31 สิงหาคม 2554 13:43 น.
สุนทรวิทย์
เหงาเหลือเกิน เกินกว่า คำว่า เหงา
เหงาเพราะเรา อยู่เดียว เปลี่ยวดวงจิต
เหงาประหนึ่ง ชีวาตม์ ไร้ญาติมิตร
เหงาด้วยขาด คู่คิด แนบชิดกาย
เหงาอ้างว้าง จับทรวง ใครล่วงรู้
เหงาหดหู่ บีบคั้น ขวัญสลาย
เหงาปวดร้าว สารพางค์ แทบวางวาย
เหงาคลับคล้าย โลกนี้ ไม่มีคน
เหงาเพราะเธอ ทิ้งขว้าง หนีห่างเหิน
เหงาเมื่อเธอ แยกเดิน เมินเหตุผล
เหงาด้วยพิษ ผิดหวัง ฝังกมล
เหงาอับจน ดังบาป สาปลงทัณฑ์
เหงาปานโรค เรื้อรัง ฝังเก็บกด
เหงาสลด เดียวดาย แม้ในฝัน
เหงาซึมเศร้า ชอกช้ำ เหลือรำพัน
เหงาอัดอั้น ระทม มานมนาน
เหงาก่อความ กลัดกลุ้ม ทุกข์รุ่มร้อน
เหงาคอยบ่อน-ทำลาย กายสังขาร
เหงาสร้างแต่ ความย่อท้อ ทรมาน
เหงาประหาร ฉันให้ ตายทั้งเป็น
31 สิงหาคม 2554 13:16 น.
สุนทรวิทย์
หนุ่มสาว วัยก้าวหน้า
พึ่งวิวาห์ มาคู่หนึ่ง
ร่วมสรรค์ ฝันคำนึง
หมายมุ่งถึง ซึ่งเส้นชัย
ความฝัน พลันสะดุด
เมื่อมีบุตร สุดวิสัย
งานหนัก จำพักไป
หันห่วงใย ในลูกแทน
ลูกเท้า เท่าฝาหอย
ตั้งแต่น้อย คอยหวงแหน
มิให้ ใดขาดแคลน
รักเปรียบแม้น แกนชีวี
หลายปี ที่โอบอุ้ม
ลูกสุขุม หนุ่มเต็มที่
พากเพียร เรียนเข้าที
อยู่ปีสี่ อาชีวะ
บ่อยครั้ง นั่งรถเมล์
พบเด็กเก-เรเกะกะ
ต้องเบี่ยง เลี่ยงปะทะ
รู้ที่จะ ระงับใจ
แต่แล้ว ไม่แคล้วคลาด
ชะตาขาด พลาดจนได้
มิรู้ ถูกผู้ใด
ลอบยิงใส่ วายชีวัน
พ่อแม่ ช็อกแน่นิ่ง
สูญเสียสิ่ง เทียมมิ่งขวัญ
เพียงว่า สถาบัน
ชื่อต่างกัน ถึงบรรลัย
อาธรรม์ อันวิกฤต
ใครเคยคิด วินิจฉัย
เอะอะ ขออภัย
อ้างเยาว์วัย ไร้น้ำยา
ต้องพลี อีกกี่ศพ
หากยังหลบ ทบปัญหา
มัวแต่ แผ่เมตตา
กี่มารดา ต้องอาดูร
31 สิงหาคม 2554 11:29 น.
สุนทรวิทย์
สุริยัน อันเจิดจ้า
ร้อนแรงกล้า บนฟ้าไกล
สาดแสง แดงอำไพ
โลมลูบไล้ ไผทดล
เมทนี อาบสีสัน
ป่าอรัณย์ พลันโสภณ
ละหาน สายธารชล
ทั่วมณฑล ยลงดงาม
ชีวิต จิตรกำเนิด
สิ่งประเสริฐ ก่อเกิดตาม
วิเศษ พื้นเขตคาม
อภิราม ยามทิวา
รวี ศรีอดุลย์
แผ่ไออุ่น พสุนธรา
เกื้อหนุน คุณนานา
ต่อโลกา เหมือนอาทร
ขาดแสง แห่งตะวัน
โลกโศกศัลย์ นิรันดร
ดุจชาย ไร้บังอร
แทบม้วยมรณ์ นอนปวดใจ
ทินกร แม้ร้อนนัก
ไหนเทียมรัก ปักทรวงใน
หลงเจ้า เฝ้าห่วงใย
เหตุไฉน เมินไมตรี
หทัย มิใหญ่หลวง
ใช่เปรียบสรวง ดวงสุรีย์
มีเพียงรัก และภักดี
ซึ่งพร้อมที่ พลีเพื่อเธอ
30 สิงหาคม 2554 18:18 น.
สุนทรวิทย์
จันทร์ฉาย ส่องพรายพราว
เด่นสกาว ขาวสุกใส
นภา อ่าอำไพ
แสงเรืองไร ไฉไลพลัน
เพริศแพร้ว วาวแวววับ
แทรกซึมซับ ประทับฝัน
นิศา วิลาวัณย์
เพียงบุหลัน นั้นแย้มเยือน
หนึ่งโสม ประโลมหล้า
หมื่นดารา อย่าหมายเหมือน
ดาวใด ไหนเทียมเดือน
ยามคลาเคลื่อน เตือนราตรี
ศศี มณีรัตน์
เจิดจรัส รัศมี
ชดช้อย ลอยเมฆี
รชนี นี้อำพน
คืนเพ็ญ เห็นกระจ่าง
แขศุภางค์ กลางเวหน
ทอดเงา เคล้าสายชล
ฉาบภูดล ดุจมนตรา
อินทุ งามรุจิ
ชวนปีติ สิเนหา
คู่ขวัญ อันธิกา
ดวงจันทรา ข้าชื่นชม
30 สิงหาคม 2554 17:46 น.
สุนทรวิทย์
คุณจู๋มอง คุณจิ๋ม แล้วยิ้มทัก
งานคงหนัก สิท่า หน้าจึงย่น
มีภาระ อันใด ให้กังวล
ไยต้องทน เหนื่อยอ่อน ทุกค่อนคืน
จิ๋มแลบลิ้น ออดอ้อน ก่อนตอบจู๋
ที่จิ๋มสู้ ลำบาก ใช่อยากฝืน
ด้วยเห็นจู๋ ตรากตรำ ยังกล้ำกลืน
จึงหยิบยื่น อีกแรง เพื่อแบ่งเบา
ยามเห็นจู๋ หมดกำลัง นั่งคอห้อย
จิ๋มก็พลอย หงอยเซียว แฟบเหี่ยวเฉา
ถ้าเราไม่ ก่อร่าง สร้างตัวเรา
คงต้องเศร้า หดหู่ เที่ยวกู้ยืม
น้ำใจจิ๋ม ท่วมท้น ล้นทรวงอก
จู๋ผงก หัวงึกงึก นึกปลาบปลื้ม
วาจาจิ๋ม หวานหู มิรู้ลืม
ปานได้ดื่ม ได้ด่ำ น้ำทิพย์เชียว
จิ๋มยืนผัด หอยลาย ขายโต้รุ่ง
จู๋ก็มุ่ง ขายถั่วดำ ทำถั่วเขียว
สองคนต่าง ขะมักเขม้น ตัวเป็นเกลียว
จิ๋มเลยเหี่ยว จู๋เลยหด เพราะอดนอน