4 สิงหาคม 2547 16:42 น.

สมดุล(ตอนที่2เสนอเป็นตอนจบค่ะ)

สุชาดา โมรา

ไอ้สมชายยังไม่ตาย...ผมไม่ได้ฆ่ามันอย่างที่คิดไว้ โชคยังดีที่สติกลับมาหาผมได้ทันเวลา และผมก็ไม่ได้พามันไปปล่อยที่วัดแต่อย่างใด เพราะพ่อเกิดเปลี่ยนใจกะทันหันตามคำแนะนำของหมอ เท่าที่ผมทำจึงมีเพียงขับรถพามันไปส่งที่ร้านหมอให้เขาจัดการทำ หมันและตัดเขี้ยวมันทิ้งซะ หมอบอกว่า นั่นน่าจะช่วยทำให้มันดุน้อยลงได้บ้าง ส่วนไอ้ดอลี่หมอช่วยเอาไว้ได้ทันรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ลูกในท้องทั้งห้าตัวของมันตายหมด...เป็นอันว่าเรื่องแรกจบลงเพียงแค่นั้น...แต่ยัง...วันที่เลวร้ายของผมยังไม่จบลงเพียงแค่นี้
ตกบ่ายผมมีนัดที่จะต้องไปสอบใบขับขี่รถยนต์ภาคปฏิบัติ มันเป็นการสอบแก้ตัวครั้งที่สอง อันที่จริงผมก็เคยขับรถยนต์มาหลายปีแล้วโดยที่ไม่มีใบขับขี่ ใช่ ผมรู้ดีว่ามันผิดกฎหมายและไม่ใช่สิ่งที่สมควรกระทำ แต่ที่ผมทำไปอย่างนั้นก็ด้วยความที่ผมมีประสบการณ์ไม่สู้จะดีนั กกับการสอบใบขับขี่มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ก็ตามที แต่ในที่สุดผมก็จำเป็นต้องไปสอบด้วยเป็นคำสั่งของพ่อ อีกอย่างหนึ่งการขับรถในกรุงเทพฯ นั้น ต่อให้เราจะขับรถดีแค่ไหน ไม่เคยทำผิดกฎจราจรหรือไม่เคยเฉี่ยวชนใครเลยก็ตามที แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่มาชนเรา และถ้าหากเกิดเหตุอย่างนั้นขึ้นจริง ตำรวจขอดูใบขับขี่ ถ้าหากว่าไม่มี คนที่จะตกที่นั่งลำบากก็คือตัวเราเอง แม้ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม
สี่วันก่อนผมตื่นแต่เช้ารีบอาบน้ำ - แต่งตัวออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงดี เพื่อจะไปเข้าคิวรอสอบใบขับขี่ ตั้งใจว่าจะทำเรื่องให้แล้วเสร็จภายในวันเดียวทั้งสอบข้อเขียนแ ละภาคปฏิบัติ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาหลายๆ เที่ยว ผมไปถึงตอนเกือบจะแปดโมง รีบลงจากรถตรงดิ่งไปยังอาคารที่ทำการเพื่อยื่นเรื่องขอสอบ ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเอง ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาประกบข้าง เขาพูดกับผมเบาๆ ว่า
มาทำอะไรครับพี่ ดูจากการแต่งกาย ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาเป็นพวกหน้าม้า 
มาสอบใบขับขี่ครับ ผมตอบไปตามจริง
รถยนต์หรือมอไซค์พี่ เขาซัก
รถยนต์
สนใจไหมพี่ เขาเริ่มยื่นข้อเสนอ
............. ผมนิ่งเงียบรอดูท่าที อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป
พันหกเองพี่ ในที่สุดเขาก็เปิดการขาย
ต้องขับไหม ผมลองถามเล่นๆ หยั่งเชิงดูอย่างนั้นเอง
ต้องขับสิครับพี่ เขาตอบกลับมา ผมหัวเราะในลำคอนิดหนึ่งก่อนตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพแล้วเดินจากม า อันที่จริงเรื่องอย่างนี้ก็รู้ๆ กันดีอยู่แล้ว ผมจึงไม่แปลกใจอะไร จะสะดุดอยู่บ้างก็ตรงที่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทุกวันนี้ ราคา มันแพงถึงขนาดนั้นแล้ว...
การสอบข้อเขียนในรอบเช้าผ่านไปได้ด้วยดี ผมโชคดีที่ไม่ต้องไปนั่งฟังอบรมอีกครั้งเพราะเคยฟังมาแล้วตอนที ่สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ สิบโมงกว่าผมก็มายื่นเอกสารที่สนามสอบภาคปฏิบัติ พร้อมกับรับบัตรคิวเพื่อรอสอบ แต่คราวนี้โชคร้ายมีคนมารอสอบเยอะมาก กว่าผมจะได้สอบขับจริงก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง ก่อนจะสอบผมยืนอ่านบอร์ดที่เขาจัดไว้ให้ ศึกษาถึงท่าต่างๆ ที่ใช้ในการทดสอบ ผมอ่านแล้วอ่านอีกจนจำได้ขึ้นใจ ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าต้องทำได้ไม่เห็นจะมีอะไรยากเย็นหนั กหนา จะยากอยู่บ้างก็ตรงที่ต้องถอยรถเข้าจอดในซองด้านซ้ายมือ โดยกำหนดไว้ว่าผู้ขับจะเข้าเกียร์ได้ไม่เกินเจ็ดครั้ง ซึ่งการสอบท่านี้เพิ่งจะเปลี่ยนกฎกติกาใหม่ให้ยากขึ้นเมื่อไม่ก ี่วันที่แล้วนี้เอง ด้วยเหตุผลที่ว่าท่าดังกล่าวเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจร ิงอยู่บ่อยครั้ง ผมนึกสงสัยอยู่ในใจเหมือนกันว่าทำไมถึงจะต้องกำหนดให้เข้าเกียร ์ได้ไม่เกิน 7 ครั้งด้วย ทั้งที่ในชีวิตจริงเวลาที่ถอยรถเข้าจอด สิ่งที่สำคัญที่สุดมันไม่น่าจะใช่ว่าคนขับจะเข้าเกียร์กี่ครั้ง จะสิบครั้งหรือยี่สิบครั้งก็ไม่เห็นจะเป็นไร สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าถอยรถเข้าจอดได้โดยไม่ไปชนรถของคนอื่นเข าเป็นพอ ผมได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังมั่นใจว่าตัวเองต้องทำได้แน่นอน
ถึงเวลาสอบผมขับรถเข้าสนามทำทุกอย่างตามที่ได้วางแผนไว้ แม้มันจะไม่ได้เหมือนอย่างที่ใจหวังแต่ผมก็ถอยรถเข้าจอดได้เรีย บร้อยดีไม่ชนอะไร โดยเข้าเกียร์ไปทั้งหมดหกครั้ง พอเสร็จผมก็กดกระจกลงยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเซ็น คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แต่เขากลับบอกผมอย่างหน้าตายว่าผมเข้าเกียร์เกิน เขาว่าตอนที่ผมถอยเข้าจอดจนเสร็จเรียบร้อยนั้น ผมใช้เกียร์ไปเจ็ดครั้ง รวมทั้งตอนที่เอารถออกจากซองเป็นแปดถือว่าเกิน ตีความตามที่เขาพูดนั่นหมายความว่าที่บอร์ดระบุไว้ว่าใช้เกียร์ ได้ไม่เกินเจ็ดครั้งนั้นรวมถึงตอนที่ต้องเอารถออกจากซองด้วย ซึ่งในจุดนี้ไม่ได้อธิบายไว้ในเนื้อหาของบอร์ดแต่อย่างใดเลย ไม่ว่าใครอ่านก็ต้องเข้าใจเหมือนผมอย่างแน่นอน
ผมเริ่มโกรธที่ตัวเองถูกโกงอย่างหน้าด้านๆ จากคนที่มีอำนาจ คนที่ถือปากกาอยู่ในมือ คนที่ผมต้อง ง้อ ลายเซ็นของมัน ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะนอกจากเขาจะโกงโดยการนับจำนวนครั้งที่ผมเข้าเกียร์ผิดแล้ว เขายังโกงผมด้วยกฎบ้าๆ ที่พยายามทำให้มันคลุมเครือเข้าไว้นั่นอีก ผมได้แต่ข่มความโกรธเอาไว้ข้างในเพราะหากวู่วามไปคงมีแต่เสียกั บเสีย ผมขับรถออกมาจากจุดนั้นเข้าสอบอีกสองท่าที่เหลือ คือจอดรถเทียบฟุตบาทกับเดินหน้าถอยหลังในทางตรง ทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดี ก่อนที่ผมจะขับออกมายังลานจอดรถ นั่งอยู่เงียบๆ เพื่อสงบสติอารมณ์...
ไอ้เอี้ยเอ๊ย !...ผมตะโกนออกมาดังลั่นรถ โกรธที่ตัวเองไม่สามารถจัดการอะไรได้กับความอยุติธรรมตรงหน้า ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดของระบบหรือของตัวบุคคล รู้แต่ว่าผมรับไม่ได้กับเรื่องงี่เง่านี้ ประเทศชาติจะเจริญได้ยังไง ถ้าหากแค่เรื่องเล็กๆ อย่างการสอบใบขับขี่ยังเป็นอย่างนี้ จะไปหวังให้ระดับมหภาคเจริญก้าวหน้าได้อย่างไรถ้าหากในระดับจุล ภาคยังไม่มีการพัฒนาอยู่อย่างนี้ นักการเมืองคอร์รัปชั่นกันในเชิงนโยบาย พวกปลายแถวก็คอยตอดเล็กตอดน้อยอยู่แบบนี้ ส่วยทางหลวงเอย ส่วยบ่อนเอย อันที่จริงผมควรจะชินได้แล้วเพราะครั้งที่ผมมาสอบใบขับขี่มอเตอ ร์ไซค์ผมก็เจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันอย่างนี้ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้สักที...ฝันไปเถอะมึงว่าจะได้เงินจากคนอย่างกู ไม่มีทางเสียล่ะ กูจะไม่ยอมเห็นแก่ความสะดวกสบายตรงหน้า แล้วปล่อยให้ตัวเองเข้าไปเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งในวงจรอุบาทว์นี้ เป็นอันขาด...ผมได้แต่ระบายความเกรี้ยวกราดอยู่ข้างใน แต่ไหนๆ ผมก็อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาถึงที่นี้แล้วจึงตัดสินใจเข้าคิวสอบแ ก้ตัวดูอีกที ตอนเห็นหน้าเจ้าหน้าที่คนนั้น ผมจินตนาการไปว่าเห็นภาพตัวเองลงไปกระโดดชกหน้ามัน หยิบแป๊ปเหล็กที่อยู่ใกล้ๆ ฟาดเข้าที่กกหู แล้วกระทืบซ้ำจนมันนอนจมกองเลือดอยู่ใต้ฝ่าตีนแล้ววันนั้นผมก็ สอบตกไปตามความคาดหมายด้วยเหตุที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธเอา ไว้ได้นั่นเอง
บ่ายวันนี้ก่อนออกจากบ้านพ่อผมยังบอกว่า ให้ๆ มันไปเถอะลูกไม่กี่ตังค์เองจะได้จบๆ กันไปซะที แล้วพ่อจะออกตังค์ให้เอง ถ้อยคำของพ่อยังดังก้องอยู่ในหัว...มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกลูก...ผมคิดทบทวนถึงมันขณะที่กำลังนั่งอยู่ในรถ ต่อแถวรอคิวเพื่อจะสอบแก้ตัวครั้งที่สอง ผมนึกไปถึงคำพูดประโยคหนึ่งจากหนังเกรดบีห่วยๆ ที่ได้ดูเมื่อคืนนี้ มันเป็นตอนที่พ่อของนางเอกพูดสอนนางเอกก่อนที่เขาจะตายไป ประโยคนั้นบอกว่า เราต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับความโกรธโดยปราศจากความรุนแรง มิเช่นนั้นแล้วมันก็จะควบคุมเราตลอดไปโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ...
ในที่สุดผมก็สอบผ่านมาได้อย่างสบายๆ ด้วยการเข้าเกียร์เพียงสี่ครั้งเท่านั้น แต่ก็ยังไม่วายที่เจ้าหน้าที่จะหาเรื่องเอากับผม เขาเกือบจะไม่ให้ผมผ่านด้วยข้อหาที่ว่าผมไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภั ยตอนสอบและเปิดเพลงฟังตอนขับรถ พอเจอผมโวยเข้าให้ว่าไม่เห็นจะมีใครคาดเข็มขัดกันเลยสักคนในสนา มสอบ อีกทั้งรถที่ให้บริการเช่าเพื่อใช้สอบนั้นไม่มีเข็มขัดนิรภัยด้ วยซ้ำไป เขาจึงรีบเซ็นให้ผมสอบผ่าน สุดท้ายผมจึงได้ใบขับขี่มาไว้ในมือเป็นผลสำเร็จโดยไม่ต้องเสียต ังค์นอกระบบเลยสักบาท
ตอนนี้ผมกำลังนั่งจิบเบียร์เย็นๆ อยู่คนเดียวที่ท่าน้ำเกียกกาย มองดูทิวทัศน์ คิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ ผมเพิ่งผ่านพ้นวันที่เลวร้ายมาหยกๆ อันที่จริงผมควรจะดีใจกับความสำเร็จของตัวเอง ใบขับขี่ การระงับความโกรธ ดอลี่ยังไม่ตาย แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น ทัศนียภาพกับเบียร์เย็นๆ ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ผมกำลังกังวลใจกับความเหลวแหลกของระบบ หรือว่ามันอาจจะเป็นความล้มเหลวของคุณธรรม ศีล-ธรรม จริยธรรมในจิตใจคน ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ คิดอยู่ว่าจะเขียนจดหมายไปยังรายการ ถอดรหัส ของช่องไอทีวี แนะนำให้มาแอบถ่ายกระบวนการนี้ไปออกอากาศ หวังอยู่ว่าจะได้เห็นผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ออกมาทำอะไรเสี ยบ้างเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น ผมว่าเรื่องนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อคนทั่วๆ ไปมากกว่าเรื่อง ส่วยทางหลวง นั่นเสียอีก
ขณะที่ผมกำลังใช้ความคิดอยู่นั่นเอง ภาพนกสามสี่ตัวตรงหน้ากางปีกถลาบินอยู่บนฟ้า ก็ทำให้ผมคิดอะไรได้บางอย่าง มันค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีละนิดๆ แต่ทันใดนั้นเอง หูของผมพลันได้ยินเสียงบางอย่างที่ฟังดูคุ้นเคยแว่วมาแต่ไกลทาง ขวามือ มันดังว่า
...ตือ ตื๊อ ดืด...ตืออออ์ ตื๊ออออ์ ดืดดดด์...ตือ ดื๊ด ตื่อ ดื่ด ตือ ดื๊ด ตืออออ์
ผมหันไปดู แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง มันคือเสียงของไอติมวอลล์นั่นเอง แต่คราวนี้มันไม่ได้มากับรถถีบ มันมากับเรือ ! ผมไม่แปลกใจเลยหากคุณจะไม่เชื่อ นี่ถ้าใครมาเล่าให้ฟังผมเองก็คงไม่เชื่อ ขนาดเห็นกับตาตัวเองผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย ใครเล่าจะรู้บ้างว่าประเทศไทยมีเรือขายไอติมวอลล์ด้วย แต่ภาพเรือสีขาวปลอดตัดกับสัญลักษณ์รูปหัวใจสีแดงเหลือง คือหลักฐานที่ยืนยันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งพนักงานขายในชุดขาวนั่นก็ด้วย ผมเผลอระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง ไม่ลังเลใจที่จะตะโกนเรียก
ไอติม...ไอติมจอดก่อนพี่
รับอะไรดีครับ 
วอลล์โซเรลโล่อันนึงพี่ 
ผมเปิดฝาสีเขียวสดให้อ้าออก ก่อนยกขึ้นจ่อปากกรอกเม็ดกลมๆ เล็กๆ สีเขียวเข้าปาก...ความรู้สึกเย็นซ่า หวานอมเปรี้ยว แผ่ไปทั่วปลายประสาทสัมผัสจากโคนสู่ปลายลิ้น ความสดชื่นแผ่ไปทั่วสรรพางค์กาย...ผมหลับตาพริ้มลิ้มรสอร่อยอย่ างมีความสุข อย่างน้อยในตอนนี้ ผมก็รู้แล้วว่าจะแสวงหาความ สมดุล แห่งชีวิตได้จากที่ไหนดี.				
4 สิงหาคม 2547 16:40 น.

สมดุล(ตอนที่1)

สุชาดา โมรา

ปลาสวายตัวเขื่องฝูงใหญ่ผลัดกันดำผุดดำว่ายขึ้นมาแย่งกินอาหารท ี่มีผู้ใจบุญคอยโยนให้ สะพานพระรามแปดแขวนตัวอยู่ทางซ้ายมือไม่ไกลนัก หากแต่คงใกล้เพียงตาแต่ไกลตีน มีพระอาทิตย์เป็นฉากหลังกำลังทิ้งตัวดิ่งลงอย่างช้าๆ ลำแสงอ่อนจางอาบไล้ไปทั่วทุกสารทิศ ทั้งบนราวสะพาน ตามเหลี่ยมมุมตึกสูงระฟ้าต่างๆ และบนใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังยืนรอเรือโดยสารลำต่อไป หล่อนยกมือขึ้นป้องบังแสงหยีตาหลบแดด ฝูงนกหลากสายพันธุ์พากันบินตัดผืนฟ้าไปมาอย่างร่าเริงมีชีวิตชี วา ผมนั่งดูวิถีชีวิตของผู้คน การสัญจรทางน้ำ-อีกทางเลือกหนึ่งของลมหายใจแห่งเมืองใหญ่ สังเกตลักษณาการที่เป็นไปเหมือนอย่างเคย 
แต่ในวันนี้ภาพทิวทัศน์อันงดงาม สายลมบางเบากับแก้วเบียร์เย็นๆ ในมือกลับไม่ช่วยทำให้จิตใจอันขุ่นขึ้งหมองมัวของผมรู้สึกดีขึ้ นได้บ้างเลย...เพราะผมเพิ่งพานพบกับวันที่เลวร้ายมาอีกวัน...วันที่เลวร้าย...เชื่อแน่ว่าหลายๆ คน คงจะต้องเคยเจอกับวันที่เลวร้ายเหมือนอย่างผม ชั่วชีวิตของคนๆ หนึ่งไม่ว่าจะยากดีมีจนหรือรวยล้นฟ้า ย่อมจะต้องเคยเจอกับวันแบบนี้บ้างไม่มากก็น้อย สำหรับผมแล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เป็นอย่างนั้น เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นจาก...
เมื่อเช้านี้ ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกปลุกตั้งแต่ยังไม่แปด โมงเช้าดี ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุด แต่ผมก็จำเป็นต้องตื่นเพราะต้องขับรถพาช่างที่มาทำบ้านไปซื้อขอ ง ผมยังนอนไม่เต็มตาดีจึงละจากเตียงมาด้วยความงัวเงีย เดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัว ก่อนคว้ากุญแจรถเดินออกมาหน้าบ้าน ช่างยืนรออยู่ก่อนแล้ว ผมเห็นพี่สาวกำลังอาบน้ำให้หมาอยู่ ที่บ้านผมเลี้ยงหมาไว้เกือบสามสิบตัว นกอีกสี่ ห่านอีกสอง กับไก่และปลาที่ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอยู่ทั้งหมดกี่ตัว หมาที่พี่ผมกำลังอาบน้ำให้อยู่นั้นเป็นตัวที่ดุที่สุดในบ้าน มันเคยกัดหมาตัวเล็กๆ ที่บ้านผมตายไปแล้วสามตัวกับนกอีกสอง ภาพลูกหมาตัวเล็กๆ เลือดอาบโทรมกาย นอนหายใจพะงาบๆ ต่อสู้ดิ้นรนจากความตาย ก่อนที่ลมหายใจจะค่อยๆ ระรินไปอย่างช้าๆ ในอ้อมอกของผมยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ 
ผมเคยบอกพ่อว่าควรจะพามันไปหาหมอ แล้วให้หมอฉีดยาให้มันตายไปอย่างสงบ จะดีกว่าปล่อยไว้ให้เสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตสัตว์ตัวอื่นๆ ภายในบ้าน แต่พ่อก็ไม่ยอมเพราะสงสาร ร่ำๆ จะให้เอาไปปล่อยที่วัดก็หลายทีติดอยู่ตรงที่ยังมีความละอายแก่ใ จ เพราะเท่ากับเป็นการปัดสวะให้พ้นหน้าบ้านตัวเท่านั้น และผมเองก็ไม่เห็นด้วยนัก ผมเห็นพี่สาวอาบน้ำให้มันโดยไม่ได้ล่ามโซ่ไว้ เพียงแต่ใส่ตระกร้อครอบปาก อีกทั้งหมาตัวเล็กๆ ก็ยังไม่ได้จับขังกรง รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงทักเธอว่าแน่ใจแล้วหรือว่าตระกร้อครอบปากจะเอาอยู่ เธอบอกว่าเอาสายรัดตระกร้อผูกพ่วงอยู่กับปลอกคออีกทีหนึ่ง น่าจะแน่นหนาพอ ได้ฟังดังนั้นผมก็ไม่ติดใจอะไรจึงขับรถพาช่างออกไปซื้อของ
ผมใช้เวลาอยู่เกือบยี่สิบนาทีกว่าจะซื้อของเสร็จ ช่วยกันถือของกลับมาที่รถ ยังไม่ทันจะวางของเสร็จดี เสียงโทรศัพท์ที่ผมทิ้งเอาไว้ในรถก็ดังขึ้น ฟังจากเสียงเรียกเข้าผมก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นเบอร์ของพ่อ นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะตอนที่ออกมาพ่อผมยังไม่ตื่นนอน จึงรีบไขกุญแจรถ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
ครับพ่อ 
โก้อยู่ที่ไหน น้ำเสียงกระด้างเย็นชาและเคร่งเครียดตอบกลับมา 
อยู่ปากซอยครับ พาช่างมาซื้อของทำบ้าน พ่อจะเอาอะไรหรือเปล่าครับ ผมเดาใจว่าพ่อ
อาจจะฝากซื้ออะไร 
กลับเข้าบ้านมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ขงของไม่ต้องซื้อมันแล้ว น้ำเสียงของพ่อเริ่มขุ่นขึ้นเรื่อยๆ 
...ครับ... ผมได้แต่ตอบรับเบาๆ ด้วยความงง 
ไอ้สมชายกัดไอ้ดอลี่นะ ไส้แตกออกมาหมด ไม่รู้จะตายหรือเปล่า...แต่พ่อว่ามันตายแน่
นอน พี่แพรกำลังพาไปหาหมออยู่ พ่อหมายถึงไอ้ตัวที่ดุที่สุดที่พี่ผมกำลังอาบน้ำให้อยู่เมื่อคร ู่กัดอีกตัวหนึ่งพันธุ์มิเนียเจอร์พินเจอร์ซึ่งเล็กกว่ามาก 
............. 
กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วเอาไอ้สมชายไปปล่อยที่วัดแถวซอยร้อยหนึ่งให้หน่อย...พ่อขอ
ร้องอย่าขัดพ่อ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพ่อยิงมันทิ้งแน่ พ่อกล่าวเป็นประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่โกรธสุดขีด
ครับ ผมตอบรับเบาๆ ก่อนวางหูไปด้วยความมึนงงและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกอย่าง
มันรวดเร็วเสียจนผมยังตั้งรับไม่ทัน
ผมเสียบกุญแจเข้ากับรู สตาร์ทรถ เหยียบคลัชเข้าเกียร์แล้วขับออกมาด้วยความรู้สึกเลื่อนลอยคล้าย หุ่นยนต์ แต่ภายในใจกลับสับสนปั่นป่วนยากจะบรรยาย ทั้งตกใจ เศร้าใจ และโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่มันบังอาจมากัดไอ้ดอลี่หมาตัวที่ผมรักม ากที่สุด ผมพยายามข่มใจให้เย็นลง รวบรวมสมาธิ ตั้งสติคิดลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมวางแผนสิ่งที่จะต้องท ำต่อไป แต่ทันใดนั้นเองผมก็ต้องเศร้าใจสุดขีดเป็นครั้งที่สอง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไอ้ดอลี่กำลังท้อง...นั่นหมายความว่า
ผมเลี้ยวรถเข้าบ้านพร้อมหัวใจที่สุมไฟแค้นอยู่เต็มอก นึกเห็นภาพตัวเองกระทืบไอ้สมชายจนตายคาตีนจมกองเลือดตั้งแต่ตอน ขับกลับมา...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องและควรจะเป็น เพราะมันเป็นหมา...มันเป็นแค่หมา !...ผมตะโกนบอกตัวเองอยู่ในใจอย่างนั้น จอดรถดับเครื่องนานแล้ว แต่ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น พยายามตั้งสติข่มความโกรธในใจ หวังให้มันเหือดหายไปเหมือนอย่างรดน้ำลงบนผืนทราย 
ผมก้าวลงจากรถเห็นไอ้สมชายถูกผูกไว้กับโคนเสาตรงโรงรถ มันยังมีหน้ามากระดิกหางให้กับผมอีก ยิ่งสะกิดความเคียดแค้นในหัวใจให้ลุกฮือขึ้นมา ผมทำเป็นไม่สนใจเดินตรงเข้าไปในบ้าน แม่กำลังใช้สายยางฉีดน้ำล้างคราบเลือดที่ติดอยู่บนพื้นเต็มทั่ว ไปหมด แม่ไม่พูดอะไรสักคำก้มหน้าก้มตาฉีดเหมือนจงใจซ่อนเร้นอะไรบางอย ่าง แม้แต่ตอนที่ผมเดินผ่านแม่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำไป แต่มันก็มากพอจะทำให้ผมได้เห็นว่าแม่ซ่อนอะไรไว้... แม่ซ่อนรอยน้ำตานองหน้ากับดวงตาบวมช้ำไว้ภายใต้เปลือกแห่งการทำ งานหนัก ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งสะท้อนใจ แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับตอนที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข ้าไปข้างในบ้าน ตอนนั้นผมมองเห็นอะไรบางอย่างสีออกชมพูๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือวางอยู่ไม่ไกลจากกองเลือดตรงหน้า ผมไม่แน่ใจจึงก้มลงมองดู... 
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาคือศพของลูกหมาตัวหนึ่ง ขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าลูกหนูมากนักนอนแน่นิ่งอยู่ มันคงเป็นตัวอ่อนที่ใกล้จะโตเต็มวัย เห็นได้จากหู ตา จมูก ปาก หาง และขาทั้งสี่ข้างนั้นมีครบแล้ว นี่ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ต่อไป อีกไม่เกินเดือนมันคงมีโอกาสได้ออกมาลืมตาดูโลก ตรงกลางลำตัวของมันมีรอยเขี้ยวขนาดใหญ่ฝังอยู่...วินาทีนั้นผมนึกแค้นไอ้สมชายขึ้นมาจับใจ ความเดือดดาลที่ผมพยายามเก็บกดเอาไว้ในหัวใจเมื่อครู่ แตกปะทุขึ้นมาอีกครั้งเหมือนมีใครสาดน้ำมันเข้าใส่กองไฟให้ลุกโ ชน สติของผมแตกกระเจิง ผมเดินตรงดิ่งไปยังห้องรับแขก คว้าเอาดาบโบราณด้ามไม้เก่าคร่ำที่พ่อผมแขวนเอาไว้บนฝาผนังลงมา ผมเดินย้อนกลับไปหาไอ้สมชาย เตะเสยเข้าเต็มแรงที่ปลายคางของมันหนึ่งครั้ง มันร้องโหยหวนดังลั่นก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวขู่คำรามเข้าใส่ผมอย่ างพร้อมจะสู้สุดตัว ผมชักดาบออกจากฝักเงื้อขึ้นเหนือหัวจนสุดแขน หมายจะฟันลงมาอย่างสุดแรง แว่วยินเสียงของแม่ตะโกนอยู่ใกล้ๆ ...อย่า ! โก้...
ผมยกแก้วเบียร์ในมือขึ้นจิบนิดหนึ่ง ตามองไปยังภาพผู้คนบนโป๊ะที่กำลังก้าวลงเรือโดยสาร ความเย็นของมันช่วยทำให้ผมรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายขึ้นบ้าง ปลายประสาทที่เขม็งเกร็งมาตลอดทั้งวันเริ่มคลายตัวเมื่อร่างกาย ได้รับแอลกอฮอลล์ในปริมาณที่พอเหมาะ สมองเริ่มหลั่งสารบางอย่างที่ทำให้รู้สึกมีความสุข ของเหลวในร่างกายเริ่มปรับสภาวะหาสมดุลของมันตามกลไกที่ธรรมชาต ิเป็นผู้วางไว้ พร้อมๆ กับที่จิตใจของผมเริ่มใฝ่หาห้วงเวลาแห่งสันติ ฝูงนกเมื่อครู่หายไปเกือบหมดแล้ว คงได้เวลาบินกลับรวงรังไปป้อนข้าวป้อนน้ำลูกๆ ของมัน คงเหลืออยู่เพียงสามสี่ตัวที่ยังบินตัดผืนฟ้าโฉบไปมาอย่างมีควา มสุข 
ชั่วขณะหนึ่งผมเกิดความคิดที่ว่าภาพนกกางปีกถลาบินช่างงดงามยิ่ งนัก มันเปรียบ เสมือนสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่างที่ธรรมชาติต้องการจะบ อกกับผม บางอย่างที่เป็นความลับของจักรวาล...ภาพนกเหยียดสุดปีก กางนิ่งไม่ไหวติง มันอาศัยแรงลมข้างใต้ปีกพยุงตัวอยู่อย่างนั้นได้นิ่งนานไม่ต่ำก ว่า 3-4 วินาที หากต้องการเปลี่ยนทิศทางมันก็ทำได้โดยการเอียงปีกเพียงเล็กน้อย น้อยมากเสียจนกระทั่งตาของคนเรามองไม่เห็น เพียงเท่านี้มันก็สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ในทุกทิศตามแต่ใจต้อง การ... ชั่วขณะนั้น ผมรู้สึกเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว สงบและเงียบ สมาธิและปัญญาก่อเกิด ทั้งที่ในความเป็นจริงหาได้มีสิ่งใดหยุดนิ่งไม่ แม้กระทั่งตัวนกเองก็ตาม ตรงกันข้ามมันอาจกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเฉียดๆ ร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง...หรือจะเป็นเพราะว่าชั่วขณะนั้น สิ่งที่หยุดนิ่งแท้จริงกลับไม่ใช่สิ่งต่างๆ รอบตัวผม...หากแต่เป็นใจของผมเอง				
4 สิงหาคม 2547 16:38 น.

ทาสกิเลส(ตอนที่3เสนอเป็นตอนจบแล้วค่ะ)

สุชาดา โมรา

วันต่อมาพิราวรรณกลับมาทำงานที่หน้าเคาน์เตอร์ตามเดิม ซึ่งมีผู้ใช้บริการบางตาเพราะล่วงเลยเวลาในการชำระเงินภาษีมาแล ้ว ดวงตาเหลือบมองจอคอมพิวเตอร์ซึ่งส่งข่าวให้ทุกแผนกรับทราบประกา ศเกียรติคุณของปรีดา หัวหน้าฝ่ายจัดเก็บภาษีในการนำส่งรายได้แก่รัฐสูงสุด หล่อนเปิดลิ้นชักออกมา จึงเห็นเอกสารและเงินปึกหนึ่งวางอยู่ สักพักหลังจากอ่านข้อความในเอกสาร สีหน้าของหล่อนซีดเผือดเมื่อตระหนักแก่ใจว่า หล่อนลืมทำงานอย่างหนึ่งในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558 อันเป็นสาเหตุให้วันนี้ปรีดาต้องไปให้การกับคณะกรรมการอุทธรณ์ภ าษีซึ่งทนายเกียรติยื่นร้องเรียนไว้ หล่อนจึงร้อนใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับปรีดาทันที
เมื่อยังไม่ได้บันทึกในระบบคอมพ์ มันถือเสมือนว่าไม่มีข้อมูลนั้นเลย จงทำลายเอกสารนั้นและเก็บเงินสดไปใช้รักษาลูกนะ ปรีดาบอกแนะนำ ใบหน้าเครียดขรึม
แต่...... ลูกน้องสาวมีท่าทางลังเลใจ
ผมช่วยเหลือคุณนะ เพราะถ้าเจ้านายทราบข้อบกพร่องนี้ คุณต้องถูกไล่ออกแน่ฐานทำลายชื่อเสียงองค์กรโดยประมาทเลินเล่ออ ย่างร้ายแรง และ เจ้าของเงินอาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากความบกพร่องของคุณทำให้เข าต้องสูญเสียโอกาสและชื่อเสียงไป 
ด้วยความหวาดกลัวจะสูญเสียตำแหน่งงานและคำพูดกล่อมของเจ้านาย พิราวรรณจำยอมรับปากทำตามคำแนะนำนั้น โดยรีบทำลายเอกสารในถังย่อยกระดาษและนำเงินสามหมื่นใส่กระเป๋าข องหล่อนทันที
 ผมไม่ยอมเสียชื่อเสียงหรือสูญรางวัลเกียรติยศไปเพราะคนอย่างนาย หรอก ปรีดาพึมพำดวงตามองภาพทนายเกียรติจากฐานข้อมูลบนคอมพิวเตอร์อย่ างมุ่งมาดจะปกป้องตัวเองไว้ โดยไม่สนใจกับความทุกข์ร้อนที่เจ้าของเงินภาษีนั้นจักได้รับเลย
ในที่สุดคำตัดสินของคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีทำลายความหวังเดียวขอ งทนายเกียรติ เนื่องจากคำให้การของหญิงสูงวัยและการไม่มีหลักฐานจากคอมพิวเตอ ร์ซึ่งแสดงว่ามีการรับเงินภาษีตามขั้นตอนที่ถูกต้อง มิอาจหักล้างคำยืนยันของปรีดา หัวหน้าฝ่ายจัดเก็บภาษีและผลการตรวจค้นหาข้อมูลจากผู้ดูแลระบบไ ด้เลย สำหรับเมืองไทยปีพ.ศ. 2558 นั้น ทุกบริการของรัฐต้องทันสมัยและรวดเร็วเป็นหลักสำคัญ จึงกำหนดให้คำตัดสินของคณะกรรมการฯเป็นที่สุด มิอาจฟ้องต่อศาลได้ เหตุนี้จึงทำให้ทนายเกียรติต้องถูกลงโทษทันที โดยไม่อาจโต้แย้งอีกต่อไป
ผมสูญเสียเครดิตกับหน้าที่การงานไปแล้ว ทนายเกียรติพูดคร่ำครวญ ขณะทรุดนั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าตึกกรมสรรพากรอันใหญ่โต
หญิงสูงวัยมองเห็นใจ เครดิตมาจากเงินภาษีนะ คุณยังหนุ่ม มีเวลาอีกเยอะ อย่าท้อใจสิ
พวกเขาไม่ยอมรับความจริง นี่เป็นการทำลายผมชัดๆ
หญิงสูงวัยชี้มือไปตามตึกทันสมัยรอบกาย แล้วถอนใจเฮือกใหญ่ ท่าทางปลงตก
 วิทยาศาสตร์พัฒนาเทคโนโลยีทำให้การเดินทางและความสะดวกต่างๆในเ มืองไทยทันสมัยและรวดเร็วกว่าอดีตกาลมาก โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงส่งคอยควบคุมดูแล ทุกคนเชื่อถือการทำงานของมัน แต่มีสิ่งซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงให้ลดลงไปจากอดีตเลยนะ พ่อหนุ่ม
มันคืออะไรครับ?
ความเห็นแก่ตัวของคน
ป้าหมายถึง......
หญิงสูงวัยยิ้มเย็น น้ำเสียงเรียบ ยามเอ่ยว่า ป้าผ่านโลกมามาก จึงมองเห็นความหวั่นเกรงในดวงตาของปรีดาต่อการทำงานที่ผิดพลาดซ ึ่งอาจทำลายอนาคตของเขา องค์กรจักไม่เก็บผู้ทำงานบกพร่องในหน้าที่ การปกปิดจึงเป็นวิถีทางที่เขาเลือกใช้ป้องกันตัวเองไว้
ผมไม่มีอนาคตหรือไง
 ไม่ว่าเวลาผ่านมานานเพียงใดหรือเปลี่ยนชื่อตำแหน่งงานให้ไพเราะ อย่างไร ข้ารัฐการยังคงคิดว่าอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าชาวบ้านเสมอ ตอนนี้ยังมีระบบคอมพิวเตอร์มาควบคุมสูงสุดอีก จึงเพิ่มความยากในการโต้แย้งกับรัฐมากขึ้น ดังนั้น เมื่อถือกำเนิดเป็นคนไทย จำต้องยอมรับกติกานี้โดยปริยาย
ผมซึ้งใจแล้วว่า ทำไมป้าจึงบอกมิให้โกรธเครื่องจักร แต่ควรมองไปที่คนควบคุมมันต่างหาก
คนทำร้ายคุณ มิใช่เครื่องจักร มันเป็นความจริงที่จำต้องยอมรับด้วยความขมขื่นใจ
ทนายเกียรติล้วงหนังสือ เมืองไทยในอดีต พ.ศ. 2548 มาจ้องมองสงสัย มันควรเกิดขึ้นในยุคอดีต ทำไมยัง......
กิเลสของมนุษย์ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ว่าอุปกรณ์รอบกายจักพัฒนาไปมากแล้วก็ตาม...... หญิงสูงวัยบอกปนเสียงหัวเราะ แววตาเห็นใจ ........ตอนนี้คงเห็นชัดว่า ความไม่เปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่ง คือ ความผิดพลาดจากคน
ผมเหนื่อยล้าที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่เพื่อสะสมเครดิต หากต้องเจอกับความผิดพลาดของคน ผมกลัวอดีตในวันนี้จะกลับมาหลอนตัวเองอีก
สมัยนี้คุณอยู่ป่า ยังต้องรูดบัตรแสดงตัวเลยนะ หญิงสูงวัยบอกสัพยอก ก่อนจะชักชวนเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงซึ่งอยู่ใกล้กับศ ูนย์ราชการใหญ่เพื่อกลับกรุงเทพฯ 
ทนายเกียรติกับหญิงสูงวัยหยุดยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟฟ้า เมื่อทนายหนุ่มใหญ่ดึงแขนของหล่อนไว้ก่อน
เราไม่มีเครดิต ไม่มีเงินติดตัว ขืนเข้าไป ตำรวจต้องจับแน่ครับ
หญิงสูงวัยอมยิ้ม พลางชูบัตรโดยสารให้เห็นถนัดตา ป้าเก็บใบนี้ได้เมื่อวานนี้ตอนกวาดขยะที่หน้าสวนลุมพินี เราคงเดินกลับกรุงเทพฯไม่ไหวแน่ ลองใช้ดูหน่อย
แต่......
ถ้าเรากลับศูนย์ฯช้า อาหารแจกจะหมดเสียก่อน ไปเถอะ พ่อหนุ่ม
ทั้งสองตัดสินใจเดินเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงพร้อมกับบั ตรโดยสารใบนั้น อีกทั้งจำใจต้องละทิ้งความสิ้นหวังไว้ก่อน เพื่อไปให้ทันรับอาหารบริจาคที่จักช่วยยืดชีวิตของผู้ที่ไม่มีเ ครดิตอย่างทนายเกียรติกับหญิงสูงวัยซึ่งต่างผิดหวังจากระบบคอมพ ิวเตอร์อันเป็นความภาคภูมิใจของรัฐบาลไทยและข้ารัฐการที่บอกย้ำ เสมอว่า ทำงานเพื่อประชาชน โดยมิอาจร้องขอความยุติธรรมจากผู้ใดในเมืองไทย พ.ศ. 2558 ซึ่งมีความไว้วางใจต่อเครื่องจักรสมองกลได้อีก				
4 สิงหาคม 2547 16:37 น.

ทาสกิเลส(ตอนที่2)

สุชาดา โมรา

.......เขียนให้แล้ว เอาไป !
ทนายเกียรติอ่านข้อความในกระดาษซึ่งบอกจำนวนเงินและจุดประสงค์ก ารรับเงิน รวมทั้งลายมือชื่อขยุกขยิกมากของเจ้าหน้าที่สรรพากรคนนี้ แม้จะไม่พอใจที่มิใช่กระดาษของทางราชการ แต่ความร้อนใจกับงานคดีทำให้เขาจำต้องยอมรับมันไว้ แล้วเดินออกไปจากตึกใหญ่นั้น โดยไม่ทันสังเกตเห็นหญิงสูงวัย คู่สนทนาของเขาเมื่อครู่นี้เดินหน้าสลดตามไปด้วย
สองชั่วโมงผ่านไปผู้เสียภาษีส่วนใหญ่ต่างทยอยกลับออกไปเนื่องจา กไม่มีคำตอบแน่ชัดว่าคอมพิวเตอร์จักทำงานต่อไปเมื่อใด ระหว่างการจัดเอกสารบนโต๊ะนั้น พิราวรรณพูดคุยทางมือถือสักครู่ ความกังวลปรากฏบนใบหน้าของหล่อน เจ้าหน้าที่สาวรีบผลักเอกสารลงในลิ้นชักอย่างเร็ว ก่อนจะแจ้งกับปรีดา ผู้เป็นหัวหน้าเพื่อขอลาหยุดไปดูอาการป่วยของลูกสาววัยห้าขวบก่ อน เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว หล่อนจึงเร่งเดินออกไปโดยลืมมอบหมายงานค้างให้กับเพื่อนร่วมงาน คนอื่น ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นไฟฟ้าจึงกลับสู่สภาพปกติ
ทุกคนต้องบันทึกข้อมูลลงคอมพ์ให้เสร็จในวันนี้ เพื่อประมวลผลทำรายงานส่งเจ้านายตอนเช้าผมต้องได้รายชื่อคนหนีภ าษีให้เร็วที่สุดนะ ปรีดาสั่งเสียงเฉียบขาด ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน
ตอนเย็นวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558 ทนายเกียรติกลับมาถึงห้องพักในคอนโดมิเนียม สีหน้าตกใจยามเห็นหมายยึดทรัพย์ติดไว้ที่หน้าประตูและไม่อาจใช้ กุญแจการ์ดเปิดประตูได้เลย เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐสั่งเจ้าของเปลี่ยนข้อมูลในการ์ดไปแล้ว เมื่อลงมายังสถานที่จอดรถเขาเห็นตำรวจกำลังยึดรถจึงเข้าไปซักถา มรายละเอียดทำให้ทราบอีกว่า เขาถูกยึดรถเพราะคดีไม่จ่ายภาษี คืนนั้นเขาจำต้องใช้เงินสดสามพันบาทที่ติดกระเป๋าไปเช่าห้องพัก ในโรงแรมเล็กแห่งหนึ่ง เพราะกรมสรรพากรสั่งระงับการใช้บัตรเครดิตของเขาด้วย
รุ่งเช้าทนายเกียรติรีบไปที่ตึกกรมสรรพากรเพื่อชี้แจงข้อกล่าวห าพร้อมหลักฐานในมือ เมื่อปรีดา หัวหน้าฝ่ายจัดเก็บภาษียอมให้เข้าพบในห้องทำงาน เขาต้องรูดบัตรประจำตัวเพื่อแสดงตนตามระเบียบ เพื่อให้ข้อมูลปรากฏที่คอมพิวเตอร์ของปรีดา การสนทนาจึงเริ่มต้นได้
ระบบของเราแจ้งว่า คุณไม่เสียภาษีตามกำหนด คุณอยากชี้แจงงั้นรึ?
ทนายเกียรติยื่นนามบัตรพร้อมหลักฐานการรับเงินภาษีให้อีกฝ่าย ผมเป็นทนายความ ขอยืนยันว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ได้มาจ่ายภาษีแล้วจำนวนสามหมื่นบาท ตามเอกสารนี้ครับ
ระบบคอมพ์แจ้งยืนยันว่า ไม่พบข้อมูลนี้เลยนะ...... ปรีดากล่าวย้ำเสียง ดวงตามองกระดาษในมือ แล้วส่ายหน้า .......นี่มิใช่กระดาษของหน่วยงาน ลายเซ็นก็หวัดมากจนอ่านไม่ออกว่าเป็นใคร เราต้องยึดถือข้อมูลในคอมพ์เท่านั้น หากไม่มีเอกสารของคอมพ์ คุณต้องจ่ายค่าปรับและภาษีคงค้าง เราจึงยอมถอนการยึดได้ มันเป็นกฎหมายซึ่งคุณก็รู้ดีนะ
ลูกน้องของคุณที่นั่งตรงนั้น...... เขาชี้ไปยังเคาน์เตอร์ด้านหน้าซึ่งเจ้าหน้าที่สาวเคยรับเงินจาก เขา คิ้วขมวดเข้าหากัน ยามเพ่งมองสาวที่นั่งอยู่ หล่อนมิใช่คนเดิมที่เขาเคยเห็นมาก่อน .....ไม่ใช่คนนี้นะ
คอมพิวเตอร์ของเราไม่มีวันทำงานพลาด เมื่อคุณคิดว่าจ่ายภาษีแล้ว ก็ต้องแสดงหลักฐานหักล้างข้อมูลในคอมพ์เท่านั้น
ปรีดาโยนกระดาษแผ่นเล็กคืนให้ทนายหนุ่มใหญ่ แววตาเยาะชัด ตอนนี้ระบบคอมพ์ตัดเครดิตประจำตัวของคุณไปแล้วนะ
ผม...... เขามีสีหน้ากังวลหนัก ยามรับรู้ว่าจะไม่ได้รับบริการรัฐที่จัดให้ผู้เสียภาษีอีกแล้ว
ถ้าไม่มีพยานที่น่าเชื่อถือ ผมต้องทำตามกฎหมาย
ผมจะฟ้องคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษี ทนายเกียรติพูดโพล่งออกมา
มันเป็นสิทธิ์ของคุณ ผมทำงานตามข้อมูลในคอมพ์ครับ
ผมอยากเห็นลูกน้องของคุณทั้งหมด เพื่อหาเจ้าของลายมือนี้ ทนายเกียรติบอกเสียงอ่อนลง
ไม่ได้ คุณต้องเอาหมายศาลมาก่อน ปรีดาเริ่มมีอารมณ์โมโหบ้าง
อ้าว คุณยึดทรัพย์ของผมทันที แต่ผมขอดูลูกน้องคุณ กลับต้องเอากฎหมายมาใช้งั้นรึ?
ผมมีอำนาจยึดทรัพย์ของผู้ไม่จ่ายภาษีได้ทันที มีกฎหมายรองรับไว้นะ คุณทนาย
ทนายเกียรติจำใจต้องเดินกลับออกไปจากห้องทำงานนั้น แม้จะลองสอบถามเจ้าหน้าที่คนอื่นพร้อมให้ดูใบรับเงิน แต่ไม่มีสักคนยอมให้ข้อมูลแก่เขาเลย
ตลอดทั้งวันทนายเกียรติไม่อาจทำงานด้านคดีความได้เลย อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลไทยจัดการยกเล ิกเครดิตส่วนบุคคลของเขาไป จึงมีผลกระทบถึงการเพิกถอนใบอนุญาตว่าความด้วย มันเป็นมาตรการลงโทษแก่ผู้ที่ไม่เสียภาษีให้รัฐ แม้แต่บัญชีเงินฝากของเขาก็ถูกอายัดไว้ ทำให้เขาไม่มีเงินใช้สอยเลย จึงเพียงดื่มน้ำจากตู้สาธารณะเพื่อประทังความหิวไป ทนายเกียรติจำใจเดินเข้าไปในศูนย์สงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสประจำเข ตแห่งหนึ่งซึ่งจัดอาหารและที่พักชั่วคราวไว้ต้อนรับผู้มีปัญหาท ุกรูปแบบ
ต้องการให้ช่วยอะไรครับ? พนักงานหนุ่มถาม ดวงตามองสำรวจผู้มาใหม่
ทนายเกียรติมองหากล่องรูดบัตร ก่อนจะถามว่า ผมต้องแสดงตนก่อนมิใช่หรือ?
ผู้รับการช่วยเหลือจากที่นี่ ไม่มีเครดิตอยู่แล้ว ไม่ต้องแสดงอะไรหรอก
ผมหิวข้าวและอยากได้ที่นอน เขาบอกโพล่งออกไปด้วยจิตขมขื่นยิ่ง ยามนึกถึงชะตากรรมที่พลิกผันไปในวันเดียว
พนักงานหนุ่มหันไปหยิบผ้าห่มสีหม่นกับจานหลุมส่งแก่ทนายเกียรติ แล้วชี้ไปที่โซฟายาวเก่าคร่ำ อีกสิบห้านาทีจะมีอาหารมาแจก ส่วนที่นอนก็ไปจองด้านในหลังกินเสร็จ คุณนั่งรอที่นั่นล่ะ
ทนายเกียรตินั่งดื่มน้ำเพื่อลดอาการหิวไปเรื่อยๆ สักครู่หญิงสูงวัยคนหนึ่งเดินมาทักทายด้วยรอยยิ้มเศร้า
อ้าว พ่อหนุ่มมาทำอะไรล่ะ?
ผม...... เขาเงยหน้ามองผู้ถาม ดวงตาเบิ่งกว้าง ......ป้าคนนั้นรึ?
หญิงสูงวัยถามเสียงอาทรว่า เกิดอะไรกับคุณล่ะ?
รัฐกล่าวหาว่า ผมไม่จ่ายภาษี แล้วยึดทรัพย์สินของผม ลบเครดิตประจำตัวไปหมด
คุณเดินไปจ่ายที่เคาน์เตอร์นี่นา
ทนายเกียรติมองอย่างมีความหวัง ป้าไปเป็นพยานให้ผมทีสิ
ไม่ได้หรอก ป้าถูกลบเครดิตอยู่ คงไม่มีใครฟังหรอก
อ้าว เรื่องของป้ายังไม่จบอีกรึ?
 ไม่มีสักคนยอมรับว่าพนักงานที่ตายเป็นเจ้าของลายเซ็นรับเงินภาษ ี ป้าเหนื่อยล้าเหลือเกิน
มันไม่ยุติธรรมเลยนะครับ เขานึกแปลกใจลึกๆที่ต้องพบปัญหาใกล้เคียงกับหญิงสูงวัยคนนี้อย่ างไม่คาดคิดมาก่อน
 เราจะเอาหลักฐานที่ไหนไปโต้กับคอมพ์ซึ่งรัฐเชื่อมั่นในตัวมันอย ่างมากล่ะ ป้าเป็นคนธรรมดาเท่านั้น หญิงสูงวัยถอนใจเฮือกใหญ่
ทนายเกียรติมองเห็นความท้อแท้ปรากฏบนใบหน้าเหี่ยวย่นและดวงตาขอ งอีกฝ่ายชัดเจน
พรุ่งนี้ศูนย์ฯจะส่งป้าไปอยู่บ้านสงเคราะห์ที่สกลนครแล้วนะ
ทำไมล่ะ?
การต่อสู้ของป้าจบแล้ว เครดิตก็ไม่มี ลูกหลานต่างรังเกียจที่ป้าติดคดีภาษี ทำให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น
ผมจะแพ้เหมือนป้าไหมเนี่ย? เขาชักหวั่นใจ
หญิงสูงวัยยิ้มปลอบโยน หากต้องกลับไปเริ่มต้นสะสมเครดิตใหม่ ขอให้อดทนไว้ ยังมีเวลาสำหรับคนหนุ่มอีกมากนัก
มันไม่ยุติธรรมเลย เขาคิดท้อใจกับการหางานทำเพื่อจ่ายเงินภาษีแล้วสะสมเครดิตของรั ฐอีกครั้ง
พิษจากการกระทำของคน ทำลายความยุติธรรมของคุณและป้า ถ้าคนไร้จิตสำนึกที่ดีมีมาก คุณอาจมีโชคร้ายแบบป้าก็ได้นะ
ป้าคิดจะบอกว่า จิตสำนึกกับความทันสมัยอาจไม่เดินไปด้วยกันงั้นสิ
ใช่แล้ว ยุคนี้คนเป็นทาสระบบ และไม่เชื่อถือคนด้วยกันไง พ่อหนุ่ม
ทนายเกียรตินั่งอึ้งไป ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจชัดถึงความนัยที่ว่า ทาสระบบ ซึ่งหญิงคนนี้เคยพูดมาหนหนึ่งแล้ว				
4 สิงหาคม 2547 16:35 น.

ทาสกิเลส(ตอนที่1)

สุชาดา โมรา

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558 อันเป็นวันสุดท้ายของการเสียภาษีประจำปีซึ่งทำให้บริเวณหน้าตึก กรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานจัดหารายได้แก่รัฐทุกยุคทุกสมัยมีปร ะชาชนมายืนคอยจำนวนมาก ทนายเกียรติเดินทางมาถึงศูนย์ราชการใหญ่แห่งนี้ตอนใกล้เที่ยง เมื่อลงมาจากรถไฟฟ้าเขาต้องนิ่วหน้าเบื่อหน่าย ยามเห็นคิวยืนคอยยาวเหยียด แต่จำต้องเดินไปยังตู้โลหะขนาดเล็กเพื่อรับบัตรคิวตามระเบียบ เพราะเขาลืมเวลาต้องยื่นรายการเสียภาษีไปสนิทเนื่องด้วยงานว่าค วามที่ต่อเนื่อง นี่จึงเป็นโอกาสสุดท้าย เนื่องจากเขาต้องมาทำคดียังศาลฎีกาอันตั้งอยู่ในศูนย์ราชการแห่ งนี้ จึงเลือกจะยื่นแบบและเสียภาษีด้วยตัวเอง
กรุณาแสดงบัตรประจำตัวค่ะ เสียงผู้หญิงดังมาจากตู้โลหะ
ทนายเกียรติจึงใช้บัตรใบเล็กรูดผ่านเครื่องนั้นอย่างคุ้นเคย เพราะเป็นธรรมเนียมปกติในการติดต่อกับหน่วยงานทั้งราชการและเอก ชนซึ่งต้องยืนยันความเป็นตัวเองก่อน หลังจากรับบัตรคิวมาอ่านตัวเลข เสียงถอนใจหนักดังขึ้นอีกครั้ง
คิวที่ 33 !
เสียงผู้ประกาศภายในห้องสรรพากรดังขึ้นว่า คุณสำแดง บัตรคิวที่ 10 เชิญที่ช่อง 2 ค่ะ
ทนายเกียรติมองไปยังด้านหลังเคาน์เตอร์ซึ่งพนักงานทั้งหนุ่มและ สาวต่างยุ่งอยู่กับการบันทึกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าเค ร่งเครียด ขณะที่ประชาชนมากมายยืนและนั่งรอคิวอยู่เช่นกัน ยุคนี้ทุกกิจกรรมต่างมีคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวพันและดูแลทุกขั ้นตอนตั้งแต่กำเนิดบนโลกใบนี้จนกระทั่งตาย แม้ตอนเข้าห้องน้ำในตึกใหญ่บางแห่งยังต้องใช้บัตรประจำตัวเพื่อ ตรวจสอบคิวเข้าปลดทุกข์ด้วย บางครั้งเขายังคิดติดตลกว่า เครื่องจักรสมองกลชนิดนี้ควบคุมชีวิตคนไปเสียแล้ว ทั้งที่คนเป็นผู้ให้กำเนิดมันแท้ๆ
ทนายเกียรติตัดสินใจเลือกนั่งบนเก้าอี้ติดประตูทางเข้าตึกกรมสร รพากร แล้วหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาเพื่ออ่านระหว่างรอเวลาเรียกไปชำร ะภาษี
เมืองไทยในอดีต : พ.ศ. 2548 เขามองดูปก แล้วพลิกหน้าหนังสือซึ่งเพิ่งซื้อเมื่อวานนี้ ดวงตามองภาพประกอบในนั้นอย่างสนใจ ห้าสิบกว่าปีที่ผ่านมา เมืองไทยต่างจากในอดีตไปมากเลยนะ
ทนายเกียรติตั้งใจอ่านหนังสือที่บอกเล่าสังคมไทยในปีพ.ศ. 2548 โดยเฉพาะภาพบัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นแรกของเมืองไทย รวมถึงรายละเอียดของมันซึ่งเป็นที่ฮือฮาของคนไทยในยุคนั้น
หญิงสูงวัยคนหนึ่งนั่งลงข้างทนายหนุ่มใหญ่ พลางส่งยิ้มทักทายก่อน สักครู่จึงชะโงกหน้าดูภาพในหนังสือของเขา
คุณสนใจบัตรรุ่นแรกหรือคะ? หล่อนถามเชิงชวนคุย
ทนายเกียรติละสายตาจากหนังสือ จึงเห็นรอยยิ้มเป็นมิตรของอีกฝ่าย ใช่ครับ ดูตลกดี ตอนนี้บัตรของเรามีสีสรรให้เลือกได้เอง ชิปก็เล็กเท่าหัวเข็มหมุด แถมยังมีข้อมูลดี เอ็น เอ บรรจุในนั้นด้วย เวลานี้มันเป็นบัตรครอบจักรวาลจริงๆ
นอกจากใช้บัตรเพื่อแสดงตัวแล้ว เรายังมีชิปฝังที่ต้นแขนซึ่งรัฐติดให้ตั้งแต่ลืมตาดูโลกใช้เทีย บกับข้อมูลในนั้นอีกด้วยนะ หญิงสูงวัยกล่าวเสริม รอยยิ้มหมอง
ทันสมัยกว่าเยอะเลยครับ เขายิ้มขำ ดวงตามองภาพบัตรติดชิปแบบเก่า
มีบางอย่างที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าใด
อะไรครับ?
ความผิดพลาดอันเกิดจากคน
ทนายเกียรติอมยิ้ม ยุคนี้ใช้คอมพิวเตอร์ดูแลข้อมูลทุกขั้นตอน แม้แต่การทำสรุป คนเพียงรับทราบเท่านั้น ไม่มีผิดพลาดแล้วครับ
คุณไม่รู้สึกว่า คนกำลังรับใช้เครื่องจักรอยู่รึ?
เราสร้างมันให้รับใช้คนนะ เขาพูดเถียงไปตามหลักการ
หญิงสูงวัยยิ้มเย็น คนสร้างเครื่องจักร และสุดท้ายก็เป็นทาสของมัน
ป้าคิดแบบอนุรักษ์นิยมแล้ว เราเรียกอดีตกลับมาไม่ได้นะ
ฉันมีเหตุผลที่ทำให้ฉุกคิดได้เช่นนี้นะ
อะไรครับ? เขามีท่าทีสนใจ
หญิงสูงวัยชี้ที่กระเป๋าเอกสารบนตัก พลางเอ่ยเสียงขมขื่นว่า ฉันหอบเอกสารพวกนี้มาชี้แจงเรื่องภาษีที่จ่ายแล้ว แต่คอมพ์กลับแจ้งว่าฉันมีหนี้ภาษีค้างจ่ายห้าปี ฉันต่อสู้มาสี่ร้อยวันเชียวนะ พ่อหนุ่ม
ทำไมนานนักล่ะ ถ้าป้ามีเอกสารพร้อมสรรพ เขานึกปรามาสในใจว่า หญิงคนนี้ต้องหลบภาษีจนกระทั่งระบบคอมพิวเตอร์ตรวจสอบพบเข้าแน่
เจ้าหน้าที่ไม่ยอมเชื่อเอกสารที่พวกเขาเขียนเอง โดยขอเวลาตรวจสอบกับระบบคอมพ์อีกครั้ง
ไม่เชื่อเอกสารของเจ้าหน้าที่ด้วยกัน !
หญิงสูงวัยเห็นสีหน้าสงสัยของหนุ่มใหญ่ จึงบอกเล่าเพิ่มเติมว่า ฉันคงมีโชคไม่ดีที่เสียภาษีทางเคาน์เตอร์ แต่ข้อมูลหายไปทั้งหมด อีกทั้งเมื่อปีก่อนเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเขียนใบรับเงินตายจากอุบั ติเหตุ จึงไม่อาจมาให้การยืนยันความถูกต้องของเอกสารได้ มันสร้างความเดือดร้อนให้ต้องถูกยึดทรัพย์ ฉันต้องไปขอรับการสงเคราะห์จากรัฐทั้งอาหารและห้องพัก ฉันกลายเป็นคนเร่ร่อน !
 ตอนนั้นทำไมคอมพ์ไม่ออกเอกสารให้หรือป้าไม่ทำเรื่องผ่านเนตเสีย ล่ะ?
ช่วงนั้นป้ามีปัญหาจำนวนเงินในบัญชีผิดพลาดจากระบบคอมพ์ ทำให้ไม่วางใจการทำงานอีก พอมายื่นเสียภาษีเอง วันนั้นไฟฟ้าเกิดดับกะทันหัน พวกเขาไล่ป้ากลับไปก่อนแล้วบอกจะบันทึกข้อมูลในเครื่องฯทีหลัง ตอนนี้ป้าซึ้งใจแล้วว่าคิดผิดไปเอง
ผิดอย่างไรรึ?
เครื่องจักรไม่มีวันทำงานพลาด ถ้าคนป้อนข้อมูลอย่างถูกต้อง...... หญิงสูงวัยมีสีหน้าหมองหม่น ยามเอ่ยต่อไปว่า .........ปัญหาต่อมาคือ คนไว้วางใจระบบคอมพ์มากจนมองข้ามการทำงานของคนที่ควบคุมมัน จึงต่อต้านตัวเอง
ต่อต้านตัวเองรึ? เขาส่ายหน้ายิ้มๆ
ใช่
เสียงประกาศของหญิงสาวดังขึ้นว่า ขอเชิญบัตรคิวที่ 33 คุณเกียรติ ที่ช่อง 3 ค่ะ
คุณมาจ่ายภาษีหรือ?
ใช่ครับ
หญิงสูงวัยเอ่ยถามขึ้นว่า คุณเชื่อคนหรือเครื่องจักรล่ะ?
ทนายเกียรติไม่ตอบ แต่เร่งเดินไปที่เคาน์เตอร์โดยเร็วเพราะมีนัดหมายต้องขึ้นศาลฎี กาในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ส่วนหญิงสูงวัยเดินหอบเอกสารเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายจั ดเก็บภาษีด้วยท่าทางเหนื่อยล้ากับการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธร รมจากหน่วยงานรัฐแห่งนี้เป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีแล้ว หล่อนเริ่มตระหนักแก่ใจว่า วันเวลาที่กำลังผ่านไปนั้น ความหวังดูริบหรี่เต็มที
ขณะที่ทนายเกียรติยืนรอขั้นตอนการตรวจเอกสารและบันทึกข้อมูลลงใ นคอมพิวเตอร์นั้น ไฟฟ้าเกิดดับกะทันหันพร้อมคำประกาศแจ้งหยุดทุกกิจกรรมที่ต้องพึ ่งพาไฟฟ้าไว้ก่อน อันสร้างความไม่พอใจแก่ผู้ใช้บริการซึ่งจำเป็นต้องชำระภาษีในวั นสุดท้ายนี้ มิฉะนั้น อาจต้องถูกลงโทษยึดทรัพย์สินทั้งหมด เนื่องจากปีพ.ศ. 2558 การเลี่ยงภาษีหรือชำระไม่ถูกต้องนั้น รัฐกำหนดเป็นความผิดที่รุนแรงมากและเน้นการลงโทษหนักและรวดเร็ว เพื่อมิให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี โดยอาศัยหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ของรัฐ เนื่องจากรัฐมีความเชื่อว่า คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพและเที่ยงตรงอย่างมากเมื่อเทียบกับการ ทำงานของคน
ท่านอาจไปใช้บริการทางเนตก็ได้ แล้วชำระเงินวันถัดไป จากนั้นรับใบเสร็จตามเวลาสะดวกหรือให้ส่งทางไปรษณีย์ เสียงแนะนำจากเจ้าหน้าที่สาวดังขึ้น
พิราวรรณเงยหน้ามองทนายหนุ่มใหญ่ เมื่อเขายังยืนนิ่งอยู่ จะนั่งรอหรือกลับไปก่อนก็ได้ อย่าเสียเวลายืนอีกเลย
ทนายเกียรติคุ้นชินกับคำพูดกระด้างของเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว จึงไม่ถือสานัก ดวงตามองเงินสามหมื่นบาทซึ่งเจ้าหน้าที่สาวเพิ่งผลักใส่ลิ้นชัก ไปเมื่อครู่นี้
ผมอยากได้ใบรับเงินก่อนครับ
พิราวรรณมีสีหน้าบึ้ง ก่อนตวาดตอบว่า พอไฟมา ฉันจะบันทึกข้อมูลลงคอมพ์ แล้วพิมพ์ใบเสร็จออกมาให้ทีหลัง คุณมารับวันหน้าเถอะ
แต่....... เขาทำท่าจะเถียง พอดีมือถือของเขาดังขัดขึ้นเสียก่อน
ทนายเกียรติมีสีหน้ากังวลหลังจากรับทราบว่าเลขาของเขาป่วยกะทัน หัน ทำให้เขาจำต้องเร่งไปดูแลลูกความที่ศาลด้วยตัวเอง
ผมอยากมีเอกสารรับเงินไว้สักใบก็ได้ คุณเขียนมาทีสิ
กวนใจนัก...... พิราวรรณจึงเขียนข้อความลงในกระดาษใบเล็ก แล้วส่งให้อีกฝ่าย .......เขียนให้แล้ว เอาไป !				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา