22 พฤศจิกายน 2554 10:43 น.
สุนทรวิทย์
ปลอบผู้อื่น ปลอบง่าย-ดายแคล่วคล่อง
เหมือนนั่งท่อง อาขยาน อ่านข้อเขียน
ปลอบตนเอง แสนยาก เกินพากเพียร
ปากคอเพี้ยน ไปหมด ปดไม่เป็น
ปัญหาเขา ช่ำชอง มองแจ่มแจ้ง
ช่วยแจกแจง ชี้ทาง อย่างตาเห็น
มิตกหล่น ขลุกขลัก สักประเด็น
ใช้น้ำเย็น บรรเทา เข้าคลี่คลาย
ถึงคราวตัว ผงเข้าตา หาทางออก
ดันจนตรอก อัดอั้น ปัญญาหาย
เหตุเล็กน้อย จ้อยเบา เท่ากรวดทราย
พานมองคล้าย อุปสรรค หนักนับตัน
เมื่อมีแรง กดดัน หันเข้าใส่
ที่ตั้งใจ ยืดหยุ่น กลับหุนหัน
เคยฉลาด มาเขลา เอาฉับพลัน
เรื่องสามัญ เกิดได้ ในทุกคน
ยามใดทุกข์ รุมเร้า เผาหัวอก
ใช่ตระหนก ร้อนรน จนสับสน
ตั้งสติ หนักแน่น แทนกังวล
อย่าจำนน ท้อถอย ค่อยแก้ไป
22 พฤศจิกายน 2554 10:28 น.
สุนทรวิทย์
คนกลัวผี ก็ว่าผี มีอยู่ทั่ว
มักเผลอตัว หวาดหวั่น ครั่นคร้ามผี
เสียงใบไม้ แกว่งไกว ไหวสักที
คอยขวัญหนี ดีฝ่อ ระย่อพลัน
บ้างศรัทธา ร่างทรง หลงฟุ้งซ่าน
เหมือนถูกม่าน บังตา น่าขบขัน
ศิโรราบ นับถือ ลือโจษจัน
เกินขวางกั้น ห้ามปราม ความพิกล
พวกเชื่อฟัง หมอดู ยากกู่กลับ
เที่ยวคำนับ ไม่เลือก กระเสือกกระสน
เดี๋ยวเชื่อดี เดี๋ยวเชื่อแย่ เดี๋ยวแก้บน
ยอมจำนน คำทำนาย ง่ายดายจริง
อีกประเภท กราบต้นไม้ ใบ้ตัวเลข
เพียรปลุกเสก เรียกวิญญาณ วานสู่สิง
ทำนอกลู่ นอกทาง พร่ำอ้างอิง
หวังพึ่งพิง สิ่งประหลาด ขาดปัญญา
อนิจจา ผู้เจริญ เกินส่ำสัตว์
มาติดขัด แพ้อุบาย พ่ายปัญหา
สยบใต้ ไสยศาสตร์ อนัตตา
สุดเยียวยา กะเทาะ เพราะงมงาย
22 พฤศจิกายน 2554 10:07 น.
สุนทรวิทย์
บุรุษหนึ่ง ดักดน จนทรัพย์สิน
แต่หากิน บากบั่น ขยันอยู่
เลี้ยงภรรยา บุตรสอง ปองเอ็นดู
ขายเต้าหู้ ทอดมัน ทุกวันไป
ถึงยามเย็น โพล้เพล้ เวลาว่าง
นั่งไขว่ห้าง สีซอ พอเพลินได้
เพียรอบรม ลูกลูก ปลูกจิตใจ
กล่อมเกลาให้ เห็นค่า วิชาการ
กุมารเจียม จดจำ คำสอนพ่อ
มิย่อท้อ หมั่นเรียน เคร่งเขียนอ่าน
ครั้นเติบโต ขวนขวาย ไต่เต้างาน
บริหาร ก้าวล้ำ เกิดร่ำรวย
แบบอย่างควร ชมเชย เอ่ยสรรเสริญ
ผู้ดำเนิน รู้สร้าง ทางสดสวย
ชีวิตย่อม รุ่งโรจน์ โชตอำนวย
ด้วยฉลวย ฉลาด มุ่งมาดดี
จบเรื่องราว สาธก ยกอีกเรื่อง
เล่าความเขื่อง ลำพอง ของเศรษฐี
ครอบครัวซึ่ง เกรียวกราว คราวมั่งมี
เพราะขายที่ มรดก ตกทอดมา
เงินทองเมื่อ มาง่าย จึงจ่ายคล่อง
ขาดไตร่ตรอง พุทธิ วิมังสา
ต่างสุรุ่ย สุร่าย ไร้นำพา
ผลาญธนา ดังเบี้ย ไม่เสียดาย
ผลสุดท้าย ทรัพย์สิน ก็สิ้นหมด
เพิ่งสลด อาดูร ตอนสูญหาย
เมื่อพ่อแม่ ม้วยมอด ดับวอดวาย
ลูกกลับกลาย ยาจก ตกต่ำพลัน
ใช่บุญกรรม โทษอ้าง ชาติปางก่อน
ลองหันย้อน สำรวจ ตรวจตนนั่น
พึงจำแนก ผิด,ถูก ก่อนผูกพัน
จะสุขสันต์ โศกเศร้า เราเลือกเอง
21 พฤศจิกายน 2554 15:08 น.
สุนทรวิทย์
ราตรีนี้ ฉันเหว่ว้า อุราเปลี่ยว
ตัวคนเดียว ซึมเศร้า เหงาดวงจิต
ไกลบ้านเรือน นิราศ ห่างญาติมิตร
ขาดคู่คิด เคียงข้าง นอนอ้างว้าง
ขายวัวควาย ไร่นา มาซาอุ
ได้บรรจุ ทำงาน การก่อสร้าง
ใช้แรงกาย ดิ้นรน ทุกหนทาง
เจียมอยู่อย่าง มัธยัสถ์ ประหยัดตน
ออมเงินเดือน ส่งเสีย เมียและลูก
หวังให้ปลูก บ้านใหม่ คลายขัดสน
เหนื่อยเพียงไหน ทรหด เพียรอดทน
มิเคยบ่น ยอมแพ้ แม้สักคำ
วันนี้รับ ข่าวสลด ทางจดหมาย
ลูกบรรยาย ถี่ถ้วน ทุกข์ครวญคร่ำ
เมียฉันถูก ความเขลา เข้าครอบงำ
หลงใฝ่ต่ำ หนีไป กับชายชู้
มาซาอุฯ ลำเค็ญ แทบเป็นบ้า
เพียงปีกว่า เมียทิ้ง ยิ่งอดสู
อนิจจา ฟ้าดิน สิ้นเอ็นดู
นึกหดหู่ ระอา น้ำตาคลอ
ก่ายหน้าผาก หลับไม่ลง ปลงไม่ตก
นอนทุบอก โทษเวรกรรม ช้ำจริงหนอ
อยากหวนกลับ เมืองไทย เงินไม่พอ
ท้อแสนท้อ โศกา อยู่ซาอุฯ
21 พฤศจิกายน 2554 14:54 น.
สุนทรวิทย์
เหนื่อยกาย ใช่เรื่องใหญ่
หากเหนื่อยใจ สิใหญ่หลวง
เหนื่อยหน่าย กายทั้งปวง
มิหนักหน่วง เท่าทรวงตรม
เหนื่อยใจ พาให้ท้อ
ความเหี่ยวห่อ ก็สะสม
หงุดหงิด จิตระทม
ล้าเกินข่ม อารมณ์ตัว
ภาระ ในกระมล
ทำหลายคน บ่นปวดหัว
ขึ้งโกรธ โทษครอบครัว
เถียงระรัว ทั้งผัวเมีย
ลูกมาก พลอยมากความ
ต้องคอยห้าม ปรามไกล่เกลี่ย
งานสุม รุมนัวเนีย
จนอ่อนเปลี้ย เพลียงุนงง
คู่ครอง คล้องชีวิต
ยามวิกฤต ผิดประสงค์
ฝ่ายใด ไม่มั่นคง
ความยืนยง คงไม่มี
เหนื่อยปานไหน ไม่อาจพัก
แม้โทรมหนัก สำลักหนี้
มุให้ ลูกได้ดี
คือหน้าที่ วิถีชน