
ชอบเที่ยวเธค เที่ยวผับ นั่งคลับ,บาร์
เรื่องเหล้ายา แคล่วคล่อง มิรองใคร
อยากไปไหน ใกล้,ไกล แม่ไม่ว่า
เสียเวลา ทักท้วง ห่วงเล่นไพ่
พ่อบอกเบื่อ อิดหนา ระอาใจ
ทำอะไร ก็เชิญ เกินเหลียวแล
มีชายจีบ มากมาย ไม่ซ้ำหน้า
ขันอาสา โอบอุ้ม ทั้งหนุ่ม,แก่
ชาวบ้านแอบ นินทา สาระแน
คอยตอแย ประณาม หยามเหยียดกัน
หนูคบใคร ควงใคร ใช่หนักหัว
ถึงขายตัว เหลือขอ ก็ช่างฉัน
หวังสนุก สุขใจ ไปวันวัน
อย่าขยัน สำรวจ อวดท้วงติง
ถ้าผับ,บาร์ ไม่ดี ไยมีทั่ว
แล้วใครมั่ว กามา ค้าเด็กหญิง
ใครกันได้ ประโยชน์ โฉดตัวจริง
ใครที่นิ่ง ปล่อยปละ แกล้งละเลย
ผู้ใหญ่มิ ใช่หรือ คือต้นเหตุ
สร้างกิเลส ครอบงำ ทำเปิดเผย
มุ่งมอมเมา เยาวชน จนคุ้นเคย
เพื่อสังเวย โมหันธ์ อันมืดมน
ตราบสังคม ยังเป็น เช่นนี้อยู่
คิดสอนหนู อย่างไร คงไร้ผล
หากผู้ใหญ่ ขาดสำนึก รู้สึกตน
จะพร่ำบ่น ทิ่มตำ เด็กทำไม?
6 กันยายน 2554 14:19 น.
สุนทรวิทย์
บนถนน สายเปลี่ยว ทอดเคี้ยวคด
ฉันขับรถ คร่ำคร่า ฝ่าลมฝน
ทางวิบาก ชื้นแฉะ และมืดมน
หลายหลายหน ติดหล่ม จมโคลนเลน
คือถนน ชีวิต อันติดขัด
ต้องปากกัด ตีนถีบ รีบเคี่ยวเข็ญ
ถึงป่วยเจ็บ เหน็บซ้ำ ก็จำเป็น
ตราบกรรมเวร มิสิ้น คงดิ้นไป
ปะหลุมบ่อ เรียงราย คล้ายกับดัก
อุปสรรค หนักข้อ รอแก้ไข
เหลียวหาคน ปรับทุกข์ ปลอบปลุกใจ
ไร้ซึ่งใคร สักหนึ่ง พอพึ่งพา
ถนนสาย ยาวไกล ใกล้สิ้นสุด
มิพบจุด อภิราม ที่ตามหา
ได้แต่ความ ร้อนรุ่ม กลุ้มระอา
กับเวลา บั้นปลาย ไม่กี่วัน
ปลายชีวิต มิใช่ ปลายถนน
เรื่องตั้งต้น หนใหม่ ให้เลิกฝัน
ยามร่วงโรย หมดสิทธิ์ คิดดึงดัน
เหมือนตัวฉัน ท้อแท้ ตอนแก่ตัว
6 กันยายน 2554 13:39 น.
สุนทรวิทย์
คนเรา ชอบเหมาว่า
ดวงชะตา ฟ้าลิขิต
การใด ไม่สมคิด
ก็โทษอิท-ธิฤทธิ์ดวงดาว
ปัญหา คาอยู่ใกล้
แต่กลับไป ไล่เลียงหาว
ผิดทิศ ผิดเรื่องราว
หลงตามข่าว คำกล่าวลือ
แปลกเหลือ เชื่อโหรา
มุ่งศรัทธา บ้านับถือ
คร่ำเคร่ง เล็งลายมือ
ที่แท้ซื่อ หรืองมงาย
ลืมตา มาดูโลก
เผชิญโชค โศกทั้งหลาย
ไยแพ้ แก่อุบาย
คำทำนาย ทายทักคน
มั่นคง เลิกหลงใหล
ก่อนเชื่อใคร ใช้เหตุผล
ลิขิต ชีวิตตน
พร้อมผจญ บนความจริง
ขัดเคือง เรื่องเล็ก,ใหญ่
ควรแก้ไข ใช่อยู่นิ่ง
เข้าท่า กว่าพึ่งพิง
สิ่งอุทธัจ อนัตตา
6 กันยายน 2554 13:28 น.
สุนทรวิทย์
เธอเป็นดาว มหาลัย วัยใสสด
แสนงามงด ใครใคร หมายครองคู่
แข่งพะนอ เอาใจ ใส่โฉมตรู
กลับไร้ผู้ สมหวัง ดังทุ่มเท
เธอโดดเด่น ต้องตา กว่าผองมิตร
กายโศภิต แรกสาว พราวเสน่ห์
เสียที่คบ หลายชาย หน่ายจำเจ
เปลี่ยนโลเล ลองเล่น เช่นกีฬา
เราต่างจบ มหาลัย ไปตามฝัน
ข่าวคราวพลัน เงียบหาย ไม่สู่หา
เนิ่นนานปี เหินห่าง ต่างชรา
มาพบหน้า อีกครั้ง ช่างบังเอิญ
ฉันทักทาย ไต่ถาม ความผาสุก
เธอปรับทุกข์ ระทวย หมดขวยเขิน
ว่ายังโสด โดดเดี่ยว เปลี่ยวเหลือเกิน
ทั้งเผชิญ คำหลู่ อยู่เดียวดาย
นึกอาลัย คืน,วัน อันแสนสั้น
เมื่อก่อนนั้น หนุ่มหนุ่ม รุมมั่นหมาย
เพราะรับรัก กักตุน จนวุ่นวาย
ท้ายทุกราย ต่างทยอย ถอยอำลา
ฟังแล้วเหมือน ละคร สอนชีวิต
ภาพที่เพื่อน สนิท เคยอิจฉา
แท้จริงเพียง ฉากหนึ่ง ซึ่งลวงตา
ฉันพึ่งมา เข้าใจ ในยามนี้
จำไว้เถิด นงคราญ ลูกหลานเอ๋ย
การเกินเลย มากรัก เสียศักดิ์ศรี
จงรักษา คุณสมบัติ กุลสตรี
หญิงจะดี มีค่า อย่าหลายใจ