13 กุมภาพันธ์ 2555 15:29 น.

พ่อค้าส้มตำ

สุนทรวิทย์

เหนื่อยอ่อน  ค่อนชีวิต		
	ไม่มีสิทธิ์  แม้คิดหวัง
			หากิน  ดิ้นประทัง		
		สุดกำลัง  ยังยากจน

				ลำบาก  สู้ตรากตรำ	
		มิก่อกรรม  ทำฉ้อฉล
			หลายปี  ที่อดทน	
			สาละวน  อยู่คนเดียว

				คืน,วัน  เงียบสันโดษ		
	เป็นชายโสด  ร้างโดดเดี่ยว
			หนทาง  ช่างลีบเรียว		
		จิตห่อเหี่ยว  เปลี่ยวซึมเซา

				ผู้ใด  ไหนรู้ซึ้ง		
		ชีวิตหนึ่ง  ซึ่งอับเฉา
			ขาดชู้  คู่แบ่งเบา			
	สุดหงอยเหงา  เศร้าหัวใจ

				ระอา  หน้าหมองคล้ำ	
		ขายส้มตำ  น้ำแข็งไส
			ตระเวน  เข็นรถไป				
ชุ่มเหงื่อไคล  กายโงงเงง

				วันนั้น  ฉันเมื่อยล้า		
	เดินชักช้า  หน้ารถเก๋ง
			เสียงไล่  คล้ายนักเลง                                       
 ไอ้เส็งเคร็ง  จากเก๋งงาม

				เศรษฐี  มั่งมีเกียรติ		
	คนจนเฉียด  พลันเหยียดหยาม
			เอะอะ  ก็ประณาม		
		ชอบหาความ  ตามราวี

				เหนื่อยอ่อน  ค่อนชีวาตม์		
ไร้โอกาส  ปราดถอยหนี
			เจ็บช้ำ  ถูกย่ำยี			
		โดยผู้ดี  ที่แสนทราม				
12 กุมภาพันธ์ 2555 12:32 น.

บทเรียนชีวิต

สุนทรวิทย์

อารมณ์  ตรมวูบหนึ่ง		
	ครุ่นคำนึง  ถึงหนหลัง
			ชีวิน  ล่มภินท์พัง				
เพราะผิดพลั้ง  ครั้งนั้นเชียว

				วัยคะนอง  ประลองรถ		
	โชว์เคี้ยวคด  บทหวาดเสียว
			ใครห้าม  ปรามหน่อยเดียว		
	ย้อนกราดเกรี้ยว  อวดเชี่ยวชาญ

				ประชัน  อันตราย		
	แข่งทำร้าย  กายสังขาร
			สุดท้าย  แทบวายปราณ			
เจ็บพิการ  ลาญหัวใจ

				ชีวา  อนาคต 				
เปลี่ยนรันทด  หมดทางไข		
			ทางฝัน  อันยาวไกล			
	มลายไป  ในพริบตา

				มิใช่  ผู้ใดดล			
	ตนทำตน  จนพลาดท่า
			ทุกข-เวทนา			
		เมื่อสองขา  มาขาดกลาง

				ใครเล่า  เขาชมเชย	
		มีแต่เปรย  เย้ยถากถาง
			อับจน  ไร้หนทาง			
	มิตรหนีห่าง  ต่างรำคาญ

				คิดได้  เมื่อสายแล้ว		
	หมดความแกล้ว  แววฮึกหาญ
			ย่อท้อ  ทรมาน				
	เป็นขอทาน  สะพานลอย

				เสียดาย  วัย,เวลา			
สิ้นคุณค่า  คราถดถอย
			รับกรรม  ไม่สำออย			
	นั่งหงอยก๋อย  คอยเศษเงิน				
11 กุมภาพันธ์ 2555 14:19 น.

ชีวิตชาวนา

สุนทรวิทย์

ฤดูกาล  พรรษา  เวียนมาถึง
อุทกจึง  รินหลั่ง  ดังฟ้ารั่ว
เสียงกบอึ่ง  อึงอล  บนกอบัว
ครึ้มสลัว  หยาดพิรุณ  หนุนเนืองนอง
            
 เกิดเป็นลูก  ชาวนา  พึ่งฟ้าฝน
 	ต้องดิ้นรน  ตรากตรำ  ผิวคล้ำหมอง
พลิกผืนดิน  ผินให้  กลายเป็นทอง
เลี้ยงปากท้อง  คร่ำหวอด  สืบทอดมา

อัสนี  ก้องครั้งใด  ใจก็หวัง
เกิดพลัง  อุตสาหะ  ตามประสา
แบกคันไถ  จูงควาย  มุ่งปลายนา
เตรียมไถหว่าน  ปักกล้า  งานชาชิน

            อนาคต  ฝากใส่  ในรวงข้าว
จะยืนยาว  หรือเพิ่ม  เติมหนี้สิน
กำหนดโชค  ชะตา  โดยฟ้าดิน					
	คนหยามหมิ่น  นินทา  ว่ามอซอ					

	ฝนสร่างซา  พาฉัน  จิตหวั่นไหว
สัญญาไว้  กับคนรัก  จักสู่ขอ
หลายปีแล้ว  ผ่อนผลัด  นัดเธอรอ
เงินไม่พอ  ขาดแคลน  แสนอับอาย

             สิ้นฤดู  เก็บเกี่ยว  หน้าเหี่ยวเฉา
ข้าวเปลือกเรา  ด้อยค่า  น่าใจหาย
ขาดทุนจน  ซ้ำซาก  คิดอยากตาย
ฝันสลาย  อีกปี  อดมีเมีย				
10 กุมภาพันธ์ 2555 14:49 น.

อย่าดีแต่ปาก

สุนทรวิทย์

ใครหนอพร่ำ  พรรณนา  ว่าแสนปลื้ม
				ฟังดูดดื่ม  ไพเราะ  ฉอเลาะนั่น
				ยกฉันจน  เลิศลอย  พลอยงงงัน
				ช่างจำนรรจ์  คารม  ได้สมจริง
	
					ปากว่าปลื้ม  แต่ภายใน  ใจหลอนหลอก
				กลปลิ้นปลอก  ปรุงแต่ง  แสร้งลวงหญิง
				ซุกซ่อนเล่ห์  เพทุบาย  หมายแอบอิง
				ทั้งกลอกกลิ้ง  มุสา  น่าชิงชัง

					หากหลงเชื่อ  คงช้ำ  น้ำตาตก
				คำโกหก  หวานซึ้ง  เกินพึ่งหวัง
				พอห่างไกล  สิแหนงหน่าย  ไม่จีรัง
				ถึงฉุดรั้ง  อย่างไร  ใช่เหมือนเดิม

					ระงับเถิด  มารยา  ปวงสาไถย
				สงบใจ  สำนึก  หยุดฮึกเหิม
				ที่อ้อนวอน  งอนง้อ  กล่าวต่อเติม
				ฉันมิเคลิ้ม  วาบหวาม  ตามวาจา

					แม้นมั่นคง  อย่าเปรย  เพียงเอ่ยเล่น
				เลิกโอนเอน  บิดพลิ้ว  เล่นชิวหา
				แน่จริงก็  มาสู่ขอ  ต่อมารดา
				ถ้าไม่กล้า  จงหุบปาก  หยุดมากความ				
10 กุมภาพันธ์ 2555 14:40 น.

สองสาวสองสำนึก

สุนทรวิทย์

ลูกเศรษฐี					

			ธิดาหนึ่ง  ขึ้งโกรธ  โทษพ่อ,แม่		
พร่ำวอแว  ประชด  ว่าอดสู
	ขอรถเบ้นซ์  สีทอง  สองประตู		
	ดูดู๋ดู  ให้ฮอนด้า  น่าน้อยใจ

			ขอแหวนเพชร  สามกะรัต  ทำผลัดผ่อน	
ต้องแง่งอน  ปั้นปึ่ง  ถึงจะได้
	เที่ยวยุโรป  ปีละหน  บ่นร่ำไร		
	เงินเดือนให้  ไม่กี่หมื่น  ขมขื่นจริง
			
แค่ดื่มเหล้า  จิบไวน์  ในหมู่เพื่อน		
คอยตักเตือน  บงการ  รำคาญยิ่ง
		เมื่อไรจะ  เลิกตำหนิ  หยุดติติง			
	หนูมันหญิง  ยุคใหม่  ใช่โบราณ

						            ลูกคนจน

			กลางสลัม  สาวน้อย  ด้อยโอกาส	
	กระวีกระวาด  ว่องไว  ไร้โวหาร
		เช้าร่ำเรียน  ศึกษา  วิชาการ			
	เย็นทำงาน  ตรากตรำ  ทุกค่ำคืน

			รู้เจียมตัว  เจียมใจ  ในทุกข์ร้อน	
	ช่วยบิดร  มารดา  มิฝ่าฝืน
		ทนอาบเหงื่อ  ต่างน้ำ  ยอมกล้ำกลืน		
	หวังพลิกฟื้น  ยืนหยัด  วัฒนา

			พยายาม  ก่อร่าง  สร้างฐานะ		
	วิริยะ  บากบั่น  สู้ปัญหา
		มัธยัสถ์  อดออม  รอมเงินตรา			
	ด้วยปัญญา  ขันติ  ปณิธาน

						           หลายปีผ่านไป

			สองสาวคง  แตกต่างกัน  ถึงวันนี้	
	ลูกเศรษฐี  มีแต่ข่าว  คราวร้าวฉาน
		ได้สามี  อีลุ่ยฉุยแฉก  ผลาญแหลกลาญ		
ถูกประจาน  ยิ้มหัว  ทั่วบ้านเมือง

			ส่วนอีกสาว  พากเพียร  เรียนจบหมอ	
	คนเยินยอ  นับถือ  เกียรติลือเลื่อง
		พาชีวิต  สู่ฝัน  อันรุ่งเรือง			
	พ้นฝืดเคือง  เพราะใจ  ใฝ่รักดี

			ยกเป็นอุ-ทาหรณ์  สอนชีวาตม์			
แก่ผู้ขาด  จรรยา  ลืมหน้าที่
		อย่านิ่งเฉย  เฉื่อยชา  แม้นาที			
	จนหรือมี  จงไขว่คว้า  เดินหน้าไป				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุนทรวิทย์