10 พฤศจิกายน 2554 10:17 น.
สุนทรวิทย์
เมฆหม่น ผ่านพ้นไป
แสงรำไพ เฉิดฉายส่อง
เวหา อ่ารงรอง
อาบสีทอง ผ่องทันใด
ดั่งคน พ้นรันทด
หายสลด พลันสดใส
ปัญหา น่าห่วงใย
กลับแก้ไข ได้ทันที
ชีวี ที่ล้ม,ลุก
หลอมรวมทุกข์ และสุขศรี
สำแดง แห่งโลกีย์
ไร้วิถี ทางจีรัง
ธรรมดา โลกามิส
ห้ามท้อจิต ยามผิดหวัง
มานะ แก้ประทัง
ดีกว่าชัง นั่งโทษใคร
วันนี้ มีทุกข์ครัน
อาจสุขสันต์ เมื่อวันใหม่
อิ่มหนำ คือกำไร
เลิกฝักใฝ่ ในราคี
กอบกู้ สู้ชีวิต
สุจริต ไม่คิดหนี
สะสวย ด้วยกรรมดี
จนหรือมี อยู่ที่ใจ
10 พฤศจิกายน 2554 10:13 น.
สุนทรวิทย์
จากทุ่ง จากดิน เจือกลิ่นสาบ
ถอดคราบ ถอดไคล ใจหื่นหรรษ์
ปรับรูป ปรับโฉม เตรียมโรมรัน
จ้วงฝัน จ้วงใฝ่ ไม่รีรอ
หนึ่งใน ปณิธาน สาวบ้านนอก
ทิ้งคอก ทิ้งนา มาอยู่หอ
ฟังเพื่อน โน้มน้าว กล่าวเยินยอ
ลืมพ่อ ลืมแม่ แลลืมตัว
ปล่อยกาย ปล่อยจิต คิดสั้นสั้น
มิทัน ถันเต่ง เร่งมีผัว
ติดยา ติดเหล้า หลงเมามัว
เกลือกกลั้ว มลทิน โดยยินดี
ขายเนื้อ ขายตัว ชั่วเหลวแหลก
จ่ายแจก แตกรัก สิ้นศักดิ์ศรี
ดื่มด่ำ ตัณหา ชาลินี
ป่นปี้ ยับเยิน เกินเยียวยา
เหยื่อของ สังคม หล่มโสโครก
เสี่ยงโรค เสี่ยงภัย ไร้เดียงสา
รายแล้ว รายเล่า ก้าวเข้ามา
ปิดตา ปิดหู สู่วังวน
รู้ตัว ชีวิต ก็บิดเบี้ยว
อยากเลี้ยว อยากเวียน เปลี่ยนถนน
เสียดาย สำส่อน มาค่อนคน
หมดหน หมดทาง ยามร่างโทรม
10 พฤศจิกายน 2554 10:01 น.
สุนทรวิทย์
สุดขอบฟ้า ปลายนั้น ฉันมองหา
รังสิมา ทอแสง แห่งความฝัน
คนบ้านนอก คอกนา ป่าปัจจันต์
คอยคำมั่น ด้วยหวัง อันรังรอง
สุดขอบฟ้า ปลายนั้น ฉันมองหา
รุจิรา มากลบ ลบเศร้าหมอง
ขอวันใหม่ จงรุ่งเรือง ทรัพย์เนืองนอง
รวยเงินทอง มั่งมี ดีครันครบ
สุดขอบฟ้า ปลายนั้น ฉันมองหา
รอสัญญา มากมาย หลายตลบ
คำสวยหรู มารษา เหล่ามานพ
มิพานพบ แม้ผ่าน นานกี่ยุค
สุดขอบฟ้า ปลายนั้น ฉันมองหา
นึกถึงอา-ณาเขต วิเศษสุข
วาดวิมาน งมงาย ระบายทุกข์
แท้เจ่าจุก ยากเข็ญ เช่นเนืองนิจ
สุดขอบฟ้า ปลายนั้น ฉันมองหา
จากยุวา จนแก่เฒ่า เศร้าดวงจิต
ไร้วี่แวว ความงาม ตามสวนิต
สู้ชีวิต เจียนดับ คงอับจน
สุดขอบฟ้า ปลายนั้น ฉันมองหา
ด้วยนัยน์ตา เหือดแห้ง แล้งสับสน
ฝันแล้วฝัน สดับ กลับมืดมน
เจ็บกมล ผิดหวัง ทั้งชีวิน
สุดขอบฟ้า ปลายนั้น ฉันเริ่มเห็น
ไม่เคยเป็น ดั่งจิต คิดถวิล
ปรารถนา ทุกอย่าง ต่างพังภินท์
เหมือนโลกสิ้น วทัญญู ผู้พิทักษ์
สุดขอบฟ้า แลถนัด รู้ชัดแจ้ง
พวกเสแสร้ง พกลม พาจมปลัก
คำสัญญา นักการเมือง เปลี่ยนเยื้องยัก
พึ่งประจักษ์ ถี่ถ้วน ล้วนภาพลวง
9 พฤศจิกายน 2554 12:34 น.
สุนทรวิทย์
กาลเวลา เปลี่ยนแปลง ทั่วแหล่งหล้า
ตามโลกา หมุนไป ไม่สิ้นสุด
เป็นกฎเกณฑ์ วัฏฏะ โลกมนุษย์
มิเคยหยุด เคยพัก แม้สักวัน
ธรรมชาติ กำหนด สิ่งสดสวย
พร้อมความม้วย เสื่อมสลาย วายอาสัญ
ให้มีเกิด มีดับ สลับกัน
อัศจรรย์ ผิดแผก แตกต่างไป
เช่นวายุ จู่โจม โหมถล่ม
กวาดเมืองจม ถมทับ ปรับพื้นใหม่
อัสนี สายฟ้า ผ่าพฤกษ์ไพร
เผาผลาญไหม้ พนาสณฑ์ จนโล่งเตียน
สิ่งพบเห็น มั่นคง ณ.ตรงนี้
ผ่านอีกปี มิแน่ ว่าแปรเปลี่ยน
อันดินน้ำ ลมไฟ ไซร้หมุนเวียน
ดุจกงเกวียน ล้อเลื่อน เคลื่อนไคลคลา
สรีระ ใดใด ใช่อมตะ
ทุกชีวะ ล้วนแพ้ แก่สังขาร์
สรรพสิ่ง ที่เกิด กำเนิดมา
เมื่อถึงครา ก็แตกดับ ลาลับลง
แม้ความจริง ย่อมรู้ ทุกหมู่เหล่า
ไยแกล้งเขลา ลืมสติ อานิสงส์
มนุษย์ขาด สำนึก รู้สึกปลง
จึงลุ่มหลง วัตถุ ดันทุรัง
กาลเวลา เปลี่ยนแปลง ทั่วแห่งหน
ยกเว้นคน ต่ำช้า นั้นอย่าหวัง
นักโกงเมือง ปากพล่อย คอยเบียดบัง
น่าชิงชัง กลาดเกลื่อน ยังเหมือนเดิม
9 พฤศจิกายน 2554 12:17 น.
สุนทรวิทย์
งานยุ่ง ทั้งวัน ฉันละหน่าย
วุ่นวาย เช้า-สาย บ่ายยันค่ำ
ภาระ หน้าที่ มีประจำ
ไม่ทำ ใครล่ะ จะทำแทน
เช้าเรื่อง น้องเมีย พึ่งเคลียร์จบ
สายพบ เมียน้อย คอยหวงแหน
บ่ายต้อง รีบไป เอาใจแฟน
ค่ำแจ้น ฉับไว ไปหากิ๊ก
มิมี เสน่ห์ เท่ตรงไหน
อาศัย พกพา ปลัดขิก
วิ่งรอก กังวล จนเหงื่อซิก
ระริก ระรี้ ไม่มีพัก
ขาดใคร สักคน ทนมิได้
หัวใจ งุ่นง่าน เกินหาญหัก
รู้ว่า อนงค์ ต่างจงรัก
เหนื่อยหนัก ตรากตรำ คงจำทน
จับปลา หลายมือ ยื้อเต็มที่
บัดนี้ เวรกรรม สำแดงผล
พวกนาง ห่างเห ทันเล่ห์กล
ล่องหน ไปหมด สลดจริง