4 สิงหาคม 2547 15:28 น.

ทรัพย์ธรนินทร์ (ตอนที่2)

สุชาดา โมรา

ต่อมาไม่นานนักคุณผอบแก้วก็เกิดล้มป่วยเพราะช่วงนั้นมีโรคระบาดเกิดขึ้นจึงทำให้อำนาจของคุณผอบเสื่อมถอยลง  ภรรยาคนอื่น ๆ จึงหึกเหิมไม่กลัวเกรงอำนาจของคุณผอบ  
	"ไปตามนางรื่น  นางแดง  นางมา  และนางสายมาสิ"
	"คุณจะไปตามมาทำไมคะคุณไข่มุก"
	"ฉันสั่งก็ไป ๆ สิ"
	สักพักบ่าวทั้งสี่ก็มาถึง
	"เรียกมาทำไม"
	เสียงของบ่าวทั้งสี่ค่อนข้างก้าวร้าวเพราะถูกคุณผอบแก้วให้ท้ายอยู่ตลอดเวลา
	"เอ็งกล้าขึ้นเสียงกับข้าเหรอ...พวกแกออกมาจับมันเร็ว...!!!!"
	บ่าวหลายคนออกมาจากไหนก็ไม่รู้มากมาย  จับบ่าวทั้งสี่มัดมือมัดเท้าและขึงพืด  จากนั้นคุณผยอม  คุณไฉไล  คุณอัญชัญ  และคุณไข่มุกซึ่งรวมหัวกันก็เอาแส้มาฟาดบ่าวทั้งสี่ด้วยความสะใจ  เพราะคุณ ๆ ทั้งสี่ก็อดทนมานานแล้วเช่นกัน  คราวนี้ได้ทีจึงจัดการเสียให้กำหราบ  คุณ ๆ ทั้งสี่ฟาดไม่ยั้งมือจนเนื้อตัวแตกยับไปหมด  บ่าวทั้งสี่ร้องโอดครวญเท่าไรก็ไม่เป็นผล
	"นางอิ่มไปเอาพริกกับเกลือมาทาเนื้อที่แตกของมัน...ข้าจะดูน้ำหน้ามันสิว่าความเจ็บปวดมันเป็นอย่างไร...หึๆๆๆๆ"
	คุณไฉไลหัวเราะที่มุมปากด้วยความสะใจเพราะเธอได้แก้แค้นแล้ววันนี้หลังจากที่อดทนมาถึง 16 ปี  ถูกคุณผอบแก้วและบ่าวทั้งสี่รุมทารุณตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีเท่านั้น
	กรี๊ด.............กรี๊ด..............กรี๊ด................!!!!!!!
	เสียงร้องปวดแสบปวดร้อนดังโหยหวนตลอดเวลา  ท่านเจ้าพระยาไม่อยู่พอดีคุณ ๆ ทั้งสี่จึงจัดการบ่าวทั้งสี่อย่างสะดวก
	"ไป...ไปเอาน้ำมะนาวมาสิ"
	"เอามาทำไมคะคุณอัญชัญ"
	"มันทำอะไรกับกูมันต้องได้รับผลกรรม........!!!!  มึงอย่าถามหากมึงไม่เอามากูจักเฆี่ยนมึงเสียด้วย"
	........................
	"อย่า....อย่าทำกู....อย่า........!!!!  คุณเจ้าขาอย่าเจ้าข้าบ่าวกลัว"
	"มึงรู้จักกลัวด้วยหรือ...แต่มึงจะอ้อนวอนอย่างไรกูก็จัก...ไปอีอิ่มมึงจับขามันสิ  พวกมึงช่วยกัน....กูจักกรอกเองให้สาสม..."
	คุณอัญชัญกัดเขี้ยวเคี้ยวกรามแล้วก็เอาน้ำมะนาวกรอกลงไปที่ช่องครอดของบ่าวทั้งสี่จนหมดถัง  บ่าวทั้งสี่ร้องโอดครวญอย่างน่าสังเวชใจยิ่งนัก...
	"เอามันไปขึงไว้ที่หลังเรือนเก่าท้ายที่นั่นอย่าให้มันกลับไปหานายมันได้....!!!!"
	"จะดีหรือคะคุณพี่..."
	"นี่แม่พยอมถ้าเธอไม่กล้าก็ไปนั่นนั่นไปแล้วก็หลับไปเลยนะเดี๋ยวฉันจะไปจัดการกับอีนังผอบแก้ว  ดูซิว่ามันจะรู้สึกยังไงกับการทารุณกรรมของมัน..."
	คุณพยอมเป็นคนที่เรียบร้อยที่สุด  หัวอ่อนใครว่าอะไรก็ทำตาม  ถึงแม้ว่าเธอจะถูกคุณผอบแก้วทำร้ายอย่างไรเธอก็ไม่ได้โกรธเคืองเพราะเธอถือว่านี่เป็นกฏของบ้านทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่สมควรหรอก  คุณพยอมเธออายุน้อยที่สุดในบรรดาภรรยาของท่านเพราะเธอมีอายุเท่ากับคุณโสภีลูกสาวคนเล็กของท่าน  ความคิดของเธอค่อนข้างโบราณและยอมอ่อนข้อตลอด  แต่พวกคุณไฉไล  คุณไข่มุกและคุณอัญชัญก็รักเธอเหมือนลูกคนหนึ่งเพราะเธอเป็นคนว่าง่าย  ไม่ค่อยพูดพอสั่งอะไรก็ทำตามทุกอย่าง  อยู่ในโอวาทของพวกพี่ ๆ เสมอ  คราวนี้ถึงเธอจะรู้สึกสงสารบ่าวทั้งสี่อย่างไรแต่ถ้าคุณพี่ทั้งสามสั่งเธอก็ต้องทำ  ไม่ใช่เพราะเธอกลัวคุณทั้งสามนะแต่เธอไม่อยากมีปัญหา  พอคุณ   อัญชัญบอกว่าจะไปจัดการกับคุณผอบแก้วเธอก็รู้สึกกลัว ๆ เกรง ๆ คุณมากเพราะเธอถูกกดมานานแล้วเหมือนกันเธอจึงไม่กล้าพอ  และเธอก็ไม่ได้ไปร่วมด้วยในครั้งนี้...
	"นอนซมเชียวนะคุณพี่....!!!!"
	"แกมาทำไมบนเรือนใหญ่นี่...บ่าวอยู่ไหนหมดเอาอีพวกนี้ออกไป....ออกไป....!!!!"
	"จะเรียกเท่าไรก็ไม่มีใครมาหรอก....เพราะนี่ไง"
	คุณไฉไลลอยหน้าลอยตาพูดแล้วก็หยิบห่อกระดาษออกมา  แล้วก็ล้วงเข้าไปในห่อนั้นหยิบแท่งไม้ที่มีอยู่สามสี่แท่งออกมาให้คุณผอบแก้วดู
	"นี่แกวางยาคนของฉันเหรอ...แก....."
	"จะว่าวางยาก็ไม่เชิงหรอกคุณพี่  ก็แค่จุดแล้วก็เป่าเท่านั้นเองคุณพี่  หึ  หึ  หึ....."
	"ฉันจะฟ้องคุณพี่..."
	"ถ้าคิดว่าจะมีโอกาสได้ไปฟ้องคุณพี่ก็เอาเลย...วันนี้แม้แต่คุณโสภีลูกสาวแกก็หลับใหลไม่ได้สติอยู่นู่นไง"
	"คุณพี่คะจะทำอะไรก็รีบ ๆ ทำเถอะค่ะเดี๋ยวท่านมานะคะ"
	คุณไข่มุกพูดขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่รีบร้อน  คุณไฉไลจึงเอาน้ำมะนาวออกมา  คุณไข่มุกและคุณอัญชัญจึงจับคุณผอบแก้วขึงเอาไว้แล้วให้บ่าวอีกหลายคนช่วยจับ  จากนั้นคุณไฉไลจึงกรอกน้ำมะนาวลงในช่องครอดจนหมดเหยือก  ไม่ว่าคุณผอบแก้วจะร้องยังไงก็ไม่มีคนได้ยินเพราะเธอถูกมัดปากเอาไว้  เธอดิ้นทุรนทุรายด้วยความปวดแสบรวดร้าวจนกระทั่งสลบไป  คุณทั้งสามจึงปล่อยมือออกจากคุณผอบแก้วและจับให้นอนท่าเดิม
	"ทีนี้ก็จะได้รู้ซะทีว่าการทรมานผู้อื่นมันเป็นอย่างไร  ไปกลับกันเถอะ"				
3 สิงหาคม 2547 17:21 น.

บอกข่าว...เล่าเรื่อง

สุชาดา โมรา

1.มีนิยายเกิดใหม่หลายเรื่องนะคะ  แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่มาจากประวัติบรรพบุรุษของข้าพเจ้าเองก็ช่วย ๆ กันอ่านนิดนะคะ  ตอนนี้ต้องกั๊กไว้ก่อนนะคะ  ชื่อเรื่อง  ไพร่ฟ้า...ข้าแผ่นดิน  ค่ะ
              2.เรื่องราวหลากหลายที่อ่าน ๆ กันบางเรื่องได้ตีพิมพ์แล้วนะคะ
              3.เพื่อน ๆ ที่ส่งเมล์มาสั่งจองหนังสือก็ขอบคุณมากค่ะ
              4.เพื่อน ๆ ที่เป็นสมาชิกแฟนคลับของพี่กอล์ฟและพี่โจ้ 2 หนุ่มขาโจ๋ที่ส่งเมล์มาหาและเขียน จม.มาหานะคะ  ตอนนี้สมนาคุณด้วยการส่งหนังสือเล่มโปรดของคุณน้องไปให้ก็เตรียมรับได้นะคะ...  
              5.เพื่อน ๆ ที่ต้องการเมล์มาหาก็ p_naja@hotmail.com , p_naja@hunsa.com, p_naja@sanook.com , p_naja@chaiyo.com ,  p_naja@yahoo.com นะคะ
              6.ถ้าใครต้องการเขียนจม.มาหาก็เดี๋ยวเมล์มาก่อนนะคะแล้วจะบอกที่อยู่ให้ค่ะ
              7.พี่ ๆ ที่มาจากหรรษานะคะไม่ต้องเสียใจนะคะส่งหนังสือไปให้เหมือนกันค่ะ  แล้วก็ที่ขอรูปมาก็แนบไปให้แล้วนะคะ
             ขอขอบคุณทุก ๆ คนมากค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดนะคะ...				
3 สิงหาคม 2547 17:01 น.

เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ( ตอนที่ 12 )

สุชาดา โมรา

เฟี่ยว.....................
	เครื่องบินเคลื่อนตัวออกจากเมืองไทยไปยังประเทศที่ใกล้ ๆ อย่างฟิลิปปินล์  ฉันรู้สึกทั้งตื่นเต้นและก็กลัวการขึ้นเครื่องครั้งแรกมาก ๆ เพราะปกติฉันเป็นโรคกลัวความสูง  แต่เมื่อเครื่องบินลอยอยู่กลางอากาศฉันมองดูหมู่ละอองเมฆแล้วก็สุขใจ  มันสวยมากทีเดียว  พี่ ๆ ที่มากับฉันก็นิสัยดี  พูดคุยกับฉันตลอดเวลา  ที่จริงฉันก็เป็นคนคุยเก่งแต่เมื่อมาอยู่กับคนที่ไม่รู้จักก็ไม่กล้าคุยกับเขา  แต่พอเขามาแนะนำตัวมาชวนฉันคุยฉันก็เลยปล่อยตัวจริงของความขี้โม้ออกมาจนได้
	เมื่อเดินทางมาถึง  ครั้งแรกที่ได้เหยียบแผ่นดินใหม่ก็มีความรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที  ฉันตื่นเต้นมาก ๆ เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงทีเดียวแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้เพราะเดี๋ยวเขาจะรู้ว่าไม่ใช่คนประเทศเขา
	คนที่นี่หน้าตาเหมือนคนบ้านเรามาก  ผิวแบบเดียวกันแต่เสียอย่างเดียวคือคุยกันไม่รู้เรื่องโดยเฉพาะเวลาเขาพูดภาษาอังกฤษเรายิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่เพราะสำเนียงเขาแปลก ๆ เราต้องอาศัยล่ามซึ่งมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
	รถจากกองทัพอากาศของกรุงมนิลามารับเราถึงสนามบิน  ฉันเดินมาพร้อมสัมภาระที่น้อยนิดเพราะมีพี่ทหารคนหนึ่งถือให้หมด  เขาคงเห็นว่าฉันเป็นเด็กก็เลยถือให้...ตลอดทางที่นั่งรถผ่านตึกรามบ้านช่องก็ดูใหญ่โต  โดยเฉพาะเมื่อได้ผ่านสวนสาธารณะของที่นี่  มันช่างกว้างขวางและงดงามมาก  บ้านเรายังห่างชั้นนัก  ความสะอาดของที่นี่ดีมาก ๆ บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยดีจริง ๆ
	นั่งรถเพียงแป๊บเดียวก็มาถึงกองทัพอากาศ  ฉันได้ไปพักที่คอนโดทหารฝั่งตะวันออก  ส่วนผู้ชายอยู่ฝั่งตะวันตก  แต่ก็อยู่ภายในตึกเดียวกันซึ่งเป็นรูปตัวยู  ฉันยังตื่นเต้นไม่หายเลยที่ได้มาเหยียบกรุงมนิลา  ฉันคิดว่าฉันจะเที่ยวให้คุ้มกับเบี้ยเลี้ยงที่ได้มา 60,000 นี้ทีเดียว
	"เป็นไงตื่นเต้นไหมดาว"
	"มากเลยค่ะพี่ตุ๊ก...ที่นี่สวยนะ  ขนาดห้องพักยังสะอาดเลยแต่เสียอย่างเดียวคือแคบไปหน่อยเนาะ"
	"เอาเถอะ...ไหน ๆ ก็มาอยู่ที่นี่ถึงเดือนนึงก็ทน ๆ หน่อยละกันแล้วเราต้องไปซ้อมที่เบาะข้างล่างเขาเตรียมไว้ให้เราเหมือนเดิมแล้วละ"
	"หมายความว่าพี่เคยมาแล้วเหรอ...."
	"อืม....เมื่อ 7 ปีที่แล้วนะ"
	ฉันตื่นเต้นมากทีเดียว  อย่างน้อย ๆ ก็มีคนนำทางฉันเที่ยวได้...
	"เออต้องขยันนะเพราะถ้าเกิดสายเขามาแอบดูเขาจะได้รู้ว่าเราฟิตขนาดไหน  จริงไหม  และอีกอย่างเราจะได้ไม่เสียเที่ยวกับการที่เราฟิตซ้อมมาถึง 2 เดือนเต็ม  ไหน ๆ ก็เก็บตัวนานแล้วก็เอาให้สมหน้าสมตากับที่เขาเลือกตัวมาหน่อยจริงไหม"
	พี่ตุ๊กขยี้หัวฉันแล้วก็ไปอาบน้ำแล้วมานอน  ห้องเรานอนกัน 4 คน  เป็นเตียงสองชั้นสองเตียงทำให้ห้องดูแคบไปถนัดตาทีเดียว  พอพี่ ๆ นอนกันหมดฉันก็เลยไม่รู้จะไปคุยกับใครก็เลยเดินเซ่นซ่านลงไปข้างล่างจนไปเจอไกด์และล่ามคนที่มาด้วยกัน
	"อ้าวน้องดาวมาเดินอะไรค่ำป่านนี้แล้ว  ไม่ไปนอนเหรอ"
	"ก็นอนมาตลอดทางก็เลยไม่ง่วงค่ะ  คือหนูเหงาไม่รู้จะไปไหนดีเลยเดินลงมา"
	"งั้นพี่ว่าพี่พาน้องไปดูห้องซ้อมดีกว่านะ"
	พี่สองคนพาเดินมาที่ห้องซ้อมฉันเห็นพี่ ๆ หลายคนที่มาด้วยกันกำลังฟิตร่างกายและซ้อมกันอย่างหนักหน่วง  มีอาจารย์สุพจน์มาคุมด้วยอีกคนทำให้วิญญาณของนักยูโดในตัวฉันมันกำลังเรียกร้องที่จะไปเล่นให้ได้  ฉันยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่นานจนในที่สุดก็ต้องไปคว้าชุดยูโดที่อาจารย์เตรียมไว้ที่ล็อกเกอร์มาซ้อม
	"อ้าว  ไม่นอนเหรอ"
	"นอนไม่หลับละสิท่า  แปลกที่ละสิดาวใช่ไหม"
	ทั้งอาจารย์และพี่ติ๊ก  พี่โจ  พี่เปิ้ลและพี่ ๆ อีกหลายคนแซวฉันจนฉันรู้สึกเขิน ๆ เพราะไม่ค่อยมีผู้ชายคนไหนแซวฉันมากนักเพราะเขาเห็นฉันเป็นตัวอันตราย  แต่คราวนี้มีคนมารุมแซวก็ยิ่งทำให้ฉันเขินมากยิ่งขึ้น
	ฉันเดินขึ้นไปซ้อมทั้ง ๆ ที่เป็นผู้หญิงคนเดียว  ฉันไม่รู้จะไปจับคู่กับใครดี  ก็มีพี่ติ๊กนี่แหละที่มาเป็นคู่ซ้อมให้  แต่ก็มีพี่ทหารที่มาแข่งในคราวนี้แย่งที่จะมาเป็นคู่ซ้อมให้ฉันเหมือนกัน
	"เพื่อความสบายใจของทุกคน  ดาวจะไม่ลำเอียง  ดาวจะซ้อมกับพี่ทุกคนเข้าใจไหม"
	"แล้วจะไหวเหรอ"
	"ก็มาให้ดาวทุ่มคนละทีสิดาวถึงจะได้ไม่เหนื่อยและจะได้เล่นด้วยกันทุกคนไง"
	พี่ ๆ ทุกคนจึงเรียงแถวมาให้ฉันทุ่ม  ยิ่งทุ่มหลาย ๆ คนฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าทุ่มได้เร็วขึ้น  นี่เป็นการทำให้ฉันสปีดตัวเองให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า...  ต่อมาฉันก็เล่นแรนโดรี่กับพี่ ๆ หลายคนแต่ก็เล่นไปเหนื่อยไปเพราะพี่ ๆ เขาแกร่งมาก  ฉันไม่สามารถที่จะล้มได้สักทีมีแต่ฉันเองที่โดนทุ่มอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
	จู่ ๆ พี่อ้นก็มาซ้อมด้วย  พี่อ้นเป็นคนที่ถูกเรียกตัวมาเหมือนกัน  พี่อ้นเป็นนักศึกษาแพทย์ที่อยู่มหิดล  พี่คนนี้ฉันติดต่อกันอยู่นาน  คราวนี้ได้เล่นด้วยกันอีกครั้งแต่คราวนี้แววตาของพี่เขาเปลี่ยนไป  ดูอ่อนโยนจนฉันรู้สึกได้ว่านี่เป็นอาการของคนที่เจ้าชู้และมีใจให้กัน  พอเขาเข้ามาโอบเอ็วเตรียมทุ่มนั้นสายตามันหยาดเยิ้มจนฉันรู้สึกรำคาญ  ยิ่งเขาพยายามเข้ามาใกล้ ๆ ก็ดูเหมือนคนที่จะมาลวนลามมากว่า  ในที่สุดฉันก็เลยโมโหและทุ่มได้ในที่สุดด้วยท่าอาราอิ-โกชิ
	"อิปโป้ง.........!!!"
	"เฮ................!!!!"
	เสียงพี่ ๆ ปรบมือกันเกรียวกราว  ฉันรู้สึกดีใจที่ชนะเขาได้อีกครั้งและฉันก็ไปเล่นกับคนอื่นต่อ  นี่ถ้าขืนฉันยังไม่ชนะพี่อ้นมีหวังถูกแทะโลมตายเลย
	เหนื่อยมากเลยรู้สึกเพลีย ๆ ก็เลยไปทานอาหารกับอาจารย์และพี่ ๆ ที่ร้านอาหารไทยของที่นั่นแล้วก็กลับมาอาบน้ำนอน  รู้สึกอ่อนเพลียมากทีเดียวพอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายเลย...				
3 สิงหาคม 2547 16:56 น.

เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ( ตอนที่ 11 )

สุชาดา โมรา

ถึงลพบุรีเสียทีกับการเดินทางที่แสนจะนาน  ฉันกลับมาพร้อมกับของฝากเอามาฝากแม่และครอบครัวและบางส่วนก็เอามาฝากพี่ ๆ หลายคนที่ไม่ได้ไป  ข่าวดีที่กลับมาคือพี่ทิพย์ได้ไปแข่งทีมชาติ  พี่เจี๊ยบก็เช่นเดียวกัน  พี่โอมและพี่เต้ก็ได้ไป  ที่เหลือ 19 คนไม่ได้ไป  ทุกคนที่เบาะดีใจกันมากและฉลองกันที่บ้านพี่เต้  แต่ฉันไม่ได้ไปหรอกเพราะแม่ไม่อนุญาติ  แม่ว่าฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะไปฉลองกับพวกโต ๆ แม่คงกลัวว่าฉันจะดื่มเหล้า  แต่แม่ก็น่าจะรู้นะว่าลูกไม่เคยดื่มแล้วจะดื่มได้ยังไง
	ฉันกลับมาเรียนตามปกติเมื่อสอบปลายภาคเสร็จแม่ก็พาเข้ากรุงเทพฯไปซื้อหนังสือให้  เป็นหนังสือที่ฉันเลือกอ่านตามใจชอบ  แม่บอกว่าเป็นรางวัลที่เหน็ดเหนื่อยมานานกับการเรียนการแข่ง  แม่ดีใจที่ฉันกลับมาอย่างไม่มีรอยพกช้ำดำเขียว  แต่แม่ก็ไม่รู้หรอกว่าต้นขาและหน้าอกของลูกเขียวหลังจากที่ไปแข่งมาเพราะลูกใส่เสื้อผ้าอย่างมิดชิดจนแม่ไม่อาจจะรู้ได้...
	หลังจากนั้น 70 วันก็เปิดเทอมและทางกองทัพอากาศก็มีคำสั่งให้ฉันไปลงชื่อสมัครแข่ง   ระดับอาเซี่ยนที่ประเทศฟิลิปปินล์อย่างไม่คาดฝัน  เป็นที่ฮือฮากับวงการยูโดที่ลพบุรีมาก  อาจารย์ทุกคนจึงมารุมเทรนฉันเป็นพิเศษ  ฉันรู้ตัวว่าต้องไปอยู่ต่างประเทศถึง 1 เดือน  และที่เหลืออีกสองเดือนก็ต้องเก็บตัว  ฉันรู้สึกไม่อยากไปแต่มันเป็นคำสั่งยังไง ๆ ก็ต้องไปอยู่วันยังค่ำถ้าไม่ไปสิเป็นเรื่องแน่ ๆ  ทางกองทัพอากาศมีกำหนดการและหมายขอร้องทางโรงเรียนว่าฉันต้องไปแข่งและตอนนี้เหมี่ยวได้เป็นหัวหน้าห้อง  ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ แต่ก็ต้องไป  ฉันรู้สึกกลัว ๆ ว่าเหตุการณ์เกี่ยวกับการเรียนมันจะไม่ราบรื่นเสียแล้ว...
	ฉันออกมาจากสมาคมเพื่อที่จะไปขึ้นรถกลับบ้านอย่างทุกวัน  สิ่งที่ฉันมองเห็นข้างหน้าคือพี่ดอนกำลังยืนทะเลาะกับผู้หยิงคนหนึ่ง...  พี่ดอนกลับมาตั้งแต่เมื่อไรกันนะทำไมฉันถึงไม่รู้เลย  เมื่อฉันเดินไปใกล้ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็จ้องหน้าฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
	"นี่แกรู้ไหมว่าดอนเป็นแฟนฉัน"
	ฉันอึ้งไม่ได้พูดอะไรแต่พี่ดอนหันมามองฉันด้วยความตกใจ
	"ดาว....!!!"
	พี่ดอนถึงกับพูดเสียงหลงทีเดียว
	"นี่เธอคงใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกพี่ดอนใช่ไหม  เขาแก่กว่าเธอถึง 7 ปีเธอกลับชิงเขาไป  เธอนี่มันเด็กอะไรกันร้ายกาจที่สุด"
	ฉันรู้สึกโมโหจริง ๆ ที่จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มายืนด่าทอฉันจึงระเบิดออกมาบ้าง
	"หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ....!!!  ฉันไปทำอะไรให้พี่ถึงมาว่าฉัน"
	"แกแย่งพี่ดอนไป"
	"ใครเขาอยากจะแย่งเอา  อยากได้นักก็เอาไปแล้วรักษาดี ๆ ล่ะอย่ามาตู่กันว่าคนนั้นแย่งคนนี้แย่ง  น่ารำคาญ"
	ฉันผลักพี่ดอนไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เดินออกมาพี่ดอนก็เลยวิ่งตามฉันมา
	"ดาว...รอด้วย  ดาว...."
	พี่โอมมาพอดีฉันจึงโบกรถพี่โอมแล้วนั่งซ้อนท้านไป  พี่ดอนก็เลยนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามมา  รถทั้งคู่ขับแรงมากถนนก็ว่างพี่ดอนก็ตะโกนมาตลอด
	"โอม...จอดรถเดี๋ยวนี้  โอม...!!!!"
	"พี่โอมอย่าจอด...!!!"
	ฉันตะโกนไปบ้างพี่โอมก็เลยเร่งเครื่องให้แรงไปอีก
	"ดาวจะไปไหน..."
	"ขับไปเรื่อย ๆ ก่อนนะ"
	รถทั้งคู่ขับมาอย่างเร็วพี่ดอนก็พยายามจะเบียดมาเมื่ฉันเห็นซอยก็เลยให้พี่โอมขับเข้าซอยไปส่วนพี่ดอนก็เลยซอยไป  ฉันไม่รู้หรอกว่าซอยนี้ไปไหน  แต่พี่โอมซอกแซกจนออกมาจากซอยได้และก็พามาส่งที่หน้าบ้าน
	"มีเรื่องอะไรกันเหรอ..."
	"ไม่มีอะไรหรอกแค่แฟนพี่ดอนเขามาด่าหาว่าดาวแย่งพี่ดอนมาก็เท่านั้น"
	"พี่บอกแล้วว่าไอ้นี่มันเจ้าชู้ก็ไม่เชื่อพี่...เห็นไหมเป็นไง  อย่าคิดมากนะ"
	"ไม่คิดมาหรอกเพราะดาวก็ไม่ได้ชอบพี่ดอนมากขนาดนั้น  จริง ๆ แล้วดาวยังชอบพี่นัทอยู่ต่างหากล่ะ  ดาวไม่เสียใจหรอดพี่โอมไม่ต้องเป็นห่วง"
	ฉันยิ้มแล้วก็เดินเข้าบ้านไปพี่โอมก็เลยขับรถออกไป...  ฉันไม่อยากให้เรื่องชู้สาวมาเกิดขึ้นกับฉันเลย  ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนดวงซวยจริง ๆ ที่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้  ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ไม่รู้จะวางตัวยังไงดีคนพวกนี้ถึงจะเลิกยุ่งกับฉันซะที  หรือว่าจะไม่มีแฟนดี  เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วฉันก้เลยตัดสินใจครองโสตดีกว่าอย่าไปมีเลยฟงแฟนอะไรเนี่ย
	วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เลิกเรียนฉันก็เข้ามาในสมาคมฯ  ฉันเห็นหน้าของพี่โอมบวมช้ำก็รู้ทันทีว่าพี่ดอนแน่ ๆ ที่ทำแบบนี้
	"พี่โอมเป็นไงบ้าง...ไม่ต้องพูดหรอกดาวรู้ว่าใครเดี๋ยวดาวจัดการให้"
	ฉันเดินมาที่ห้องแต่งตัวผู้ชายแล้วก็ยืนรอพี่ดอนอยู่ข้างนอกจนพี่ดอนเดินออกมาจากห้องฉันก็เลยกระชากคอเสื้อทันที  ฉันทุ่มพี่ดอนโดยที่เขาไม่ได้ตั้งตัวเลย  หลังเขากระแทกกับพื้นปูนดังแอ๊กทีเดียว  ฉันรู้ว่าเขาจุก  แต่ตอนนั้นเลือดมันขึ้นหน้าจริง ๆ
	"ลุกขึ้นมา  บอกให้ลุกขึ้นมายังไงล่ะ"
	ฉันตะคอกสุดเสียงพร้อมกับฉุดให้ลุกขึ้นมา
	"อะไรดาว  พี่ไม่รู้เรื่องทำอะไรเนี่ย"
	"ไม่ต้องมาพูดท่านู้นท่านี้เลยพี่ดอนไปทำร้ายพี่โอมทำไม"
	"อ๋อ...ก็เมื่อวาน..."
	"ไม่ต้องพูดเลยเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า  ไปขอโทษเดี๋ยวนี้เมื่อวานพี่โอมเขาไม่ได้ทำอะไรเลยดาวบังคับเขาเอง  อยากต่อยมาต่อยดาวนี่  แล้วพี่มีแฟนแล้วทำไมไม่บอกมาหลอกกันอย่างนี้มันสนุกนักเหรอ  เราเลิกกัน  กลับไปหาแฟนพี่เถอะ"
	ฉันพูดด้วยอารมณ์โมโหแล้วก็เดินไปซ้อมต่อ  ฉันรู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำแบบนั้นกับพี่ดอนแต่มันก็สาสมกับความผิดของเขาแล้วละที่เขาทำแบบนั้นกับเพื่อน  ฉันรู้สึกสงสารพี่โอมเหมือนกันที่ถูกต่อยซะหน้าตาบวมขนาดนี้  ที่จริงฉันก็รู้ว่าพี่โอมก็ชอบฉันเหมือนกัน  รวมทั้งหลาย ๆ คนในสมาคมฯด้วยเพราะทั้งเบาะก็มีผู้หญิงอยู่แค่ไม่กี่คน  คนที่สวยก็มีพี่เจี๊ยบแต่พี่เจี๊ยบมีแฟนแล้วและเขาก็เป็นคู่หมั้นกันกับดีเจชื่อดัง  ก็จะเหลือฉันที่หน้าตาพอดูได้ทั้งเบาะ  และดูเป็นผู้หญิงด้วย  ส่วนคนอื่น ๆ ก็หุ่นห้าวเหมือนนักเลงและตัวใหญ่จึงไม่มีใครสนใจพวกเขา
	อาจารย์เรียกพี่ดอนและพี่โอมไปสอบสวน  ฉันไม่รู้หรอกว่าอาจารย์คุยอะไรกับพี่ทั้งสองคน  แต่ฉันรู้เพียงแต่หลังจากที่อาจารย์เรียกไปแล้วพี่ทั้งสองคนก็คุยกันและก็ดีกัน  ฉันว่าอาจารย์นิพนธ์ต้องเรียกพี่เขาไปไก่เกี่ยแน่ ๆ เลย
	ฉันตั้งใจซ้อมอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพื่อที่จะไปแข่งในอีกไม่กี่เดือนนี้  ฉันรู้สึกว่าหมดห่วงหมดกังวลกับการมีแฟนเพราะฉันมีอิสระในการทำอะไรหลาย ๆ อย่าง  ไม่จำเป้นต้องมาแคร์ความรู้สึกของคนอื่น  ก่อนจะไปกองทัพอากาศอาจารย์ดนัยจึงอยากให้ฉันได้สายน้ำตาลก่อนไป  อาจารย์จึงให้เปิดแข่งเป็นการภายใน  ให้ฉันล้มคู่ต่อสู้สายฟ้าด้วยกันถึง 5 คนเพื่อที่จะเป็นสะพานในการไปแข่งครั้งนี้
	"ฮาจิเมะ...!!!"
	เสียงกรรมการบอกให้เริ่มต้น  ฉันเดินหาจังหวะคู่ต่อสู้จนพบและเข้าท่าทุ่มทันทีด้วยท่าโมโนเตะ-เซโออินาเงะทันที  ฉันรู้ว่าคนพวกนี้ยอมให้ฉันเหยียบสะพานไปเพราะต้องการให้ฉันกู้หน้าหลังจากที่ไปแข่งชิงตัวประเทศระดับเยาวชนมาแพ้ก็เลยฝากความหวังไว้ที่ฉัน  ฉันจึงผ่านการคัดสายมาได้โดยง่าย  ต้องขอขอบคุณพี่ ๆ สายฟ้าทุกคนจริง ๆ ที่ช่วยฉันในครั้งนี้
	"ครูขอประกาศให้นางสาวแววดาว  เมธาธิพญา  ได้สายน้ำตาลด้วยการชนะคู่ต่อสู้ภายในระยะเวลา 150 วินาทีต่อ 5 คน"
	อาจารย์ลงบันทึกสถิติให้แต่นั่นก็ไม่ทำให้ฉันพอใจขึ้นมาหรอกเพราะมันได้สายมาง่ายจนเกินไป  ฉันต้องการแข่งให้คู่ต่อสู้ทัดเทียมกันมากกว่านี้  ไม่ใช่ยอมกันง่าย ๆ แต่ยังไง ๆ มันก็แข่งไปแล้วนี่ได้ประกาศฯมาแล้วนี่ก็ต้องไปตัดสายยูโดใหม่แล้วก็ต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะเราไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามกรรมการและอาจารย์ระดับทีชาติอย่างนี้ได้  เมื่อโอกาสมาถึงเราก็ควรจะคว้ามันเอาไว้

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ.......				
3 สิงหาคม 2547 16:53 น.

เรือใบไม้

สุชาดา โมรา

ครูเปรียบเหมือนเรือจ้าง.............
แม่เปรียบเหมือนเชื้อเพลิงที่เติมฝันให้ลูกได้ศึกษา
เราคือเรื่องราวของความสำเร็จในวันข้างหน้า  คือสิ่งที่ยังคงบันทึกเรื่องราวทุก ๆ วินาทีที่เก็บไว้ในใจและความรู้สึก...ดี ๆ ที่มีให้แก่แม่  ไม่ว่าจะแม่คนแรกหรือแม่คนที่สอง  เราก็เก็บเกี่ยวเรื่องราวดี ๆ เอามาถักทอเป็นเรื่องราวดี ๆ เป็นความกตัญญูที่มีให้ท่าน  นั่นคือการศึกษาเล่าเรียน  ท่านจะพอใจเมื่อเห็นเราตั้งใจและทำในสิ่งที่ดี ๆ เป็นที่ภาคภูมิใจแก่ท่าน
          ท่านไม่ได้ต้องการให้เราเก่ง  แต่ท่านต้องการเห็นเรามีอนาคตที่ดี ๆ ตลอดไป  ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเถอค่ะ  สร้างฝันให้เรือทั้งสองลำที่เทียบท่ารอเรานั้นพาเราไปถึงฝั่ง  จากนั้นเราก็กลับมาตอบแทนคุณท่านเถิด.......				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา