9 กันยายน 2554 14:14 น.
สุนทรวิทย์
นางใด ในโลกนี้
ยากจะมี ดีเท่าแม่
รักลูก ผูกดวงแด
จิตเที่ยงแท้ แต่เกิดมา
พระคุณ อดุลย์ล้น
ท่วมภูดล ท้นเวหา
จากเยาว์ เข้าชรา
ทุกเวลา ท่านอาทร
น้ำใจ ไม่เคยหมด
เหนือกำหนด พจน์อักษร
เอกอุ คุณากร
สถาวร มิคลอนคลาย
หนึ่งหยด รสน้ำนม
ค่าอุดม สมมุ่งหมาย
สร้างลูก ปลูกหญิง,ชาย
สืบเชื้อสาย กาย,ชีวา
ผูกพัน โดยสัญชาต
ทุกชีวาตม์ ชาติภาษา
เสี้ยวเศษ แห่งเมตตา
เลิศล้ำกว่า จาระไน
ความรัก แม่หนักแน่น
สุดทดแทน แสนยิ่งใหญ่
ลูกกราบ ซาบซึ้งใจ
ตลอดไป ไม่ลืมเลือน
9 กันยายน 2554 13:28 น.
สุนทรวิทย์
คนเราแรก เกิดมา เป็นทารก
แม่กอดกก ดังระไว ไข่ในหิน
เฝ้าฟูมฟัก เอ็นดู อยู่อาจิณ
ปัดยุงริ้น ผูกพัน ป้องกันภัย
ครั้นเติบโต ขึ้นหน่อย ค่อยศึกษา
เรียนวิชา อบรม บ่มนิสัย
จนบรรลุ หนุ่ม,สาว เข้ามหาฯลัย
เติมวินัย เตรียมพลัง สู่สังคม
จบแล้วประ กอบอาชีพ รีบตั้งหลัก
คบคนรัก ดูใจ ให้เหมาะสม
ช่วงแห่งการ วิวาห์ หาคู่ชม
ตามนิยม ชื่นชอบ สร้างครอบครัว
เปลี่ยนจากลูก ก้าวต่อ เป็นพ่อ,แม่
งานหลายแหล่ เกาะกุม สุมท่วมหัว
ทั้งภาระ หน้าที่ มีรอบตัว
รุมพันพัว หมกมุ่น แสนวุ่นวาย
พริบตาเดียว คืนวัน ก็ผันผ่าน
วัยถึงกาล ชรา น่าใจหาย
ญาติมิตรเริ่ม ทยอย ผ็อยมลาย
ต่างร่างกาย งกเงิ่น เกินประทัง
เกิด,แก่,เจ็บ แล้วตาย วายสังขาร
เช่นสายธาร ไหลไป ไม่กลับหลัง
วัฏสงสาร ลิขิต อนิจจัง
มิอาจยั้ง กติกา ธราดล
8 กันยายน 2554 13:20 น.
สุนทรวิทย์
โกรธฉันเถิด ถ้าทำให้ ใจเธอสุข
อย่าเป็นทุกข์ เพราะฝืนใจ อภัยฉัน
อยากทำโทษ ก็จง ลงมือพลัน
พร้อมรับทัณฑ์ ทุกข้อ มิต่อรอง
จะเชือดเนื้อ เถือหนัง ทั้งควักอก
ไม่ตระหนก ยินดี พลีสนอง
เมื่อหายโกรธ โปรดหันหน้า มาปรองดอง
เลิกหม่นหมอง หงุดหงิด คิดเกลียดชัง
ลิ้นกับฟัน กระทบ ขบกันได้
ลองดับไฟ คลายร้อน นึกย้อนหลัง
ภาพหวานชื่น ดูดดื่ม ลืมหรือยัง
ความรักครั้ง สองเรา ผลัดเอาใจ
เพลงนิทรา ราตรี ที่เธอชอบ
เคยร้องปลอบ อรไท จำได้ไหม
ฉันพลั้งผิด กี่หน กังวลไย
หยุดร่ำไห้ ไหวหวั่น นะขวัญตา
ต่อนี้ไป รักเดียว เลิกเลี้ยวลด
ละพยศ แข็งข้อ ก่อปัญหา
จะเชื่อฟัง วจี ศรีภรรยา
เหมือนมารดา เลยหนอ ขอสาบาน
8 กันยายน 2554 13:12 น.
สุนทรวิทย์
คำปลอบโยน ที่ว่า อย่าคิดมาก
พูดไม่ยาก แต่กระทำ ลำบากแสน
วิถีชน วุ่นวาย ไร้แบบแปลน
เรื่องคับแค้น มีให้คิด ท่วมจิตใจ
ปัญหา สารพัน นั้นยากหลบ
เรื่องนี้จบ พรุ่งนี้ มีเรื่องใหม่
ต้องคอยแก้ คอยคิด เป็นนิตย์ไป
ส่วนผู้ใด บอกไม่คิด นั่นปิดบัง
ถึงพระ,เถร เณร,ชี ที่เคร่งครัด
ใช่จะตัด กรรมง่าย อย่างใจหวัง
ปากบอกมิ-ยึดติด อนิจจัง
กลับคิดดัง คิดเด่น เห็นมากมาย
ปุถุชน อ่อนข้อ ต่อกิเลส
ยิ่งหาเหตุ คิดไป ได้หลากหลาย
แต่รู้ความ กังวล จนวันวาย
ดูดูคล้าย วิปลาส ขาดปัญญา
ปลอบผู้อื่น เป็นกุศล ของคนปลอบ
ชนนบนอบ ชอบพอ ขอปรึกษา
ยามคิดเอง สิอับจน บ่นระอา
คิดกี่ครา ก็หงุดหงิด คิดทำไม
8 กันยายน 2554 13:00 น.
สุนทรวิทย์
เห็นช้างขี้ อย่าอวดดี ขี้ตามช้าง
นึกเลียนอย่าง ผู้อื่น ฝืนสังขาร
มิรู้จัก เจียมกมล ก้นจะบาน
จงประมาณ พละ ฐานะตน
เห็นเขาซื้อ เพชร,ทอง ต้องซื้อบ้าง
ใช้ของห้าง ปลาบปลื้ม ลืมขัดสน
แต่งเลิศหรู ชุดเยี่ยม ทัดเทียมคน
ขับรถยนต์ ชั้นดี ปล่อยหนี้รุม
ทำเกินตัว กลบเกลื่อน เหมือนเง่าโง่
วางมาดโก้ ส่วนภาย-ในกลัดกลุ้ม
ดุจช้างตาย ทั้งตัว เอาบัวคลุม
แม้ห่อหุ้ม อย่างไร ใช่ปิดบัง
การอำพราง ชั่วครั้ง ยังพอได้
แต่คงไม่ ตลอด รอดถึงฝั่ง
กลับทับถม ปัญหา มาประดัง
ลองหยุดยั้ง ชั่งใจ ย้อนใคร่ครวญ
งดเถอะความ อุทธัจ ดัดจริต
ที่พลั้งผิด แก้ไข ให้ถี่ถ้วน
ตั้งสติ สักนิด คิดทบทวน
สิ่งใดควร มิควร ล้วนชัดเจน
เกิดเป็นกา เป็นหงส์ ปลงให้ตก
ถึงโกหก นานเข้า เขาย่อมเห็น
จน,รวยเรื่อง ธรรมดา อย่าเบี่ยงเบน
มัวซ่อนเร้น ความจริง ยิ่งน่าอาย