26 เมษายน 2548 19:51 น.
สุชาดา โมรา
ตอน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เราต้องการจะรู้ว่าเรามาที่นี่ถูกจุดหรือไม่ทำไมเราถึงต้องบังเอิญไปเจอกับนายอะไรนะอ๋อนายชาตินักรบด้วย
แคนดี้เปรยขึ้น หล่อนนั่งลงที่นั่งอยู่บนเตียงอุ่น ๆ ของชาตินักรบในขณะที่เขาออกไปหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีพลังพิเศษ
หยุดเวลา
แคนดี้หยุดเวลาของทั้งโลกไว้ด้วยนาฬิกาแห่งเทพ หล่อนเริ่มย้อนกลับเพื่อหมุนทวนเข็มนาฬิกาว่าตนเองจะต้องมาเจอกับเขาอีกหรือไม่ ตนเองจะต้องพัวพันกับเขาอีกหรือเปล่า
ย้อนเวลาหาอดีต แคนดี้ร่ายมนตราทันที เข็มนาฬิกาดังแกร๊กจากนั้นก็หมุนเวลาอย่างรวดเร็ว
นี่เราทำไมยังยืนอยู่ที่เดิมล่ะขออีกทีละกัน แคนดี้ร่ายมนตราอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลายเป็นว่าเวลาเดินหน้าไปยังอนาคตที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้ หล่อนจึงต้องดูความเป็นไปของช่วงเวลานั้น แคนดี้ยืนหยุดอยู่ตรงสถานที่แห่งหนึ่งท่ามกลางความมืดและมีลานจอดรถเยอะแยะไปหมด
ณ สำนักงานหนังสือพิมพ์ไททรรศน์เป็นวันที่โจทย์จันกันถึงเรื่องไม่ดีในสำนักงาน
.
ยุพาเห็นด้วยกับพินิจที่ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดที่เธอจะยกมาเป็นเหตุผลเพื่อขอเลิกกับบุญมา
เธอรู้จักกับพินิจมาเกือบปีแล้ว นับตั้งแต่วันที่บุญมาพาเธอมาสมัครงานที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ไททรรศน์ในวันนั้น เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลอยู่ที่นั่น เจอกันครั้งแรกเธอรู้ได้ทันทีว่าพินิจแอบพึงพอใจในตัวเธอไม่น้อย ตอนนั้นหัวใจเธอก็เริ่มหวั่นไหว...ขอให้เธอได้งานที่นี่ก่อนเถอะเธอคิด
ไม่นานยุพาก็สมหวัง พินิจรับเธอเข้าทำงานที่สำนักงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ เขากับเธอเริ่มสนิทกันมากขึ้น พินิจมักจะพาเธอไปทานข้าวกลางวันทุกครั้งที่มีโอกาส โอกาสซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บุญมาติดเวร หรือนอนพักผ่อนที่อยู่ที่ห้องเพื่อรอขึ้นงานกะกลางคืน
ในที่สุดเธอและพินิจก็มีอะไรกัน หลายครั้งแม้ว่าบุญมาจะแคลงใจอยู่บ้างถึงความสัมพันธ์ของเธอและพินิจ หรือความสัมพันธ์ระหว่างเธอและบุญมาที่นับวันบุญมาก็ยิ่งรู้สึกว่าห่างเหินกันไปทุกที ๆ แต่เธอก็มีข้ออ้างให้บุญมารับฟังเสมอ ...ต้องช่วยหัวหน้าเคลียร์งาน...ติดประชุมไปกินข้าวด้วยไม่ได้นะ...ต้องไปต่างจังหวัดเพื่อหาสายส่งหนังสือพิมพ์... จากนั้นเธอจึงใช้ความสามารถเฉพาะตัวออดอ้อนบุญมาสารพัด เพื่อให้เขาเลิกสงสัย
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอ พินิจและบุญมาดำเนินแบบนี้มาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเธอคิดว่าคงปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้แน่ ๆ... เธออยากมีความสุขกับพินิจอย่างเปิดเผย และเธออยากเลิกกับบุญมา... แต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่พอจะยกมาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกกับบุญมาได้เลย... บุญมาแทบจะไม่มีข้อเสียอะไรเลย เขาไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ติดผู้หญิง เขาทำงานทุก ๆ วันด้วยมุ่งหวังว่าวันหนึ่งเขาจะมีเงินเก็บมาขอเธอแต่งงาน
...บุญมาเขาไม่มีข้อเสียอะไรเลย นอกจากเขาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และพินิจเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล...
ต้องขอบคุณเมื่อวานที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น เรื่องที่นักข่าวในสำนักงานถูกทำร้ายในบริเวณที่จอดรถ ต้องขอบคุณที่วันนั้น ช่วงเวลานั้นอยู่ในความรับผิดชอบของบุญมา พินิจโทรหาเธอหลังจากที่เกิดเรื่องได้ไม่นาน เขาบอกเธอว่ามีข้ออ้างให้เธอบอกเลิกกับบุญมาแล้ว
..
วันรุ่งขึ้นพินิจเรียกบุญมาเข้าไปพบ ตำหนิที่บุญมาปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ทำร้ายกันขึ้นได้ในสำนักงาน จริง ๆ แล้วเขาน่าจะลงโทษบุญมาและหักเงินเดือนเพื่อให้บุญมาได้สำนึกเท่านั้น แต่เขาทำมากกว่านั้น...พินิจไล่บุญมาออก ในวันเดียวกันนั่นเอง
ให้โอกาสผมอีกซักครั้งเถอะครับหัวหน้า หัวหน้าน่าจะรู้ว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ และผมก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว บุญมาอ้อนวอนขอ แต่มันไม่มีประโยชน์อะไร พินิจยังคงยืนยันที่จะไล่เขาออก ในฐานะที่เขาทำงานบกพร่องในหน้าที่
...ไม่ยุติธรรม หัวหน้าทำอย่างนี้มันไม่ยุติธรรมเลย...บุญมารำพึงในใจ นอกจากจะถูกไล่ออกแล้วเขายังถูกพินิจหักเงินเดือนและเงินทดแทนไปอีกเป็นจำนวนมาก เขาเดินคอตกออกมาจากห้องหัวหน้าฝ่าย ต้องการใครซักคนที่ที่จะพูดให้กำลังใจเขา มองยุพานั่งอยู่ไม่ไกลจากหน้าประตูห้องหัวหน้าฝ่ายมากนัก จึงสาวเท้าเดินเข้าไปหาเธอ
ยุ ว่างมั๊ยไปกินข้าวเป็นเพื่อนกันหน่อยเถอะ บุญมาเอ่ยชวนยุพา ช่วงเวลานี้เขาต้องการให้ใครซักคนมาอยู่เป็นเพื่อนมากที่สุด และคนนั้นก็คือเธอ
เพิ่งถูกหัวหน้าไล่ออกมาล่ะสิ เก็บเงินของเธอ เอาไว้เลี้ยงตัวเองเถอะบุญมา วันนี้ฉันมีนัดกับหัวหน้า
บุญมาไม่รู้เธอแอบไปได้ยินมายังไง แต่ฟังน้ำเสียงเธอแล้วเขารู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังเหยียดหยัน รู้สึกได้ถึงความสมเพชและดูถูกในน้ำเสียงนั้น สีหน้าท่าทางของเธอด้วยเล่า บุญมาไม่อยากจะมองและคิดถึงมันเลย เพราะมันบอกให้เขารู้อยู่กลาย ๆ ว่าต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาจะเป็นยังไงต่อไป...ทำไมยุพาจึงเปลี่ยนท่าทีของเธอได้รวดเร็วปานนี้...แล้วความรักระหว่างเขาและเธอที่ผ่านมาล่ะ...
..
เขากำลังโกรธ โกรธที่เขาถูกกระทำ โกรธเพราะความไม่ยุติธรรมที่เขาได้รับ โกรธที่ได้รู้ความจริงระหว่างยุพาและพินิจ หัวใจที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้น มันเล่นงานเขาให้นอนกระสับกระส่าย ถอดถอนลมหายใจอยู่บนเตียง
เขาแอบตามยุพาและพินิจไปที่ร้านที่ทั้งสองพอกันไปทานข้าว ท่าทางสนิทสนมกันอย่างนั้นเหมือนกับที่เธอเคยทำกับเขาเมื่อตอนคบกันใหม่ ๆ ดูเธอสิเธอหัวร่อต่อกระซิกกับเขา เขายิ้มให้เธอและเอามือกุมมือเธอไว้...ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน เขาซึ่งเป็นคนรักของเธอเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน เธอปฏิเสธจะคุยกับเขาแล้วยังมีหน้ามานั่งกินข้าวอย่างมีความสุข กับหัวหน้าฝ่าย
บุญมากำมือสองข้างไว้แน่น ความแคลงใจทั้งหมดของเขามันกระจ่างชัดในวันนี้นี่เอง เขานอนไม่หลับ แม้ตอนนี้จะเลยเที่ยงคืนมากว่าสองชั่วโมงแล้วก็ตาม คิดถึงทีไรให้นึกเจ็บใจทุกที
...จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้... เขาไม่ยอม...จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ...เขาไม่ยอม...
บุญมานอนคิดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นเกือบทั้งคืน จนเกือบตีสาม ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ.......
.
สำหรับเขาแล้วปืนเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยากนักหรอก ใช้เวลาเพียงครึ่งค่อนวันเขาก็ได้มันมา เขาเก็บมันไว้ในกระเป๋าอย่างดี นั่งรถเมล์จากที่ซื้อปืนมาลงหน้าสำนักงาน...วันนี้เขากับพินิจมีเรื่องจะต้องคุยกัน
เจ้าหน้าที่หลายคนคงออกไปทานข้าวข้างนอก มีคนทำงานนั่งอยู่ในห้องไม่กี่คน เมื่อถูกทัก เขาบอกว่ามาคุยกับพินิจเรื่องเงินเดือนและค่าชดเชย มีเสียงบอกจากคนที่รู้จักด้วยสีหน้ากังวลว่าคุยกันดี ๆ นะ
มีเสียงผู้หญิงอยู่ในห้องของพินิจ เสียงผู้หญิงที่หัวเราะต่อกระซิกอย่างมีความสุข...เสียงของยุพา ...ได้ยินเสียงของพินิจหัวเราะตามมา ในช่วงที่เขากำลังมีความทุกข์ สองคนนี่กลับมีความสุขกัน
...ไม่ยุติธรรม...ไม่ยุติธรรม...จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...
...ไม่ยุติธรรม...ไม่ยุติธรรม...จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...
มือควานไปในกระเป๋าปืนลูกโม่สีดำ บรรจุกระสุนหกนัดยังอยู่ในนั้น มันนอนเงียบ ๆ อยู่ในนั้นรอคอยให้คนมาปลุกให้ร้องคำราม ตอนแรกเขาตั้งใจเอาปืนมาขู่ให้พินิจเลิกคบกับยุพา แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
..คลิ๊ก..
เขาเปิดประตูเข้าไป เสียงหัวเราะของคนทั้งสองหยุดเงียบไปทันที เมื่อเห็นว่าคนเปิดประตูเข้ามาเป็นใคร
บุญมา พินิจและยุพามีโอกาสพูดได้แค่นั้น จากนั้นจึงเป็นเสียงร่ำร้องตะโกน เสียงตะโกนก้องด้วยความหวาดกลัว เสียงตะโกนก้องเพราะความตกใจ จากคนในห้องและคนที่อยู่นอกห้อง เขามอบของขวัญแสดงความยินดีให้พินิจและยุพาคนละสองนัด ที่หน้าอกและศีรษะ ร่างของพินิจที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กระเด็นไปทางผนังด้วยความแรงของกระสุนที่พุ่งมาปะทะ เลือดไหลย้อยออกมาจากหน้าผากและหน้าอก
ยุพาเล่าร่างเธอล้มลงไปอยู่ที่พื้น เธอนั่งอยู่บนพนักเก้าอี้ตอนที่เขาเดินเข้ามา เขายิงเธอเป็นคนแรก เลือดยังไหลเจิ่งนองอยู่ที่พื้น เสียงกรีดร้องข้างนอกยังคงดังไม่หยุด มีเสียงร้องตะโกนโวยวายอย่างนี้ อีกไม่นาน คงจะมีคนแห่เข้ามาอีกเยอะ...รวมทั้งตำรวจด้วย
...ไม่มีวันซะหรอก ที่เขาจะยอมถูกจองจำ และถูกกระทำอีกต่อไป...
บุญมาก้มมองปืนในมือที่ถืออยู่ ยังมีกระสุนเหลืออีกสองนัด...เขายิ้ม และยกปืนขึ้นจ่อที่ขมับข้างขวา นิ้วชี้ข้างขวาอยู่ในโกร่งไก รอยยิ้มยังคงไม่เลือนหายไปจากใบหน้า เขาคิดว่ากำลังจะปลดปล่อยตัวเองให้มีอิสรภาพ ต่อไปนี้จะไม่มีใครมากระทำกับเขาให้ต้องผิดหวังทุกข์ทรมานได้อีกแล้ว
บุญมามอบของขวัญให้ตัวเองหนึ่งนัด
.
ตายแล้ว.!!!!!! นี่มันอะไรกันนี่ แคนดี้ร้องอุทานขึ้นมาทันที
อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ย้อนเวลากลับไปจุดเดิมดีกว่าหล่อนนึกพร้อมกับร่ายมนตรากลับไปยังปัจจุบัน แต่เหตุการณ์ไม่อาจจะเป็นดังที่คาดคิด หล่อนจึงได้มายืนหยุดอยู่ที่ลานจอดรถอีกครั้งและมองร่างของชาตินักรบแกับตนเองที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศและมอบพลังจากไข่มุกให้แก่เขา
ทำไมเราต้องทำเช่นนั้นด้วย แคนดี้เอ่ย
ฟ้ากำหนดแล้วเจ้าหญิง.เสียงนี้ดังกึกก้องไปหมดทำให้แคนดี้หันไปมองรอบ ๆ เพื่อหาต้นเสียง
ใครท่านเป็นใคร
ข้าเหรอ.เหอะ ๆ ข้าเหรอท่านถามข้าเหอะ ๆ
พลันใดนั้นแววตามหึมาคู่หนึ่งก็โผล่ออกมาจากความมืด แคนดี้รู้สึกตกใจมากรีบคว้ากำไลมังกรขึ้นมาเพื่อที่จะป้องกันตัว
ท่านไม่ทำร้ายข้าหรอกเพราะข้าคือผู้เดียวที่ล่วงรู้อนาคตของท่านข้าเป็นคนกำหนดให้ท่านได้เจอกับชาตินักรบ มนุษย์โลกผู้นั้นแต่อย่าถามว่าทำไม สักวันท่านจะต้องค้นหามันพบ ท่านจะต้องเข้าใจว่าข้าทำเช่นนี้เพื่ออะไร
แล้วเจ้าเป็นใคร แคนดี้ถามด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
ข้าคือบุรุษนิรนาม ข้าคือผู้พยากรณ์
.หาผู้พยากรณ์งั้นเหรอแคนดี้นึก
ท่านจงกลับไปยังวินาทีที่ท่าควรจะอยู่และติดตามชาตินักรบชายผู้นั้นไป และท่านจะค้นหาเรื่องที่อยากจะค้นหาจนพบจำคำข้าท่านจงกลับไป.!!!!
เสียงของผู้พยากรณ์ดังกังวาลน่เกรงขามยิ่งนักจู่ ๆ สายลมและละอองฝนก็สาดซัดมาที่ร่างของแคนดี้ ร่างนั้นเซแทบจะล้ม เกือบจะพยุงตัวไม่อยู่ ทำให้หล่อนต้องหยิบนาฬิกาเทพขึ้นมาเพื่อหมุนเวลาให้ย้อนกลับไป
26 เมษายน 2548 19:40 น.
สุชาดา โมรา
แล้วคุณเรียนทางด้านไหนคะ กิ๊กแย่งถามบ้าง
ฉันเรียนนิเทศน์ศาสตร์ค่ะ แต่อย่าเพิ่งสงสัยนะคะว่าทำไมฉันถึงต้องมาทำจัดสวนดอกไม้กับจิวเวอร์รี่ ฉันขอตอบให้กระจ่างทีเดียวเลยนะคะว่า คุณพ่อฉันท่าทำจิวเวอร์รี่ตั้งแต่อยู่สิงคโปร์แล้วแต่ท่านต้องการขยายตลาดท่านเลยให้ฉันมาทำที่เมืองไทยดู ส่วนเรื่องการจัดสวนดอกไม้นั้นคุณตาของฉันท่านเป็นคนรักต้นไม้และมีคนงานเยอะ เราเลยรับจัดสวนดอกไม้ตามบ้านคนโดยไปจัดบูทที่บนห้างพร้อมตัวอย่างภาพสวย ๆ จากการจัดสวนตามฮวงจุ้ยน่ะค่ะ มารินีตอบ
อ๋อ!!!!!! ทุกคนถึงกับพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยทีเดียว
อาหารมาวางที่โต๊ะทีละอย่างสองอย่าง เมื่ออาหารวางครบแล้วทุกคนจึงเริ่มลงมือทาน ดูท่าทางคนที่หิวที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเด็ก ๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตาทานโดยที่ไม่ยอมพูดอะไรสักคำเดียว แต่กลุ่มผู้ใหญ่ยังคงจับจ้องสงสัยในตัวของคุณมารินีอยู่ ทำให้ทุกคนมีเรื่องอยากจะถามเธอมากมาย ต่างคนต่างก็แย่งกันพูดทำให้คุณภูริต้องสะกิดให้กัญญาเลิกถามคุณมารินีได้แล้วเพราะนั่นเป็นการเสีมารยาทในการรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก
เดี๋ยวค่อยถามก็ได้คุณตอนนี้เรากำลังทานอยู่นะ มันน่าเกลียด คุณภูริกระซิบข้างหูกัญญาเบา ๆ ทำให้เธอหยุดพูดทันทีและหันกลับมาทานอาหารต่อ
ก็น่าแปลกนะ ปกติแล้วกัญญาเองก็ไม่เคยจะเชื่อฟังใครง่าย ๆ ด้วยแต่กับคุณภูริเธอกลับยอมเขาและทำตามที่เขาบอกเสมอ ๆ ทำให้เพื่อน ๆ ทุกคนต่างสงสัยกันว่ากัญญาทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม ต่างคนก็ต่างเก็บเอาไว้ในใจเพราะกลัวว่าถ้าถามไปอาจจะถูกกัญญาสวนกลับอย่างตั้งตัวไม่ทันเลยก็ได้ เพราะเพื่อน ๆ ก็รู้ดีอยู่ว่ากัญญาเป็นคนปากร้าย พูดแรง ๆ ตรง ๆ และได้ใจความจนบางคนอาจจะอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลยก็ว่าได้แต่ข้อดีของเธอก็คือเธอเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วและมีน้ำใจต่อเพื่อน ๆ เสมอ ๆ ทำให้เพื่อน ๆ ชอบเธอในส่วนนี้
คุณคะ ฉันว่าเราไปเล่นทางนั้นกันดีกว่านะคะ กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเดินนำหน้าคุณภูริไป
ดูยายกัญญาสิ มีแฟนแล้วไม่สนใจเพื่อนเลย ฉันนะหมั่นไส้จริง ๆ เลย หนูนาพูดขึ้น
ปล่อยเขาไปเถอะ ปล่อยให้เขาจู๋จี๋กันเถอะนะ เปิดโอกาสให้เพื่อนมีแฟนบ้างสิ กิ๊กพูดขึ้น
ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน เผื่อเพื่อนเราคนนี้จะได้ลงมาจากคานเพชรซะที กระต่ายพูดขึ้นบ้าง
แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับที่เธอพูดนะ เพราะตอนนี้เพื่อนเราก็ลงมาจากคานเกือบจะเต็มตัวแล้วด้วย แป้งพูดขึ้น
ยังไง เพื่อน ๆ ถึงกับพูดพร้อมกันเลยทีเดียว
ก็ยายกัญญายอมรับหมั้นของคุณภูริ ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นทางการก็เถอะแต่สื่อมวลชนก็รู้ คนทั้งประเทศก็รู้ แล้วอย่างนี้จะมาหาว่าเพื่อเรายังไม่ลงจากคานมันก็เป็นความคิดที่ไม่ถูกนะ แป้งตอบ
อืม เพื่อน ๆ ทุกคนถึงกับพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของแป้งทันที
คุณไผ่คะ ฉันต้องไปก่อนแล้วนะคะ แล้วเราค่อยเจอกันใหม่นะคะ มารินีพูดขึ้นพร้อมกับหันมาไหว้ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเนื่องจากเธออายุน้อยกว่าทุกคนอยู่มากพอสมควร จากนั้นเธอก็เดินออกไป คุณไผ่จึงวิ่งตามไปส่งเธอ ทั้งคู่เดินลับสายตาเพื่อน ๆ ไปแล้ว แนนซี่จึงพาคุณนิวไปหาซื้อของฝากกลับบ้านเพราะเธอก็เริ่มรู้สึกว่าคุณนิวเริ่มเบื่อที่นี่บ้างแล้ว
แป้ง หนูนา กระต่าย และสามีของพวกเธอต่างก็แยกย้ายกันจูงมือลูก ๆ ไปเล่นที่อื่น ๆ อย่างสบายใจในขณะที่คุณภูริและกัญญากำลังสนุกกับการเล่นเครื่องเล่นที่เรียกว่าพรมวิเศษอยู่ ทั้งคู่นั่งบนเครื่องเล่น เครื่องเล่นค่อย ๆ ลอยตัวยกระดับขึ้นไปพร้อมกับหมุนตัวเป็นวงเหมือนกับคนโบกมืออย่างไงยังงั้นเลยทีเดียว เสียงกรีดร้องของผู้คนที่แสนจะมีความสุขดังขึ้นไม่หยุด กัญญากรี๊ดเสียงดังลั่นเมื่อลงมาจากเครื่องเล่นแล้วคุณภูริจึงพากัญญาไปเดินเล่นและหาซื้อของฝากก่อนที่สวนสนุกจะปิดทำการ
กัญญาหยิบตะเกียงรูปหัวใจสีแดงขึ้นมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนสนุกแห่งนี้ แล้วเธอก็วางลง เธอเดินไปหยิบนั่นหยิบนี่ดูด้วยความสนใจ ในที่สุดก็ต้องหันกลับมาหยิบตะเกียงใบเดิม มือของเธอจึงบังเอิญไปจับตะเกียงใบเดียวกันกับคุณภูริ จึงทำให้เธอรู้สึกเขินปล่อยมือจากตะเกียงทันที คุณภูริจึงหยิบตะเกียงยื่นให้เธอ จากนั้นเขาจึงเดินไปเลือกซื้อของที่ถูกใจออกมาสองสามชิ้นก่อนที่จะไปรวมตัวกับเพื่อน ๆ ที่หน้าประตูทางออกของสวนสนุก
คุณได้อะไรมาคะ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย กัญญาถามขึ้น
ผมก็ได้ของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ มา มันไม่มีความสำคัญอะไรหรอก คุณภูริตอบ
กัญญาเมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกงอนทันที เธอรู้สึกว่าทำไมคุณภูริถึงได้มีลับลมคมนัยกับเธออยู่ตลอดเวลาในขณะที่เธอเองก็ไม่เคยมีเรื่องลับลมคมนัยกับเขาเลยสักนิดเดียว
คุณภูริเมื่อรู้ว่ากัญญารู้สึกงอนอยู่นิด ๆ เขาจึงหยิบของฝากชิ้นหนึ่งออกมาพร้อมกับบอกให้กัญญาหลับตาลง
หลับตาก่อนสิ ผมมีอะไรจะให้
คุณภูริหยิบสร้อยคอซึ่งมีจี้รูปหัวใจออกมาใส่ให้เธอ ในขณะที่เพื่อน ๆ ของเธอเดินมาพร้อมกับสามีและลูก ๆ พอดี ทุกคนจึงได้เห็นความรักของคนทั้งคู่ที่มีต่อกันอย่างหวานซึ้ง
แหมน่าอิจฉาจังเลย คู่นี้เขาสวีทกันอีกแล้ว หนูนาพูดขึ้น
อย่าไปยุ่งกับเขาเลยครับคุณแม่ มันไม่ใช่เรื่องของเรา ต้นต่อลูกชายของเธอพูดขึ้น
ตายแล้วไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหน แก่แดดแก่ลมจังเลยนะเรา หนูนาหันไปเอ็ดลูกชายทันที
คุณพ่อสอนครับว่าอย่ายุ่งเรื่องของชาวบ้าน ก่อนที่จะยุ่งต้องยุ่งเรื่องของตัวเองก่อน คุณพ่อยังยกตัวอย่างเกี่ยวกับคุณแม่ให้ฟังบ่อย ๆ เลย ต้นต่อแย้งขึ้น
ตายแล้วนี่คุณสอนให้ลูกเถียงเหรอคะเดี๋ยวกลับไปบ้านเราต้องคุยกันหน่อยแล้ว
หนูนาพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองต้นกล้าแล้วก็ค้อน ๆ ต้นกล้านั้นก็ทำเฉย ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนูนาจึงต้องเงียบและหันไปซุบซิบกับเพื่อน ๆ เพื่อหาแนวร่วมในการนินทา แต่เพื่อน ๆ กลับนิ่งเฉยและเดินขึ้นรถไป ทำให้หนูนารู้สึกอาย ๆ แล้วก็รีบเดินขึ้นรถไปทันที
ขอบคุณค่ะแหมมันสวยจังเลยนะคะ
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเอามือซ้ายไปสัมผัสกับสร้อยที่คอ ส่วนมือขวาของเธอนั้นจับกระจกจากแป้งพับตลับ สายตาของเธอจ้องมองไปที่คอที่มีสร้อยคอรูปหัวใจน้อย ๆ น่ารักประดับไปด้วยพลอยเม็ดเล็ก ๆ ที่แสนสวยเรียงรายอยู่ 9 เม็ดด้วยกัน เธอรีบเก็บตลับแป้งแล้วก็หันไปกอดคุณภูริด้วยท่าทางดีใจราวกับเด็ก ๆ ทำให้เขายิ้มหน้าบานเลยทีเดียว คุณภูริจูงมือกัญญาเดินขึ้นรถและก็ขับรถออกมาและตรงดิ่งไปส่งที่บ้านของเธอ สายตาของเขาจ้องมองทางไปและก็หันมายิ้มกับเธอไปตลอดทำให้กัญญารู้สึกมีความสุขมากที่สุดเพราะนาน ๆ เธอจะได้ออกมาเที่ยวแบบนี้สักครั้งนึง
ขอบคุณนะคะ สำหรับความสุข ความสนุกสนานในวันนี้ นี่ถ้าฉันไม่ได้คุณฉันคงยังนั่งกลุ้มใจเรื่องงานอยู่กับบ้านทั้งวันแน่ ๆ กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเดินลงจากรถ เธอโบกมือบ๊ายบายกับเขาจนกระทั่งรถแล่นออกจากบ้านจนลับสายตาไปแล้วเธอจึงเข้าบ้าน
แหมอารมณ์ดีจังเลยนะแม่ลูกคนนี้ คุณแม่อิ่มแม่ของเธอพูดขึ้น กัญญายิ้มแล้วก็เดินขึ้นบันไดบ้านไป
..25..
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ
เจอกันเร็ว ๆ นี้ที่ร้านหนังสือ ซี-เอ็ด ทั่วประเทศค่ะ
26 เมษายน 2548 19:38 น.
สุชาดา โมรา
เอาก็เอามันคงไม่อันตรายหรอกเนาะ อย่างดีก็แค่หนาวก็เท่านั้น
พี่โอและกระต่ายเดินเข้าไปยังดินแดนขั้วโลกเหนือจำลอง เขาทั้งคู่สนุกกับการเล่นกระดานเลื่อนราวกับเด็กเล็ก ๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เดินสำรวจดูสถานที่และความสวยงามของการจัดฉากที่สุดแสนจะพรรณา
นี่ดูหิมะสิ อย่างกับก้อนน้ำแข็งในช่องฟิตตู้เย็นเก่า ๆ เลย
อืมจริง ๆ ด้วยค่ะอุ๊ย! พี่โอคะดูนั่นสิคะ สวยมากเลยค่ะ
กระต่ายชี้ชวนให้พี่โอดูบ้านของชาวเอสกีโมซึ่งจำลองมาอย่างน่าอัศจรรย์
ต่ายดูนั่นสิ พี่โอชี้ชวนให้กระต่ายดูบ้าง
ไหนคะ
กระต่ายหันไปก็ไม่เห็นมีอะไร เธอจึงหันกลับมาหาพี่โอ พี่โอจึงสบโอกาสในขณะที่ไม่มีใครสนใจ เขาจึงแอบหอมแก้มภรรยาของตัวเองเบา ๆ ทำให้กระต่ายรู้สึกเขินเป็นอย่างมาก เธอจึงเอามือตีไหล่พี่โอเบา ๆ
อายคนอื่นบ้างสิ
กระต่ายพูดขึ้นพร้อมกับเดินหนี แต่พี่โอก็คว้ามือเธอเอาไว้แล้วก็จูงมือเธอเดินท่ามกล่างหิมะจำลองที่มีความเย็นติดลบถึงลบสี่องศา
..
พี่นันต์และแป้งเดินจูงมือกันไปเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ราวกับเด็ก ๆ เขาทั้งคู่นั่งไวกลิ้งด้านท้ายสุด เมื่อไวกลิ้งเคลื่นตัวทีแรกเลยแป้งก็ยังไม่กลัวเท่าไรเพราะความสูงยังไม่มากพอ แต่เมื่อความสูงถึงขนาดตั้งฉากกับพื้นโลก แป้งก็กรีดร้องจนเสียงหลงและก็หันไปกอดพี่นันต์ทันที ในขณะที่พี่นันต์นั่งนิ่งราวกับไม่กลัวอะไรเลย
พี่นันต์คะคุณเก่งนะคะที่ไม่กลัวอะไรเลย ฉันนะร้องเสียงหลงทีเดียวละ
พี่นันต์ไม่พูดอะไร เขาเดินเงียบออกมาจากไวกลิ้ง เมื่อแป้งหันไปมองสามีของตัวเองก็ถึงกับขำขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นพี่นันต์ยืนตัวเกรงขาสั่นราวกับเจ้าเข้าทีเดียว
ไปงั้นเราไปต่อที่อื่นกันอีกเถอะ
หา!!!! พี่นันต์ถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินแป้งพูดว่าจะไปเล่นต่ออีก
ไม่ต้องตกใจค่ะ ก็เราไปเสียวได้ถึงขนาดนี้แล้วเราก็ดับความเสียวความกลัวด้วยการเล่นเครื่องเล่นทุกชนิดที่มีเพื่อจะได้ไม่กลัวอีกไงคะ แป้งพูดขึ้น
ปกติแล้วแป้งจะเป็นคนไม่ค่อยพูดสักเท่าไรนัก เมื่อแป้งพูดแบบนี้จึงทำให้พี่นันต์เชื่อแป้งซะสนิททั้ง ๆ ที่แป้งเองก็คิดจะแก้เผ็ดความปากดีที่ทำให้สาว ๆ ติดเขาอย่างกับตังเมด้วยการแกล้งให้เล่นเครื่องเล่นซะให้อ่วมไปเลย จะได้ไม่มีเวลาใช้สายตาหวาน ๆ และคำพูดหวาน ๆ หว่านเสน่ห์ใครอีก
ชักช้าอยู่ได้ไป ไปสิคะ
แป้งยื้อยุดฉุดกระชากให้พี่นันต์ขึ้นไปเล่นรถไฟเหาะตีลังกากับตัวเอง ทีแรกเลยพี่นันต์ก็ไม่อยากจะขึ้นไปซักเท่าไร แต่ในเมื่อภรรยาสาวของตัวเองพูดโน้มน้าวจิตใจให้เชื่อแล้ว ตัวเองจึงต้องจำยอมที่จะขึ้นไปเล่นรถไฟเหาะตีลังกากับเธอ
เสียงหวีดร้องของผู้คนมากมายร้องดังขึ้น พี่นันต์เองก็ได้แต่เงียบเก็บอารมณ์เพราะกลัวจะเสียฟอร์มที่จะต้องมาร้องตะโกนดัง ๆ ให้ใครต่อใครได้ยิน
ร้องออกมาเถอะค่ะจะได้ระบายสิ่งที่เก็บไว้ข้างใน ไม่งั้นก็จะกลายเป็นคนเสียสตินะคะ ร้องดัง ๆ ไปเลยค่ะ แป้งตะโกนดังขึ้นทำให้พี่นันต์ร้องแบบตะเบงเสียงจนสุดเสียงยาว ๆ จนตัวเขาเองรู้สึกโล่งใจและสบายใจเป็นอย่างมาก
ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก..!!!!!!!!!!!!!!!!
เมื่อรถไฟเหาะตีลังกาจอด พี่นันต์และแป้งเดินลงมาช้า ๆ โดยพี่นันต์ลงมาก่อนส่วนแป้งนั้นเดินตามลงมา
เมื่อกี้ได้ยินไหม ตอนที่รถไฟเหาะดิ่งตัวลงมา ใครก็ไม่รู้ร้องดังอย่างกับควายถูกเชือดเลย ใครคนหนึ่งพูดขึ้นทำให้แป้งอดที่จะขำไม่ได้ พี่นันต์เองก็เช่นกัน เขาหัวเราะดังขึ้นแล้วก็เดินจูงมือภรรยาของตัวเองลงไปข้างล่างเพื่อที่จะไปเล่นเครื่องเล่นในส่วนอื่น ๆ
วันนี้พี่สนุกมากเลย พี่ไม่เคยสนุกแบบนี้มาก่อนเลยนะขอบคุณนะจ๊ะที่รักที่พาพี่มาปล่อยแก่ พี่นันต์พูดขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนมือไปโอบกอดเธอเอาไว้ เขายิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่แป้งคิดโครงการที่จะพาเขาไปเล่นในที่อื่น ๆ อีกในส่วนของสวนสนุก
.
คุณไผ่ คุณนิว และแนนซี่ไปเล่นด้วยกันที่ลานรถบั้ม ทุกคนสนุกมาก ต่างคนต่างก็ขับรถพุ่งเข้าชนกันแนนซี่ขับรถหมุนออกมาเลาะริมแล้วก็ขับหนีคุณไผ่และคุณนิว
จะหนีไปไหนน่ะ คุณไผ่ตะโกนดังขึ้น
ชนเลย
คุณนิวพูดขึ้นพร้อมกับขับรถพุ่งเข้าหาแนนซี่ แนนซี่จึงหันมาพุ่งหน้าเข้าไปชนคุณไผ่แทนและอ้อมไปชนด้านหลังคุณนิวอย่างแรง ต่างคนก็ต่างหัวเราะชอบใจกันใหญ่ผู้หญิงคนหนึ่งเธอทั้งสวย ขาว น่ารัก ดูมีเสน่ห์ สวมชุดกระโปรงยาวเดินก้าวเข้ามานั่งในรถบั้มสีแดงแล้วก็ขับรถเข้ามาร่วมเล่นกับคุณไผ่และแนนซี่ด้วย คุณไผ่รู้สึกใจสั่นรัวเมื่อเห็นเธอคนนี้ทำให้คุณไผ่อยากจะรู้จักกับเธอขึ้นมาแล้วก็ขับรถเข้าไปพุ่งชนเธออยู่หลายครั้งเพื่อที่จะตะโกนถามชื่อเธอ แต่เธอก็ไม่ยอมตอบอะไร ทำให้เขาขับตามเธออยู่นานทีเดียวกว่าจะรู้ว่าเธอชื่อมารินี เป็นลูกครึ่งสาวชาวไทยสิงคโปร์ที่เข้ามาเรียนต่อในเมืองไทยที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในชั้นปริญญาโท และเขายังได้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อของเธอที่เธอหยิบนามบัตรนั้นออกมาจากหน้าอกของเธออีกด้วย ทำให้คุณไผ่หยิบนามบัตรใบนั้นขึ้นมาดมอยู่หลายครั้งหลายหน
คุณนิวจับคู่กับแนนซี่ เขายังคงเล่นรถบั้มต่ออย่างสนุกสนาน ต่างคนก็ต่างแยกคู่ออกไปเล่นเป็นคู่ ๆ ทำให้คุณนิวกับแนนซี่สนิทกันมากขึ้น และมารินีกับคุณไผ่ก็ทำความรู้จักกันมากขึ้นอีกด้วย คุณนิวนั้นทราบดีว่าแนนซี่เป็นสาวประเภทสอง แต่เขาก็รับเธอได้เพราะเขาก็ทราบดีว่าเรื่องของเขากับกัญญานั้นเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างแนนซี่เองก็เป็นคนดี เขาจึงเลือกที่จะรักคนที่เขารักเราดีกว่า ส่วนคุณไผ่นั้นเขาไปติดใจสาวลูกครึ่งที่ชื่อมารินี ซึ่งเจอกันเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ปิ้งเธอให้เต็มเปา ทำให้เขาอยากที่จะเข้าไปค้นหาและอยากที่จะทราบเรื่องราวของสาวสวยคนนี้มากกว่านี้ อีกอย่างเธอเองก็มาคนเดียวด้วยทำให้คุณไผ่รู้สึกว่าอะไร ๆ ก็ดูจะเปิดทางให้เขาไปเสียหมด การเข้ามากรุงเทพฯ ในครั้งนี้ทำให้เขาเจอกับคนที่คิดว่าใช่แล้วจริง ๆ
.
กัญญาและคุณภูรินั่งกระเช้าลอยฟ้าเพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของสวนสนุก ทั้งคู่รู้สึกมีความสุขมากที่ได้มีโอกาสมานั่งชมวิวด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างจะร้อนอบอ้าวไปสักนิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้การจู๋จี๋ของเขาขมเลยสักนิด เพราะความหวานของน้ำตาลในตัวของทั้งคู่ยังคงหวานเยิ้มอยู่ตลอดเวลา
อากาศบนนี้ดีจังเลยนะครับ นาน ๆ ทีเราจะได้มาสูดอากาศที่บริสุทธิ์แบบนี้ คุณภูริพูดขึ้น
กัญญายิ้มด้วยความสุข เธอมองดูทิวทัศน์รอบ ๆ ซึ่งก็มีแต่ป่าไม้และป่าคอนกรีตเต็มไปหมด ทำให้เธอมีความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ผมถามจริง ๆ เถอะ คุณเองก็ใกล้จะ 30 แล้วแต่ทำไมหน้าคุณถึงดูไม่สมวัยเลย
ยังไงคะ
ก็ดูมันอ่อนเยาว์อย่างกับผมกำลังนั่งคุยกับเด็กอายุ 17-18 ยังไงยังงั้นแหละ
จริงเหรอคะ ไม่ใช่ว่าคุณพูดเล่นเพื่อยอฉันนะ
จริง ๆ ไม่เชื่อคุณก็ลองไปถ่ายรูปเทียบกับหน้าเพื่อน ๆ ของคุณสิ ขานั้นนะดูหน้าตาอย่างกะ 35 ขึ้นไปแล้วเลย
จริงเหรอคะ กัญญาแสดงอาการเขินอายขึ้นมาทันที
จริง ๆ ผมจะโกหกคุณไปทำไมกันเอผมถามจริง ๆ เถอะว่าคุณไปฉีดคอโรเจนหรือไปทำเบบี้เฟรชมาหรือเปล่า ทำไมหน้าตาถึงได้ดูเด็กแบบนี้ล่ะ นี่ถ้าตัดผมสั้นนะ ผมยังคิดว่าเป็นเด็กวัยคอซองเลย
พูดเป็นเล่นน่า คุณนี่หาเรื่องยอให้ฉันตัวลอยเรื่อยเลยนะ
กัญญารู้สึกเขิน ๆ จึงนั่งหันหน้าไปชมวิวแบบไม่รู้ไม่ชี้คุณภูริจึงขยับตัวมานั่งทางฝั่งของกัญญาแล้วก็ยื่นหน้าไปใกล้ ๆ เธอและชี้นั่นชี้นี่ให้เธอดู เขาพยายามจะหอมแก้มเธอหลายครั้งแต่เธอก็หันหน้าไปทางอื่นตลอดเลยจนเขาต้องยื่นมือขึ้นมาจับที่ปลายคางของเธอเอาไว้ ทั้งคู่ต่างก็จ้องตากัน ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ แย้มออกและใกล้เข้าไปหาเธอทุกที ทุกทีจนในที่สุดกัญญาก็ยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นพรวดออกมานั่งอีกฝั่งนึงทันทีทำให้คุณภูริรู้สึกเขินที่ทำอะไรก็ดูจะเสียฟอร์มไปซะหมด เขาจึงทำท่าเหมือนกับจะจับแมลงวันที่บินผ่านไปผ่านมาทันที
นี่แน่ะนี่แน่ะ!!!!
ทำอะไรคะคุณ กัญญาถามอย่างสงสัย
จับแมลงวันไงคุณ โหมันเยอะจังเลย
มีที่ไหนกัน นี่กระเช้ามันสูงกว่าพื้นดินตั้งไม่รู้กี่ฟุต คุณนี่ท่าจะติ๊งต๊องนะเอหรือว่าทำแก้เขินกันแน่เนี่ย.
กัญญาถึงกับหลุดขำขึ้นมาทันทีทำให้คุณภูริถึงกับจ้องหน้าเธอตาไม่กระพริบทีเดียว
อย่าให้เผลอละกัน
ถ้าเผลอแล้วจะทำไม
ผมจะให้คุณรีบเปลี่ยนนามสกุลแทบไม่ทันเลยละ
ฝันไปเถอะย่ะ!!!!นี่จะลงไหม ถึงแล้วนะคุณ.!!!!
จ้า ๆ แม่ยอดยาหยีโธ่ คุณพูริเอ่ยขึ้น ฝากไว้ก่อนเถอะยายตัวร้ายอืม คุณภูริถึงกับบ่นพึมพัมขึ้นมาทันที
อะไรคะ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ
ปะเปล่าครับ
งั้นก็แล้วไป ไปทางนั้นกันเถอะค่ะ
เมื่อทั้งคู่ลงจากกระเช้าลอยฟ้าแล้ว พวกเขาจึงเดินไปเล่นเครื่องเล่นอื่น ๆ อีกเขาเดินมาหยุดตรงเครื่องเล่นที่เรียกว่าตะลุยอวกาศ ข้างในคนเยอะมากเพราะมีแต่เด็ก ๆ ทั้งคู่ต้องต่อแถวเข้าคิวยาวเหยียดกว่าจะได้ขึ้นไปนั่งบนรถไฟ รถไฟค่อย ๆ เคลื่อนที่ลงไปในที่มืดเรื่อย ๆ แล้วก็ทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องของผู้คนมากมายดังกึกก้อง คุณภูริสบโอกาสเมื่อรู้ว่ากัญญากลัวและโผเข้ากอดเขาเอาไว้ เขาจึงกอดเธอไม่ยอมให้ห่างกายไปไหนทั้ง ๆ ที่เขาเองก็รู้ว่าระบบนิรภัยของที่นี่ป้องกันเป็นอย่างดี กัญญากรีดร้องเสียงหลง ในขณะเดียวกันคุณภูริก็ร้องขึ้นเช่นกัน ทั้งคู่รู้สึกสนุกมาก เมื่อเครื่องลงจอด ณ จุดเดิม คุณภูริจึงค่อย ๆ ประคองกัญญาให้เดินลงมาจากเครื่องเล่นนั้นด้วยความระมัดระวัง
เมื่อกี้กลัวหรือเปล่า คุณภูริถามขึ้น
ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะร้องเพราะความมืดและการโคจรของเครื่องเล่นเป็นไปอย่างรวดเร็วและชอบทิ้งตัวลงในที่ ๆ ต่ำที่สุดอย่างรวดเร็ว ฉันก็เลยต้องกรี๊ดเป็นธรรมดา
แหมถามหน่อยเดียวพูดเป็นพิธีการเชียวนะแม่คุณ
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งตามกัญญาไป เธอเดินจ้ำ ๆ ๆ แล้วก็จ้ำด้วยความรู้สึกที่เขินอายเพราะถูกคุณภูริแซวเรื่องที่กรี๊ดเสียงดังลั่นตอนที่เล่นเครื่องเล่น ทั้ง ๆ ที่คุณภูริเองก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย แต่เธอเข้าใจผิดไปใหญ่ทำให้คุณภูริต้องวิ่งไปง้อเพราะรู้ว่ากัญญาเป็นคนขี้ใจน้อย แสนงอน และค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง
ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้คุณโกรธ ผมแค่ถามเฉย ๆ เท่านั้นเอง
มาขอโทษฉันทำไม ฉันเปล่าโกรธซะหน่อย
จริงอ่ะ
อืม
ไม่เชื่อหรอก ถ้าไม่โกรธจะเดินจ้ำ ๆ ๆ ขนาดนี้เหรอ
แหมช่างรู้ใจไปซะหมดเลยนะยะ
ถ้าผมไม่รู้ใจคุณแล้วใครจะมารู้ใจคุณได้อีกล่ะจริงไหม
เอแล้วถ้าฉันไม่ได้โกรธล่ะ
พนันได้เลยว่าถ้าไม่โกรธผมจะยอมให้คุณหอมทีเลย แต่ถ้าคุณโกรธผมจะหอมคุณทีนึง ดีไหม
บ้าน่าคุณน่ะได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะคนผีทะเล
แหมก็จะไปได้ทั้งขึ้นทั้งล่องได้ไง ก็ในเมื่อผมเปิดโอกาสให้คุณหอมแก้มผมขนาดนี้จริงไหม
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปช้อนปลายคางของเธอขึ้นมา เขายิ้มแล้วก็เปลี่ยนมือมาจับแก้มของเธอด้วยความหมั่นเขี้ยว จากนั้นก็จูงมือเธอเดินมาแถว ๆ บริเวณบ้านของยักษ์ ซึ่งข้าวของภายในนั้นมีแต่สิ่งที่ใหญ่โตมโหราฬไปหมด
โอ้โหบ้านยักษ์นี่ทำเหมือนในหนังสือการ์ตูนเลยนะคะ
แล้วคุณรู้ไหมว่านี่บ้านยักษ์ในเรื่องอะไร
หึ กัญญาส่ายหน้าแล้วก็จ้องมองคุณภูริด้วยท่าทางที่สงสัย
เรื่องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ไง คุณภูริตอบขึ้น แต่ตอนนี้ผมจะฆ่าคุณ ห้า ๆ ๆ ๆ
คุณภูริหัวเราะดังขึ้นทำให้กัญญาวิ่งหนีคุณภูริไปรอบ ๆ ส่วนเขาเองก็วิ่งตาม ทั้งคู่สนุกมากราวกับได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง จนกระทั่งเขาวิ่งกันจนเหนื่อยและหอบ ทำให้คุณภูริสะดุดขากางเกงตัวเองล้มไปถูกกัญญาพอดี ร่างของทั้งคู่จึงหล่นลงไปกองแนบกันที่พื้น ซึ่งเป็นโชคดีของเขาตรงที่บริเวณส่วนนี้ไม่มีใครอยู่เลย จึงทำให้พวกเขาไม่รู้สึกอายเลยสักนิด
คุณภูริโอบกอดร่างของกัญญาเอาไว้ สายตาของเขาจ้องมองไปที่เธอด้วยท่าทางตาหวานเยิ้ม นัยตาของเธอก็จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ แล้วจู่ ๆ คุณภูริก็ค่อย ๆ ก้มตัวลงช้า ๆ จนรินฝีปากนั้นกำลังจะเข้าใกล้เธอเข้าไปทุกที ๆ ๆ ทำให้เธอหลบสายตาแล้วก็ลุกขึ้นพรวดพราดขึ้นมาทันที
เดินไปตรงอื่นเถอะค่ะ ฉันเบื่อตรงนี้แล้ว
กัญญาพูดขึ้นเพื่อแก้เขิน แล้วเธอก็เดินออกไปนอกบริเวณตรงนี้ทำให้คุณภูริลุกขึ้นยืนแล้วก็ส่ายหน้าพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ และวิ่งตามเธอไป
.24.
โปรดติดตามผลงานตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนมาก ๆ ค่ะที่ติดตามผลงานของผึ้งมาโดยตลอด และเป็นกำลังใจให้เสมอมา
26 เมษายน 2548 19:36 น.
สุชาดา โมรา
จะไปไหนกันล่ะ ขนมากันทั้งโคตรเลยนะ
โหพูดเกินไปนะเนี่ยเราก็แค่จะไปเที่ยวกันเท่านั้นแหละก็เลยจะมาชวนยายกัญญาไปด้วยเผื่อจะได้สละโสตกันบ้าง เพราะเราก็เพิ่งได้ข่าวว่ากัญญาหมั้นกับคุณภูริแล้วนี่ข่าวออกจะดังเนาะ กระต่ายพูดขึ้น
แหมฉันก็น้อยใจแย่น่ะสิ ชวนแต่กัญญา พวกเธอน่ะใจร้ายลืมฉันได้ไงอ่ะ
ไม่ได้ลืมแต่ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอต้องอยู่ที่นี่จริงไหมพวกเรา หนูนาพูดขึ้น เพื่อน ๆ ในกลุ่มจึงพยักหน้าเห็นด้วย
เออแล้วเธอแต่งตัวซะสวยเท่ห์เชียว จะไปไหนกับยายกัญญาเหรอ หนูนาถามขึ้น
ก็คุณไผ่กับคุณนิวขวัญใจฉันเขาจะมาน่ะสิ เขาอยากให้ฉันกับกัญญาพาเที่ยว ฉันก็เลยมานั่งรอยายกัญญาอาบน้ำอยู่นี่ไงไม่รู้จะล้างไส้ไปถึงไหน นี่ก็ปาเข้าไป 3 ชั่วโมงแล้วนะเนี่ย
เพื่อน ๆ ทุกคน รวมทั้งเด็ก ๆ และสามีของแต่ละคนต่างก็พากันหัวเราะในคำพูดของแนนซี่กันไปหมดเพราะน้ำเสียงของเธอบ่งบอกถึงการต่อว่าต่อขานและประชดประชันเพื่อน บางครั้งเสียงกระเทยของเธอก็หลุดออกมาโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ไปผ่าตัดกล่องเสียงมาจนเสียงใสเหมือนกับผู้หญิงจริง ๆ ไปแล้วด้วย
รถจากั่วสีแดงเปิดประทุนป้ายแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดที่หน้าประตูบ้าน แนซี่วิ่งออกไปดูว่าใครกันที่ขับรถหรูคันนั้นเมื่อเธอวิ่งออกมาก็เห็นคุณภูริสวมแว่นสีดำเดินลงจากรถ เขาค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดมาช้า ๆ และค่อย ๆ ถอดแว่นนั้นออกแนนซี่ถึงกับตะลึงทันทีเมื่อเห็นคุณภูริที่แต่งตัวดูเท่ห์เป็นพิเศษ ผนวกกับความหล่อเหลาของเขาแล้วแนนซี่จึงเกิดรู้สึกเสียดายคุณภูริขึ้นมาทันที
มองอะไรจ๊ะสาวสวยถ้าจะมองหาเจ้าดลละก็มันไม่ได้มาด้วยหรอก ขานั้นเขาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ตั้งหน้าตั้งตาจะเป็นพ่อที่ดีของลูกในอนาคตน่ะ คุณภูริพูดขึ้น
เปล่าหรอกค่ะแนนซี่เขาไม่ได้มองหาคุณภูวดลหรอกค่ะ เขากำลังหาคุณไผ่กับคุณนิว อยู่ เพราะเห็นได้ข่าวว่าจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีนี้ เพราะเมื่อกี้เธอเพิ่งโทรคุยกับเขาอยู่ หนูนาพูดขึ้นทำให้คุณภูริแอบอมยิ้มนิด ๆ ขึ้นมาทันที
แล้วเขาเป็นอะไรเหรอครับ คุณภูริถามหนูนาขึ้นเบา ๆ
อ๋อ!!! กำลังสติแตกเพราะรอหนุ่ม ๆ อยู่ นี่นะคะ รถมากี่คันเธอก็วิ่งไปดูตลอด ดูเขาทำสิคะ
หนูนาพูดขึ้นเบา ๆ พร้อมกับชี้ให้คุณภูริและเพื่อน ๆ ดูท่าทางแนนซี่ที่กำลังยืนเกาะประตูชะเง้อคอรอคุณไผ่และคุณนิวอยู่ด้วยท่าทางใจจดใจจ่อทุกคนถึงกับขำทันที
ลุงฮะลุงฮะลุงเป็นอะไรเหรอฮะ
ก็เป็นกระเทยน่ะสิว๊าย.!!!!!.มาเรียกเค้าว่าลุงได้ไง ต้องเรียกป้าสิย๊ะ!!!!
แนนซี่ร้องเสียงหลง เด็กน้อยถึงกับแสดงท่าทางล้อเลียนทันทีทำให้แนนซี่เชิดหน้าใส่ เด็กน้อยก็ทำตามบ้าง แนนซี่เดินไปทางไหน เด็กน้อยก็ทำตามตลอดเวลาจนแนนซี่รู้สึกหงุดหงิด
นี่ยายหนูนาที่รัก เธอช่วยเอาลูกของเธอไปไกล ๆ หน่อยได้ไหม!!!!
เธอช่วยเอาลูกของเธอไปไกล ๆ หน่อยได้ไหม
แนะ.!!!!
แนะ.!!!!
เอ๊ะ.!!!!
เอ๊ะ.!!!!
มานี่เถอะลูกอย่าไปล้อเลียนคุณป้าเขา เดี๋ยวเขาตีเอานะจ๊ะคนดี๊คนดีของแม่ หนูนาพูดขึ้นพร้อมกับจูงมือลูกชายของเธอที่ชื่อต้นต่อให้ไปนั่งกับน้องที่โซฟา
ลูกของเธอนี่มันเหลือร้ายจริง ๆ นะ ดูสิยังมาทำหน้าทะเล้นใส่อีก แนนซี่พูดฟ้องหนูนาขึ้นมาทันที
รถสปอตไลน์เดอร์สีบลอนเข้ามาจอดที่หน้าประตู แนนซี่วิ่งถลาไปหาทันที เธอช่วยเขาเปิดประตูรถแล้วก็ยิ้มหน้าบานเลยทีเดียวเมื่อเห็นคุณไผ่และคุณนิวเดินออกมาเธอกอดคุณไผ่ทีนึงแล้วก็กอดคุณนิวทีนึงราวกับฝรั่ง จากนั้นก็พาทั้งคู่มาให้ทุกคนรู้จักกัน
สวัสดีครับ คุณนิวและคุณไผ่พูดขึ้นพร้อมกัน
กัญญาเดินลงมาจากบันไดบ้านด้วยเสื้อสายเดี่ยวสีชมพู กางเกงยีนส์สีดำเอวต่ำ มือซ้ายของเธอถือเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์พาดที่บ่าพร้อมกับกระเป๋าสะพายหลังใบเก๋สีชมพูเดินลงมาช้า ๆ ทำให้ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียวกันคุณภูริเดินไปที่ระเบียงบันไดเพื่อจะรับเธอ ในขณะที่คุณไผ่และคุณนิวแย่งที่จะเดินไปรับเธอกัน
กัญญาเอื้อมมือมาจับมือคุณภูริพร้อมกับส่งกระเป๋าสะพายให้เขาถือ เธอเดินควงแขนเขามาและหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อน ๆ แววตาเธอดูมีเสน่ห์ รอยยิ้มของเธอน่าหลงไหล จึงทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ทั้งหลายต่างก็เคริ้มกันไปหมดจนเพื่อน ๆ ของเธอทุกคนต้องสะกิดสามีของตัวเองทันที
จะไปไหนกันเหรอ ทำไมขนมากันเยอะแยะแบบนี้ล่ะ
ก็ว่าจะชวนเธอไปเที่ยวสวนสนุกน่ะ เพราะรู้ว่าเธอชอบ อีกอย่างลูก ๆ ฉันก็ชอบด้วย ไปกันนะ หนูนาพูดขึ้นทำให้กัญญาหันไปหาคุณภูริทันที
จ่ะจะไปไหนก็ไป ถ้ามีคุณที่ไหนผมก็จะอยู่ที่นั่น ผมจะเป็นเงาติดตามตัวคุณไป
ผมจะเป็นเห็บเป็นเหา เป็นหมัดผมก็จะติดตามคุณไป.!!!!
แนนซี่พูดล้อเลียนขึ้นทำให้เพื่อน ๆ ที่กำลังจะเบะหน้าเพราะความหวานต้องหยุดขำกันทุกคน กัญญาจึงหันมาตีแขนแนนซี่เบา ๆ ด้วยความขวยเขิน
เพื่อน ๆ ทุกคนต่างก็ขึ้นรถตู้ไปด้วยกันหมด ยกเว้นกัญญาเพราะเธออยากจะไปกับคุณภูริกันตามลำพัง
แนน แนน แนน แนนซี่ แนน แนน แนน แนนซี่ ถึงคำนำหน้าเป็นชาย ฉันก็เต็มใจเรียกนางสาวแนนซี่เสียงเพลงดังกึกก้องไปหมดตรงบริเวณรถบ้ำ ทำให้เด็ก ๆ หัวเราะกันใหญ่ และก็หันมาล้อเลียนแนนซี่ ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะเกรงใจเพื่อน
อย่าทำแบบนี้สิลูกคุณป้าเขาจะอายนะไป ไปเล่นในส่วนของเด็กกันเถอะ หนูนาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล เด็ก ๆ จึงวิ่งไปที่ม้าหมุนและเครื่องเล่นอื่น ๆ ในส่วนของเด็ก
แม่ให้เวลา 3 ชั่วโมงนะ แม่จะนั่งรอตรงนี้ เดี๋ยวเที่ยง ๆ เราจะได้ทานอาหารกันนะลูก
กิ๊กพูดขึ้นพร้อมกับนั่งรอลูกอยู่ตรงหน้าเครื่องเล่นมากมาย โดยปล่อยให้ลูก ๆ ของเธอและลูก ๆ ของเพื่อน ๆ ได้เข้าไปเล่นในส่วนของเด็ก ๆ
ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอนะกิ๊ก เพราะฉันก็เป็นห่วงลูกของฉันเหมือนกัน หนูนาพูดขึ้น
พี่เอกนายตำรวจหนุ่มเดินไปกับต้นกล้าสามีของหนูนา ทั้งคู่พูดคุยกันถึงเรื่องของภรรยาของตัวเอง ต้นกล้าจึงคุยถึงเรื่องความดีของหนูนาที่ทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีตลอดเวลา
หนูนานะเธอชอบโชว์ทรงผมบ่อย ๆ เวลาที่เธอไปร้านทำผมมา เธอชอบทำอาหารใหม่ ๆ ให้ชิมตลอดเวลา ซึ่งตอนแรก ๆ ผมก็เบื่อมาก ๆ แต่ว่าพอมาคิด ๆ ดูแล้วเธอทำไปเพราะเธอรักเรา เธอเอาอกเอาใจเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกชุดนอนให้ใส่ การเปิดน้ำอุ่นเตรียมไว้ให้อาบเวลาที่กลับบ้านมา เวลาที่ผมเหนื่อยเธอก็มักจะมานวดให้บ่อย ๆ ทำให้ผมยิ่งรักเธอมากขึ้นทุกที ทุกที ทั้ง ๆ ที่ผมเคยออกนอกลู่นอกทางไปบ้างแต่เมื่อเห็นหน้าเธอ เห็นความดีของเธอ ผมก็เลยต้องทิ้งความเลวที่ทำไปจนหมดสิ้นแล้วคุณกิ๊กภรรยาของคุณล่ะผมรู้สึกว่าเธอจะเอาอกเอาใจคนเก่งมากกว่าหนูนาอีกนะผมนะอิจฉาคุณจริง ๆ เลย
ต้นกล้าพูดขึ้นทำให้พี่เอกนายตำรวจหนุ่มถึงกับอึ้งและคิดตามในสิ่งที่เขาพูด เขาเห็นเป็นภาพเวลาที่อยู่กับกิ๊กภรรยาของตัวเอง ซึ่งเธอจะเอาอกเอาใจเขาตลอดเวลาตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้าน เธอก็จะเตรียมรองเท้าไว้ให้ เธอรู้ว่าเขาไม่มีเวลาว่างที่จะทานอาหาร เธอก็มักจะเตรียมนมและซนวิชเอาไว้ให้เขาในรถเสมอ ๆ เวลาที่กลับบ้านมาเหนื่อย ๆ เธอก็จะมาบีบนวดให้ตลอดเวลา เตรียมกับข้าวไว้ให้ทานไม่ซ้ำกันเลยสักนิด เตรียมน้ำไว้ให้อาบ ดูแลลูก ๆ และสามีโดยไม่เคยเอ่ยปากว่าเหน็ดเหนื่อย และไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ ยิ่งนับวันก็ยิ่งจะทำนั่นทำนี่มากขึ้น มากขึ้นจนเขารู้สึกรำคาญจนกระทั่งแอบไปมีใครต่อใครมากมาย ณ ปัจจุบันนี้เขาเองก็ยังคงมีใครอื่นอีกนับไม่ถ้วน แต่เมื่อมาฟังคำพูดของต้นกล้าแล้วทำให้เขารู้สึกรักภรรยาของตัวเองมาก และอยากที่จะกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ซึ่งเขาเองก็รู้สึกผิดที่เคยตบตีเธออยู่บ่อยครั้งจนเธอไปทำงานไม่ได้ เขาจึงได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าที่จะพูดอะไร เพราะถ้าหากพูดออกไปแล้วดีแต่จะพูเรื่องเสีย ๆ ของตัวเองเสียมากกว่า เพราะกิ๊กเองก็เคยบอกเสมอ ๆ ว่าอย่าเปิดหลังเสื้อให้คนอื่นเห็น เพราะนั่นเท่ากับเป็นการเผยเรื่องราวความลับของคนในครอบครัวจนหมดสิ้นนายตำรวจหนุ่มนึก
นายตำรวจหนุ่มเห็นเด็กผู้ชายตัวน้อย ๆ หกล้ม เด็กน้อยนั่งร้องไห้โฮใหญ่ เขารู้สึกสงสารเด็กคนนั้นมากจึงเข้าไปโอ๋ เข้าไปปลอบใจ
เป็นอะไรหรือเปล่าลูกไหนมาดูซิโอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะ อย่าร้องนะ แผลแค่ถลอกเองไกลหัวใจตั้งเยอะ เกิดเป็นผู้ชายต้องกล้าหาญและไม่ร้องนะครับ นายตำรวจหนุ่มพูดขึ้น ในขณะที่แม่ของเด็กน้อยคนนั้นเดินเข้ามาอุ้มลูกของตัวเองและโอ๋ ทำให้เขารู้สึกเกิดความรักลูกและรักเมียขึ้นมามากขึ้น
ขอบคุณนะคะไป ไปทางนั้นกันเถอะ
ผู้หญิงคนนั้นอุ้มลูกชายตัวน้อย ๆ ของเธอเดินจากไปไกลจนสุดสายตาแล้ว พี่เอกนายตำรวจหนุ่มจึงรีบเดินไปซื้อน้ำและขนมขบเคี้ยวและตรงดิ่งมาหากิ๊กและหนูนาทันที
..23..
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ
26 เมษายน 2548 19:35 น.
สุชาดา โมรา
ขอบใจมากนะลูกแม่ขอโทษจริง ๆ แม่เสียใจ
ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว
ส.ส.ธนิตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมากขึ้น เขาสนิทสนมกับกัญญามากราวกับพี่น้องท้องเดียวกันเลยทีเดียว ทำให้คุณแม่อิ่มรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากที่ลูกทั้งสองคนเข้ากันได้ดี และไม่คิดที่จะแย่งยิงทรัพย์สมบัติ
กิ๊กมาหากัญญาในช่วงหัวค่ำ ในขณะที่ ส.ส.ธนิต กัญญาและคุณแม่อิ่มกำลังทานอาหารค่ำที่โต๊ะอาหารด้วยกันกิ๊กมาพร้อมกับลูกสาวและลูกชายฝาแฝดของเธอซึ่งกำลังน่ารักทีเดียว เด็กสามขวบพูดจาฉอเลาะ ปากหวานจนกัญญารู้สึกหลง
ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะฉันกับพี่เอกเราดีกันแล้วนะ
จริงเหรอเป็นข่าวดีมาก ๆ เลยนะ ฉันนะปลื้มใจจริง ๆ ที่เห็นเพื่อนมีความสุข
แล้วนี่อย่าบอกนะว่าเธอกับท่านธนิตเป็นแฟนกัน แล้วคุณภูริล่ะ เธอจะเอาเขาไปไว้ที่ไหน เขารักเธอจริง ๆ นะ
บ้าน่านี่มันพี่ชายฉันต่างหากล่ะมามาทานข้าวด้วยกันนะ
กัญญายิ้มในขณะที่กิ๊กทำท่างง ๆ และสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรเพราะมันจะเสียมารยาท
อืมอย่างนี้เธอก็สบายใจได้แล้วสินะ
เรื่องอะไรเหรอ
ก็เรื่องพี่เอกไงฉันว่าบ้านเธอคงจะแฮปปี้มาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ
ก็ทำนองนั้น แต่ฉันยังตะขิดตะขวงใจกับเรื่องภรรยาลับ ๆ ของเขานี่แหละ เธอใกล้ชิดกับเขามาก ทำให้ฉันรู้สึกกลัวยังไงบอกไม่ถูก
อย่าคิดมากน่ากิ๊ก เชื่อฉันเถอะ ความรักน่ะมันอยู่ได้ด้วยกำลังใจ หากเราคิดที่จะสู้เพื่อลูกของเรา เราก็จะยืนหยัดใช้ความดีเข้าข่มความเลวร้ายต่าง ๆ ได้ อีกอย่างพี่เอกก็จะได้รู้ตัวสักทีว่าเวลานี้เขาควรจะยืนอยู่ตรงไหน และควรจะอยู่ดูแลลูกอย่างไรลูกถึงจะไม่เป็นเด็กมีปัญหา
แหมกัญญา แม่สาวคานเพชรนิเวศน์ นี่เจ้าหล่อนพูดอย่างกะเคยมีลูกแล้วอย่างงั้นแหละ
แหมยายกิ๊ก ต่อให้ไม่เคยมีก็พูดได้ ในเมื่ออายุเราก็ป่านนี้แล้ว ใช่ไหมคะพี่ชาย
กัญญาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมตักลูกชิ้นปลากรายสูตรเด็ดของคุณแม่ซึ่งเป็นปลากรายห่อไข่เค็ม รูปร่างน่าทานให้กับ ส.ส.ธนิตพี่ชาย เธอยิ้มด้วยท่าทางที่มีความสุขมากซึ่งคุณแม่อิ่มก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
ขอบใจจ่ะ ส.ส.ธนิตพูดขึ้น
สูตรเด็ดของคุณแม่นะคะ คุณพ่อท่านก็ชอบทาน พี่ชายลองทานดูสิคะ
กัญญาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนละมุนละไมทำให้ ส.ส.ธนิตยิ่งรู้สึกรักและหวงแหนน้องสาวคนนี้มากขึ้นท่าทางในการยิ้มของเธอดูมีเสน่ห์ น่าหลงไหล เป็นใคร ๆ ก็ชอบ เพราะรอยยิ้มของเธอนั้นดูจริงใจ และดูเป็นมิตร
กับข้าวมื้อนี้อร่อยมากเลยครับคุณแม่ ขอบคุณนะครับ
ส.ส.ธนิตยกมือกราบที่หน้าอกของคุณแม่อิ่มคุณแม่เอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบา ๆ ทั้งที่ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้เลย แต่เพื่อลูกสาวเธอไม่อยากให้เขาคิดปองร้ายกับบริษัทและกัญญา เธอจึงต้องแสร้งทำเป็นว่าเอ็นดูเขาราวกับเขาเป็นลูกแท้ ๆ ทั้ง ๆ ที่ใจจริง ๆ นั้นเธอออกจะชิงชัง ส.ส.ธนิตมากมายเพราะเธอไม่อยากให้ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ควรจะเป็นของกัญญาคนเดียวต้องถูกหารครึ่งเพราะความเป็นลูกของ ส.ส.ธนิตในขณะเดียวกันกับกัญญา เธอคิดกับ ส.ส.ธนิตอย่างจริงใจที่สุดคือพี่ชายที่แสนดี เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากจะมาบริหารงานต่อจากคุณพ่อของเธอสักเท่าไร เพียงแต่เธออยากจะเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังก้องฟ้าก็เท่านั้น แต่เธอเลือกทางเดินไม่ได้ เพราะหากว่าเธอไม่เข้ามาบริหารงานใครกันล่ะที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในจุดนี้
กัญญา เราต้องกลับแล้วนะ แล้วถ้ามีเวลาเราจะมารับ
แล้วเธอจะกลับยังไงในเมื่อเธอไม่ได้เอารถมา
นั่นไง พี่เอกมารับแล้ว จอดรถที่หน้าประตูรั้วน่ะ
แล้วทำไมเขาไม่เข้ามาล่ะ
ไม่รู้เหมือนกันไปละนะ กิ๊กยิ้มแล้วก็จูงมือลูก ๆ เดินไปกราบลาคุณแม่อิ่ม จากนั้นก็พาเดินออกจากบ้านไป โดยกัญญาและ ส.ส.ธนิตเดินออกไปส่งที่ประตูรั้วบ้าน
บ๊ายบาย!!! เด็กน้อยสองคนโบกมือบ๊ายบายตามที่กิ๊กชี้ชวนให้เขาทำรถของพี่เอกนายตำรวจหนุ่มแล่นออกไปจนลับสายตาไปแล้ว ส.ส.ธนิตพี่ชายของเธอจึงขอตัวลากลับบ้างเพราะไม่อยากจะรบกวนเวลาว่างของน้องสาวไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ไปละนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน
พี่ชาย
กัญญาพูดด้วยน้ำเสียงอันออดอ้อน ดวงตาเธอคล้ายกับเด็กน้อยที่ขาดเพื่อนเล่น ซึ่งกำลังโหยหาอะไรบางอย่าง คล้าย ๆ กับไม่อยากให้พี่ชายคนนี้ไปเลย
จะรีบกลับไปไหนล่ะคะ ไม่อยู่ดูทีวีด้วยกันก่อนเหรอคะ
กัญญาพูดขึ้นทำให้ ส.ส.ธนิตถึงกับเดินหันกลับมาขยี้หัวน้องสาวเบา ๆ ด้วยท่าทางหมั่นเขี้ยวก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูรถและขับออกไป
คุณหนูคะ คุณท่านเรียกหาค่ะ ปอยสาวใช้พูดขึ้น
ขอบใจจ่ะ กัญญาพูดเธอเดินมาหาคุณแม่ของเธอที่ห้องนั่งเล่นและนั่งลงกับพื้นจากนั้นก็เอาหัวหนุนไปที่ตักของคุณแม่แล้วก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า ที่จริงหนูน่าจะมีพี่ชายมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนะคะ หนูจะได้มีเพื่อนเล่น ไม่งั้นหนูคงไม่เหงาอย่างนี้หรอกนะคะ
คำพูดของลูกสาวทำให้คุณแม่ถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว จริง ๆ แล้วเธออยากจะพูดกับลูกเรื่อง ส.ส.ธนิต ให้ลูกระวังตัวเพราะเธอเองก็คิดไว้เสมอว่าเขาไม่น่าไว้วางใจ แต่เมื่อเห็นลูกสาวคิดกับพี่ชายอย่างจริงใจขึ้นมาเธอเองจึงไม่กล้าพูดออกไปเพราะเหมือนกับจะทำให้ลูกเข้าใจเธอเองว่าคิดจะโกงสมบัติของ ส.ส.ธนิตไว้ให้ลูกสาวคนเดียว ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ถูกต้องเป็นอย่างมากเสียด้วย
คุณแม่เรียกหนูมาทำไมคะ
เปล่าหรอกลูก แม่แค่จะหาเพื่อนั่งดูหนังขึ้นมานั่งข้างบนสิลูก
กัญญาลุกขึ้นมานั่งใกล้ ๆ คุณแม่ เธอนั่งดูโทรทัศน์ไปหัวเราะไปในขณะที่ ส.ส.ธนิตได้ขับรถย้อนกลับมาอีกครั้งเพื่อมองเธอและคุณแม่อิ่มอยู่ห่าง ๆ
.22.
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...