2 กันยายน 2554 16:16 น.
สุนทรวิทย์
ตอนพบจิ๋ม ครั้งแรก ฉันแตกตื่น
ได้แต่ยืน หน้าทู่ ชูคอแข็ง
จิ๋มกลับทำ ปั้นปึ่ง กึ่งคลางแคลง
คงระแวง ฉันมาก จึงจากไป
วันนี้จิ๋ม เยี่ยมหน้า มาอีกหน
ทำพิกล จนฉัน จิตหวั่นไหว
ลืมว่าควร วิสาสะ ประการใด
มัวกุมเป้า เกาไข่ มิไหวติง
อยากพบจิ๋ม สาวเจ้า ทุกเช้าสาย
แต่จิ๋มอาย สายตา ประสาหญิง
ครั้นเห็นฉัน งุ่นง่าน ปานกระทิง
เธอก็ยิ่ง หวงตัว กลัวฉันมอง
ฉันจึงต้อง เจาะรู แอบดูจิ๋ม
หลงกระหยิ่ม ลนลาน ถึงบ้านช่อง
ยามหน้ามืด ตาลาย ขาดไตร่ตรอง
เผลอไปเจาะ เอาห้อง ของพ่อเธอ
ไม่พบจิ๋ม นวลนาง ก็ช่างเถอะ
ดันมาเจอะ ดุ้นสาก ตำปากเจ่อ
ต้องแกล้งบ่น พึมพำ ทำละเมอ
โง่บ้าเซ่อ เยี่ยงนี้ มีแต่เรา
2 กันยายน 2554 16:04 น.
สุนทรวิทย์
คอหวย จับเจ่า เฝ้าแทงหวย
อยากรวย อยากมี หนีเหตุผล
เชื่อผี เชื่อเปรต เชื่อเวทมนตร์
ยิ่งจน ยิ่งจม ยิ่งงมงาย
สัมมา-อาชีพ มิรีบเร่ง
นั่งเล็ง ลัคนา แทนค้าขาย
เดาสุ่ม เดาส่ง หลงทำนาย
เลขท้าย บน,ล่าง พร่ำอ้างอิง
เจ้าพ่อ เจ้าแม่ แห่แซ่ซ้อง
บ้านช่อง ของขลัง ตั้งเต็มหิ้ง
โอมเพี้ยง เสียงทาย หมายพึ่งพิง
เลขวิ่ง เลขโดด โปรดสักตัว
ถูกกิน ทั้งปี หนี้เรี่ยราด
ถูกบาท สองบาท ประกาศทั่ว
เข้าเนื้อ เข้าหนัง ยังเมามัว
ครอบครัว คะมำ เพราะน้ำมือ
เที่ยวขูด เที่ยวค้น ยลเลขเด็ด
ดอกเห็ด ปลีกล้วย ช่วยได้หรือ
บนบาน-ศาลกล่าว ราวกระบือ
นับถือ ไม่เลือก ยันเผือก,มัน
คอหวย ฝันเฟื่อง เป็นเรื่องเศร้า
ใช่เล่า กระทบ เพื่อขบขัน
เพียงแนะ คนเขลา ให้เท่าทัน
สำคัญ เขาเชื่อ หรือเบื่อฟัง
2 กันยายน 2554 14:12 น.
สุนทรวิทย์
สายัณห์ ตะวันรอน ทินกร เริ่มอ่อนแสง
เวหา คราเปลี่ยนแปลง ทั่วหนแห่ง แดงอำไพ
นที นีรจร อรชร อ้อนหลงใหล
รวงข้าว ยาวแกว่งไกว พลิ้วไสว ไผททอง
เมฆินทร์ บินขับเคลื่อน ลมว่าวเยือน เดือนสิบสอง
ทุ่งเหลือง เรียงเรืองรอง ยินเสียงร้อง เพลงก้องมา
สำเริง เซิ้งสำราญ ฤดูกาล งานหรรษา
กสิกร ฟ้อนเฮฮา เก็บเกี่ยวนา ปลื้มอานันท์
สนุก ลืมทุกข์สิ้น ลืมหนี้สิน คำหมิ่นหยัน
ควงเคียว เกี่ยวข้าวกัน เชื่อมสัมพันธ์ ปันไมตรี
หนุ่ม,สาว เล่นกราวเกรียว ขับเพลงเกี้ยว พาราสี
เหน็ดเหนื่อย เมื่อยขวบปี สุขเปรมปรีดิ์ มิกี่วัน
ชาวนาเปรียบ เทียบสันหลัง คือพลัง กำลังขวัญ
ใครหนอ จ้อจำนรรจ์ ช่างเสกสรร ปั้นเล่ห์กล
ที่แท้ พ่อ,แม่เอ๋ย กว่างอกเงย เชยพืชผล
ตราตรำ แทบจำนน สาละวน ทนดักดาน
ลำเค็ญ เช่นยาจก ช้ำหัวอก ตกลูก,หลาน
วิบาก ยากนมนาน ไร้ผู้หาญ ขานดับไฟ
เชิญเถิด เชิญร้องรำ หยุดชอกช้ำ ทำหวั่นไหว
ชีวี ที่คลาไคล บทสุดท้าย ตายเหมือนกัน
1 กันยายน 2554 13:53 น.
สุนทรวิทย์
ความรัก เรื่องหนักอก
เหมือนเข็นครก ยกขึ้นเขา
ลืมตัว หลงมัวเมา
ดุจโง่เขลา ยากเข้าใจ
ยามรัก ใครสักคน
จิตสับสน จนหวั่นไหว
ห่วงหา กว่าสิ่งใด
คอยฝักใฝ่ ให้กังวล
งมงาย คล้ายบ้าคลั่ง
เกินฉุดรั้ง ชั่งเหตุผล
กลัดกลุ้ม สุมกมล
ดั่งไฟรน ร้อนลนลาน
คู่ไหน ใจมั่นคง
ต่างซื่อตรง ยงสมาน
ขันติ มิร้าวราน
ย่อมเบิกบาน สราญรมย์
อิทธิ พรหมลิขิต
ส่งชีวิต พิสิฐสม
รักเดียว สุขเกลียวกลม
อธิคม น่าชมเชย
รักใด ใกล้อับปาง
จะเหินห่าง หมางเมินเฉย
ช้ำชอก หยุดงอกเงย
หมายลงเอย กลับเลยไป
พลั้งพลาด อาจขื่นขม
อย่ามัวตรม บ่มแก้ไข
มุ่งหวัง ตั้งต้นใหม่
ใช่เหตุใหญ่ ใครก็เคย
1 กันยายน 2554 13:40 น.
สุนทรวิทย์
อันความตาย เร็ว,ช้า ย่อมมาถึง
จะดื้อดึง อย่างไร ไม่อาจหนี
คนร่างกาย แข็งแรง แกร่งเข้าที
อยู่ดีดี ยังดับดิ้น สิ้นกมล
ความตายใช่ น่ากลัว อย่างตัวคิด
หากดวงจิต บรรลุ ซึ่งกุศล
แม้ยามสิ้น อายุ มิทุรน
หมดกังวล ร้อนใจ ในบาปเวร
ความตายของ บางคน ดั่งพ้นทุกข์
เพราะความสุข ใดใด ไม่เคยเห็น
จมในปลัก วิบาก ยากลำเค็ญ
ตายหรือเป็น ความหมาย จึงคล้ายกัน
ความตายเยือน เมื่อไร ไม่อาจรู้
ขอเพียงอยู่ อย่างผู้ รู้สร้างสรรค์
ทำความดี ฝากไว้ ให้ครามครัน
เป็นรางวัล อานิสงส์ วงศ์ตระกูล
การอยู่แบบ ฉ้อฉล ปนสับปลับ
ถึงตายดับ มลทิน ใช่สิ้นสูญ
กรรมจะคอย หลอนหลอก ตามพอกพูน
ให้อาดูร พลัดตก นรกไป