17 กันยายน 2554 13:53 น.

เพชฌฆาตทาสน้ำเมา

สุนทรวิทย์

เมื่อวัยเด็ก  เธอมีฝัน  อันสวยหรู
			อยากเป็นครู  อาทร  สอนลูกศิษย์
			ปณิธาน  ยิ่งใหญ่  ในชีวิต
			คืออุทิศ  หยาดเหงื่อ  เพื่อสร้างคน
								
        เธอได้เรียน  คุรุศาสตร์  สมคาดหวัง
				เกิดพลัง  แน่วแน่  แม้ขัดสน
				กรำงานหนัก  ทระนง  ส่งเสียตน
				เพียรดิ้นรน  อุตสาหะ  ตลอดมา
				
        วันนี้เธอ  ชื่นใจ  หายเหนื่อยเหน็ด
			เพราะสำเร็จ  จบผ่าน  การศึกษา
			เตรียมขึ้นรถ  โดยสาร  กลับบ้านนา
			กราบบิดา  มารดร  ก่อนอื่นใด
								
        ชั่วพริบตา  ขณะ  ข้ามถนน
			 ถูกรถยนต์  คนเมา  ชนเข้าให้
				ร่างกระเด็น  หัวฟาด  พื้นขาดใจ
				ทั้งที่ใบ  ปริญญา  ยังคามือ
		
       		อนิจจา  สาวน้อย  ผู้คอยฝัน  
			 ต้องมีอัน  ดับดิ้น  นอนสิ้นชื่อ
			 เสียเวลา  ร่ำเรียน  เพียรฝึกปรือ
			 ควรแล้วหรือ  สำหรับ  ความยับเยิน
				
    				ศพแล้วศพ  มรณา  อย่างน่าเศร้า
				พวกขี้เหล้า  คงเมามาย  ไม่ขัดเขิน
				ขับรถไร้  สติ  มิประเมิน
				เหตุฉุกเฉิน  จึงอุบัติ  เกินทัดทาน
				
        สุราเปรียบ  ศัสตรา  คมอาวุธ
			 รถยนต์ดุจ  พาหะ  เครื่องประหาร
			 เพชฌฆาต  คือผู้ขับ  บังคับยาน
			 ที่วายปราณ  หนีไม่พ้น  คนเดินดิน				
16 กันยายน 2554 14:20 น.

พิมานไพร

สุนทรวิทย์

สายลม  ห่มแมกไม้		
 	หริ่งเรไร  ก้องไพรสณฑ์
		มัจฉา  ร่าเริงชล		
		พนสถาน  ปานพิมาน

      			หมอกกรุ่น  ย้อมขุนเขา
		แต่งลำเนา  เคล้าละหาน
		ไอดิน  กลิ่นกำยาน				
  ซึมซาบซ่าน  พนานดร
		
         	เนินภู  ถ้ำคูหา	
		โขดศิลา  ผาชะง่อน
		ธารใส  ไหลเซาะซอน		
		โขลงกุญชร  นอนอาบกิน

       			พะยอม  หอมอบอวล
		ดอกลำดวน  ชวนถวิล
		ปัทม  อินทนิล  	
		ภุมริน  บินไต่ตอม
	
        		วิหค  กกลูกน้อย	
		ท่าอ่อนช้อย  คอยถนอม
		เจื้อยแจ้ว  แล้วดมดอม		
		สลับกล่อม  พนอมไพร

       			เอิบอาบ  ภาพชีวิต	
 		แสนวิจิตร  พิสมัย
	 	พืชคาม  งามจับใจ	
			สัตว์เล็กใหญ่  ได้ดำรง

       			นคินทร์  ถิ่นอุดม	
 		สุขรื่นรมย์  สมประสงค์
	 	แดนใด  ไหนเยียวยง		
 		เทียมป่าดง  คงไม่มี				
16 กันยายน 2554 14:15 น.

คลายร้อน

สุนทรวิทย์

คิมหันต์เยือน  คราวใด  กายรุ่มร้อน
			        ทินกร  แสงแดด  ช่างแผดเผา
			    เพียรอาบน้ำ  อย่างไร  ไม่บรรเทา
			มิทุเลา  หยุดยั้ง  ทั้งนอกใน
							
              ไปไหนที  อบอวล  ล้วนมลพิษ
						      ซ้ำรถติด  เป็นแพ  เกินแก้ไข
						เครื่องปรับอา-กาศดันเสีย  ละเหี่ยใจ
					เหม็นคราบไคล  ชุ่มเหงื่อ  เปียกเนื้อตัว
				
              หลบขึ้นห้าง  พึ่งแอร์  หวังแก้เครียด
			        คนเบียดเสียด  หนักหนา  น่าเวียนหัว
			    เห็นหนุ่มสาว  คลอเคลีย  เดินเนียนัว
			หมดเกรงกลัว  ยั่วเย้า  เรากลับอาย
							
            อยากดูหนัง  สักเรื่อง  รึเปลืองแท้
	 กินกาแฟ  ก็เบื่อ  แพงเหลือหลาย
						 หันมาเลือก  เสื้อผ้า  จนตาลาย
					ผลสุดท้าย  ไม่ซื้อ  รื้ออย่างเดียว
				
            ออกจากห้าง  พบพาน  ร้านหมอนวด
			      เกิดเมื่อยปวด  ทันใด  หายถี่เหนียว
			    ก้าวกระฉับ-กระเฉง  เร่งปราดเปรียว
			 ผลุนผลันเลี้ยว  เข้าไป  ในพริบตา
				
          			นอนหยอกเย้า  ทูนหัว  จนตัวโก่ง
						    สองชั่วโมง  สิ้นทุกข์  สุขหรรษา
						 รอเงินเดือน  ออกก่อน  จะย้อนมา
				ให้ยุพา  คลายร้อน  อีกค่อนวัน				
16 กันยายน 2554 13:57 น.

หัวอกชาวนา

สุนทรวิทย์

พิรุณ  โปรยปราย  หล่นทายทัก
			พรรษาจัก  เริ่มต้น  อีกหนหนึ่ง
			ปีนี้  ปีกลาย  คงคล้ายคลึง
			หนองบึง  อึ่งกบ  ควรครบครัน

				ชาวนา  กระหยิ่ม  ยิ้มต้อนรับ
			ขยับ  ท่วงที  ขมีขมัน
			เตรียมควาย  เตรียมไถ  ไว้ประจัญ
			มุ่งมั่น  ขันแข็ง  เรี่ยวแรงมา

				ฝันเฟื่อง  คึกคาม  ยามฝนหลั่ง
			คาดหวัง  เรื่อยไป  ไม่ประสา
			ทุ่งเลิ้ง  เจิ่งเย็น  เห็นยายตา
			ปักกล้า  ก้นโด่ง  หลังโค้งงอ

				วิถี  ผู้คน  ชนบท
			ปรากฏ  ภาพความ  งดงามหนอ
			หลังฉาก  สิหนา  น้ำตาคลอ
			เขาฝ่อ  ท้อแท้  แต่ปางบรรพ์

				หวังแม่  โพสพ  สยบหนี้
			หวังมี  กินใช้  ใช่แต่ฝัน
			หวังพึ่ง  ดินฟ้า  สารพัน
			หวังนั่น  หวังนี่  ทุกปีไป

				น้ำท่วม  ฝนแล้ง  แข่งกระหน่ำ
			บอบช้ำ  ซ้ำซาก  ยากแก้ไข
			จะมี  ก็เพียง  เสียงปลอบใจ
			ผู้ใด  ไหนเล่า  ช่วยเขาจริง				
16 กันยายน 2554 13:18 น.

ความสำเร็จอันอ้างว้าง

สุนทรวิทย์

สองเท้าผลัด  ย่างก้าว  ทั้งหนาว,ร้อน
		เส้นสัญจร  คดเคี้ยว  แถมเดี่ยวโดด
		มุ่งจุดหมาย  ปลายทาง  ห่างแสนโยชน์
		 ครองความโสด  มุ่งหน้า  ฝ่าประจัญ

			     			สะดุดล้ม  คลุกคลาน  หาญขึ้นรุก
			มานะบุก  เรี่ยวแรง  แข็งขยัน
			อุปสรรค  ขวากหนาม  ขวางครามครัน
			สู้บากบั่น  พันตู  อยู่อาจิณ
			
          เพียรตรากตรำ  อดทน  จนสัมฤทธิ์
		  เมื่อดวงจิต  ชรา  หายบ้าบิ่น
		 วัน,เวลา  กัดกร่อน  รอนชีวิน
		 เหงื่อไหลริน  เท่าไร  ไม่รู้พอ
			
  			     จวบสังขาร  อ่อนล้า  กายาเสื่อม
				ความอาจเอื้อม  คมเข้ม  เต็มกลับฝ่อ
				ปณิธาน  สูงลิ่ว  พลอยกิ่วงอ
				กำลังท้อ  ตามกาล  ที่ผ่านไป
			
          จากวัยสาว  มุงาน  การทุกอย่าง
     เพื่อสรรค์สร้าง  อนาคต  ให้สดใส
     ถึงสำเร็จ  สมหวัง  ดั่งตั้งใจ
     แต่ขาดใคร  เคียงข้าง  จึงอ้างว้าง
     
       			ในบั้นปลาย  ชีวิต  คิดย้อนหลัง
     สักกี่ครั้ง  เคยสลัด  ตัดรักบ้าง
     เมินไมตรี  ทุกชาย  คล้ายฝ้าฟาง
     มาอยู่อย่าง  เงียบเหงา  เศร้าวันนี้

          บนกองเงิน  กองทอง  กองสมบัติ
     เห็นเด่นชัด  สุขนั้น  สั้นริบหรี่
     หากถอยวัย  คืนได้  หลายสิบปี
     ฉันขอมี  รักแท้  แม้ยากจน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุนทรวิทย์