16 กันยายน 2554 12:43 น.
สุนทรวิทย์
ลำน้ำปิง อิงกาย คล้ายหญิงหลับ
คลื่นขยับ แผ่วพลิ้ว ริ้วฟูฟ่อง
ผิวนที ยามเย็น เป็นสีทอง
ฉันเหม่อมอง เรือน้อย ลอยเคลื่อนคลา
สนธยา เยือนหล้า เพ-ลาพลบ
ตะวันหลบ ค่อยคืบ แอบหลืบผา
ฟากฟ้าสวย อร่าม งามจับตา
พสุนธรา ชโลทร ดุจซ่อนมนต์
ปิงก่อเกิด จากแหล่ง แห่งหนไหน
เธอชอนไช คดเคี้ยว เลี้ยวสับสน
ชุบเลี้ยงคน สองฝั่ง ยังเวียนวน
เป็นสายชล ตำนาน บุราณกาล
ถิ่นกำเนิด ก่อเกื้อ เอื้อชีวิต
ธารนิมิต ยิ่งใหญ่ แผ่ไพศาล
ที่ซึ่งฉัน เจ็บช้ำ จำนมนาน
อดีตกาล ฝังเตือน เคยเปื้อนคาว
มาแม่ปิง ครั้งนี้ ไม่มีเขา
มิเหมือนเก่า ปีก่อน ตอนหน้าหนาว
หวนครุ่นคิด ทีไร ใจปวดร้าว
ฉันสิ้นสาว คราวนั้น วันเที่ยวปิง
15 กันยายน 2554 12:43 น.
สุนทรวิทย์
ชาวเรือ สัญจร ร่อนเร่
ทะเล ถือดั่ง คลังสิน
เที่ยวจับ ปูปลา หากิน
ชีวิน เวียนว่าย สายชล
นาวา หวงแหน แทนบ้าน
กรำงาน กร้านกลาง แดดฝน
ฝ่าคลื่น โถมถั่ง วังวน
ดักดน ตรากตรำ ร่ำไป
ไร้แหล่ง บันเทิง เวิ้งว้าง
ขาดนาง สนิท ชิดใกล้
ว้าเหว่ โหยหา ยาใจ
ห่างไกล อาลัย อาวรณ์
ราตรี เหม่อมอง ท้องฟ้า
ดารา ต่างหน้า สมร
แขนพี่ เคยสอด กอดนอน
งามงอน จำได้ ไหมเอย
ขึ้นฝั่ง ครั้งใด ใจชื่น
กลับคืน เคหา ผ่าเผย
ปลอบขวัญ ยอดชู้ คู่เชย
มิเคย หย่อนรัก สักครา
เดือน,ปี หมุนเวียน เปลี่ยนศก
ปลงตก อนิจจัง สังขาร์
จำเจ เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า
กายา ทรหด อดทน
น้ำใจ ชาวเรือ เกื้อหนุน
ทำคุณ ประโยชน์ โภชผล
บำเรอ เสบียง เลี้ยงคน
ส่วนตน ลำบาก ยากเย็น
15 กันยายน 2554 12:27 น.
สุนทรวิทย์
มองแควคุ้ง คุดโค้ง โยงคดเคี้ยว
ยืนดายเดียว เปลี่ยวเปล่า เหงาเดี่ยวโดด
เงียบว้าเหว่ เอกา อุราโรท
หัวอกโทษ เทวา ฟ้าเบื้องบน
ธารสะท้อน เงาเห็น เช่นคันฉ่อง
ก้มสอดส่อง ตรองตรึก นึกเหตุผล
ฉันชาวนา หากิน ถิ่นวิมล
ไยยากจน ตกทอด ตลอดกาล
ผืนนาแตก ระแหง ด้วยแล้งฝน
จำดิ้นรน ต่อสู้ กู้รากฐาน
ลูกหลายคน เข้ากรุง มุ่งหางาน
นานแสนนาน ล้วนลาลับ มิกลับมา
เหมือนสาบสูญ เงียบหาย ทั้งชายหญิง
ทุกข์ทรวงยิ่ง อนาถ วาสนา
ทิ้งผู้เฒ่า ระกำ กินน้ำตา
โอ้ลูกจ๋า ไฉน ไม่หวนคืน
กี่ปีแล้ว ลูกเอ๋ย เคยนับไหม
แม่ตรอมใจ สลด หมดแรงฝืน
พึ่งมอดม้วย ป่วยตาย ไปวานซืน
พ่อกล้ำกลืน ซ้อนซ้ำ อยู่ลำพัง
คำสั่งเสีย สุดท้าย ใกล้อาสัญ
แม่รำพัน ซ้ำซ้ำ พร่ำฝากฝัง
แบ่งที่นา ลูกถ้วนหน้า อย่าชิงชัง
เป็นความหวัง วิงวอน ก่อนสิ้นลม
ใครรู้บ้าง ลูกตามี นี้อยู่ไหน
โปรดจงได้ ส่งข่าว-คราวขื่นขม
หากยังรัก กตัญญู ผู้ให้นม
ควรเกลียวกลม มากราบแม่ แม้ครั้งเดียว
15 กันยายน 2554 12:04 น.
สุนทรวิทย์
เมื่อยังอยู่ วุ่นวาย ไม่รู้จบ
ตอนเป็นศพ ม้วยมรณ์ นอนแน่นิ่ง
วัฏสงสาร เห็นชัด ล้วนสัตย์จริง
สรรพสิ่ง อนิจจัง มิยั่งยืน
ทรัพย์สมบัติ หมุนเวียน เปลี่ยนเจ้าของ
สังขารต้อง พรากพรัด สุดขัดขืน
เกิดแล้วดับ ลาลับ ไม่กลับคืน
จงเร่งตื่น จากโมหันธ์ ทัณฑ์โลกีย์
สร้างกุศล ผลบุญ ตุนไว้เถิด
แม้กำเนิด กี่ภพ คงสบศรี
สุขเพียบพร้อม สมบูรณ์ พูนทวี
เพราะกรรมดี ค้ำจุน เป็นทุนรอน
คนหลงผิด คิดชั่ว เกลือกกลั้วบาป
เคลิ้มซึมซาบ งมงาย ในสิ่งหลอน
เลือกฝักใฝ่ อธรรม กลัมพร
ย่อมทุกข์ร้อน ตกต่ำ ยามกรรมทัน
จะทำดี ทำชั่ว เข้าตัวหมด
ข้อกำหนด กฎแห่งกรรม ธรรมขันธ์
ความชั่วคือ ประตู สู่โลกันตร์
ส่วนสวรรค์ สรรค์ไว้ ให้คนดี
15 กันยายน 2554 12:00 น.
สุนทรวิทย์
พฤกษา ผลิใบใหม่ ไม่หยุดนิ่ง
ใบแก่ทิ้ง กลบดิน คล้ายสิ้นค่า
เช่นทุกเผ่า พันธุ์เกิด กำเนิดมา
ถึงเวลา ย่อมแตกดับ ล่วงลับไป
พิเคราะห์ดู ยอดไม้ ใบอ่อนอ่อน
เปรียบเด็กตอน ไร้เดียงสา คราสดใส
รอก้าวสู่ คืนวัน อันยาวไกล
ผจญใน อนาคต หวังงดงาม
โลกภายหน้า ใช่โสภี อย่างที่คิด
ทางชีวิต อุปสรรค มักล้นหลาม
ปัญหาอีก มากมาย หมายคุกคาม
หากบุ่มบ่าม อาจพลั้ง ทั้งชีวี
กว่าจะโต เติบใหญ่ ได้ดั่งฝัน
บ้างมีอัน ม้วยมรณ์ ก่อนสุขศรี
พวกยังอยู่ คงยุ่งยิ่ง แข่งชิงดี
ตามวิถี มนุษย์ สุดวุ่นวาย
จวบชรา ใกล้ฝั่ง สังขารแย่
ดุจไม้แก่ แห้งเหี่ยว เรี่ยวแรงหาย
ใครบุญช่วย ก็ไร้ทุกข์ สุขสบาย
คนโชคร้าย สิลำบาก ยากลำเค็ญ
มองย้อนหลัง สักหน่อย ค่อยวินิจ
เรื่องถูก,ผิด บาดหมาง ต่างเคยเห็น
พวกแก่งแย่ง ดีเดือด เลือดกระเซ็น
ล้วนตกเป็น ข้าทาส อำนาจทรัพย์
ซากพืชเน่า ทับถม จมเกิดปุ๋ย
ดินร่วนซุย รับคุณ อุดหนุนกลับ
นรชาติ ผลาญพร่า โลกายับ
เมื่อตายดับ คืนอะไร ให้แผ่นดิน?