15 ตุลาคม 2554 11:27 น.
สุนทรวิทย์
สุริยา คลาเคลื่อน จวนเลือนลับ
เมฆพยับ เคลื่อนคลา นภาหม่น
สนธยา มาเยือน เตือนกระมล
รอคอยคน เยือนมา คราเปลี่ยวใจ
รอแล้วรอ งันเงียบ เยียบจับจิต
เหลียวรอบทิศ เงียบงัน อกหวั่นไหว
ป่านนี้เธอ เปรมปรีดิ์ อยู่ที่ใด
อิงคนใหม่ ปรีดิ์เปรม หรือเอมอร
ทิ้งฉันให้ แห้งเหี่ยว ยืนเปลี่ยวร้าง
ทนอ้างว้าง เหี่ยวแห้ง แคลงสมร
หรืออนงค์ ข้องขัด หมายตัดรอน
แสร้งแง่งอน ขัดข้อง หมดต้องการ
แอบครุ่นคิด จิตป่วน มิถ้วนหน
ใจกังวล ป่วนจิต สันนิษฐาน
รักเธอมิ มั่นคง สินงคราญ
ปฏิญาณ คงมั่น พลันเปลี่ยนแปลง
รักหนอรัก ลับลา ข้าโศกศัลย์
ดุจตะวัน ลาลับ ฟ้าอับแสง
น้ำตาข้า ไหลริน สิ้นเรี่ยวแรง
ความระแวง รินไหล ใจพังภินท์
14 ตุลาคม 2554 12:53 น.
สุนทรวิทย์
เมื่อตัดไม้ จงปลูกไม้ ชดใช้ป่า
เพื่อพนา สมบูรณ์ มิสูญหาย
อาศัยน้ำ พึงรักษ์น้ำ อย่าทำลาย
ใช่คิดหมาย แต่ประโยชน์ โปรดใคร่ครวญ
ทรัพยากร ใช้เพลิน เกินกำหนด
ถึงยามหมด สิ้นลง คงปั่นป่วน
สมดุล พิภพ ถูกรบกวน
ความแปรปรวน ต่างต่าง ย่อมย่างมา
ตราบคนยัง มัวเมา เอาแต่ได้
มิสนใจ ป้องกัน เหล่าปัญหา
จิตละโมบ ล้างผลาญ ลาญโลกา
อีกไม่ช้า ภาพวิบัติ คงชัดเจน
การมุ่งหวัง กอบโกย โดยนิสัย
เท่านำภัย แผ้วพาน สู่หลานเหลน
ผองชีวิต จะลำบาก แสนยากเย็น
ต้องรับเวร หมดสิทธิ์ คิดผ่อนปรน
เงินทองมาก เพียงไหน ก็ไร้ค่า
หากวันหน้า ทุกอย่าง ต่างขัดสน
ผลกระทบ พรั่งพรู ใส่ผู้คน
อนุชน จักด่าทอ พ่อแม่มัน
14 ตุลาคม 2554 12:28 น.
สุนทรวิทย์
ตุลาฯ ฟ้าสีทอง
เสียงกึกก้อง ท้องถนน
วันที่ วีรชน
รวมกระมล พลไกร
ทวงถาม ความเสรี
สิทธิ์ศักดิ์ศรี ที่พึงได้
ประชา-ธิปไตย
ความเป็นไท ไว้ค้ำจุน
คำตอบ มอบกลับมา
คือศัสตรา ห่ากระสุน
การฆ่า อย่างทารุณ
เถื่อนสถุล แรงขุ่นเคือง
ทรราช พิฆาตเข่น
ศพซ่านเซ็น เห็นต่อเนื่อง
ดาลเดือด เลือดนองเนือง
เมืองอนาถ พินาศพลัน
มวลชน เหล่าคนกล้า
กลับเดินหน้า ท้าอาสัญ
มือเปล่า เข้าประจัญ
มิหวาดหวั่น อันตราย
วิปโยค โศกรันทด
ผู้กบฏ ถือกฎหมาย
ปราบปราม ด้วยความตาย
โหดเลวร้าย ไม่ปรานี
เลือด,เนื้อ เมื่อวันนั้น
เป็นของขวัญ ในวันนี่
หญิง,ชาย หลายชีวี
สามัคคี พลีจากไป
ประชาธิปไตย ได้มาแล้ว
หยั่งรากแก้ว แพร้วผ่องใส
ฝนซา ฟ้าอำไพ
วันแห่งชัย และไมตรี
ประวัติศาสตร์ ชาติเสี้ยวหนึ่ง
จารึกซึ้ง ถึงวิถี
น้อมคารวะ อัญชลี
สดุดี วีรชน
14 ตุลาคม 2554 12:02 น.
สุนทรวิทย์
ฉันเรียนรู้ รู้เรียน พอเขียนอ่าน
แต่งกลอนกานท์ กานท์กลอน ยังอ่อนด้อย
มิกล้าอวด อวดกล้า ว่าเลิศลอย
เรื่องหยดย้อย ย้อยหยด หมดปัญญา
มิรอบรู้ รู้รอบ เพียงชอบเขียน
จึงพากเพียร เพียรพาก ฝากภาษา
ใครข้องขัด ขัดข้อง มองขัดตา
โปรดได้อย่า อย่าได้ หมายชิงชัง
ใช่มุ่งหมาย หมายมุ่ง ความฟุ้งเฟื่อง
คำปราดเปรื่อง เปรื่องปราด มิคาดหวัง
แค่ใจสุข สุขใจ ในลำพัง
เป็นคราครั้ง ครั้งครา ประสาตน
อยากสร้างสรรค์ สรรค์สร้าง ทางวิจิตร
เพียรเพ่งพิศ พิศเพ่ง เคร่งฝึกฝน
สู้มาดมุ่ง มุ่งมาด วาดบันดล
กลับอับจน จนอับ มิจับใจ
ขออ้อนออด ออดอ้อน วอนผองปราชญ์
ผู้เก่งกาจ กาจเก่ง เร่งสอนให้
สุนทรวิทย์ วิทย์สุนทร รู้กลอนไทย
เขียนเหมาะได้ ได้เหมาะ ไพเราะเอย
13 ตุลาคม 2554 17:02 น.
สุนทรวิทย์
โภไคย ในโลกา
คือมายา อย่ายึดติด
ไม่แท้ แม้ชีวิต
อย่าหลงผิด คิดว่าจริง
เรือนร่าง ต่างสมมุติ
ท้ายที่สุด ล้วนหยุดนิ่ง
วางวาย มิไหวติง
ต้องละทิ้ง ทุกสิ่งไป
วันคืน ฝืนดิ้นรน
เคยถามตน สักหนไหม
เคี่ยวขัน เพื่ออันใด
เอาไปได้ หรือไรกัน
วิวาท ขาดสติ
ถือทิฐิ มิผ่อนผัน
วิถี ที่ผูกพัน
กลายเป็นทัณฑ์ ตามบั่นทอน
กังวล จนป่วยไข้
แล้งน้ำใจ ไม่โอนอ่อน
คือภาพ บาปถาวร
คอยกัดกร่อน รอนปัญญา
หันเหียน เปลี่ยนหนทาง
ยอมปล่อยวาง บ้างเถิดหนา
ขจัด แรงอัตตา
สู่ธรรมา อย่าดึงดัน
เพียงอยู่ อย่างรู้พอ
เลิกจดจ่อ ต่อโมหันธ์
ปลงได้ ใจสุขพลัน
ทุกข์สากรรจ์ ก็บรรเทา