16 กรกฎาคม 2554 14:12 น.
สุญญะกาศ
“ กลับมานะลูก อย่าเดินไปตรงนั้น ”
เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงของผู้เป็นแม่ ขณะยังนั่งบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนในสวนสาธารณะกลางหมู่บ้าน เธอเปล่งเสียงเบาๆแต่แน่นหนัก ประหนึ่งต้องการให้เด็กชายวัยสองขวบเศษได้ยินเพียงคนเดียว เพื่อไม่ให้เจ้าตัวน้อยก้าวเข้าไปตามรอยยิ้มและการกวักมือเรียกของชายร่างสูงโปร่ง เนื้อตัวและเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมจนยากจะเดาสีแท้จริงได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราที่ไม่ได้โกนตัดมาเนิ่นนาน
เขาคงอยากเล่นด้วยกับลูกชายคนเดียวของเธอ กระนั้นด้วยสามัญสำนึกแห่งความเป็นแม่จึงเปล่งเสียงห้ามลูกเอาไว้ได้ทัน
เธอรู้สึกโล่งใจที่ทำถูกแล้ว เพราะภายหลังได้ยินคนในหมู่บ้านที่ครอบครัวเธอเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่นี้ เล่าถึงชายผู้นั้นให้เธอฟังว่า ไม่มีใครรู้จักชื่อจริง เพราะต่างก็เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ รู้แต่เพียงว่าชายท่าทางน่ากลัวนี้อยู่บ้านหลังสุดซอยกับแม่และพี่สาว
“สติมันไม่สมประกอบ”
ประโยคของป้านวลเจ้าของร้านขายของชำประจำหมู่บ้านนี้ ยิ่งตอกย้ำความเข้าใจของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หลายครั้งที่คนในหมู่บ้านเห็นเขาปีนขึ้นไปถึงยอดต้นสนสูงใหญ่กลางสวนสาธารณะ แล้วยิ้มกริ่ม มองลงมายังผู้คนที่อยู่รอบๆบริเวณข้างล่าง
เธอรู้สึกหวาดกลัว และขนลุกขึ้นมาทุกครั้งเมื่อนึกถึงสายตาคู่ที่จ้องมองลูกชายตัวเล็กของเธอในวันนั้น
เช้านี้อากาศแจ่มใส หลังจากที่สามีของเธอขับรถออกไปทำงานได้สักพัก เธอเริ่มหยิบตะกร้าสานผูกโบว์สีชมพูน่ารัก จูงมือเด็กน้อยเดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่เคยนั่งกันประจำ
น่าแปลกที่เช้าวันนี้ช่างสงบสดชื่นกว่าที่เคย ลมเย็นๆพัดเอื่อยรอบๆตัว เสียงนกตัวเล็กๆเจื้อยแจ้วจนอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้ามองตามที่กิ่งไม้ ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนถึงท้องฟ้าสดใสที่ประดับด้วยปุยเมฆนุ่มๆประปรายนั้น
.....................
นานเท่าใดไม่อาจทราบได้เธอเผลอนั่งหลับไป จนกระทั่ง....
สะดุ้งเฮือก ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาห่างจากจุดที่เธอนั่งไม่ไกล เสียงนั้นดังจากบริเวณสระน้ำกลางสวนสาธารณะ
ไวเท่าความคิด เธอเอี้ยวหันมองรอบตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเหลียวหาลูกน้อย
“หายไปไหน”
เสียงที่สั่นเครือ และเบาจนแทบไม่ได้ยิน ในขณะที่เสียงข้างในกลับดังจนแทบจะระเบิดออกมาพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นแรง
ไม่ทราบอะไรดลใจให้เธอวิ่งไปที่สระน้ำนั้น และยิ่งวิ่งเร็วยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเห็นร่างน้อยๆ กำลังเนื้อตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำ นั่งร้องไห้อยู่ริมตลิ่ง ขณะที่หลายๆคนเดินเข้าไปพร้อมกับส่งเสียงกันอื้ออึง
ในที่สุดเธอก็ถึงตัวของแก้วตาดวงใจของตน พร้อมกับโอบกอดแน่นๆ
เด็กน้อยไม่รู้หรอกว่า น้ำหยาดใสอุ่นๆของความเป็นแม่ กำลังหยดแหมะลงกลางกระหม่อมของตน เจ้าตัวเล็กได้แต่ร้องไห้และชี้นิ้วไปที่รอยตรงริมตลิ่ง
เวลานั้น หาได้มีใครสนใจยังมุมที่เด็กน้อยชี้นิ้วไป
ไม่มีใครรู้หรอกว่า รอยนั้นเป็นรอยจากผู้ที่เคยปีนต้นสน เป็นรอยลื่นไถลของร่างสูงโปร่งลงไปยังก้นสระน้ำอีกครั้ง หลังจากช่วยเด็กน้อยคนหนึ่งให้รอดชีวิต
หากแต่ชีวิตของตนเองกลับรักษาไว้ไม่ได้ เพราะความล้าอ่อนแรง...
.
17 มิถุนายน 2550 14:13 น.
สุญญะกาศ
แก้มของดาว เด็กใหม่ดีเด่นประจำสวนอาหารฟ้าเหลืองเริ่มแดงก่ำ
ผสมกับรอยยิ้มจางๆขึ้นอีกครั้ง...
ได้รับคำชมจากลูกค้าอีกแล้วแน่เลย พวกเพื่อนๆพูดแซวด้วย
ความเอ็นดู
ดาวใส่ใจกับงานของตนเองอย่างมาก เธอดูแลเอาใจใส่ลูกค้า
อย่างกับคนครอบครัวเดียวกัน ลูกค้าคนไหนพาเด็กๆมาด้วย
เธอจะหาลูกโป่งสีสวยๆมาให้เจ้าตัวเล็กเสมอ หากลูกค้าเดินเข้ามา
ครั้งแรกจะต้องเจอเธอยิ้มสบตา พร้อมกับปรี่เข้าไปทักทาย แทนที่
จะรอให้ลูกค้าเรียก แล้วถ้าใครหอบของหนักพะรุงพะรังมาล่ะก็ เธอ
จะช่วยถือแบ่งเบาให้ด้วยความยินดีและเต็มใจจนเป็นแบบอย่างให้
เพื่อน ส่วนลูกค้าเองก็ติดใจบริการสวนอาหารนี้ไปตามกัน
สวนอาหารอบอุ่น ไอละมุนบริการ เลิศรสโอชาชาญ บริการ
เป็นกันเอง โย้น... โย้น... ลูกค้ากลุ่มหนึ่งเคยเสนอชื่อใหม่ให้
เจ้าของสวนอาหารเพราะถูกใจการบริการจนลืมชื่อร้านเดิม
แต่เจ้าของไม่กล้าเปลี่ยนชื่อยาวขนาดนั้นเพราะเกรงจะเจอภาษีป้าย
ซะอ่วมนั่นเอง
ตั้งแต่เย็น ดาวรู้สึกว่าสองตาซ้ายขวาของตนจะแข่งกันเขม่น
ตุบๆตับๆ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ที่สำคัญเธอกำลังเห็น
ลูกค้ากลุ่มใหญ่กำลังเดินมาแต่ไกล เดาว่าน่าจะมาเป็นครอบครัว
ปรี่เข้าไปชาร์จ เอ๊ย เข้าไปทักทายคือสิ่งที่ดาวถนัด
ฟ้าเหลืองยินดีให้บริการค่ะ มากันกี่ท่านคะคุณตา ดาวเลือก
ทักทายผู้อาวุโสวัยเฉียดเก้าสิบที่เดินกระย่องกระแย่งนำขบวน
เรียกพี่สิน้อง ต้องเรียกพี่ น๊าน ให้ได้อย่างนี้สิ ดาวนึกในใจ
ได้สิคะคุณพี่ จากประสบการณ์ดาวรีบตอบกลับอย่าง
นุ่มนวลทันควัน
พวกหลานๆแอบกระซิบดาวหลังจากนั้นว่า คุณปู่ให้
คุณย่าเฝ้าบ้านที่นครนายก ก่อนที่แกจะนำทีมลูกหลาน โดยตั้งใจจะ
เที่ยวตะลุยราตรีกรุงเทพฯ
ดาวจัดแจงให้คุณปู่นั่งหัวโต๊ะ แล้วก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียง
เป็นกันเอง
คุณพี่จะรับอะไรดีคะ ให้หนูแนะนำรายการอาหารอร่อยๆให้
นะคะ
ไม่ต้องน้อง เสียงของนักเลงเก่าวัยใกล้ฝั่งตัดบททันควัน
............ ดูหน้าพี่สิน้อง ดูหน้าพี่ .................
คุณปู่บอกดูหน้า แต่มือชี้ที่อกตัวเอง นัยว่าให้ดูความภูมิฐาน
ความเป็นสุภาพบุรุษสุดแมนของตน
............ ดูหน้าพี่แล้วจัดมาเลย" ...............
เสียงเข้มๆมาดมั่น ทำให้ดาวรู้สึกภูมิใจกับหลานๆที่มีคุณปู่
สุดเท่ขนาดนี้
อาหารถูกทยอยจัดมา มีการปรุงอย่างพิถีพิถันตามแบบ
ฉบับของฟ้าเหลือง
จานใหญ่จานแรกถูกจัดวางต่อหน้าคุณปู่ พร้อมกับอีก
หลายจานที่กำลังตามมาติดๆ
เฮ้ย....ไอ้หนู เช็คบิล กลับเว้ยกลับ เอาอีกแล้ว
คุณปู่เอาอีกแล้ว
หลานๆต่างทำหน้างง จากนั้นก็จ่ายเงินพร้อมกับพาคุณปู่
กลับอย่างเสียมิได้
ดาวรู้สึกเสียความมั่นใจไปอย่างมาก เธอวิ่งร้องห่มร้องไห้
ไปเล่าเหตุการณ์ให้พี่ฟ้ากับพี่ฝนฟังในครัว
ดาว...เธอก็บริการดีนี่นา รุ่นพี่เอ่ยถามอย่างสงสัย ก่อนที่
จะซักเหตุการณ์ต่ออย่างละเอียด จนกระทั่งร้องอ๋อออกมาตามกันเมื่อดาว
พูดออกอยู่ประโยค
หนูก็จัดให้อย่างดีเลยนี่นา... ยำมะเขือเผาเอย
ขนมจีนเปล่าๆเอย
เด็กสาวพูดสะอื้นไปพลางน้ำตาอาบสองแก้ม.................
12 มิถุนายน 2550 00:09 น.
สุญญะกาศ
โอม... คะมำดำดึมโจ๊ะพรึมพรึมทำเม ประดังซังแตมาระเดยำยำ..... พรูดดดดด
เสียงสุดท้ายที่ดังพรูด เป็นจังหวะที่ลุงปลั่งโน้มกระหม่อมลงมารับลมปากเต็มๆจากอาจารย์คงพอดิบพอดี แกควรสระผมก่อนนอนคืนนี้ มิฉะนั้นพรุ่งนี้เช้าต้องคันคะเยอที่หัวอย่างแน่นอน แต่ผมดูท่าแกแล้วคงไม่ยอมสระเป็นอาทิตย์แน่ เพราะเกรงลมศักดิ์สิทธิ์จะเสื่อม
ยังไม่ทันที่เด็กวัดอย่างผมจะนึกอะไรต่อ เสียงหมอผีระดับชั้นนำของตำบลก็เปล่งขึ้นอีกครั้ง
เอ้า...รายต่อไปมานั่งนี่ ประโยคที่คุ้นหูผมดังก้องกังวาน ก่อนที่สาวใหญ่นางหนึ่งซึ่งผมคุ้นหน้าค่อยๆเอี้ยวตัวออกจากที่เดิม แล้วคลานมานั่งพับเพียบต่อหน้า ผมซึ่งนั่งเยื้องด้านหลังคอยเป็นมือขวา ไม่ห่างจากอาจารย์คงนัก ผมเดาได้ทันทีว่าน้าผู้หญิงคนนี้จะพูดเรื่องอะไร
พ่อหมอขา อิฉันสงสัยเหลือเกินว่าทำไม ผัวอิฉันไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง อิฉันก็ทำอย่างที่พ่อหมอบอกแล้วนะเจ้าคะ
อุบ๊ะ.... เสียงคำรามดังลั่นบ้านไม้หลังใหญ่ มึงรู้มั้ย... ผู้หญิงฝั่งกระโน้นกับหมอผีเขมรมันช่วยกันทำเสน่ห์ยาแฝด ผัวมึงถึงได้หลงหัวปักหัวปำ ..........
โน่น... มันไปฝังหุ่นไว้ที่ท้ายป่าโน่น พูดเสร็จ เสียงผู้คนที่มานั่งเต็มบ้านไม้หลังใหญ่มองหน้ากันแล้วพูดเสียงอื้ออึงไปทั่ว เดาว่าคงกำลังทึ่งกับความเก่งกาจและแม่นยำของอาจารย์ผม
ระหว่างนั้นอาจารย์คงหันมามองหน้าผม ผมรีบพยักหน้าเบาๆ เหมือนรู้ว่าหน้าที่ของผมคือต้องขุดดินตรงบริเวณท้ายป่าตามที่บอก
ผมเริ่มทำตาลอยๆ พยายามนึกถึงภาพเหตุการณ์ของเมื่อวาน.....น้าผู้หญิงไม่รู้หรอกว่า ผู้หญิงอีกฝั่งก็ไหว้วานให้อาจาย์ของผมทำเสน่ห์ยาแฝดให้สามีคนเดียวกันกับเธอ ผมเห็นอาจารย์คงเอาด้ายสายสิญจน์พันหุ่นแฝดนั้นจะจะด้วยตาของผมเอง
มีผม ไอ้เปี๊ยก กับอาจารย์เท่านั้นที่รู้กันว่าฝังตรงไหน คำถามหนึ่งซึ่งผมเกือบหลุดปากถามอาจารย์เดี๋ยวนั้นว่า จะให้ขุดตัวที่ฝังไว้เมื่อวานรึว่าของวันก่อน ดีที่ยั้งไว้ทัน
ผมตั้งใจเจริญรอยตามอาจารย์คง พร้อมจิตใจที่แน่วแน่ว่าจะสานต่อกิจการ เอ๊ย... ปณิธาน ว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป
คืนนี้เดือนมืด ลมเริ่มสงบ สรรพสิ่งทั้งคุ้งน้ำเงียบสนิท มีเพียงเสียงบริกรรมคาถาในวงสายสิญจน์ดังขึ้นกลางป่าช้าเหมือนเช่นหลายคืนที่ผ่านมา มีผมกับไอ้เปี๊ยกนั่งด้านหลังอาจารย์เช่นเคย แสงเทียนที่จุดรอบๆบริเวณสาดส่องสลัวๆ กระนั้นผมสังเกตเห็นเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวของอาจารย์ที่รีดเนี๊ยบเรียบกริบ กลิ่นจากครีมใส่ผมที่ทำให้ผมของอาจารย์เป็นมันเงาอยู่ทรง เหมือนเสร็จภารกิจนี้แกคงเตรียมเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าต่อเป็นแน่
เนื้อตัวของผมกับไอ้เปี๊ยกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่ใช่เพราะคืนนี้จะร้อนหรอก แต่เป็นเพราะว่าหลุมใหญ่ด้านหน้าที่เกิดจากฝีมือการขุดของพวกผมนั่นเอง ข้างในหลุมเป็นศพตาตุ่น
ก่อนนั้นพวกผมใช้ชะแลงช่วยกันงัดฝาโลง แล้วใช้มีดหมอตัดผ้าที่โยงระหว่างปลายหัวกับเท้าศพ จากนั้นค่อยเข้ามานั่งในวงสายสิญจน์เช่นเดิม
เสียงบริกรรมคาถายังมีอยู่ต่อไป พร้อมกับศพตาตุ่นที่ค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง ผมเห็นภาพนี้อย่างชินตา อันดับต่อไปอาจารย์ก็คงต้องใช้เทียนไขไปลนคางเอาน้ำมันพราย
โบร๋ววววววว........ เสียงหอนลากยาวของหมาดังลอยมาแต่ไกล เดาว่าน่าจะเป็นอีนวลที่คุ้งน้ำฝั่งกระโน้นมันทำให้เข้ากับบรรยากาศเป็นอย่างดี...........น้ำเสียงใช้ได้นะแต่ลูกคอต้องปรับปรุง ผมนึกในใจ
นานเท่าใดไม่อาจทราบได้จากความเมื่อยล้าเริ่มเป็นความง่วง ผมเผลอหลับและเริ่มสัปหงกจนเกือบจะเอนล้ม เงยหน้าขึ้นมาอีกทีมองหน้าไอ้เปี๊ยกคูหูของผมที่กำลังอ้าปากตาค้าง จ้องหน้าผมเหมือนส่งสัญญาณให้ดูอะไรบางอย่าง ผมรู้สึกว่ามีร่างหนึ่งกำลังนั่งถัดจากที่ผมกับไอ้เปี๊ยกนั่งอยู่ ผมต้องค่อยๆชำเลืองด้วยหางตาไปช้าๆเพราะรู้ว่าถ้าหันไปเร็วๆตรงๆคงสติแตกแน่
ผมมั่นใจว่าผู้ที่นั่งถัดจากผมกับไอ้เปี๊ยกหน้าตาละม้ายคล้ายกับที่อยู่ในหลุมข้างหน้า มิหนำซ้ำยังทำหน้าตรงๆนิ่งๆไม่ใส่ใจพวกผม แต่กระนั้นผมก็เริ่มพยายามเอื้อมมือไปสะกิดอาจารย์สุดที่รัก แม้แขนมันจะขัดๆแทบจะเอื้อมไปยากแสนยาก
อะ... อา..จานนนนนนน เสียงผมเบาหวิว ด้วยความเกรงใจ ไม่กล้ารบกวนผู้ที่อยู่ด้านหลัง
..............................อาจารย์คงทำท่าเหมือนรำคาญ...................................................
ผมกับไอ้เปี๊ยกมองตากัน เหมือนคำพูดนับหมื่นคำส่งผ่านเงียบๆตามแนวสายตา มันทำให้ผมกับไอ้เปี๊ยกเข้าใจเหตุการณ์กันถ่องแท้ ก่อนที่จะค่อยๆก้มหน้าคลานแบบถอยหลัง ช้าๆพร้อมๆกัน จนกระทั่งห่างจากบริเวณนั้นได้สักสี่ถึงห้าเมตร จากนั้นผมกับไอ้เปี๊ยกวิ่งแข่งกันอย่างไม่คิดชีวิต เป็นการแข่งที่สะเปะสะปะ ไม่มีลู่วิ่ง โดนกิ่งอะไรต่อมิอะไรข่วนเต็มไปหมด แถมช่วยกันแหกปากร้องโหยหวนลั่นป่า มีเป้าหมายคือเรือนหลังใหญ่ของอาจารย์คง
วิ่งไปได้สักกลางทางถึงได้รู้ว่า อาจารย์ไม่ได้รอพวกเราที่เรือนหลังใหญ่ อาจารย์ยังนั่งบริกรรมคาถาของแกอยู่ที่จุดเดิม ความเป็นห่วงเริ่มมี ผมกับไอ้เปี๊ยกปรึกษากันก่อน แล้วค่อยๆเดินย่องกลับไปด้วยใจหวาดหวั่น ต่อให้เหงื่อผุดเต็มตัวแต่รู้สึกหนาวและเสียวสันหลังเหลือเกิน
ภาพที่เห็นคืออาจาย์ของพวกเราเหมือนกำลังนอนแผ่หงายชมดาวอย่างสบายใจ แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกตัว เดาว่าท่านน่าจะหลับลึก หรือไม่ก็สลบ
..........................................................
อาจารย์คงทำหน้าที่ตามปกติหลังจากที่นอนซมเป็นไข้ร่วมเดือน ลูกศิษย์ลูกหาต่างไถ่ถามถึงสุขภาพรวมถึงอาการที่ผมบนหนังศีรษะร่วงหลุดจนหมดสิ้น
อ๋อ...รากผมไม่แข็งแรงผมกับไอ้เปี๊ยกเริ่มคุ้นหูกับประโยคคำตอบของอาจารย์แล้ว
10 มิถุนายน 2550 11:30 น.
สุญญะกาศ
รวย...รวยแล้วเรา ผมกระโดดโลดเต้นอย่างสุดแรงกับกองเงินที่วางอยู่ตรงหน้า
เพียงชั่วข้ามคืนไม่น่าเชื่อว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของธนบัตรละพันกองใหญ่สูงเกือบฟุต ตั้งเรียงรายอยู่ถึง5กอง
ไอ้ดำเอ๋ยไอ้ดำ เอ็งต้องอิจฉาข้าแน่ ผมตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง
งวดที่แล้วเอ็งถูกเลขท้ายสองตัวได้แค่สองพัน แต่นี่ แต่นี่ ...ฮ่าๆๆๆๆ ผมตะเบ็งดังขึ้นไปอีก โดยไม่สนใจว่าใครจะอิจฉาหรือหมั่นไส้ เพราะผมคือเศรษฐีใหม่ของเมืองไทย
ผมลืมไปสิ้นว่าผมกระโดดโลดเต้นไปนานแค่ไหน แต่คิดว่ามากพอสมควร เพราะเหงื่อซึมผุดออกมาจนเปียกแผ่นหลังชุ่มเสื้อและกางเกงสีฟ้าที่ผมรักมัน ผมตั้งใจจะใส่สีนี้ทุกวันเพราะคิดว่าเป็นสีนำโชค
ในสวนอันร่มรื่นของยามเช้านั้น ผมเริ่มคิดหนักว่าจะนำเงินที่ได้ไปใช้อะไรดี ตามที่เพิ่งดูรายการในทีวีช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา นักลงทุนบอกให้ซื้อกองทุนรวมบางกองที่ได้อัตราผลตอบแทนที่ดีในช่วงนี้ นายแบงก์บอกให้ซื้อตั๋วแลกเงินช่วงสั้นๆเพราะดอกเบี้ยดีกว่าฝากประจำ ส่วนเจ้าของบริษัทประกันบอกให้ออมเงินแบบมีความคุ้มครองสูงๆตามแบบประกันใหม่ที่ออกมา
เอ๊ะ หรือว่าเราควรจะไปลงทุนทำร้านสักร้าน ร้านอาหารเล็กๆก็ได้ ตั้งชื่อมันว่าร้านบ๊องเป็นแกง หรือแบงก์เป็นกองดี โอยแค่คิดก็มึนหัวไปหมด
ไม่ได้ ไม่ได้..... ผมนึกในใจ เราจะมึนไปกับมันไม่ได้ เราต้องมีความสุขกับมันสิ แล้วผมเริ่มยิ้มกริ่มออกมาอีกครั้ง
ในหนังเรื่องหนึ่งพระเอกตกลงไปในบ่อเงิน แล้วเขากอบเอากองธนบัตรโยนขึ้นสูงๆ ให้มันปลิวลงมาหาตัวเขาเอง ดูหน้าตาของพระเอกเรื่องนั้นมีความสุขมาก นึกถึงเรื่องนั้นแล้วผมก็เริ่มลองทำตามอย่าง เริ่มกอบเอาเท่าที่แรงตัวเองจะพึงมีแล้ว โยนขึ้นบนอากาศ ผมมองตามไปบนฟ้าแล้วก็ยิ้มกับธนบัตรที่ค่อยๆปลิวช้าๆ ตกลงมาหาตัวเอง
ฮ่าๆๆๆ............... เสียงหัวเราะของผมที่กำลังมีความสุขแค่สิ่งที่อยู่ต่อหน้า เป็นความสุขที่ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นมาผสมให้หนักหัว
และแล้ว.... หางตาของผมก็สะดุดกับชายร่างผอมบางผิวคล้ำที่เดินอยู่ระแวกนั้น ไอ้ดำนั่นเอง ดูเหมือนมันได้ยินข่าวการเป็นมหาเศรษฐีของผมแล้ว ที่สำคัญดูท่าทางมันจะอิจฉาผมแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันไม่ทำเป็นเดินผ่านมาทางนี้หรอก ต่อให้ทำหน้าเฉยๆอย่างนั้นก็เถอะ
ไอ้คุณดำครับ... ผมเริ่มทำเสียงทุ้มมาดมั่นแบบคนมีอันจะกินเขาพูดกัน
เอ่อ... ได้ยินเมื่อวานว่าคุณถูกหวยเหรอครับ ผมเริ่มประโยคกรุยทาง เพื่อสู่บทสรุปว่าผมรวยกว่าหลายเท่า โดยไม่ลืมน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกแบบเดิม
อื้อ ไอ้ดำเปล่งเสียงตอบเบาๆ พร้อมกับพยักหน้ารับด้วยสายตาที่เฉยชา
มีผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ดีว่าสีหน้าที่เฉยชาของมันนั้น ข้างในใจกำลังสกัดกั้นอารมณ์อิจฉาที่มีต่อผมอยู่เต็มเปี่ยม
หึ หึ ผมเริ่มหัวเราะเบาๆ หลังจากที่มันเดินผ่านไปแล้ว ผมนึกในใจ สักวันเถอะแกจะต้องซมซานมาเป็นลูกจ้างร้านบ๊องเป็นแกงที่ฉันบงการอยู่
คุณพี่สง่าคะ ผมได้ยินเสียงเรียกอยู่ข้างๆตัว ถัดออกไประยะสี่ถึงห้าเมตร อ๋อ... น้องปลา นางฟ้าของผมนั่นเอง เธอมาในชุดสีขาวและหมวกที่ผมคุ้นเคย ดูน้องปลาเองก็ทำท่าเฉยๆกับมหาเศรษฐีอย่างผมเหมือนไอ้ดำด้วยหรือนี่....... ก่อนที่สมองผมจะนึกอะไรต่อ เธอก็พูดออกมาอีกว่า
วันนี้คุณพี่สง่าเป็นเศรษฐีพอแล้วนะคะ ช่วยมารับประทานยาที่น้องปลาจัดไว้ให้ด้วยนะคะ
อ้อ...แล้วพี่สง่าอย่าโยนกองเงินกระจัดกระจายอีกนะ ประเดี๋ยวลำบากลุงแม้นต้องเหนื่อยเก็บกวาดกองเงินให้พี่สง่าใหม่
ครับ ผมตอบเสียงอ่อยๆอย่างว่าง่าย พร้อมกับเดินตามหลังไปกินยาที่น้องปลาจัดให้อย่างเสียมิได้
ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยมารวยกันใหม่นะครับ ผมได้ยินเสียงลุงแม้นพูดเบาๆด้านหลัง แกหยิบไม้กวาดทางมะพร้าวด้ามโตเดินมาที่กองเงินของผม แล้วค่อยๆกวาดเงินมาไว้เป็นกองเหมือนเดิม ชุดสีขาวของน้องปลา และชุดสีฟ้าสุดโปรดของผม แกคงเห็นไม่ถนัดนักเพราะเริ่มเดินห่างแกไกลพอสมควรแ