7 พฤศจิกายน 2554 09:51 น.
สุนทรวิทย์
รักไม่รัก ตอบมา อย่ามัวนิ่ง
บอกความจริง เร็วเถิด เร่งเปิดเผย
ใช่ขู่เข็ญ คุกคาม หนอทรามเชย
แต่ยังเฉย ก็จำ ต้องย่ำยี
วันนี้แหละ ถึงที มีได้เสีย
ตอบมิเคลียร์ หมดสิทธิ์ คิดหลบหนี
แผนการฉัน วาดวาง ไว้อย่างดี
จะปู้ยี่-ปู้ยำ ให้หนำใจ
บอกมาสิ ว่ารัก ฉันหนักแน่น
ยอมเป็นแฟน ตระกอง สนองไข
คืนนี้ร่วม แนบเนื้อ สานเยื่อใย
พรุ่งนี้ไป จดทะเบียน เปลี่ยนสกุล
หากตอบว่า เสียใจ ไม่เคยรัก
ฉันคงจัก หน้ามืด เลิกยืดหยุ่น
หันมาใช้ วิธี ที่ทารุณ
เหมือนไฟฟุน ถูกเร้า ให้เผาฟืน
หมดทางเลือก เมื่อใจ ไม่สอดคล้อง
ฉันจำต้อง บังคับ จับข่มขืน
ราตรีนี้ เคล้นคลึง ถึงมะรืน
มิได้หื่น ฝืนทำ เพราะจำเป็น
7 พฤศจิกายน 2554 09:37 น.
สุนทรวิทย์
ฝนซา นภาฉาย
รุ้งเยื้องกราย ระบายสี
แถบโค้ง โยงเมฆี
รัศมี ไกลลี้ลับ
มหิดล ยามฝนสร่าง
แสงสว่าง กระจ่างจับ
ดินฉ่ำ น้ำซึมซับ
ทุกสิ่งสรรพ งามฉับพลัน
ชีวา เปรียบฟ้า,ฝน
คราวอับจน ทนโศกศัลย์
ผ่านทุกข์ พบสุขครัน
สิ้นหวาดหวั่น ปัญหาใด
สังขาร การเกิด,แก่
ย่อมผันแปร เกินแก้ไข
เนื้อ,หนัง หวังอะไร
มาแล้วไป คล้ายพิรุณ
สมบัติ ต่างผลัดเปลี่ยน
ดังกงเกวียน เวียนวนหมุน
แท้เที่ยง เพียงบาป,บุญ
หนึ่งค้ำจุน หนึ่งขุ่นมัว
ขาว,ดำ พึงจำแนก
สองสิ่งแผก แยกเกลือกกลั้ว
กามฉันท์ ผูกพันพัว
ตามติดตัว คือชั่ว,ดี
6 พฤศจิกายน 2554 12:03 น.
สุนทรวิทย์
ไม่มีใคร ทำดี ได้ที่สุด
ไม่มีจุด ยิ่งใหญ่ เท่าใจหวัง
ไม่มีความ รุ่มรวย สวยจีรัง
ไม่มีทั้ง สังขาร วิญญาณจริง
ไม่มีเรื่อง วิเศษ เหนือเหตุผล
ไม่มีคน เชี่ยวชาญ การทุกสิ่ง
ไม่มีความ กระจ่าง ห้ามอ้างอิง
ไม่มีหญิง-สาวใด ไม่รักงาม
ไม่มีคน หูหนวก บ่นหนวกหู
ไม่มีผู้ ดูเหมาะ เพราะผลีผลาม
ไม่มีใคร ใคร่หาสู่ หากวู่วาม
ไม่มีความ เที่ยงแท้ แม้อยากมี
ไม่มีเสียง นินทา น่าสดับ
ไม่มีทรัพย์-สินเหลือ เมื่อเป็นผี
ไม่มีภูมิ-ปัญญา อย่าอวดดี
ไม่มีหนี้ รบกวน ควรพึงพอ
ไม่มีบุค-คลใด ไม่เคยผิด
ไม่มีจิต เมตตา อย่าเป็นหมอ
ไม่มีคน มั่งคั่ง เพราะนั่งรอ
ไม่มีใคร ถูกด่าทอ แล้วพอใจ
ไม่มีสิ่ง ยืนยง มั่นคงหนอ
ไม่มีต่อ เวลา อายุขัย
ไม่มีสิทธิ์ อุทธรณ์ ตอนม้วยไป
ไม่มีใคร อยู่ค้ำฟ้า สถาวร
6 พฤศจิกายน 2554 12:00 น.
สุนทรวิทย์
เขาเคยให้ ปฏิญญา วาจาสัตย์
ขอยืนหยัด ตรากตรำ ทำเพื่อฉัน
วันหน้าจัก สุขศรี มีครบครัน
ร่วมผูกพัน เป็นหนึ่ง ถึงบั้นปลาย
เขาลาไป ไล่ตาม ความรุ่งโรจน์
ฉันครองโสด รอเขา สู่เป้าหมาย
ผ่านเดือน,ปี เจ็บแปลบ แอบฟูมฟาย
เขาดูดาย หายลับ ไม่กลับมา
กล้ำกลืนดื่ม น้ำตา นับอายุ
ปีนี้ลุ หกสิบสี่ แล้วพี่ขา
ฉันปวดร้าว อ่อนแอ แก่ชรา
เหลือเวลา จากนี้ มิกี่วัน
ฉันขอต่อ ชีวิต อีกนิดหน่อย
เพื่อรอคอย เขาย้อน ก่อนดับขันธ์
เมตตาบ้าง เถิดหนา อย่าลืมกัน
มาสานฝัน ให้ครบ จบกระบวน
สงสารหญิง อาภัพ กลับรอเก้อ
ชายที่เธอ ฝังใจ ไม่เคยหวน
ยามป่วยหนัก ละเมอ เพ้อคร่ำครวญ
เสียงกำสรวล นั้นแผ่วเบา เศร้าเหลือเกิน
6 พฤศจิกายน 2554 11:49 น.
สุนทรวิทย์
เขาเป็นชาย รวยเสน่ห์ เท่ห์คมสัน
พบเมื่อวัน ลอยกระทง พลันหลงใหล
หนุ่มเมืองกรุง หล่อเหลา ช่างเอาใจ
ผู้ทำให้ ชีวัน ฉันอับปาง
เพียงข้ามคืน ผูกพัน กันแนบแน่น
เขาเดินแผน ปองกาย หมายเรือนร่าง
ด้วยเชิงชั้น เชี่ยวชาญ การอำพราง
จึงไว้วาง ปล่อยตน จนลืมทุกข์
เจ็ดทิวา ราตรี แสนดีเลิศ
เที่ยวเตลิด เปิดเปิง ระเริงสุข
ไร้สติ เมามาย อบายมุข
ร่วมเคล้าคลุก เกลือกกลั้ว มั่วราคี
เมื่ออาทิตย์ อัสดง ตรงขอบฟ้า
พี่จะมา พบนงเยาว์ ที่เก่านี่
ถ้อยประโลม อ่อนหวาน ซ่านฤดี
คือวจี สุดท้าย ของชายลวง
ฉันเฝ้านับ วันนาที รอพี่กลับ
สามเดือนลับ ล่วงไป ใจแสนห่วง
พิมานหรู สิ้นหวัง เท็จทั้งปวง
น้ำตาร่วง เจ็บช้ำ สุดรำพัน
พี่อยู่ไหน จงช่วย น้องด้วยเถิด
หากลูกเกิด ขาดบิดา คงอาสัญ
รู้ไหมว่า ตัวฉัน นั้นตั้งครรภ์
ยากคิดหัน พึ่งพา ปรึกษาใคร
จดหมายน้อง เจาะจง ส่งถึงพี่
อย่ารอรี จวนแย่ เร่งแก้ไข
รีบสู่ขอ ดั่งวาจา สัญญาไว้
ก่อนท้องใหญ่ อับอาย ขายหน้าคน
หากพ้นเดือน มีนา เมษานี้
จำหลบลี้ ลาตาย วายหมองหม่น
แม้นวันใด ได้ผ่าน บ้านอุบล
โปรดสักหน แวะเซ่นไหว้ ย้อนไมตรี
ณ.กระท่อม ผุพัง ยังหลังเก่า
ครั้งสองเรา ทึกทัก เป็นสักขี
คือสุสาน ฝังศพ กลบอินทรีย์
น้องรอพี่ ใต้พื้นนั้น ทุกวันคืน