3 สิงหาคม 2547 16:45 น.
สุชาดา โมรา
6:00 น. ที่บ้าน
เสียงนาฬิกาปลุกเรือนที่สองร้องบอกให้คุณรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้อ งลุกจากที่นอน สำเนียงรบกวนโสตประสาทของมันทำให้คุณนึกอยากจะเขวี้ยงทิ้งอยู่ห ลายครั้ง แต่ก็ด้วยคุณสมบัติข้อนี้มิใช่หรือคุณจึงเลือกซื้อมันมาจากตลาด ท้ายรถข้างสำนักงาน วันจันทร์อีกแล้ว คุณรู้สึกเกลียดเช้าวันจันทร์ยิ่งนัก ถึงเวลาถูกสนตะพายอีกครั้ง รีบลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ บีบยาสีฟันหลอดใหม่ใส่แปรงแล้วนั่งลงบนโถส้วม รสชาติไม่เลวเหมือนกันแต่แพงเป็นบ้า ยาสีฟันอะไรหลอดตั้งเกือบสองร้อยบาท เจ้านายเอามาขายให้คุณถึงที่ทำงาน คุณจำต้องซื้อทั้งที่รู้ดีว่ามันคงไม่ช่วยให้ฟันคุณขาวเหมือนพร ีเซ็นเตอร์ในโฆษณาหรอก นอกจากขายแล้วเธอยังคะยั้นคะยอให้คุณมาขายด้วยกันอีกต่างหาก อ้างว่ารายได้ดี ฝันไปเถอะ คุณรู้ทันหรอกน่า ภายใต้หน้ากากแห่งความหวังดีนั้นหล่อนก็หวังเพียงแค่ส่วนแบ่งเป อร์เซ็นต์จากยอดขายของคุณเท่านั้นเอง ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ธุรกิจ MLM* ฮิตกันเหลือเกินในหมู่สาวออฟฟิศ คุณคนหนึ่งล่ะที่ขอบายดีกว่า ห้านาทีผ่านไปยังถ่ายไม่ออก คุณนึกดูว่าสองสามวันที่ผ่านมาทานผักผลไม้อะไรเข้าไปบ้าง รึจะเป็นเพราะเครียด คุณอาจกังวลเรื่องเขามากจนเกินไปก็ได้ แต่ไม่มีเวลาแล้วเห็นทีต้องเก็บไว้ก่อน รีบอาบน้ำอย่างลวกๆ แต่งหน้า แต่งตัว ล็อคประตูห้อง เดินไปหยุดรอลิฟต์ เจอไอ้หมอนี่อีกแล้ว มันจะบังเอิญอะไรทุกวันขนาดนั้น คุณไม่ชอบแววตากรุ้มกริ่มที่มองมาคู่นั้นเลย รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปว่าเป็นเพราะคุณรูปร่างหน้าตาดี ทั้งที่เห็นอยู่ว่ามันชอบแอบมองหน้าอก คุณเคยบอกกับเขาเรื่องนี้หวังอยู่ว่าเขาจะหึงหวงบ้าง แต่กลายเป็นเสียงหัวเราะเฝื่อนๆ ทุกทีไป เดินมาที่รถ เสียบรูกุญแจอีแก่คันเดิมที่แม่โละมาให้พลางนึกในใจว่าขออย่าให ้มันรวนเลย เป็นโชคดีที่วันนี้สตาร์ทติดง่าย คุณรีบบึ่งออกจากที่พักเพราะไม่อยากเข้างานสายอีก เมื่อก่อนเคยคิดน้อยใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมซื้อรถใ หม่ให้ แต่เดี๋ยวนี้คุณเข้าใจดีแล้วว่ามันดีกว่ากันแค่ไหนที่ไม่ต้องไป ทนยืนเบียดยืนร้อนอยู่บนรถเมล์เหมือนคนอื่นเขา
7:55 น. บนถนน
คุณนั่งอยู่ในรถมาเกือบชั่วโมงแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณคงหงุดหงิดงุ่นง่านกลัวไปทำงานไม่ทัน แต่ชีวิตสี่ปีในเมืองหลวงสอนอะไรคุณได้มาก เดี๋ยวนี้คุณชินเสียแล้วกับการขับรถปาดหน้าเขาหรือถูกเขาปาดหน้ าเอา คุณชินกับเสียงตะโกนด่าไล่หลัง ชินกับการทำมือเป็นรูปสัญลักษณ์อวัยวะเพศชายจากฝ่ายตรงข้าม คุณไม่ยี่หระหรอกอย่างมากก็แค่ทำส่งกลับไป สติ๊กเกอร์ มือใหม่หัดขับ ที่คุณแกล้งติดเอาไว้ท้ายรถอาจช่วยได้บ้างในบางครั้ง ทำไงได้ล่ะ ถ้ามันจะช่วยให้คุณถึงที่หมายเร็วขึ้น คุณเรียนรู้ที่จะแซงรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวขอทาง และเรียนรู้ที่จะทำผิดกฎจราจรอีกหลายๆ ข้อ มันเป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณแก้ตัวว่ามันจำเป็น คุณอ้างว่าใครๆ เขาก็ทำกัน แต่ถ้ามีใครทำกับคุณอย่างนั้นบ้างคุณก็จะด่าพวกนั้นอย่างสาดเสี ยเทเสีย สี่ปีผ่านไปเบ้าหลอมแห่งเมืองเปลี่ยนคุณจากหญิงสาวที่ขาดความเช ื่อมั่นในตัวเอง ให้กลายเป็นมือขับชั้นเซียนที่แม้แต่แท็กซี่ยังต้องอาย คุณกลายเป็นคนกรุงเทพฯ โดยสมบูรณ์แบบแล้ว คุณเรียนรู้ว่าเมื่อรถติด ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเปิดวิทยุฟังเพลงเย็นๆ แล้วร้องคลอเบาๆ คิดเสียว่าเป็นการฝึกสมาธิ พยายามมองโลกในแง่ดี แยกนี้เพิ่งติดแค่ห้านาทีเอง แยกที่แล้วติดตั้งสิบห้านาที คุณหยิบแซนด์วิชขึ้นมากินรองท้อง จิบกาแฟไปพลาง สายตาเหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งติดอยู่ข้ างรถเมล์คันที่จอดอยู่ถัดไป เป็นรูปชายแก่คนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์หน้าตาดูมีความ
สุข มันทำให้คุณนึกไปถึงพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด นานแค่ไหนแล้วนะที่คุณไม่ได้กลับไปเยี่ยมพวกท่านเลย เกือบปีเห็นจะได้ คุณตั้งใจว่าเดือนหน้าจะลาพักร้อนกลับไปเยี่ยมบ้านสักอาทิตย์ รถยังไม่ขยับเลย คุณเริ่มสงสัยแล้วว่าข้างหน้าอาจจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น มันนานผิดปกติ นั่นไงล่ะ จริงๆ ด้วย ทำไมเวลาซื้อหวยมันไม่ถูกอย่างนี้นะ คุณบอกกับตัวเอง คุณกำลังนึกต่อไปว่าน่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือไปให้พ่อกับแม่ใช้ส ักเครื่องจะได้ติดต่อกันได้สะดวกกว่านี้ พลันรู้สึกตัวว่ามีสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ นั่นไง ไอ้เฒ่าหัวงูบนรถเมล์นั่น มันลอบมองขาอ่อนคุณอีกแล้ว คุณพยายามดึงกระโปรงตัวจิ๋วลงปิดต้นขาให้ได้มากที่สุดพลางแช่งด ่าในใจ คุณไม่เข้าใจเลยว่าผู้คนสมัยนี้เป็นอะไรไปกันหมดแล้ว เสียงแตรจากด้านหลังฉุดคุณขึ้นจากภวังค์แห่งโทสะ คุณกระชากเกียร์เหยียบคันเร่งส่งตัวรถพุ่งออกไปด้วยความโกรธ
8:45 น. ที่ทำงาน
แม้จะรีบอย่างถึงที่สุดแล้วคุณก็ยังมาทำงานสายไปสิบห้านาทีอยู่ ดี หยิบบัตรไอดีการ์ดที่คล้องคออยู่จ่อแถบบาร์โค้ดเข้ากับเครื่องอ ่าน เหล็กกั้นทางเข้าออกจึงยกตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ คุณเคลื่อนรถเข้าในอาคารภาวนาอยู่ว่าขอให้มีที่จอดเหลือบ้าง มิเช่นนั้นคุณคงต้องเสียค่าจอดยี่สิบบาทให้กับอาคารฝั่งตรงข้าม อีกตามเคย เดือนละเกือบหกร้อยไม่ใช่น้อยๆ เลย โชคยังเข้าข้างพอมีที่จอดเหลืออยู่แม้จะต้องวนรถหาถึงสิบเอ็ดชั้น เอาป้ายไอดีคล้องคอเหมือนเดิม หอบแฟ้มงานกองเท่าภูเขาย่อมๆ ไว้กับอก ล็อครถแล้วเดินไปรอลิฟต์ ซวยอะไรอย่างนี้มาเจอหัวหน้าแผนกเข้าจนได้ คุณยิ่งเสียวๆ สันหลังอยู่ ช่วงเดือนที่ผ่านมาคุณสายบ่อยมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณก็คงไม่กังวลเท่าไหร่หรอก อย่างมากก็ตัดเงินเดือนงดโบนัส แต่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มันอาจหมายถึงการเลย์ออฟ ปีที่แล้วเพื่อนสนิทของคุณก็โดนไปสองสามคน คุณรู้ดีว่าแม้คุณจะรอดมาได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะโชคดีตลอด ไป คุณกล่าวทักทายหล่อนอย่างพินอบพิเทา แกล้งเอ่ยชมว่าเข็มกลัดติดเสื้อของเธอสวย เธอกลับเหยียดยิ้มให้อย่างกลายๆ คุณนึกแปลกใจ การที่คุณช่วยซื้อยาสีฟันของหล่อนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วกลับไม่มี ผลอะไรเลยหรือไงนะ ถึงที่ทำงาน คุณเดินเอาแฟ้มไปวางไว้ที่โต๊ะ กล่าวทักทายกับเพื่อนร่วมงานพอเป็นพิธี ตั้งแต่เพื่อนสนิทของคุณถูกเลย์ออฟออกไป คุณก็ไม่เคยคบหากับใครสนิทจริงจังเลย มันเป็นเพียงสัมพันธภาพที่ผิวเผินประสาคนที่ทำงานร่วมกันพึงมี มันเป็นเพียงมิตรภาพชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น คุณไม่ค่อยชอบสายตาที่พวกเขามองมา คุณรู้สึกได้ถึงมิตรไมตรีที่ฉาบเคลือบไว้เพียงเปลือกนอก ลึกลงไปเนื้อแท้นั้นมีแต่ความอิจฉาริษยา คุณสัมผัสได้ถึงแววหื่นกระหายในนัยน์ตาของพวกผู้ชายที่มองคุณเป ็นเพียงแค่วัตถุทางเพศไร้ความจริงใจให้ ภายใต้มิตรไมตรีที่คุณยื่นตอบกลับไปจึงซุกซ่อนไว้ด้วยเกราะกำบั ง ที่คุณสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกทรยศ คุณคอยระแวดระวังภัยอยู่เสมอด้วยเกรงว่าอาจถูกใครสักคนแทงข้างห ลังเข้าสักวัน คุณเดินไปชงกาแฟและตอกบัตรลงเวลาเข้าทำงาน...หลายครั้งขณะที่คุ ณกำลังหย่อนบัตรลงไปในเครื่อง มักมีคำถามเดิมๆ ผุดวาบขึ้นในห้วงคำนึง Whats the hell Im doing here? I dont belong here* เป็นเนื้อร้องท่อนหนึ่งจากเพลงโปรดของคุณ มันช่างขัดกันอย่างสิ้นเชิงกับภาพฝันที่คุณเคยจินตนาการเอาไว้ส มัยที่ยังเรียนอยู่ คุณฝันเห็นภาพตัวเองเปิดร้านขายหนังสือและร้านขายดอกไม้เล็กๆ อยู่ในรั้วเดียวกัน นึกเห็นภาพชายหนุ่มมาเลือกซื้อบทกวีดีๆ สักเล่มคู่กับกุหลาบขาวงามๆ สักดอก แล้วยื่นให้กับหญิงสาวคนรักของเขา ช่างโรแมนติคยิ่งนัก คนที่รักอิสระและไม่ชอบอยู่ภายใต้กรอบเกณฑ์ใดๆ จนจะกลายเป็นคนนอกระบบอย่างคุณน่ะหรือ จะมาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน แค่คิดก็ขำกลิ้งแล้ว แต่กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีหนึ่งคุณก็เข้ามาอยู่ในระบบเป็นปีแล้ว กลาย เป็น Salary Man อย่างเต็มตัว ระบบขัดเกลาคุณเสียจนไร้สิ้นแล้วซึ่งพิษสง มอดดับทุกแรงใจและไฟฝัน คุณยอมจำนนแล้วต่อชะตากรรมตรงหน้า... ยื่นมือไปรับบัตรจากเครื่องลงเวลาแล้วหย่อนลงในช่องสี่เหลี่ยมเ ล็กๆ ที่แขวนอยู่ตรงผนังด้านข้าง วินาทีนั้นคุณมองเห็นแขนของตัวเองต่ำจากใต้ศอกลงไปกลายเป็นโลหะ สีเงิน คล้ายมือของหุ่นยนต์ คุณเดินถือถ้วยกาแฟกลับไปที่โต๊ะทำงาน นั่งลง กดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้ยินเสียงมันบู๊ตเครื่องดังปิ๊ป แขนของคุณหายเป็นปกติแล้ว
10:03 น. ที่ทำงาน
.....1998 1999 2000 2001 2002 DSTV SUBSCRIBER 30,408 39,111 42,817 49,123 58,221 FIBER OPTIC SUBSCRIBER 21,343 25,176 30,452 38,776 42,804 TOTAL 51,751 64,287 73,269 87,899 101,025 ..*
คุณเลื่อนเม้าส์พ้อยเตอร์ไปยังไอคอนเล็กๆ ด้านบนซ้ายของจอคอมพิวเตอร์ กดปุ่มเพื่อเลือกคำสั่งเซฟงานลงบนแผ่นดิสเก็ต เสียงจักรกลครางเบาๆ บอกให้รู้ถึงสภาวะตามคำสั่ง คุณปิดโปรแกรมการทำงานแล้วเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้ ปิดเปลือกตาลงพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ กว่าชั่วโมงที่คุณนั่งหลังขดหลังแข็งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่ อคีย์ข้อมูลตัวเลขเหล่านั้น มันทำให้คุณรู้สึกปวดที่เบ้าตา เสียงเคาะรัวแป้นคีย์บอร์ดยังดังแว่วอยู่ในโสตประสาท ทุกเซลล์สมองยังอัดแน่นไปด้วยข้อมูลตัวเลข คุณใช้นิ้วมือนวดคลึงเบาๆ บริเวณหางคิ้วทั้งสองข้าง ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ไม่กี่ปีที่คุณนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอ ร์จะทำให้สายตาคุณเสื่อมสภาพลงได้ถึงเพียงนี้ สี่ปีก่อนสายตาของคุณยังเป็นปกติ ตอนนี้ซ้ายสั้น 155 ขวา 180 เอียงอีกข้างละนิดหน่อย คุณเคยพยายามหาวิธีป้องกันแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล โชคดีที่สมัยนี้มีคอนแทคเลนส์ ไม่เช่นนั้นคุณคงต้องกลายเป็นยายแว่นเฉิ่มเบ๊อะ แว่นตากับใบหน้าคุณช่างไม่ถูกโรคกันเอาเสียเลย ถอนหายใจอีกครั้งก่อนลืมตาขึ้น ภาพแบ็คกราวด์บนจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏตรงหน้าต่างออกไปจากเดิม คุณนึกในใจ ใครกันบังอาจมาแอบใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ หรืออาจจะเป็นเทคนิเชี่ยนที่มาตรวจเช็คตามปกติก็เป็นได้ แต่จะว่าไปรูปนี้ก็ดูสวยดีเหมือนกัน มันเป็นภาพเกาะกลางทะเลเล็กๆ เกาะหนึ่ง สีเขียวอมฟ้าแก่ๆ ของน้ำทะเลรอบๆ เกาะให้ความรู้สึกนุ่มนวลเย็นสบายตา ข้างใต้ภาพมีอักษรตัวเล็กๆ บอกให้รู้ว่ามันคือเกาะเต่า จำได้ว่าคุณเคยรบเร้าให้เขาพาไปเที่ยวอยู่หลายทีแต่ก็ไม่เคยได้ มีโอกาส คุณลองนึกดูว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าหากคุณกับเขาได้ไปเที่ยวที่นั่น กันตามลำพัง มันอาจจะทำให้สถานการณ์อึมครึมระหว่างคุณสองคนดีขึ้นก็ได้ แล้วคุณก็เริ่มฝันเห็นภาพหาดทรายขาวสะอาด เม็ดทรายละเอียดยิบที่ยวบตัวลงไปตามรอยเท้ายามคุณก้าวย่าง คุณกำลังเล่นน้ำกับเขาอย่างสนุกสนาน จับมือกันดำน้ำดูความสวยงามของแนวปะการัง ดินเนอร์ใต้แสงเทียน ปิดท้ายด้วยค่ำคืนอันสุดแสนโรแมนติคในบังกะโลหลังเล็ก... เสียงที่เพื่อนโต๊ะข้างๆ ทำแฟ้มหล่นปลุกคุณสะดุ้งตื่นจากภาพฝันกลางวัน สัญชาตญาณสั่งให้คุณเคาะนิ้วรัวกับแป้นคีย์บอร์ดโดยอัตโนมัติ ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดโปรแกรมการทำงานใดๆ คุณแอบยิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของตัวเองเมื่อรู้สึกตัว ตอนนี้คุณมีแผนการดีๆ ในหัวแล้ว เรื่องลาพักร้อนกลับไปเยี่ยมบ้านอาทิตย์หน้าคงต้องพักไว้ก่อน การกู้สถาน
การณ์ความรักที่กำลังง่อนแง่นย่อมมีความสำคัญกว่า พ่อกับแม่ยังรอได้ พวกท่านคงเข้าใจ คุณบอกกับตัวเองอย่างนั้น...
12:40 น. ที่ร้านข้าว
กลิ่นหอมฉุยของไข่เจียวที่ลอยมาปะทะจมูกช่างสร้างความอึดอัดใจใ ห้กับคุณยิ่งนัก มันเหมือนกับบททดสอบความอดทนและความตั้งใจจริงของคุณที่จะไดเอ็ต... ไดเอ็ต คุณเกลียดคำๆ นี้นัก ใครกันนะอุตริคิดคำๆ นี้ขึ้นมา แล้วจะไดเอ็ตไปทำไมกัน ไดเอ็ตไปเพื่ออะไร ในเมื่อการได้กินอาหารอร่อยๆ ก็เป็นความสุขเพียงหนึ่งในไม่กี่อย่างที่มนุษย์เรามีอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาที่ทักว่าคุณอ้วนขึ้น คุณคงไม่ต้องมาทนทรมานอยู่อย่างนี้หรอก คุณกังวลว่ามันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาดูแปลกๆ ไป ไม่โทรมาหาคุณบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน ไม่มารับไปเดินเที่ยวไปดูหนังเหมือนอย่างเคย คล้ายๆ กับเขาจงใจจะหลบหน้าคุณอย่างนั้นแหละ แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ถ้าการที่คุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงแค่ห้ากิโลคือสาเหตุที่ทำใ ห้เขาเปลี่ยนไป ก็แสดงว่าจริงๆ แล้วเขาไม่เคยรักคุณอย่างแท้จริงเลยน่ะสิ ถึงได้สนใจแต่เพียงเปลือกและรูปลักษณ์ภายนอก มองข้าม ตัวตน ความเป็นคุณไปอย่างน่าเสียดาย ภาวนาขออย่าให้มันเป็นอย่างนั้นเลยแค่คิดคุณก็รู้สึกอุ่นที่เบ้ าตาแล้ว สมัยที่ยังเรียนอยู่คุณเคยหวังว่าสักวันจะได้เจอใครสักคนที่รัก คุณอย่างแท้จริง รักในตัวตน รักในจิตวิญญาณความเป็นคุณ ทั้งในส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดี ใครที่พร้อมจะให้อภัยในความงี่เง่าของคุณ ใครสักคนที่รักในความไม่สมบูรณ์แบบของคุณ ใครสักคนที่ไม่ได้มองคุณแค่เพียงเปลือก แต่เดี๋ยวนี้คุณเข้าใจดีแล้วว่ามันเป็นสภาวะอุดมคติที่ยากจะบรร ลุถึงในสังคมที่นิยมบริโภคแต่วัตถุนี้ สังคมที่ตัดสินสิ่งต่างๆ เพียงแค่ชั่วเสี้ยววินาทีจากเสื้อผ้าที่คุณใส่ จากกระเป๋าที่คุณถือ จากรถที่คุณขับ คุณเข้าใจดีแล้วว่าตราบใดที่มนุษย์เรายังคงลุ่มหลงอยู่ในโลกของ ผัสสะ เสพ สิ่งต่างๆ รอบกายผ่านเพียงประสาทสัมผัสทั้งห้า ตาดู หูฟัง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส ตราบนั้น เปลือก ยังคงมีความสำคัญยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องทนฝืนใจทำในหลายสิ่งที่ไม่สู้เต็มใจนัก ทั้งการแว็กซ์ขนรักแร้และขนหน้าแข้งเดือนละสองครั้งที่คุณเจ็บแ ทบน้ำตาเล็ด การผ่าตัดเสริมดั้งให้โด่งขึ้นที่คุณต้องเสียเงินไปหลายหมื่นแถ มยังต้องทนเจ็บนอนหน้าบวมอยู่ที่บ้านอีกเกือบเดือน รวมถึงการฝืนใจสั่งออกไปว่าสลัดไก่น้ำใสกับน้ำเย็นหนึ่งขวดเมื่ อบริกรเดินเข้ามาถามเมื่อครู่นี้ ทั้งที่ใจจริงคุณอยากกินข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทยไข่ดาวแทบตาย หลายครั้งที่คุณเคยนึกอิจฉาผู้หญิงที่เกิดในยุคเรเนส์ซองส์ พวกอ้วนๆ ที่นอนเป็นแบบนู้ดให้จิตรกรเอกป้ายปาดฝีแปรงลงบนเฟรมผ้าใบ ภาพที่คุณเคยเห็นแขวนอยู่ตามแกลเลอรี่บ่อยๆ พวกเธอคงไม่ต้องมาทนอดๆ อยากๆ เหมือนผู้หญิงสมัยนี้หรอก ในเมื่อยุคนั้นไขมันหน้าท้องและความอ้วนหมายถึงความสวย ส่วนร่างผอมสูงหุ่นนางแบบมีความหมายในทางตรงกันข้าม ถ้าเลือกเกิดได้คุณอยากไปมีชีวิตอยู่ในยุคนั้นเสียจริง บริกรยกจานสลัดมาวางตรงหน้า คุณไม่ลืมที่จะดื่มน้ำเปล่านำไปก่อนสองแก้วเพื่อให้น้ำย่อยในกร ะเพาะเจือจางลง ลดความอยากอาหาร เพื่อนรุ่นน้องที่มาด้วยกันเอ่ยแซวว่ากลัวแฟนไม่รักหรือไงคะถึง ต้องไดเอ็ต คุณทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแต่ในใจนึกอยากเดินไปตบหน้าหล่อนสัก ฉาด โทษฐานที่แซวไม่รู้กาลเทศะ
13:35 น. ที่ทำงาน
คุณก้มลงสำรวจเงินในกระเป๋าสตางค์ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาเพียงแค่ยี่สิบนาทีหลังกินข้าว ที่คุณไปเดินช็อปปิ้งจะผลาญเงินไปได้มากมายถึงเพียงนี้ คุณนึกทบทวนดูว่าซื้ออะไรมาบ้างนอกจากกระเป๋าสะพาย Prada รุ่นใหม่ล่าสุดใบนั้นแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นของปลอมก็เถอะ หวี ที่หนีบผม มาสคาร่า แล้วก็ครีมทาหน้า อ้อ ไอ้นี่เองที่แพง ขวดนิดเดียวตั้งเกือบห้าร้อยบาท มีส่วนผสมของ Q10 สารสกัดจากธรรมชาติช่วยต่อต้านริ้วรอยก่อนวัย ลดรอยหมองคล้ำคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า เห็นผลภายในสามสัปดาห์ถ้าใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง...เฮอะ เฮอะ นึกๆ ดูคุณก็ขำตัวเองอยู่เหมือนกัน เสียแรงที่อุตส่าห์เรียนจบมาทางโฆษณาซะเปล่า กลับตกเป็นทาสของโฆษณาเสียเองนี่ ทั้งที่รู้ดีอยู่ว่ามันเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อเป็นการสร้างภ าพลักษณ์ตราสินค้าให้ประทับอยู่ในใจของผู้บริโภค โดยอาศัยความถี่ในการออกอากาศเป็นตัวกระตุ้น ปีที่แล้ว Whitening* มาแรง ทุกยี่ห้อในตลาดเครื่องสำอางต่างใช้สิ่งนี้เป็นจุดขาย พอมาปีนี้ขาวอย่างเดียวไม่พอเสียแล้วแต่ต้องเป็นขาวอมชมพูซะด้ว ย นัยว่าบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี คุณรู้ดีว่าไม่ใช่อื่นใดเลยมันก็แค่หลักจิตวิทยาขั้นพื้นฐาน โฆษณาเล่นกับความกลัวของผู้บริโภค ใช้ความกลัวรอยตีนกา กลัวหน้าหมองคล้ำ กลัวไม่ขาว กลัวไม่สวย เป็นตัวกระตุ้นความต้องการซื้อความอยากทดลองใช้ เมื่อบวกกับการโหมโฆษณาตามสื่อต่างๆ และกลยุทธ์ส่งเสริมการขายอีกนิดหน่อย ผู้บริโภคก็ยินยอมพร้อมใจจะกลายเป็นหนูทดลองด้วยความยินดี คุณรู้ดีว่าในบางครั้งมันกลายเป็นการบริโภคในตราสินค้า บริโภคในยี่ห้อ ในภาพลักษณ์ หาใช่การบริโภคในคุณสมบัติของตัวผลิตภัณฑ์ไม่ แต่ถึงรู้ทั้งรู้คุณก็ยังยินดีจ่ายออกไปเกือบห้าร้อยบาทเพื่อเส ี่ยงดู เผื่อว่ามันจะทำให้คุณดูดีขึ้นมาบ้าง นึกปลอบตัวเองอยู่ว่า ในโลกนี้ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก และถึงแม้คุณจะต้องตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาอีกครั้ง อย่างน้อยคุณก็ยังเป็น เหยื่อผู้รู้เท่าทัน หรอกน่าคุณบอกกับตัวเองอย่างนั้นได้เวลาทำงาน เอื้อมมือกดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้ยินเสียงมันบู๊ตเครื่องดังปิ๊ป เสียงเคาะรัวแป้นคีย์บอร์ดดังขึ้นอีกครั้ง
15:38 น. ที่ทำงาน
บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบวังเวงคล้ายป่าช้า ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ แต่ละคนนั่งหลังขดหลังแข็งสีหน้าเรียบเฉยราวไร้อารมณ์ความรู้สึ ก สองตาจ้องเขม็งไม่กระพริบจับนิ่งหน้าจอภาพ ข้อมูลมหาศาลแปลผ่านคลื่นสมองสู่นิ้วมือทั้งสิบของจักรกลมนุษย์ ที่สลับกระดกขึ้นลงอย่างรวดเร็วแม่นยำ ป้อนข้อมูลอัดแน่นอยู่ในทุกหน่วยความจำของจักรกลคอมพิวเตอร์
51751 64287 เกาะเต่า 73269 87899 ครีมกันแดด 101025 หมวก 7.64 24.22 13.97 แว่นดำน้ำ 19.96 Condom 14.93
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สามครั้งแล้วคุณก็ยังไม่ได้ยิน จนเมื่อเพื่อนคุณที่นั่งอยู่ติดกันร้องบอกนั่นแหละ คุณถึงได้รู้สึกตัวเอื้อมมือคว้าหูโทรศัพท์แนบกับแก้มกรอกเสียง ทักทายลงไป...เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับใด คุณกล่าวประโยคทักทายอีกครั้ง มีเสียงเรียกชื่อคุณตอบกลับมา เขานั่นเอง คุณดีใจที่รู้ว่าเป็นเขา แต่ก็นึกแปลกใจไม่น้อย นานแล้วที่เขาไม่เคยโทรมาหาคุณที่ทำงานอีกเลย นับตั้งแต่คบเป็นแฟนกันมา คุณตั้งใจจะบอกกับเขาเรื่องเกาะเต่า แต่เห็นเขามีน้ำเสียงเครียดๆ เลยเก็บเอาไว้ก่อนเขาคงมีเรื่องไม่สบายใจอยากจะระบายกับคุณกระม ัง ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น คุณจำได้แต่เพียงประโยคที่เขาบอกว่า ...ผมขอโทษ ผมมีคนใหม่ เพราะหลังจากนั้นหูของคุณก็กลับกลายเป็นอื้ออึงไร้การรับรู้สรร พสำเนียงใด หน้าชาไปทั้งแถบจนไร้ความรู้สึก เบ้าตาอุ่นระอุจนร้อนมีหยาดน้ำเกาะคลออยู่ที่หน่วยตา คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่ากระแทกหูโทรศัพท์ลงกับเครื่องรับดังปั งแล้วเดินออกมา ทิ้งให้พวกที่อยู่ข้างหลังได้แต่นั่งมองหน้ากันทำตาปริบๆ กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีคุณก็มานั่งร้องไห้อยู่บนโถส้วมนี้แล้ว คิดอยู่แล้วเชียวว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ คุณบอกตัวเองอย่างนั้น คุณนึกสังหรณ์ใจตั้งแต่วันที่เห็นเขาลืมตาจูบคุณวันนั้นแล้ว คุณสัมผัสได้เลยว่าเขาเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนเดิมที่คุณเคยรู้จักเมื่อสามปีก่อน ชายหนุ่มอารมณ์ดี ช่างเอาอกเอาใจและโรแมนติคคนเดิมหายไป กลายเป็นชายอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิดและเอาแต่ใจ คุณรู้สึกได้เลยว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงดังคาด ผมขอโทษ ผมมีคนใหม่ ช่างเป็นวิธีบอกเลิกที่ง่ายดายสิ้นดี ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้ เบื่อแล้วก็ทิ้ง แต่ก็ยังดีกว่าแฟนคนก่อนที่พยายามสรรหาเหตุผลมากมายมาบังหน้าเพ ื่อที่จะเลิกกับคุณ โทษว่าคุณไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะกล้าสาร ภาพออกมาตรงๆ และยอมรับผิด คุณนึกเสียดายก็แต่เวลาที่คบกันมา กว่าจะเรียนรู้กว่าจะเข้าใจกันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง เป็นวิถีที่คุณไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากทำใจยอมรับความจริง ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนคุณอย่างนั้น ถึงอย่างไรคุณก็จะไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอก คุณเชื่ออยู่ว่าแม้จะต้องเจ็บปวดอีกสักกี่สิบกี่ร้อยครั้งเพราะ ความรัก ก็ยังดีกว่าต้องทนเหงา โดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังเพราะไร้รัก คุณสรุปกับตัวเองอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่วายร้องไห้ขี้มูกโป่งจนกระดาษชำระเกือบหมดม้วน พลันรู้สึกปวดท้องขึ้นมาหน่วงๆ จึงลุกเปิดฝาครอบโถส้วมขึ้น คุณนั่งลงพลางนึกถึงเนื้อร้องของเพลง ทางเดินแห่งรัก ที่มักใช้ปลอบใจตัวเองยามรักคุด หยดน้ำตาไหลผ่านร่องแก้มพร้อมๆ กับที่สิ่งปฏิกูลหล่นลงสู่คอห่าน อย่างน้อยที่สุดท่ามกลางเรื่องเลวร้ายทั้งปวง คุณก็หายจากอาการท้องผูกแล้ว
17:58 น. บนถนน
กรุงเทพฯ ยามเย็น รถยังคงติดเป็นแถวยาวเหยียดเหมือนที่มันเคยติด เป็นมาอยู่อย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ต่างไปจากดวงอาทิตย์ที่ยังคงปรากฎกายขึ้นทางฟากฟ้าทิศตะวันอ อก แล้วทิ้งตัวลงนอนลับแนวเหลี่ยมมุมตึกสูงระฟ้าทางทิศตะวันตก สม่ำเสมอไม่เปลี่ยนแปลง ลมหายใจแห่งเมืองใหญ่ยังระอุกรุ่นไปด้วยมลพิษทางอากาศ อณูปรอทล่องลอยปะปนกับคลื่นแห่งมลพิษทางเสียงสู่ประสาทการรับรู ้ของผู้คน แทรกซึม กดดัน บีบคั้น จนกลั่นเป็นมลพิษทางอารมณ์ ฉายฉานอยู่ในสีหน้าและแววตา บ้างระบายออกกับการขับรถปาดหน้าแซงซ้ายแซงขวา บีบแตรดังลั่นราวกับอันธพาลบนท้องถนน บ้างพรั่งพรูออกมาเป็นคำสบถนับร้อยพัน... รถจอดนิ่งสนิทอยู่เกือบยี่สิบนาทีแล้ว คุณกำลังดิ่งลึกลงสู่ภวังค์แห่งความทุกข์ คิดทบทวนถึงเรื่องราวระหว่างคุณกับเขา พยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งวกวนเหมือนพายเรืออยู่ในอ่างไร้ทางออก ภาพความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นในห้วงคำนึงซ้อนทับกันภาพแล้วภาพเล่า หยดน้ำที่คลออยู่ที่หน่วยตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว หยดแหมะลงที่ต้นขา คุณยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาไม่รู้ตัวเลยว่านั่นยิ่งทำให้เครื่องส ำอางที่ฉาบผิวหน้าไว้เลอะเทอะเต็มไปหมด สารรูปคุณตอนนี้ไม่ต่างไปจากผีดิบที่เพิ่งลุกจากหลุม คุณนึกทบทวนต่อไปว่าแต่ก่อนนี้คุณเคยเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องรา วต่างๆ มากมายจนคิดสงสัยขึ้นมาว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เมื่อคิดไตร่ตรองดูจึงพบว่าสาเหตุแห่งความทุกข์ใจทั้งหลายนั้นล ้วนมาจากสิ่งเดียวกัน สิ่งนั้นคือความคาดหวัง คุณมัวแต่คาดหวังเอาจากสิ่งอื่น จากบุคคลอื่นซึ่งคุณไม่สามารถควบคุมได้ คุณคาดหวังว่าพ่อแม่จะเข้าใจคุณ คาดหวังว่าเพื่อนจะจริงใจกับคุณ คาดหวังว่าแฟนจะรักและซื่อสัตย์กับคุณคนเดียว เมื่อขอบเขตแห่งความคาดหวังที่มากเกินไปปะทะกับโลกแห่งความเป็น จริง สิ่งที่หวังเอาไว้ไม่เป็นไปดั่งใจหวัง คุณจึงเป็นทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความคาดหวัง คิดได้ดังนั้นคุณจึงเริ่มเข้าใจ ตั้งแต่นั้นมาคุณก็พยายามคาดหวังจากสิ่งต่างๆ ให้น้อยลง กับเขาเองคุณก็แทบจะไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้ว แต่นี่มันอะไรกัน ทำไมคุณถึงยังต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้อีก มันน่าน้อยใจในโชคชะตายิ่งนัก เสียงข่าวรายงานสภาพการจราจรบนท้องถนนดังขึ้นคั่นรายการเพลง คุณรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ ไม่รู้จะฟังไปทำไม ในเมื่อที่ไหนๆ ก็ติดเหมือนกันหมด เอื้อมมือกดปุ่มเปลี่ยนไปยังสถานีอื่น บ้าจริง ทำไมทุกคลื่นถึงได้พร้อมใจกันเปิดแต่เพลงอกหักอย่างนี้ นี่โลกยังกระหน่ำซ้ำเติมคุณไม่พออีกหรือ นาทีนี้ฟังเพลงไหนคุณก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันถูกแต่งขึ้นมาเพื่ อคุณคนเดียวอย่างนั้นแหละ คุณชักเริ่มเอะใจว่าทำไมผู้คนบนรถเมล์ถึงหันมามองคุณแปลกๆ ชะเง้อมองดูหน้าตัวเองในกระจกมองหลังถึงกับผงะ แม้จะอยู่ในอารมณ์อกหัก คุณก็ยังอดขำในความสะเพร่าของตัวเองไม่ได้ กำลังจะเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่เบาะหลังก็พอดีรถคันหน้าเคล ื่อนตัวออกไป คุณใส่เกียร์เหยียบคันเร่งส่งตัวรถพุ่งตามไป เร็วขึ้นและเร็วขึ้น ทันใดนั้นรถเมล์ทางฝั่งซ้ายก็หักพวงมาลัย ปาดหน้ารถคุณอย่างกะทันหัน คุณเหยียบเบรคจนตัวเกร็งก่อนแช่งด่าด้วยความโมโห คุณขับตามรถเมล์คันนั้นไปจนทัน หักเข้าเลนขวา เร่งเครื่องขึ้นไปจนอยู่ในระยะแซง ก่อนหักพวงมาลัยซ้ายปาดหน้ารถเมล์คันนั้นด้วยอาการเดียวกัน แล้วแกล้งเหยียบเบรคกะทันหันในชั่วเสี้ยววินาที ก่อนจะกระชากเกียร์เหยียบคันเร่งส่งตัวรถพุ่งไปข้างหน้าด้วยควา มรวดเร็วอีกครั้ง ทิ้งให้รถเมล์คันนั้นจอดนิ่งอยู่ที่สี่แยกไฟแดงข้างหลัง.. รถวิ่งมาหยุดอยู่บนสะพานข้ามแยกถัดมา คุณขับหนีมาไกลแล้ว แต่หัวใจยังเต้นกระชั้นถี่รัวแรง แวบแรกคุณรู้สึกสะใจที่ได้ทำอย่างนั้น แต่ภายหลังจากสติกลับคืนมาคุณกลับสำนึกเสียใจ ผีห่าซาตานตนใดกันเข้าสิงคุณให้ทำอย่างนั้น คุณไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย นึกสงสารผู้คนที่อยู่บนรถเมล์คันนั้น ไม่รู้จะมีใครหัวร้างข้างแตกบ้างหรือเปล่า คนขับรถเมล์ก็เหมือนกัน เขาอาจจะเครียดกับการทำงานมาทั้งวันก็เป็นได้ ไม่น่าไปถือโทษโกรธเคืองเขาเลย...เสียงเพลงจากวิทยุดังแว่วขึ้นมา Sometimes I feel like I dont have a partner. Sometimes I feel like my only friend is the city I live in, the city of angels. Lonely as I am, together we cry.** หยาดน้ำใสๆ ไหลผ่านร่องแก้มลงมาอีกครั้ง
19:20 น. ที่บ้าน
คุณพาสังขารอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งแรงกายและแรงใจ กลับมาถึงบ้านด้วยความทุลักทุเล น่าแปลกใจจริง ทั้งที่คุณก็แค่นั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น หาได้ไปแบกค้อนปอนด์ทุบตึกที่ไหนมาแต่กลับอ่อนระโหยโรยแรงอย่างกับเพิ่งเดินข้ามเขามาสักลูก อาจเป็นเพราะเรื่องของเขากับการเดินทางกว่าสองชั่วโมงบนท้องถนน ที่สูบเอาพลังชีวิตจากคุณไปใช่น้อย คงจะจริงอย่างที่ใครสักคนว่าไว้ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว เมื่อใดก็ตามที่จิตใจอ่อนล้าเศร้าซึม หดหู่และสิ้นไร้กำลังใจ ร่างกายก็จะพลอยเหี่ยวเฉาไร้เรี่ยวแรงตามไปด้วย เห็นทีจะได้เวลาเข้ารับการบำบัดอีกครั้ง คิดได้ดังนั้น คุณจึงลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ สำหรับคุณแล้วยามต้องเจอะเจอกับเรื่องทุกข์ใจหรือประสบกับมรสุม บางอย่างที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่มีอะไรจะช่วยผ่อนคลายได้ดีไปกว่าการได้อาบน้ำชำระล้างร่างกา ย สายน้ำนับสิบสายที่พุ่งผ่านร่องรูเล็กๆ ของฝักบัวปะทะกับผิวหน้า ไหลผ่านเส้นผมทุกเส้น แทรกซึมสู่ทุกอณูของร่างกาย ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังกระตุ้นเตือนทุกเซลล์ให้ฟี้นต ื่นจากการหลับใหล สายน้ำให้ความรู้สึกสดชื่น คุณมีความสุขกับการได้อาบน้ำครั้งละนานๆ ค่อยๆ บรรจงเทแชมพูลงบนฝ่ามือแล้วนวดคลึงเบาๆ จนทั่วหนังศีรษะ การได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกวันไม่มีซ้ำให้ความรู้สึกสุขใจ อย่างประหลาด ด้วยเหตุนี้ห้องน้ำจึงเปรียบเสมือนสถานบำบัดจิตย่อมๆ ที่เป็นส่วนตัวของคุณเอง มันจึงเต็มไปด้วยสบู่และครีมอาบน้ำนับสิบกลิ่นกับแชมพูอีกหลากห ลายยี่ห้อที่คุณสรรหามาเก็บไว้ สามสิบนาทีผ่านไป คุณก้าวออกมาด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่คล้ายกับสายน้ำได้ช ำระล้างเอาความทุกข์ใจไหลรวมไปกับสิ่งปฏิกูล สายน้ำชำระล้างจิตวิญญาณของคุณให้กลับคืนมาบริสุทธิ์เหมือนเดิม อีกครั้งคุณเปิดทีวีดู เปลี่ยนช่องไปยังสถานีที่มีละครเรื่องที่คุณกำลังติดพันอยู่ ก่อนลงมือละเลียดข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทยไข่ดาวด้วยความเอร็ด อร่อย ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวทุเรียนเป็นของหวาน ข้อดีอย่างหนึ่งของการเลิกกับแฟนก็คือไม่ต้องมากังวลกับเรื่องไดเอ็ตอีก เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน คุณเอนหลังลงกับที่นอนปิดเปลือกตาลง ในห้วงคำนึงสุดท้ายคุณนึกอยู่ว่าจะซื้ออะไรไปฝากพ่อกับแม่บ้าง คุณไม่รู้ตัวหรอกว่าหลับฝันไป ในฝันคุณเห็นตัวเองนั่งอยู่บนโถส้วมคุณท้องผูกอีกแล้ว.
..
* = เทคนิคนี้มาจากเรื่องสั้น จั่น โดย นาม มะโรง
นิตยสารช่อการะเกด 18 โภคานุวัตร (ไตรมาสที่สอง 2537)
--------------------------------------------------------------------------------
MLM ( Multi Level Marketing) = กลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่งที่ใช้กลวิธีในการขายแบบขายตรง (Direct Sales)
เพลง Creep ของวง Radio Head
เพลง Under the Bridge ของวง Red Hot Chili Peppers
3 สิงหาคม 2547 16:40 น.
สุชาดา โมรา
คดีนี้ต้องไม่แพ้ ไอ้นพย้ำ เพราะมันหมายถึงอนาคตหน้าที่การงานของกูด้วย
ก็มันแพ้เขาแหงๆ ต่อให้เอาเทวดามาว่าความให้ก็แพ้
เอาเหอะ มึงขึ้นมาช่วยกู เพราะกูเองไม่มีปัญญาทำอะไรแล้ว และนัดคราวนี้ศาลก็กำชับไม่ให้ขอเลื่อนคดีแล้ว แต่กูบอกมึงก่อนนะว่ากูมีเงินแค่ซื้อตั๋วรถไฟไป-กลับให้มึง
แล้วมึงจะเสียตังค์โดยใช่เหตุทำไมวะ กูบอกแล้วไงว่าโอกาสชนะเป็น 0 ผมไม่วายทักท้วงมันก่อนที่จะยอมทำตามคำขอร้องของมัน
ผมเพิ่งรู้จักไอ้นพได้ไม่นานนัก ตอนที่ผมเดินทางไปว่าความที่สงขลา แล้วบังเอิญว่ามันโดยสารรถไฟขบวนเดียวกับผม โดยเพื่อนร่วมทางของผมเป็นผู้แนะนำให้รู้จักกัน
ความที่วิชาการที่จำเป็นในการว่าความของมันค่อนข้างอ่อนแอ ทำให้มันต้องเอางานที่มันได้รับมอบหมายมาปรึกษาผมอยู่เนืองๆ จนกระทั่งมันตัดสินใจกลับไปตายรัง คือกลับไปทำมาหากินที่เชียงใหม่
แล้ววันหนึ่ง มันก็โทรศัพท์ทางไกลมาหาผมเพื่อปรึกษาคดีที่มันรับมา
ก็แค่คดีแพ่งที่ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำนวนเงินตามเช็คแค่ห้าหมื่นบาท แถมเป็นทนายความฝ่ายจำเลยด้วย แบบนี้มันจะได้ค่าจ้างว่าความไม่กี่พันบาทหรอก
หลังจากที่ลงทุนเสียค่าโทรศัพท์ทางไกลเพื่อปรึกษาผมได้ไม่กี่คร ั้ง มันก็ตัดบทเอาดื้อๆว่าให้ผมเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อว่าความคดีน ั้นแทนมัน
จากข้อมูลที่ไอ้นพมันบอกมา จำเลยในคดีดังกล่าวคือพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งขณะนั้นกำลังมีชื่อเ สียงขจรขจายเล่าลือกันว่าท่านเทศนาได้ไพเราะจับใจคนฟังจนเป็นที ่ศรัทธาของบรรดาญาติโยมทั่วประเทศไทย ส่วนเช็คฉบับที่ถูกฟ้องเป็นเช็คผู้ถือ หมายถึงเช็คที่สั่งธนาคารจ่ายเงินให้แก่ใครก็ตามที่นำเช็คฉบับน ั้นมาเรียกเก็บเงิน เช็คแบบนี้หากจะโอนเปลี่ยนมือก็เพียงแค่ส่งมอบเช็คให้กันไปโดยไ ม่ต้องมีการสลักหลังให้ยุ่งยาก ซึ่งถ้านำมาฟ้องร้องทางแพ่งแล้ว ฝ่ายโจทก์มีภาระการพิสูจน์เพียงแค่นำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คฉบับนั้นๆ และเมื่อได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินหรือที่ภาษาชาวบ้านพูดกันสั้น ๆว่า ขึ้นเงิน แล้ว ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ส่วนฝ่ายจำเลยมีหนทางเดียวที่จะเอาตัวรอดได้คือต้องหาพยานหลักฐ านมาแสดงให้ศาลเชื่อว่าโจทก์ได้รับเช็คมาโดยไม่สุจริต แต่หนทางเดียวที่ว่านี้เป็นทางตันเพราะในทางปฏิบัติแล้วเป็นเรื ่องที่เป็นไปไม่ได้
เกือบตลอดระยะทางบนรถไฟเที่ยวนั้น ผมนึกถึงแต่ภาพยนตร์โทรทัศน์ชุดหนึ่งมีชื่อภาษาไทยว่า ขบวนการพยัคฆ์ร้าย แต่ชื่อภาษาอังกฤษสิ Mission impossible แปลเป็นไทยว่าภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ มันช่างเหมาะเจาะกับสภาพภารกิจที่ผมกำลังเดินทางไปปฏิบัติเสียจ ริงๆ
หลังจากไปถึงเชียงใหม่ ไอ้นพก็โอดครวญให้ผมฟังว่ามันคงไปไม่รอดในวิชาชีพทนายความแล้ว เพราะนอกจากมันจะไม่แม่นข้อกฎหมาย และไม่ค่อยรู้จักใครแล้ว มันยังเสือกไม่มีใจรักที่จะเป็นทนายความด้วย และตอนนั้นมันเพิ่งจะได้เป็นลูกจ้างชั่วคราวของมหาวิทยาลัยแห่ง หนึ่ง โชคดีที่ได้รู้จักอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่จะสามารถสนับสนุ นให้มันเลื่อนฐานะเป็นลูกจ้างประจำและข้าราชการประจำไปในที่สุด ได้ และอาจารย์คนนี้เป็นคนหนึ่งที่เลื่อมใสศรัทธาพระภิกษุรูปนี้ และติดต่อให้มันเป็นทนายความต่อสู้คดีให้พระ รวมทั้งเป็นคนกำหนด เงื่อนไขของการแพ้ไม่ได้ให้กับมันด้วย
ตอนนั้นผมก็ยังอ่อนเยาว์ทั้งในฐานะทนายความและต่อโลก เลยนึกไม่ออกว่ามันมีความจำเป็นอะไรที่พระภิกษุจะแพ้คดีชาวบ้าน ไม่ได้ โดยเฉพาะในเมื่อพิจารณาทั้งจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยละเอี ยดแล้วก็ไม่มีหนทางใดๆ ที่จะพลิกแพลงรูปคดีได้เลย จนกระทั่งไอ้นพพาผมไปพูดคุยกับอาจารย์คนนี้แหละผมถึงได้รับรู้ว ่าการพ่ายแพ้คดีนั้นอาจหมายถึงการเสื่อมศรัทธาของคนทั่วไปที่มี ต่อพระด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่พระจะยอมเสี่ยงไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ผมหายแปลกใจแล้วว่าทำไมไอ้นพถึงไม่เชื่อฟังตอนที่ผมแนะนำให้มัน ขอประนีประนอมด้วยการขอลดยอดหนี้หรือขอผ่อนชำระให้แก่โจทก ์ ซึ่งเป็นวิธีการง่ายๆ ที่ทำกัน แต่ที่ไม่หายไปซ้ำกลับพอกพูนขึ้นก็คือความอึดอัดใจ ภาระของไอ้นพที่ตอนนั้นถูกโอนมายังผมทั้งหมดแล้วมีเป้าหมายที่ม ืดแปดด้านจริงๆ จนแม้คืนนั้นผมจะลองนอนคิดอีกทั้งคืนก็ยังมองไม่เห็นช่องทาง
เช้าวันรุ่งขึ้น เราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังอำเภอพร้าว เพราะสมัยนั้นยังมีการส่งผู้พิพากษาจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ไปนั ่งพิจารณาคดีที่นั่น โดยอาศัยสถานที่ของที่ว่าการอำเภอพร้าวทำเป็นห้องพิจารณา และเรียกเป็นภาษาราชการว่า ศาลเคลื่อนที่ประจำอำเภอพร้าว
เราแวะกินข้าวมื้อเช้าที่บ้านโยมของพระก่อนที่จะไปศาล ที่นั่นทำให้ผมยิ่งเครียดกับภารกิจที่ได้รับนั้นมากขึ้นเพราะมี ชาวบ้านมาคอยต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แถมไอ้นพดันเสือกบอกกับคนพวกนั้นว่าผมเป็นทนายความฝีมือดีที่มั นจุดธูปเชิญมาจากกรุงเทพฯ เสียอีก
ตอนรถแล่นออกจากบ้านนั้น สายตาหลายคู่ที่แสดงการฝากความหวังทั้งหมดไว้กับผมทำให้ผมแอบอธ ิษฐานขอให้มีเครื่องบินสักลำบินมาตกใส่รถที่ผมนั่งอยู่นั้นเสีย แต่คำอธิษฐานของผมไร้ผล
ขณะที่รถค่อยๆแล่นผ่านประตูรั้วของที่ว่าการอำเภอพร้าวเข้าไป ไอ้นพชี้ให้ผมดูรถเบ๊นซ์ 300 ป้ายแดงซึ่งจอดอยู่พร้อมบอกผมว่าฝ่ายโจทก์มาถึงก่อนเราแล้ว
แสงแห่งความหวังเจิดจ้าขึ้นมาในความคิดของผมทันที ผมรีบบอกให้ไอ้นพชี้ตัวโจทก์ให้แล้วโอนภาระงานธุรการเกี่ยวกับก ารติดต่อกับศาลทั้งหมดให้มันก่อนที่จะเข้าไปยกมือไหว้ทักทายคู่ ความฝ่ายตรงข้าม
พ่อเลี้ยงครับ ผมเอ่ยทักก่อนที่จะแนะนำตัว
ผมขอรบกวนคุยกับพ่อเลี้ยงสักนิด คือผมคิดดูแล้วว่าคนระดับพ่อเลี้ยงไม่น่าจะลงทุนขับรถมาจากน่าน เพื่อฟ้องคดีนี้เลยนี่ครับ
ผมต้องการพิสูจน์ว่าตุ๊ตนนี้บ่ดี พ่อเลี้ยงตอบเสียงเครียด
ไม่ดียังไงบ้างครับ ผมก็ไม่รู้จักหรือสนใจอะไรท่านมาก่อนหรอก คดีนี้เพื่อนมันขอให้ผมมาช่วยผมก็มา ยังไม่รู้เรื่องอะไรในคดีนี้มากด้วยซ้ำ
ได้ผลแฮะ พ่อเลี้ยงระบายความอัดอั้นใจให้ผมฟังเสียยืดยาว ซึ่งผมก็ฟังด้วยความเห็นอกเห็นใจ
พ่อเลี้ยงคงไม่มีโอกาสทำอย่างที่ตั้งใจหรอกครับ ผมติงหลังจากพ่อเลี้ยงเล่าความเป็นมาจบแล้ว
ในศาลนี่เราไม่ได้มีโอกาสให้การนอกเรื่องนอกราวตามใจเรา อย่างคดีนี้ประเด็นมีแค่ว่าเช็คนี่พระลงชื่อสั่งจ่ายแล้วก็มีคน เอาไปจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างที่ซื้อจากพ่อเลี้ยง เรื่องอื่นๆที่พ่อเลี้ยงเล่าให้ผมฟังนี่มันนอกประเด็นนะครับ ผมพักหายใจหายคอบ้าง ผมเชื่อว่าพ่อเลี้ยงไม่ได้โกหกผม แต่พ่อเลี้ยงก็น่าจะเชื่อผมบ้างว่าพ่อเลี้ยงไม่มีโอกาสเอาเรื่อ งนอกประเด็นมาพูดได้มากขนาดนั้นหรอก
ถึงตอนนี้พ่อเลี้ยงอึ้งไป
คดีนี้พ่อเลี้ยงชนะแน่นอนครับ แต่พ่อเลี้ยงจะไปยึดทรัพย์พระถึงในวัดเชียวหรือ แล้วทรัพย์สินเหล่านั้นก็มาจากศรัทธาชาวบ้านทั้งนั้นด้วย ตอนท้ายนี่ผมอาศัยความรู้ว่าชาวล้านนามีความเชื่อเคร่งครัดเรื่ องไม่ควรเอาของวัดมาเป็นของตน
ได้มาเท่าไหร่ผมก็จะเอาไปทำบุญทั้งหมด พ่อเลี้ยงตอบไม่ทันขาดคำเจ้าหน้าที่ศาลก็เรียกให้รีบเข้าห้องพิ จารณาเพราะผู้พิพากษากำลังจะขึ้นนั่งบนบัลลังก์
เมื่อเข้าไปในห้องพิจารณาซึ่งอยู่มุมสุดของอาคารชั้นล่าง ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นชาวบ้านยืนกันสลอน ลองกะประมาณด้วยสายตาก็คงสักสองร้อยคนขึ้นไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาวบ้านเหล่านี้คอยเอาใจช่วยฝ่ายไหน
ทันทีที่ศาลเริ่มดำเนินกระบวนพิจารณา ผมรีบแถลงต่อศาลว่าผมได้คุยอะไรกับพ่อเลี้ยงมาบ้าง และเน้นว่าไม่อยากเห็นคดีนี้ลงเอยอย่างน่าอเน็จอนาถต่อความรู้ส ึกของชาวพุทธ ปิดท้ายด้วยการเสนอขอให้โจทก์เอาเงินจำนวนนั้นทำบุญกับวัดที่จำ เลยจำพรรษาโดยไม่ต้องไปทำบุญที่อื่น
โจทก์จะว่าอย่างไรล่ะ ศาลว่าที่ทนายจำเลยเขาเสนอมานี่ก็ดีนะ ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นคล้อยตามผมช่วยไกล่เกลี่ย
ผมไปทำบุญที่อื่นดีกว่าครับ เพราะถ้าทำที่นี่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาเงินผมไปทำอะไร
ทำไมจะต้องคิดมากขนาดนั้นล่ะ ผู้พิพากษาติง คนเราทำบุญมันสำคัญตรงได้ทำ ทำแล้วก็อิ่มเอิบใจ ไม่ต้องเก็บมาวิตกวิจารณ์อะไรหรอก
ผมกลัวว่าเงินจำนวนนี้จะไม่เข้าวัดจริงน่ะสิ พ่อเลี้ยงไม่วายอิดเอื้อน
เรื่องนี้หมดห่วงได้เลยครับ ผมได้โอกาสพูดบ้าง วัดทุกแห่งต้องอยู่ในการดูแลของกรมการศาสนา ต้องทำบัญชี ถ้าพ่อเลี้ยงยินดีตามที่ผมเสนอแล้วทางวัดก็จะต้องออกใบอนุโมทนา บัตรให้เป็นหลักฐาน แบบนี้พ่อเลี้ยงก็มั่นใจได้เลยว่าเงินต้องเข้าวัดแน่
ถึงตอนนี้พ่อเลี้ยงหันไปสบตาทนายความของตนในเชิงขอความคิดเห็น ก่อนที่จะยอมถอนฟ้องคดีนั้น แลกกับการที่มีผู้ที่ศรัทธานับถือพระออกเงินบริจาคเท่ากับทุนทร ัพย์ของคดีแล้วให้วัดออกใบอนุโมทนาบัตรให้แก่พ่อเลี้ยงเพื่อเป็ นหลักฐานยืนยันว่ามีเงินเข้าบำรุงวัดตามจำนวนนั้นจริง
ผมเดินออกจากห้องพิจารณามาอย่างยิ้มย่อง ในที่สุดคดีนี้ฝ่ายจำเลยก็ไม่ได้แพ้ ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ฝ่ายตรงข้ามสามารถกินเลือดกินเนื้อได้เลย ถ้าตัวจำเลยโผล่หน้ามาให้เห็น แต่ตอนนี้เขาถอนฟ้องไปแล้ว และถ้าผมเดินออกไปถึงกลุ่มชาวบ้าน พวกเขาคงจะรุมล้อมแสดงความชื่นชมยินดีกับผม
ชาวบ้านกำลังสลายกลุ่มทยอยกันกลับ แต่ไม่มีใครสักคนให้ความสนใจผม ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มหรือการสบตาทักทาย
ผมรู้สึกเก้อกับสถานการณ์ตอนนั้น งุนงงด้วยความแปลกใจจนกระทั่งได้ยินชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ถึงเห ตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งผ่านพ้นไปตามความรู้สึกของพวกเขา และคนหนึ่งพูดว่า
บารมีตุ๊แต๊ๆ เปิ้นตึงยอมถอนฟ้อง
หรือว่าไม่จริง อิ ๆ ๆ ๆ ๆ.................................?
ใช่มะ.........................................?
3 สิงหาคม 2547 16:37 น.
สุชาดา โมรา
ผมเป็นนักโบราณคดีอยู่ที่กรมศิลปากร อาชีพหลักของผมคือสอนหนังสือแต่ที่จริงใจผมอยากไปขุดเจาะหาร่องรอยทางประวัติศาสตร์มากกว่าเพราะผมชอบและถนัดทางด้านนี้ แต่มันติดตรงที่ว่ายังไม่มีแหล่งข้อมูลใหม่ ๆ ที่พวกเราจะไปเก็บข้อมูลและทำการขุดน่ะสิ...
.......ในคืนที่เงียบสงัดผมเดินออกไปที่หลังบ้านคนเดียว ผมรู้สึกเหมือนใครกำลังจ้องมองผมอยู่ พอผมหันไปก็ไม่มี จู่ ๆ สายลมก็พัดวูบมาทั้ง ๆ ที่ใบไม้ไม่กระดิกเลยแม้แต่นิดเดียว มันถึงกับทำให้ผมขนลุกซู่ขึ้นมาทันที... ผมหันไปที่ข้างหลังผมเห็นอะไรขาว ๆ ลอยผ่านหน้าผมไป ผมรู้สึกกลัวมากจึงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเลย ทำไมแถวบ้านจากที่มีแต่ตึกกลับกลายเป็นป่าไปได้ ผมรู้สึกกลัวและสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ยิ่งผมเร่งฝีเท้าก็ยิ่งเหมือนถูกจ้องและถูกไล่ตามมากเท่านั้น โอ๊ย....!!!! ผมสะดุดตอไม้ล้ม ที่ขามีรอยกรีดเหมือดถูกมีดบาด เลือดค่อย ๆ ซึมออกมาและก็หยดลงไปที่พื้น ทำไมบาดแผลนิดเดียวจึงมีเลือดออกมามากขนาดนี้เนี่ย... ผมรู้สึกเหมือนใครบางคนกำลังจ้องมองผมอยู่ผมจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเธอสวยมาก เธอมายืนจ้องมองผม เธอยิ้มแล้วก็ผยุงตัวผมขึ้น "คุณมาทำอะไรที่นี่ในยามดึกดื่นป่านนี้ ขอบคุณนะที่ช่วยผม" ผมถามเธอในใจแต่เธอกลับตอบผมเสียนี่ "ไม่เป็นไรค่ะ บ้านฉันอยู่ที่นี่ตรงนี้ คุณหลวงฉันรอคุณอยู่ มองดูสินี่มันบ้านของเรา......."
เฮือก..........!!!!
ผมสะดุ้งตื่นจนสุดตัว ผมฝันไปหรือนี่ เฮ้อ...ทำไมมันจึงเหมือนจริงได้ขนาดนี้....ผมเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วก็เดินไปนั่งดูทีวี พอผมเปิดทีวีก็เห็นเป็นภาพผู้หญิงคนนั้นจึงทำให้ผมต้องขยี้ตาหลายที ผมตาฝาดไปเอง
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
3 สิงหาคม 2547 16:34 น.
สุชาดา โมรา
ท่านผู้หญิงผอบแก้วเป็นภรรยาเอกมีบุตรธิดาด้วยกัน 4 คน คุณเรณูเป็นลูกสาวคนโตเธอเป็นคนสวยเรียบร้อยอ่อนหวานหัวอ่อน ออกเรือนไปกับเจ้าคุณรัตนาซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพ่อของเธอ คุณปราบเป็นบุตรคนรองชีววิตของเธอค่อนข้างผาดโผน ความฝันของเธอคืการได้เป็นนายทหารให้สมหน้าสมตากับชาติตระกูล และเธอก็ทำสำเร็จเธอได้เป็นถึงพระยาปราบราชบดินดร์ แต่เธอก็มิใคร่ที่จะหาลูกสาวบ้านไหนมาเป็นภรรยาถึงแม้ว่าคุณหญิงและเจ้าคุณพ่อของเธอจะจัดหาให้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม คุณเทพเป็นบุตรคนที่สามไม่ได้รับราชการเพราะเธอถนัดการค้าขายเธอจึงไม่เคยอยู่ติดกับบ้านเหมือนคุณปราบ เธอมักจะล่องสำเภาตามแบบอย่างของคนจีนเพื่อไปเร่ขายสินค้าที่จีนบ่อย ๆ เธอจึงแต่งงานกับลูกเจ้าสัวจีนไล้ที่อยู่เมืองจีนชื่อเหมยลี่ มีลูกด้วยกันสองคน ชื่อลูกท้อและตี๋น้อย ส่วนคุณโสภีลูกสาวคนเล็กเธอเป็นคนสวยมากเรียบร้อยอ่อนหวาน เด็ดเดี่ยวและไม่เคยยอมคน เธอค่อนข้างหัวทันสมัยเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวที่ได้เรียนหนังสือ มีผู้ชายหลายคนมาสู่ขอแต่เธอก็ไม่ตกลง เธอยอมที่จะขึ้นคานดีกว่าที่จะเป็นเหมือนครอบครัวของตัวเอง ทรัพย์สินธุ์ทุกอย่างในบ้านจึงตกเป็นของเธอเพราะคุณปาบก็ไม่ใคร่ที่จะอยากได้ของบรรพบุรุษเนื่องจากเธอมีบ้านหลวงพระราชทานอยู่แล้ว
ส่วนบรรดาภรรยาน้อยของท่านเจ้าพระยาบริบาลย์อุดมศักดิ์มนตรีนั้นไม่มีบุตรหรือธิดาเนื่องจากท่านผู้หญิงผอบแก้วนั้นเธอเป็นคนร้ายกาจถึงแม้ว่าเธอจะยอมให้สามีมีภรรยาหลายคนแต่เธอก็ไม่ยอมให้ภรรยาน้อยคนใดหรือเมียบ่าวคนใดมีลูกได้เลย เธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เมียของท่านมีลูกได้ ไม่ว่าจะเป็นการเอาน้ำมะนาวกรอกลงไปในมดลูกหรือแม้แต่การทำแท้งก็ตาม เพราะเธอไม่อยากให้ลูกของเมียคนใดได้สมบัติไป เธอจะมีบ่าวที่สนิทอยู่สองคนคือนางรื่น นางแดง นางมา และนางสาย ซึ่งบ่าวพวกนี้มักจะทำการสำเร็จโทษบรรดาเมีย ๆ ของท่านทุกคนเพื่อไม่ให้มีลูกได้
"โอ๊ย....!!!!อย่า...ท่านคะช่วยด้วย...เมตตาอิฉันเถอะ....กรี๊ด......!!!!!"
เสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแสนสาหัสของภรรยาน้อยทุกคนที่หลังจากถูกเรียกตัวไป...ก็จะถูกบ่าวทั้งสี่มาลากตัวออกไปจากห้องเพื่อไปสำเร็จโทษที่เรือนหลังเก่าท้ายที่ ถึงแม้ว่าท่านเจ้าพระยาจะรู้แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรคุณผอบแก้วได้เพราะเธอเป็นถึงเมียพระราชทานมาจากข้างใน... ทุก ๆ ครั้งที่บ่าวทั้งสี่ทำการสำเร็จโทษนั้นคุณผอบแก้วก็มักจะไปควบคุมด้วยตนเองเสมอ
"อย่าดิ้นหรือร้องไปเลยนางลำไย ช่วยไม่ได้นี่ที่เธอมาเป็นเมียของท่าน มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่จะมาเทียบตำแหน่งกับฉัน"
"อิฉันก็เป็นถึงลูกเจ้าพระยาทำไมต้องทารุณกับอิฉันอย่างนี้..."
"ทนไม่ได้ก็ต้องทน ฉันจะไม่ให้แกหนีรอดไปได้หรอก...มานี่ อวดดีดีนัก....!!!!"
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ.........!!!!
คุณผอบแก้วหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นความทุกข์ของภรรยาน้อยของท่าน... หลายคนแล้วที่ต้องตายไปเพราะการทรมานของคุณผอบแก้ว ภรรยาหลายคนทนไม่ไหวถึงกับผูกคอตายบนขื่อบ้านคนแล้วคนเล่าจนเหลือภรรยาที่ตบแต่งมาเพียง 4 คน คือคุณผยอม คุณไฉไล คุณอัญชัญ และคุณไข่มุก
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...
3 สิงหาคม 2547 16:30 น.
สุชาดา โมรา
เล็กชอบเพลงพวกนี้หรือ
เขาพลิกหน้าหนังสือเพลงค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่วางอยู่ตรงหน้า
ชอบเกือบทุกเพลงค่ะ
และเล็กก็เล่นเพลงพวกนี้ได้
ค่ะ
ดวงจันทร์กลมโตพ้นปลายไม้ด้านตะวันออกราวสองคืบสาดกระจ่างทั่วช านบ้านด้านไม่มุงหลังคาแลเห็นกระถางดอกไม้ป่าแจ่มชัด กระนั้นแสงเทียนก็ยังทำหน้าที่ขับความมืดหม่นตรงหน้าระหว่างคนส องคนอยู่อย่างซื่อตรงและเป็นผล
บ้านหลังนี้ชาวบ้านสร้างเป็นบ้านพักครูหลังแรกของโรงเรียนป่าเต ็งวิทยา ส่วนหลังที่สองที่อยู่ถัดไปเป็นบ้านพักครูจากงบประมาณของรัฐ บ้านหลังที่สองดูสวยงามต่างจากหลังที่หนึ่งลิบลับ แต่กนกวรรณก็เลือกบ้านหลังแรกแม้ครูอีกคนในโรงเรียนเสนอให้เธออ ยู่บ้านพักหลังที่ดีกว่า
พิษณุนั่งเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยมที่วางอยู่ชิดเสาหันหน้าไปทา งเหนือ กนกวรรณยังประคองกีตาร์นิ่งคล้ายเหม่อมองจันทร์แต่ไม่ใช่ เธอยังไม่ขยับนิ้วเล่นสายใด ๆ ในความนิ่งงันชั่วครู่มีแต่เสียงน้ำตกที่ห่างออกไปไม่เกินห้าสิ บเมตรได้ยินเสียงซ่าซ่าซู่ซู่อยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ระยะทางเกือบสองร้อยกิโลเมตรห่างจากตัวจังหวัดอาจดูไม่ไกลสำหรั บเขากับโฟวีลไดรฟ์สีเข้มที่จอดอยู่หน้าบ้านพัก แต่มันก็ทุลักทุเลเอาการเพราะต้องไต่มาตามทางชันแคบ ๆ ร่วมสิบสามกิโลเมตรกว่าจะถึงโรงเรียนบ้านป่าเต็งวิทยา
ทั้งพิษณุและกนกวรรณต่างเป็นเพื่อนร่วมคณะแต่ต่างสาขา ของมหาวิทยาลัยในภูมิภาค ฝ่ายชายเลือกที่จะทำงานกับบริษัทเอกชน แต่ฝ่ายหญิงเลือกที่จะเป็นครูตามความใฝ่ฝันวัยเด็ก
เล็กไม่คิดเปลี่ยนใจหรือ
ก็ไม่แน่ค่ะ อาจจะเปลี่ยนเร็ว ๆ นี้ก็ได้
เธอตอบออกไปอย่างนั้น แต่ความจริงเธอยังรู้สึกห่วงใยแววตาแป๋วแสนซื่อของเด็กบ้านป่าล ูกศิษย์ของเธอ
ไปทำงานกับผมไหม มีตำแหน่งโปรโมตขึ้นใหม่ คิดว่าเหมาะกับเล็กมาก
เป็นยังไงคะ
เป็นงานฝ่ายอบรมและพัฒนาบุคลากร ก็เหมือนกับที่เล็กทำตอนนี้ เพียงแต่เป็นทำกับผู้ใหญ่เท่านั้นเอง เงินเดือนมากพอที่เล็กจะออกรถสบาย ๆ ในหนึ่งปี
หรือคะ
หญิงสาวเริ่มเกาสายกีตาร์ เป็นบทเพลงเปลี่ยวเหงาแห่งค่ำคืนของคนที่พลัดหลงไปบนเส้นทางอัน ไม่คุ้นเคย คนฟังไม่รู้จักเพลงนั้น ถ้าเธอเล่นเพลงสากลเก่า ๆ ยังจะรู้จักดีกว่า
ถ้าเล็กตัดสินใจ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปติดต่อเดินเรื่องย้ายให้ ผมมีญาติที่อยู่ข้างในและรู้จักกับนักการเมืองด้วย
เขาพูดแทรกเสียงจากสายคีย์ไมเนอร์ ส่วนหญิงสาวยังไม่ตอบรับและปฏิเสธ ความอึดอัดจึงเริ่มแผ่คลุมหัวใจเขา แต่ในใจของเล็กนั้นก็ยากที่ใครจะรู้ เธออาจอยากได้ยินถ้อยคำอย่างหนึ่งอย่างใดให้ชัดเจน หรืออาจอยากให้คืนนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หรือสว่างเสียที เพื่อทีจะได้กลับไปอยู่กับแววตาซื่อ ๆ ของเด็กน้อย
ณุคะ เล็กขอคิดดูก่อนได้ไหมซักเดือนนึง แล้วเล็กจะเขียนไปบอก
นั่นเป็นคำพูดสั้น ๆ ที่ให้ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่หนุ่มหล่อมีอนาคตในการที่เขาบากบั่นเข้ามาเยี่ยมเพื่อนสาวหน แรกนี้
รุ่งเช้าฝุ่นแดงทิ้งตัวลงแล้วหยุดนิ่งหลังจากรถขับเคลื่อนสี่ล้ อจากไปไม่นาน
ครูคะ แฟนของครูมาเยี่ยมหรือคะ เด็กน้อยท่าทางฉลาดที่สุดในห้องถามซื่อ ๆ
เพื่อนของครูจ้ะ เขาแวะมาเยี่ยม
เขาทำงานอะไรคะ ดูโก้จัง
เขาทำงานในบริษัท
พวกเรากลัวครูจะจากพวกเราไป
ไม่หรอกจ้ะ ครูจะอยู่กับพวกหนูที่นี่
เด็กน้อยแย้มยิ้มดีใจ น้ำตาเอ่อไหลยินดี
OOOOOOOO
สมปอง เป็นครูสอนอยู่ที่นี่ก่อนหน้ากนกวรรณไม่นานนัก ก่อนหน้านี้เขาพักอยู่กับชาวบ้าน พอหญิงสาวเดินทางมาบรรจุทำงานที่นี่เขาก็เข้ามาอยู่บ้านพักด้วย ความเป็นห่วงเธอ ถึงแม้ว่าบ้านพักครูกับบ้านชาวบ้านจะห่างกันไม่มากนักแต่หญิงสา วก็เป็นคนตัวคนเดียวจากต่างถิ่น
แถมไม่อยากเข้าไปพักกับชาวบ้านตามคำขอของผู้ใหญ่บ้านเสียด้วย เธอกลัวว่าจะเป็นการรบกวนสร้างความยุ่งยากให้ชาวบ้านนั่นเอง
สมปองยังไม่แต่งงานด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือยังไม่พร้อม แม้ว่าจะมีสาวชาวบ้านหน้าตาดีมาแสดงความสนใจใยดีมากมายอย่างไรก ็ตาม เขาว่าเขาต่ำต้อยเกินจะเอ่ยคำว่ารักกับใคร ชายหนุ่มจึงมีแต่ท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัว ในขณะที่หญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนกล่าวหาว่าเขาเย่อหยิ่งถือตัว เขาได้ยินก็ยิ้มแล้วปล่อยให้ผ่านเลย หนุ่มโสดไร้พันธะจึงขึ้นเขาลงห้วยไปไร่ไปสวนกับชาวบ้านได้อย่าง เสรี
พี่สมปอง กลับบ้านบ้างหรือเปล่า ตั้งแต่หนูมาเห็นพี่ไปโน่นไปนี่กับชาวบ้าน ไม่เห็นพี่เข้าเมืองเลย
ครูหนุ่มสาวคุยกันระหว่างอาหารมื้อเที่ยงที่เพิงกินข้าวข้างอาค ารเรียน
พี่เพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อสองเดือนนี่เอง พ่อกับแม่ว่าพี่แก่ดำคล้ำไปเยอะ
เขาหัวเราะหึ ๆ หญิงสาวก็พลอยยิ้มกว้างไปด้วย เด็กที่กินข้าวอยู่ใกล้ ๆ มองครูของพวกเขาอย่างชื่นชม
หนูอยากใช้ชีวิตอย่างพี่จัง ทำโน่นทำนี่คงไม่เหงา
ก็ไม่ใช่พี่ไม่เหงานะ เวลาว่าง ๆ มันก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่พี่ก็ไม่ให้มันว่าง ออกไปคุยกับคนเฒ่าคนแก่ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เราไม่ต้องปลูก ที่สนุกกว่านั้นคือลงไปลุยกับเขา ขึ้นเขาลงห้วย หาปูหาปลา ทำไร่ทำนาอะไรก็ว่าไป มีอะไรที่เรายังไม่ได้เรียนรู้อีกมาก
หนูเพิ่งรู้จักชาวบ้านไม่กี่คนเลย
ก็ไม่เป็นไร ถ้าอยากเรียนรู้ก็เริ่มจากคนที่เราสนิทสนมรู้จักและไว้ใจก็ได้ น้องอยากไปช่วยเขาเกี่ยวข้าวขนข้าวไหมล่ะ
อืม น่าสนใจ ถ้าพี่ไปชวนหนูได้ไหมคะ
เดี๋ยวพี่จะบอกนะ
ขอบคุณค่ะ
สมปองกับกนกวรรณสอนนักเรียนคนละ 3 ชั้น ครูใหญ่ช่วยบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนหน้านี้โรงเรียนป่าเต็งวิทยามีครูหลายคนแต่ก็ย้ายเข้าเมือง กันหมด ครูใหญ่เป็นครูที่พักอยู่ต่างหมู่บ้านออกไป เขาเข้ามาโรงเรียนสลับกับออกไปข้างนอกอยู่เสมอ ครูในบ้านพักครูจึงต้องอยู่กันอย่างเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรทั้งชั่ วโมงสอนและการใช้ชีวิต
ปีนี้ชาวบ้านป่าเต็งปลูกข้าวได้ผลดีเพราะน้ำท่าอุดม พวกเขาลงแขกเกี่ยวข้าวจนแล้วเสร็จและกำลังขนขึ้นลานเพื่อนวดก่อ นขนขึ้นยุ้ง สมปองกับกนกวรรณมาช่วยชาวบ้านขนข้าวขึ้นลาน ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ปกครองของนักเรียนในชั้นที่กนกวรรณสอนปลื้มอ กปลื้มใจมากคาดไม่ถึงว่าครูทั้งสองจะมาช่วย
อาหารบ้านป่าอร่อยไหมครับแม่ครู
เจ้าของลานนวดข้าวเอ่ยถามขณะล้อมวงกินข้าวเที่ยงกันใต้ร่มไม้ให ญ่
อร่อยมากค่ะ
อาหารมื้อเที่ยงที่รสชาติไม่เผ็ดร้อนจนเกินไปนักคือยำไข่มดแดง นอกนั้นเผ็ดร้อนทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นผัดเผ็ดปูหินพริกไทยอ่อน , คั่วอ่อมตะกวดหนุ่ม , ต้มยำปลากั้ง เผ็ดจนเหงื่อเม็ดโป้งๆผุดและย้อยเปียกชื้นไรผม
หาเกลือมาให้แม่ครูหน่อย แม่
เจ้าของนาหันไปบอกภรรยาของเขา เพราะรู้ว่าเกลือจะช่วยให้ครูไม่รู้สุกเผ็ดร้อนทรมานเกินไป
ครูสมปองกับแม่ครู อยู่ด้วยกันที่นี่เถิดนะ ได้ไหม พวกเราจะยกที่ดินให้ซักห้าสิบไร่กับปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้อยู่
แหม เล่นจีบกันดื้อ ๆ แบบนี้หนูก็เขินอายแย่ซิคะ แต่ว่าที่ดินที่ดอนยังมีเหลืออยู่เยอะขนาดนั้นหรือคะ เห็นครูสมปองบอกว่าแถวนี้เป็นป่าสงวน
เขามาสงวนกันตอนหลังนี้ดอกแม่ครู พวกเราตั้งหมู่บ้านอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แปดสิบปีที่แล้ว โรงเรียนหมู่บ้านและวัดวามันอยู่ในที่สงวนหมดแหละถ้าจะว่าตามนั ้น แต่ว่าแม่ครูก็ยังไม่ตอบคำถามของพวกเราอยู่ดี
ให้เวลาหนูคิดดูก่อน นะคะ
ไม่เป็นไรครับ ตามใจแม่ครูก็แล้วกัน พวกเรายินดีมากที่ครูมาสอนลูกหลานพวกเราที่นี่ พวกเขาจะได้ฉลาดทันเล่ห์เหลี่ยมคนในเมืองบ้าง
เย็นย่ำและค่ำนั้นหลังจากสมปองกับกนกวรรณกลับบ้านพักอาบน้ำอาบท ่าแล้วต่างคนต่างม่อยหลับไปง่ายดายด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่เป็น สุขบนบ้านพักของแต่ละคน
OOOOOOOOOOOO
ไม่ถึงเดือนพิษณุก็กลับมาอีกครั้งตอนสาย ๆ พร้อมกับรถคันใหญ่ที่ยกสูงขึ้นใหม่ เขาเปิดเพลงเสียงทุ้มกระแทกดังมาแต่ไกล ยิ่งใกล้เข้ามายิ่งก้องสะท้อนแปลกแยกกับหุบผาและป่าเขา เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านพักหลังแรกเครื่องเสียงกระหึ่มจึงสงบลงได ้ เขาขึ้นบ้านไปพบหญิงสาวที่นิ่งเงียบอยู่บนนั้น เสียงพูดคุยกันหลายประโยคแต่น้ำเสียงดูไม่แจ่มใสนัก
ครูสมปองเดินมาชะโงกหน้าถามหญิงสาว
ครูเล็กอยากได้อะไรไหมวันนี้พี่จะออกไปอำเภอกับผู้ใหญ่บ้าน
ยังหรอกค่ะ เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน ขอบคุณมากนะคะ
เมื่อสมปองเดินห่างไป พิษณุจึงเริ่มสนทนา
เล็กไม่ไปกับผม เพราะไอ้หมอนั่นใช่ไหม
ณุไม่มีสิทธิ์ว่าอะไรเขาแบบนั้นนะ และเหนืออื่นใดเล็กก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรเอง เห็นไหมคะ แค่นี้ก็พอรู้แล้วว่าในความพร้อมของณุ มันเป็นคนละอย่างกับความพร้อมของเล็ก
หญิงสาวพูดแล้วก็นิ่ง ปล่อยให้ความอึดอัดดำเนินไปตามสภาพของมัน
ขุนเขาลำเนาป่าก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง หลังจากรถเสียงดังคันนั้นจากไปแล้วในตอนเที่ยงวัน ครูสาวมีสีหน้าเหงาปนว้าวุ่น ในใจของเธอนั้นบอกไม่ถูกว่าเป็นอย่างไรแน่ เวลาผ่านไปเร็วแต่เหมือนช้านัก เย็นย่ำค่ำแล้ว ครูสมปองยังไม่กลับมา ส่วนเธอก็ยังกอดกีตาร์ตัวนั้นไม่เล่นเพลงใด ๆ