3 สิงหาคม 2547 15:45 น.
สุชาดา โมรา
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่งฉันต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองไปโดยที่ฉันไม่เคยบอกใครคนหนึ่งว่าฉันจริงใจ และอยากจะทุ่มเทใจทั้งหมดไปให้เขา มีเขาคนเดียวที่ฉันต้องการอยากอยู่ใกล้ ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฉันคิดยังไงกับเขา แต่ฉันก็ยังอยากจะทำอะไรดี ๆ ให้เขาทั้ง ๆ ที่ใจมันเรียกร้องให้ฉันต้องเป็นไปอย่างนั้น ฉันไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าฉันจะไม่มีโอกาสที่จะอยู่ใกล้ ๆ เขาอีกแล้ว...
งานของคุณพ่อที่อเมริกาเลื่อนออกไปอีก 5 ปีฉันกับแม่ก็เลยต้องจำใจย้ายไปอยู่กับท่านทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะจากบ้านเกิดตัวเองไปไหนเลย ฉันกับแม่มาถึงสนามบินแล้ว ฉันรู้สึกเคว้งคว้างมองไปทางไหนก็ไม่เห็นจะรู้จักใคร ฉันรู้สึกว่าเหมือนโลกกำลังบีบตัวให้แคบลงทำให้ฉันใจสั่นและกลัวการจากเมืองไทยไปอยู่ที่อื่น...
"แม่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยนะว่าอายุป่านนี้แล้วจะต้องไปอยู่ที่อื่น ต้องไปอเมริกา ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง...เอ...จะพูดกับฝรั่งรู้เรื่องหรือเปล่าเนี่ย"
คุณแม่ยังสาวของฉันบ่นไปเดินไปจนกระทั่งเดินเข้ามานั่งที่ของตัวเองแล้ว ฉันยืนหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาว่าเคยทำอะไรไปบ้างหรือยัง
"แม่คะ...หนูขอโทษค่ะ...หนูจะอยู่เพื่อรักค่ะ...!!!"
"จะไปไหนน่ะยายลูกปลา...กลับมาเดี๋ยวนี้นะเครื่องจะออกแล้ว...!!!"
แม่ตะโกนลั่นเครื่องผู้คนต่างมองมาเป็นตาเดียว แต่ฉันไม่สนหรอก ฉันคิดแบบคนดื้อ ๆ อย่างเด็กว่าฉันจะอยู่เมืองไทยเพื่อรอใครสักคนที่เห็นในความรักของฉัน...ฉันรู้ว่าถ้าฉันวิ่งออกมาแล้วจังหวะนั้นแม่จะออกมาตามฉันไม่ทันแน่ ๆ ...ฉันวิ่งออกมาพร้อมสัมภาระใบน้อยที่มีทั้งบัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็มและเงินจำนวนหนึ่ง พร้อมกับตุ๊กตาหมีอีกตัวหนึ่ง รวมทั้งเสื้อผ้าที่มีอยู่เพียง
2-3 ชุดเท่านั้น
ฉันขึ้นรถแท็กซี่แล้วก็นึกไปตลอดทางทีเดียวว่าครั้งหนึ่งตอนเป็นเด็กนั้น ฉันมีความฝันและความหวังอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นญาติห่าง ๆ กับฉัน เขาเป็นคนโอบอ้อมอารี ใจกว่างและมีน้ำใจ เขาคอยเลี้ยงดูฉันเมื่อตอนเป็นเด็ก เขาคอยช่วยเหลือฉันและอยู่เป็นเพื่อนฉันในยามที่ไม่มีใคร ฉันเจอเขาทุกวันจนกระทั่งฉันไม่ได้เจอเขามา 5 ปีกว่า ๆ ฉันมีความรู้สึกว่าฉันขาดเขาไม่ได้ ฉันอยากให้เขาคอยให้กำลังใจฉันเหมือนเดิม ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฉันบ้าหรือเปล่าที่ทำไปแบบนั้น ฉันรู้แต่เพียงว่าฉันต้องการที่จะอยู่ใกล้ ๆ คนที่ฉันรักเท่านั้น...
ฉันจำได้ดีว่าเด็กผู้ชายตัวสูงในตอนนั้น เล่นบาสอยู่ในสนาม เขาทั้งเก่งและเป็นหัวหน้าทีมที่ดี
"ส่งมา..."
"แจ๋วมาก ...เฮ... ชู้ตได้สวยเหมือนเดิมเลยนัท"
เพี๊ยะ...เสียงทั้งคู่ตีมือกันอย่างมีความสุข ฉันจำเสียงของเขาได้ดี จำกลิ่นน้ำหอมที่เขาใส่ได้ดี รวมทั้งรอยยิ้มที่มีแต่ความสดใสของเขาได้ดี...
ฉันหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านของเขาและค่อย ๆ เอื้อมมือไปกดกริ่ง
ออด....ออด....ออด...
ชายคนหนึ่งเดินมาจากทางเดียวกับที่ฉันมาเขาเดินมาหยุดอยู่ที่ประตูบ้าน
"เธอมีธุระอะไรกับบ้านนี้เหรอ..."
เสียงนี้ทำให้ฉันต้องหยุดชะงัก ฉันรู้ดีว่านี่คือเสียงที่ฉันถวิลหามาโดยตลอด ระยะเวลา 5 ปีกับการรอคอยที่จะพบเขา ฉัน...แล้วฉันก็ค่อย ๆ หันไปมองเขาช้า ๆ
"พี่นัท...!!!"
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจเป็นที่สุด สีหน้าของฉันเบิกบานราวกับได้ของเล่นเมื่อตอนเป็นเด็ก ๆ ทีเดียว
"เราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่า"
"จำลูกปลาไม่ได้เหรอคะ..."
"อ๋อ...ลูกปลาที่เมื่อตอนเป็นเด็ก ๆ ขี้แยชอบร้องไห้ขี้มูกโป่งไปฟ้องแม่น่ะเหรอ..."
ฉันยิ้มแล้วก็พยักหน้า ฉันมีความรู้สึกดีใจเป็นที่สุดที่ฝันของฉันเป็นจริงไปส่วนหนึ่งแล้ว ต่อจากนี้ไปฉันจะกักตวงความรักจากเขามาให้มากที่สุดจนกว่าเขาจะรักฉัน
"มา...เข้าบ้านก่อนเร็ว..."
ฉันเดินตามพี่นัทเข้ามาในบ้าน ฉันมองไปรอบ ๆ ห้องรับแขก ไม่มีคนอยู่เลย ฉันนั่งที่โซฟาแล้วก็หยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน
"สวัสดีจ่ะหนูลูกปลา..."
"สวัสดีค่ะคุณป้า"
"เป็นยังไงมายังไงจ๊ะถึงได้มาถึงที่นี่ เอ...ป้าได้ข่าวว่าหนูจะไปอเมริกาไม่ใช่เหรอแล้วทำไม..."
"คือหนูไม่อยากไปค่ะ อีกอย่างหนูไปไม่ทันขึ้นเครื่องน่ะค่ะ"
ฉันต้องโกหกคุณป้าเพราะฉันต้องการจะอยู่ที่นี่ ฉันอยากที่จะอยู่ใกล้ ๆ พี่นัทให้นานที่สุดหลังจากที่ไม่ได้เจอพี่เขาถึง 5 ปี ที่จริงฉันแอบชื่นชอบพี่นัทมาตั้งแต่ยังเด็ก พี่นัทเป็นความรักครั้งแรกของฉัน จนมาถึงตอนนี้ฉันก็ยังชอบพี่เขาอยู่ ฉันจึงอยู่ที่นี่เพื่อรักแท้...
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...รับรองว่าเรื่องราวจะเข้มข้นมากกว่าเดิมค่ะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ
3 สิงหาคม 2547 11:48 น.
สุชาดา โมรา
เวลาผ่านไปยาวนานเหลือเกินจนฉันลืมเรื่องราวร้าย ๆ ในชีวิตไปหมดสิ้นแล้ว บริษัทของฉันรุ่งโรจน์ขึ้น ฉันมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น และฉันก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตที่โสด ๆ ด้วย แหมมันช่างสบายใจดีจริง ๆ
คุณยุทธพงศ์คะ อ่านนี่หน่อยนะคะ
พนักงานคนหนึ่งพูดเสียงดังลั่น จนข่าวลือรู้กันไปทั้งบริษัท มีเพียงฉันคนเดียวที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย ยิ่งนานวันข่าวยิ่งพูดกันหนาหูมากขึ้นจนทำให้ฉันรู้จนได้ว่าเรื่องอะไรแต่ฉันก็ทำเฉย ๆ เพื่อให้ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันนี้จบการประชุมเพียงเท่านี้
คุณกิ๊กครับ ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ
ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร แต่สิ่งที่ฉันกลัวก็คือข่าวลือที่มันก็เป็นความจริงเสียด้วย ไดอารี่เล่มน้ำเงินของฉันหายไปเล่มหนึ่ง ฉันหามันมาตลอดแต่ก็ไม่เจอ แต่ก็ช่างเถอะฉันก็ทำเฉย ๆ ไว้ก็เท่านั้นราวกับว่าไม่มีอะไร ทำใจเย็น ๆ แต่จริง ๆ แล้วหัวใจมันเต้นรัวราวกับกลองทีเดียว
กิ๊กคุณเคยรักผมบ้างไหม?
คำพูดนี้แหละที่ทำให้ฉันใจหวิว ๆ ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะตอบยังไงดี ฉันรู้สึกว่าฉันดีใจเหมือนกับได้ของเล่นเมื่อตอนเด็ก ๆ เลย คำพูดประโยคนี้เป็นคำพูดที่ฉันรอคอยมานานแสนนาน และฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเอ่ยปากถามฉันขึ้นมาเองด้วยซ้ำ
คุณไม่ต้องตอบอะไรทั้งนั้นนะ ผมอยากให้คุณมากับผมเดี๋ยวนี้เลย
เขาฉุดแขนฉันออกจากห้องประชุมและพาขึ้นรถคันหรูของเขาฉันได้แต่คิด คิด คิด คิดแล้วก็คิดอีกว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป เขาจะพาฉันไปไหน ไปทำอะไร แล้วฉันจะวางตัวอย่างไรถูกในเมื่อเขามีคนรักของเขาอยู่แล้วฉันคิดอยู่นานจนมารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเขาเปิดประตูให้ฉันลงจากรถแล้ว
ตึง
เสียงปิดประตูดังขึ้น ฉันสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังตีหน้าเฉย ๆ อยู่ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คุณจำได้ไหมว่าเราเคยพบกันครั้งแรกที่นี่
ฉันจำได้ดีว่าวันนั้นฉันเพิ่งกลับมาจากปารีสได้เพียง 2 วัน ฉันรู้สึกเหงา ๆ ไม่รู้จะไปไหนก็เลยมาที่แห่งนี้ มาปล่อยอารมณ์ให้ทอดไปกับสายลม มองดูนกฝูงใหญ่ และก็มองดูว่าวมากมายที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า และว่าวก็มาตกลงตรงหน้าฉัน มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาเก็บจากนั้นฉันเลยได้รู้จักกับเขาคนนั้น
ใช่ฉันจำได้
ก็ดี ผมจำได้ว่าว่าวมาตกที่ตรงหน้าคุณ และว่าวมันก็ทำให้ผมต้องเลิกกับแฟนเก่าของผมเพียงเพราะผมเดินมาเก็บว่าวและก็คุยกับคุณ 5555 ขำจริง ๆ เลย ผู้หญิงนี่บทจะเลิกก็เลิกง่าย ๆ นะ จริงไหม
พอฉันได้ยินเสียงหัวเราะของเขา มันก็ทำให้ฉันเบิกบานหัวใจ รู้สึกอกชื้น ๆ เหมือนต้นไม้ที่มีใครเอาน้ำมารด วันนี้ฉันจึงยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดเลยละ
กิ๊ก ไป
ไปไหน
เขาฉุดฉันวิ่งไปรอบ ๆ พาไปดูนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า ให้อาหารนก ให้อาหารปลา ฉันรู้สึกเพลิดเพลินจริง ๆ เพราะนานมาแล้วที่ฉันไม่ได้สนุกแบบนี้
ผมมีความสุขที่สุดเลยนะ
ฉันก็เหมือนกัน
ไปไปกับผมอีกทีได้ไหม
ไปไหน
เขาพาฉันวิ่งอีกครั้ง พาฉันไปซื้อว่าวมาเล่น
ผมจำได้ว่าคุณเล่นว่าวไม่เป็น วันนั้นที่ผมเลิกกับแฟนผมก็มีคุณนี่แหละที่ปลอบใจผมและก็มาเล่นว่าวกับผม วันนั้นเหมือนมันเพิ่งผ่านมาเองนะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะ 10 กว่าปีมาแล้ว
อืมจริง ๆ ด้วยนะ
เราหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างมีความสุขจนตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้าไปแล้ว ลมที่พัดแรง ๆ อยู่เริ่มพัดเอื่อย ๆ จนไม่มีลมจะพัดอีกแล้วอากาศเริ่มอึมครึม ความหนาวเย็นเริ่มเข้ามาสู่กายฉัน ฉันรู้สึกหนาวเหน็บจริง ๆ
กิ๊ก คุณรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีและตอนนี้ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจไปไหนแล้วด้วยผมอยากจะอยู่ตรงนี้นาน ๆ ทีเดียว
วันนี้เธอแปลก ๆ นะบอย
มันไม่แปลกหรอกกิ๊ก เพียงแต่คุณไม่ได้สังเกตผมเท่านั้นเอง
ฉันอึ้งไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลย
แต่งงานกับผมเถอะนะ ผมขอร้อง
ฉันไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น เขายื่นแหวนวงหนึ่งออกมา มือของเขาสัมผัสที่มือของฉัน เขาค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนให้ฉันช้า ๆ แต่ฉันก็ต้องหดมือกลับมา
ไม่ได้นะ แล้วคนรักของเธอล่ะ
ผมเลิกกับเขาไปนานแล้วละ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่
ทำไม
ฉันถามแบบงง ๆ
เพราะผมรู้ว่าใจผมคิดยังไง และผมก็รู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับผม โดยเฉพาะเวลาที่ผมได้อ่านหลักฐานสำคัญของคุณมันทำให้ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้รู้ว่าคุณแคร์ผมมากแค่ไหน คุณไม่ต้องพูดไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ผมจะบอกคุณให้ฟังว่าจิรมลนางแบบชื่อดังของคุณแอบเอาไดอารี่เล่มน้ำเงินมาให้เลขาของผม ผมจึงได้อ่านไดอารี่เล่มนั้น ผมจึงได้รู้ความจริงหลาย ๆ อย่างผมเลยตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม และผมอยากจะบอกคุณว่าผมรักคุณนะ แต่งงานกับผมเถอะนะ
ฉันรู้สึกดีใจเป็นที่สุด จนลืมตัวเองว่าเป็นผู้หญิง โผกอดเขาไปโดยไม่ได้คิดถึงความเสียหายใด ๆ นักเรียนนอกหัวโบราณอย่างฉันก็ทำอะไร ๆ ที่คนรักกันหลาย ๆ คนแสดงออกต่อกันได้เหมือนกัน เฮ้อฉันอยากจะตะโกนก้องฟ้าเลยว่า ดีใจเหลือเกิน!!!!
เขาบรรจงสวมแหวนให้ฉัน และฉันก็รับแหวนนั้นมาโดยดีฉันมีความสุขในชีวิตมากทีเดียว หัวใจฉันเต้นรัวราวกับกำลังดิสโก้อยู่ ฉันดีใจที่ความหวังของฉันเป็นจริง คนไม่เคยสำคัญก็คือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน นั่นเป็นเพราะเราต้องมองหัวใจตัวเองให้เป็น ต้องเห็นว่าใครดีใครไม่ดี และต้องให้ความสำคัญกับคนที่เขาดีกับเราให้ดีที่สุดฉันรักเขาจริง ๆ
เฮ.
เสียงผู้คนในบริษัทมากมายโห่ร้องกันดังลั่น งานวิวาห์ของฉันสำเร็จไปได้เพราะจิรมลนางแบบคนดังคนสนิทของฉัน ถ้าวันนั้นฉันไม่ป่วยและจิรมลไม่ไปดูแลฉันที่บ้าน เขาคงไม่พบไดอารี่ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงของฉัน
ขอบใจนะจิรมล
ไม่เป็นไรค่ะ ก็เหมือนกับที่คุณช่วยคุณอาสาฬห์แฟนของฉันไงคะ
ฉันหัวเราะอย่างมีความสุขจริง ๆ และที่ต้องขอบคุณอีกคนก็คือแม่เลขาตัวดีของบอย
ขอบใจนะณัฐพร
เรื่องอะไรคะ
ฉันยิ้มและไม่ตอบอะไร จากนั้นฉันก็เดินไปตัดเค้กร่วมกับบอยอย่างหวานชื่น 32 ปีกับอายุที่ไม่ใช่น้อย ๆ เลย แต่ฉันก็มีความสุขกับชีวิตของฉันเป็นอย่างดี
ฉันโยนช่อดอกไม้สวย ๆ ให้กับคู่บ่าวสาวคู่ต่อไป คนที่รับช่อดอกไม้ช่อนั้นได้ก็คือณัฐพรเลขาของบอย ซึ่งก็ได้หมายมั่นไว้ว่าจะแต่งงานกับตะวันลูกชายเจ้าของสำนักพิมพ์ชื่อดังของเมืองไทย ดูเขามีความสุขดีนะ และเขาก็ประกาศแล้วว่าเขาจะแต่งงานเป็นคู่ต่อไป
เสียงหัวเราะกันครื้นเครงในบริษัทแห่งนี้ กับงานแต่งงานที่รู้กันเฉพาะในวงการ มีนักข่าวมาประปราย มีญาติผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายมาเป็นสักขีพยาน ถึงแม้ว่าเราจะไม่เด่นไม่ดัง งานจะไม่หรูหราจนน่าเกลียดแต่เราก็มีความสุขมาก และก็สัญญากันไว้ว่าจะรักและใช้ชีวิตร่วมกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ช่วงเวลาต่อไปนี้แหละจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตของฉัน ฉันจะตั้งใจเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีของเขา ฉันจะต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ ๆ กับเขาให้ดีที่สุด
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ
3 สิงหาคม 2547 11:45 น.
สุชาดา โมรา
จะมีใครบ้างนะที่เคยรู้ถึงความรู้สึกของคนที่เป็นผู้ให้ ซึ่งเขาทำให้เราทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่าง จนบางทีสิ่งที่เขาทำอยู่อาจไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฉันรำคาญ แต่เขาทำไปเพราะเขารักฉันจริง ๆ เหมือนความรักของพ่อแม่ เหมือนความรักของญาติผู้ใหญ่ของฉัน เหมือนความรักของใครอีกหลายคนที่ทำให้ฉันด้วยความจริงใจแต่ฉันกลับเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักเขาดีพอ ไม่รู้จักใจของตัวเองว่าคิดอย่างไร
ฉันเคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญบ้างหรือไม่สำหรับชีวิตของฉัน ฉันเคยคิดว่าขณะนั้นฉันดูแลเขาดีพอหรือยัง ฉันให้ความสำคัญกับคนที่รักฉันถูกคนหรือเปล่า ฉันให้ความสำคัญกับคนที่ให้วัตถุคุณมากกว่าคนที่ให้ความรู้สึกที่ดี ๆ กับฉันบ้างหรือเปล่านะ ฉันเกิดความสับสนในใจอยู่หลายครั้งจนทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก สมองตื้อตึงไปหมด เครียดจนไม่รู้จะเครียดยังไงเฮ้อแต่ก็นั่นแหละสิ่งที่ฉันได้คิดก็คือ ฉันไม่เคยทำอะไรที่ดี ๆ กับเขาเลย แม้แต่จะพูดจาไพเราะรื่นหูสักหน่อยก็ไม่มี
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันคือเขา แต่ฉันกลับมองข้ามเขาไปนั่นเป็นเพราะความโง่ของตัวฉันเอง แต่เมื่อฉันได้คิดไตร่ตรองอะไรดี ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันต้องมองเขาด้วยหัวใจมองด้วยแง่มุมที่รับรู้ถึงการเป็นผู้ให้และผู้รับ ซึ่งฉันไม่เคยเป็นผู้ให้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ฉันก็พยายามเปิดใจให้กว้างขึ้นเพื่อที่จะมองเขาด้วยใจที่เป็นกลาง โดยไม่เห็นแก่ตัวจนเกินไป ไม่คิดเข้าข้างตัวเองฉันจึงเปิดใจและจึงรับรู้ได้ว่าเขารักฉันและฉันก็รักเขามาก
แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่ควรมีความรักในตอนนี้เพราะฉันไม่มีเวลาพอที่จะใช้หัวใจมองอะไรได้ นั่นเพราะฉันเพียงแค่มองอะไรแค่ฉาบฉวยแล้วก็ตัดสินว่าใช่หรือไม่ใช่ และฉันก็กลับมองดูความร่ำรวยและก็ความจนของคนที่ข้าวของที่เขาใช้ เขาสวมใส่ ดูในสิ่งโก้หรูแต่ฉันไม่เคยมองความดีของคนตรงที่เขาแสดงให้ฉันเห็นเลย ฉันมองอะไรหลายอย่างด้วยตาแล้วฉันก็ตัดสินคนเพียงแค่เวลาไม่เกิน 5 วินาที มันทำให้ฉันต้องสูญเสียมิตรภาพที่ดีดีจากเขาไป เพียงเพราะฉันอ้างกับใจและตัวของฉันเองว่าไม่มีเวลา ไม่เคยมีเวลาเลยสักนิดเดียว นั่นเป็นเพราะฉันไม่เคยสนใจอะไรเลยนอกจากตัวฉันเอง ฉันไม่เคยให้ความสำคัญต่อสิ่งนั้นเลย รวมทั้งต่อคนที่เขารักฉันด้วยใจจริงคนนั้น
ถ้าฉันได้ลองมองเขาตั้งแต่ตอนนั้น และก็มองย้อนกลับไปดูว่าทำไมเราถึงมีเวลาทำอะไรหลาย ๆ อย่างมากมายในแต่ละวัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญต่อชีวิตฉันเลย ไม่ว่าจะเป็นงานสังคม งานเลี้ยงสังสรรค์ในสังคมโก้หรูที่มีแต่ความจอมปลอมบนโลกใบนี้ เพราะเราให้ความสนใจและให้ความสำคัญต่อมัน ทำไมฉันถึงไม่ลองให้ความสำคัญกับสิ่งที่ฉันลืมไป ฉันไม่เคยนึกถึงมาโดยตลอด โดยเฉพาะกับคนที่หวังดีกับฉันคนนี้แต่ฉันกลับไม่เคยมองเขาเลยสักนิด
ฉันจึงคิดว่าฉันต้องไม่ปล่อยให้มิตรภาพดี ๆ ต้องมีรอยร้าวเพราะเมื่อวันหนึ่ง เวลาหนึ่งที่คน ๆ นั้นต้องจากเราไปโดยมองหน้าเราไม่ติดแบบนี้ เราคงอายไม่กล้าสบตาเขาไม่กล้าพูดกับเขาทั้ง ๆ ที่เราก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้เขา และเขาก็มีเช่นกัน และถ้าวันหนึ่งเราจะต้องจากกันเราก็ควรจะจากกันด้วยความรู้สึกที่ดีดีต่อกันเราจะได้ไม่รู้สึกผิดและรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้ โถ่!!!ไม่น่าเลยเรา นั่นเป็นเพราะว่าเรายังทำดีกับเขาไม่เพียงพอใช่ไหม เพราะฉันไม่เคยเห็นคุณค่าของเธอเลยใช่ไหม บอย ตอนนี้ฉันคงพูดได้แค่เพียง ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันเสียใจนะบอย
เธอคือสิ่งที่ไม่สำคัญกับฉันในตอนแรก นั่นเพราะฉันไม่เคยสนใจไม่เคยเห็นคุณค่าในสิ่งที่เธอมอบให้มาเลย ฉันขอโทษนะบอย และตอนนี้ฉันก็รู้ตัวแล้วละว่าเธอคือคนพิเศษของฉัน เธอคือคนที่สำคัญของฉันเสมอ บอยได้โปรดเถอะ กลับมาหาฉันนะฉันขอร้อง
ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันรู้สึกอย่างไร บอยฉัน ฉัน ฉัน จะให้ฉันพูดอย่างไร จะให้ฉันทำอย่างไรกันในเมื่อฉันเป็นผู้หญิง ฉัน ฉันรักเธอนะบอย
ฉันได้บันทึกเรื่องราวถึงความรู้สึกที่ฉันรู้สึกผิดรวมทั้งสิ่งที่ฉันเพิ่งค้นพบตัวเองเจอก็ต่อเมื่อสายไปแล้ว
บรื้น
ฉันขับรถตามหาเขาไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ไม่พบเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเขา บ้านญาติ ๆ ที่ฉันเคยไป หรือแม้แต่ที่ที่เขาชอบไปด้วย สิ่งที่ฉันได้มันคือความว่างเปล่า ความว้าเหว่ในจิตใจ มันทำให้ฉันรู้สึกผิดและรู้สึกว่าแย่ที่สุด เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ฉันผิดหวังและสิ้นหวังจริง ๆ เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับเธอ เธอรู้ไหมว่าฉันแคร์เขามากแค่ไหน
ฉันจึงกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่บริษัทอีกครั้ง ฉันจอดรถด้วยความรู้สึกที่หดหู่สิ้นหวังเป็นที่สุด ทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออกเลย ฉันรู้สึกว่าขณะนี้ฉันอ้างว้างเดียวดาย หาที่พึ่งไม่ได้
บอย
ฉันตะโกนลั่นสุดเสียง เขาหันกลับมามองฉันช้า ๆ ฉันรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เจอเขาอีกครั้ง
มีอะไรเหรอกิ๊ก
ฉันขอโทษนะ กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม
เขาเงียบและก็เรียกใครคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากบริษัทของฉัน
นี่พลอยแฟนผม
คำพูดนี้แหละที่ทำให้ฉันตกใจมาก ๆ ถึงมากที่สุด ตัวชาหน้าชาทำอะไรไม่ถูก เหมือนใครเอาน้ำเย็น ๆ มาสาดดังโครม!!! ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ รู้สึกยิ่งกว่าอ้างว้างเสียอีก บอยเธอมีคนอื่นแล้วเหรอ
กิ๊กเธอเป็นอะไรไปน่ะ กิ๊ก
เอ่อเอ่อมะไม่เป็นไร
เ.ออผมไม่โกรธคุณหรอกนะ ที่ผมมาวันนี้ผมไตร่ตรองดีแล้วละว่าผมจะพาพลอยมาฝากงานกับคุณ เธอเก่งเรื่องการตกแต่งภาพ รับรองว่าเธอจะทำให้บริษัทคุณไม่ผิดหวัง
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
เสียงนี้ยิ่งทำให้ฉันขมขื่นใจยิ่งนัก ถ้าฉันไม่รับคนชื่อพลอยอะไรนี่เข้าทำงานก็จะกระไรอยู่ มันจะดูน่าเกลียดไปมั้ง สิ่งนี้มันทำให้ฉันคิดหนักว่าฉันควรจะทำอย่างไรดี ถ้าปฏิเสธความสัมพันธ์ของเรามันคงจะจบสิ้นตรงนี้แน่ ๆ ฉันจึงตัดสินใจรับเขาเข้ามา
เริ่มงานเลยละกัน
วันนี้เลยเหรอคะ แล้วเรื่องเงินเดือนล่ะคะ
อย่าเพิ่งเร่งรัดสิคุณ เดี๋ยวเจ้าของบริษัทก็ว่าเราไม่ดีหรอก
ฉันดูทั้งคู่มีความสุขดีนะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วในเมื่อเขามีความสุขเราก็ควรมีความสุขไปด้วยถึงจะถูกต้องเฮ้อชีวิตของฉัน เฮ้อ ฉันต้องถอนหายใจหลายครั้งทีเดียวแต่ฉันก็ยังคงยิ้มรับสู้ได้นะ เพราะอย่างน้อย ๆ ฉันก็ได้รู้แล้วว่าการพูดดี ๆ มันทำให้มิตรภาพยั่งยืน การที่เราใจกว้างมันทำให้ได้อะไรมาหลาย ๆ อย่าง และการที่เรารู้จักคำว่าขอโทษมันคือแรงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เรากล้าที่จะเผชิญหน้าสู้กับเขาได้ นอกจากนั้นฉันก็รู้แล้วว่ารักคือการให้ รวมทั้งการให้อภัยในหลาย ๆ เรื่องด้วย เมื่อเราเห็นเขามีความสุขเราก็มีความสุขไปด้วย
บอย เธอจะกลับมาหรือเปล่า ฉัน
ฉันส่งใบลาออกคืนให้เขา
อย่าคิดมากนะกิ๊ก วันนั้นผมหุนหันเกินไป ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะ ต่อไปนี้ผมจะทุ่มเทเพื่องาน ผมจะตั้งตัวและเตรียมพร้อมที่จะแต่งงานให้เร็วที่สุด
ถึงแม้ว่าประโยคที่ฉันได้ยินมันจะทำให้ฉันรู้สึกใจหวิว ๆ ก็ตามแต่มันก็ทำให้ฉันเข้มแข็งมากขึ้น ฉันยิ้มรับคำพูดของเขาและยิ้มรับความรู้สึกของฉันได้ฉันก็ดีใจที่สุดแล้ว
3 สิงหาคม 2547 11:42 น.
สุชาดา โมรา
ตั้งแต่หมอนี่มาอยู่กับฉัน ทำให้ฉันมีความสุขมาก มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน เราร่วมกันสร้างบริษัทให้โด่งดังได้และก็ตีขนาบกับบริษัทเดิมได้ ตอนนี้แม้แต่คุณหญิงระเบียบยังมาตัดชุดที่บริษัทเราเลย ถึงแม้ว่าบริษัทเราจะเป็นบริษัทที่เล็ก ๆ ก็ตามแต่ฉันก็มั่นใจว่าจะไปรอด และไปได้ด้วยดี ลูกค้าของฉันหลายคนที่ยังติดใจในฝีมืออันปรานีตของฉันกับหมอนี่ก็ทยอยมาอุดหนุนบริษัททำให้บริษัทเดิมไม่พอใจใช้ยุทธวิธีเรียกร้องความสนใจโดยหานางแบบดัง ๆ มาแสดงโชว์ชุดที่ตัดเย็บแบบหรู ๆ เพื่อที่จะมาข่มกับเราแต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอก จริง ๆ นะ
กิ๊ก ผมติดต่อละครเรื่องหนึ่งได้ ผมว่าถ้าเราเป็นสปอนเซอร์ให้กับละครหลาย ๆ เรื่องรับรองว่าเราจะต้องดังกว่าบริษัทนั้นแน่ ๆ แล้วก็ถ้าเราเป็นสปอนเซอร์ให้กับนางแบบดัง ๆ ชุดของบริษัทเล็ก ๆ อย่างเราต้องขายดิบขายดีแน่ ๆ เลย
ฉันเห็นด้วยกับความคิดของหมอนี่ที่สุด เมื่อเราลงมือทำร่วมกันแล้วผลปรากฏว่าเป็นที่พอใจแก่เราทุกฝ่ายมาก ๆ เพราะเราร่วมมือร่วมใจกันสร้างฝันให้เป็นจริงจนเรามีชื่อเสียงที่ดีกว่าเก่า และเป็นที่ยอมรับแก่วงการอื่น ๆ ฉันจึงมีโบนัสพิเศษให้แก่พนักงานทุก ๆ คนด้วย
เมื่อบริษัทเราโด่งดังเพราะการสร้างสมความดีและการพัฒนาตนเองของบริษัทเราเป็นเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ฉันจึงเริ่มขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น ตอนนี้ก็มีนางแบบเป็นของตัวเอง มีสตูดิโอเป็นของตัวเอง มีช่างแต่งหน้าทำผมที่ดีเข้ามาอยู่ภายในบริษัท ทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียนเข้ามามากมาย ฉันเริ่มใส่ใจกับตัวเองมากขึ้น เริ่มแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดีกว่าเก่า เป็นไฮโซที่มีชื่อเสียง ออกงานสังคมมากขึ้น
กิ๊ก งานการไม่ทำเหรอ จะไปออกงานสังคมอีกเหรอ
อย่ามายุ่งกับฉันน่า นายมีหน้าที่อะไรก็ทำ ๆ ไปเถอะ นายเป็นแค่ลูกจ้างนะ
ฉันพูดแบบไม่คิดถึงจิตใจใคร พูดโดยไม่รู้ว่าหมอนี่จะโกรธหรือไม่ทำให้หมอนี่เดินหนีฉันไป ถึงกระนั้นฉันก็ยังไม่รู้ตัวว่าฉันผิดที่พูดอะไรแรง ๆ แบบนั้น คงอาจเป็นเพราะ supper - ego มันคงเข้าคอบงำจิตใจของฉันทำให้ฉันไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์และยับยั้งช่างใจที่จะไม่พูดไม่ได้
ปึง!!
อะไรเหรอบอย
ผมขอลาออก
ทำไมล่ะ
ฉันจับมือหมอนี่เอาไว้ แต่เขาก็สลัดมือฉันออก
ต่อไปนี้ผมจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว ผมรู้สึกผิดที่มาอยู่กับคุณที่บริษัทนี้ 10 ปีที่ผมอดทนกับคุณแต่ผมไม่เคยได้รับคำพูดดี ๆ จากคุณเลย ผมไม่ต้องการให้คุณมารักผมแต่ผมขอแค่คุณพูดดี ๆ กับผมเท่านั้นแต่คุณไม่เคยเลย ไม่เคยเลยจริง ๆ
อย่าไปเลยนะ บอย
ฉันตะโกนลั่นจนสุดเสียง พนักงานทุกคนมองดูฉันอย่าสมเพช ฉันเกลียดตัวเองจริง ๆ ที่เป็นคนแบบนี้ ฉันรู้สึกเสียใจบ้างแต่ก็ไม่เท่าไรนักเพราะฉันคิดว่าถึงไม่มีเขาฉันก็ทำงานสำเร็จได้ด้วยดีแน่นอน
5 เดือนผ่านไป
โอ๊ย!!!บ้าจริง ๆ เลย ช่วงนี้เป็นอะไรนะ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จเลยแม้แต่นิดเดียว บอยฉันขอโทษ ฉันเสียใจ
ฉันรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก รู้สึกได้ตอนนี้นี่เองว่าเราได้สูญเสียคนดี ๆ คนนึงไป ฉันรู้สึกแย่รู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ ฉันคิดว่าฉันจะต้องตามหาเขาให้ได้ ต้องพาเขากลับมา มาอยู่ร่วมกันอีกครั้งเป็นทีมเดียวกัน เป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง
ตุ๊ด ตูด ตุ๊ด ตุ๊ด
ฉันกดโทรศัพท์หาหมอนี่จนมือแทบหงิกแต่สิ่งที่ฉันได้คือ
หมายเลยที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ
ฉันรู้สึกหมดหวัง รู้สึกเศร้าใจเป็นที่สุด ขณะนี้สภาวะการณ์ทางบริษัทเริ่มแย่ลง พนักงานลาออกไปหลายคนเพราะการพูดการจาที่เลวร้ายของฉัน ฉันรู้สึกหัวหมุน รู้สึกเหมือนโดนทำร้ายจิตใจอย่างทารุณ
ฉันเพิ่งรู้สึกตัววันนี้นี่เองว่าการสูญเสียเป็นอย่างไร ฉันคิดถึงบริษัทเก่า คิดถึงเจ้านายเก่าที่พูดดี ๆ กับฉัน และฉันก็คิดได้ว่าแค่เพียงคำพูดคำเดียวของอดีตเจ้านายทำให้ฉันต้องลาออกในวันนั้น และเหตุการณ์นี้ก็อีกที่เป็นฉนวนทำให้หมอนี่ไปจากฉัน มันทำให้ฉันคิดได้หลายเรื่องว่าฉันไม่เคยพูดดี ๆ กับหมอนี่เลย
ฉันเขียนบันทึกไว้เล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเขาว่า
ฉันมีชีวิตที่สุขจนไม่รู้จะเรียกว่าสุขขนาดไหน ฉันมีหมอนี่เป็นคู่คิดที่ดี มีหมอนี่เป็นทีมงานที่เข้มแข็งเป็นแรงและกำลังใจให้ฉันเสมอมา ฉันมีความสุขทุกครั้งที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ จนกระทั่งฉันได้แยกตัวมาตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง ก็มีเขานี่แหละที่คอยมาช่วยเหลือฉันจนได้ดิบได้ดีขนาดนี้ หมอนี่เป็นแรงผลักดันพิเศษให้ฉันในทุก ๆ เรื่อง และฉันก็เริ่มเปลี่ยนจากคำว่าหมอนี่เป็นเขาโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยสักนิด
แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้สูญเสียผู้ชายดี ๆ คนนั้นไปแล้ว ทีแรกฉันคิดว่าก็แค่อาจจะรู้สึกเสียใจบ้าง เคยคิดอยู่หลายครั้งหลายหนว่าเราต้องการให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมดีหรือเปล่า แต่บางทีเราก็ไม่ได้คิดเช่นนั้นกลับจะรู้สึกว่าดีใจที่ได้มีชีวิตที่ปราศจากความรำคาญ เฮ้อต้องถอนใจยาว ๆ อยู่หลายครั้งทีเดียว ไม่ใช่เพราะดีใจหรอกนะแต่ฉันเกิดความสับสนในตัวของฉันเองมากกว่า ตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันต้องการอะไร คิดยังไงกันแน่ มันสับสนจนปัญญาไปหมดแล้ว รู้สึกเครียดและเบื่อหน่ายตัวเองเป็นที่สุด ทำไมฉันมันถึงได้โง่เง่าขนาดนี้ ผู้ชายดี ๆ คนหนึ่งที่เราพึ่งพาเขามาโดยตลอด เรากลับทอดทิ้งเขาไป เอาแต่ความสุขส่วนตัว คิดแต่เรื่องของตัวเองโดยไม่คิดถึงจิตใจของเขาเลยสักนิด เราเราบ้าไปแล้วจริง ๆ หรือนี่
3 สิงหาคม 2547 11:39 น.
สุชาดา โมรา
สิ่งที่มีในโลกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นภาพลวงตาเราเสมอ ไม่ว่าเราจะทำอะไร คิดยังไง เราก็มักจะมองไม่ออกทำอะไรไม่ถูกต้องตามที่ใจเราปรารถนา หากมีใครสักคนหนึ่งทำอะไรให้เราเสมอ ๆ เราก็มีความสุข แต่นั่นแหละ เราก็ไม่เคยที่จะเห็นคุณค่าของเขาเลย เราไม่อาจรู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา และเราก็ไม่อาจรู้เลยว่าเราผิดตรงไหนที่ทำไปแบบนั้น
สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมักเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญที่สุดเพราะนั่นคือสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวัน เราก็คิดอยู่ว่าเราก็ต้องเห็นอยู่แบบนั้นต่อไป ไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้มันสำคัญ ไม่เคยเห็นแม้แต่คุณค่าเลยสักนิด เหมือนกับการที่เราเห็นหน้าใครบางคนอยู่ทุก ๆ วัน คน ๆ นั้นวิ่งตามเราอยู่ทุก ๆ วัน ใส่ใจเราอยู่ทุก ๆ วัน เราก็มักจะเห็นแค่ว่าใครคนหนึ่งกำลังทำอะไรที่ดูแสนจะงี่เง่า น่ารำคาญ น่าเบื่อหน่ายที่สุด เป็นอะไรที่ทำให้เราเซ็งสุด ๆ และก็อยากจะหนีไปให้พ้น ๆ แต่เราก็ไม่อาจจะทำได้เพราะเราต้องเจอะเจอกันทุก ๆ วัน
กิ๊ก กินข้าวหรือยังไปทานด้วยกันไหม
กิ๊ก ทำงานเป็นไงบ้าง ผมช่วยไหม
กิ๊กวันนี้ผมเหงามากเลยอยากชวนคุณไปดูหนังรอบค่ำ คุณว่างหรือเปล่า
กิ๊กปีใหม่นี้ไปทำอะไรกินกันที่บ้านผมเถอะคุณแม่ท่านบ่นถึงนะ
กิ๊ก งานบวชน้องชายคุณให้ผมไปช่วยงานนะ
กิ๊กผมเห็นว่าสายไฟบ้านคุณเก่าแล้วให้ผมเดินสายไฟให้ใหม่นะ รับรองไม่คิดตังค์
กิ๊กกิ๊กกิ๊ก
สิ่งที่รับฟังอยู่ทุก ๆ วัน มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อน่ารำคาญสำหรับคนที่ขี้หงุดหงิด แต่นั่นแหละเราต้องเจอเขาทุกวัน สิ่งที่ดูคุ้นน่าคุ้นตาที่สุดก็คือหมอนี่ บางทีเขาก็สร้างความตลก บางทีก็สร้างความจุ้นจ้าน โดยเฉพาะเวลาที่กำลังเซ็งได้ที่ แต่เราก็ต้องทน ๆ เขาหน่อยเพราะเราจะหาเพื่อนที่ดี ๆ คอยช่วยเหลือเราตลอดเวลาแบบนี้ได้ยาก ถึงจะเบื่อก็ต้องจำยอมเขาละเพราะว่าเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง และก็ดูจะเห็นอกเห็นใจเราเป็นที่สุด
โอ๊ย!!!!เบื่อจริง ๆ เลย เช้ามาเจ้านายก็เรียกไปด่า โอ๊ย!!!!!.ปวดหัวจริง ๆ เลย
เป็นอะไรเหรอกิ๊ก บ่นเสียงดังลั่นออฟฟิตแล้ว เดี๋ยวเจ้านายเธอก็มาได้ยินหรอก
ช่างหัวประไร ไม่อยากทำงานที่นี่อีกแล้วละ
แล้วเธอมีทางไปเหรอ เดี๋ยวนี้หางานยากนะ
จะไปยากอะไรเล่า! นายลองมาเป็นฉันบ้างเอาไหม ทำดีไม่ได้ดี รู้งี้ไปอยู่บริษัทฝ่ายตรงข้ามดีกว่า
อย่าบอกนะกิ๊กว่าฝ่ายนั้นเขาชวนเธอไปอยู่ด้วย เธอทำงานที่นี่มา 5 ปีแล้วนะ นี่เธอจะทิ้งกันไปง่าย ๆ เหรอ
อย่ามายุ่งนะนายยุทธพงศ์ ฉันรำคาญนายที่สุดเลย
ปึง!!ฉันเอาหนังสือวางกระแทกโต๊ะอย่างแรงแล้วจึงเดินหนีไป
ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไป ฉันเสียงดังแค่ไหนกับยุทธพงศ์ แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนั้นก็คือฉันพิมพ์ใบลาออกอย่างหุนหัน ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ที่เจ้านายเรียกฉันไปต่อว่าต่อขานเรื่องดีไซน์ชุดราตรีหรู ๆ ให้นางแบบก่อนที่จะดีไซน์ชุดหนังบ้า ๆ อะไรนั่นให้ยายคุณหญิงระเบียบซึ่งเป็นขาประจำของบริษัท แล้วฉันก็ดิ่งไปหาเจ้านายที่แสนจะชิงชังของฉันทันที
ปึง!!ฉันกระแทกใบลาออกกับโต๊ะไม้สักหรู ๆ ของเจ้านายที่งี่เง่าเรียกฉันไปด่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง ระดับฉันแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องง้อใคร ฉันถือว่าฉันเก่งเพราะฉันจบมาจากปารีส เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังของวงการนี้ ฉันเปิดบริษัทเองก็ได้ หรือไม่ฉันก็ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามเลยจะดีกว่านึกแล้วก็แค้นใจ ฉันสะบัดก้นออกจากห้องเจ้านายทันทีโดยไม่เหลียวหลังกลับไปอีกถึงแม้ว่าเจ้านายจะแผดเสียงเรียกฉันดังลั่นเพียงใดก็ตาม
กิ๊กกลับมาหาฉันก่อนนี่มันอะไรกันเนี่ยกิ๊ก
เมื่อฉันก้าวเท้าพร้อมสัมภาระที่ฉันเก็บใส่กล่องใบโต ๆ ออกมาจากบริษัทแล้ว ฉันก็คิดว่าฉันจะไม่มีวันหวนกลับมาที่นี่อีก ฉันคิดแต่เพียงว่าฉันโกรธ ฉันแค้นและก็ชิงชังบริษัทนี้ ฉันไปโดยไม่บอกลาใคร แล้วฉันก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องแก้แค้นให้สำเร็จ ฉันจะเหยียบบริษัทที่ฉันทุ่มเทให้กับงานโดยที่ฉันจะไม่จดจำสิ่งที่ดี ๆ ของบริษัทนี้อีกเลย
บรื้น.ฉันขับรถคันโก้ออกจากบริษัท และก็ไปลาดตระเวนหาที่ทำกินแห่งใหม่ เพราะฉันพอจะมีเงินเก็บในบัญชีอยู่ก้อนใหญ่ เมื่อประจวบเหมาะกับทำเลดี ๆ ตึกดี ๆ ฉันจึงเหมาซื้อตึกหลังนี้หมดทั้งแถว และจัดแจงหามัณฑนากรที่ดี ๆ มาตกแต่งบริษัทให้สวยหรู ให้เป็นที่พอใจแก่ฉัน
เวลา 5 เดือนผ่านไป บริษัทฉันตั้งขึ้นด้วยแรงใจของฉัน สำเร็จด้วยมือของฉันเอง ฉันจึงเปิดรับสมัครพนักงานหลายแผนกด้วยกัน รวมทั้งดีไซน์เนอร์ที่จะมาแบ่งเบาภาระให้ฉันด้วย
ก๊อกก๊อกก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เชิญค่ะ นั่งตรงนี้เลยนะคะ
ฉันเรียกให้ใครคนนั้นเข้ามานั่งใกล้ ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งก้มหน้าก้มตาวาดแบบชุดต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ เพราะฉันคิดว่าใครคนนี้คงไม่เป็นที่ถูกใจฉันอีก หลังจากที่ฉันสัมภาษณ์มาเป็นจำนวน 15 คนแล้ว
สวัสดีครับ ผมมาสมัครงานครับ
เสียงที่คุ้นหูคุ้นตาที่สุดทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมาดูว่าเจ้าของเสียงนั่นว่าเป็นใคร ฉันจึงค่อย ๆ วางดินสอแล้วก็มองชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่เบิกบานจนแทบจะกระโดดกอดผู้ชายคนนั้นทีเดียว
ยุทธพงศ์
ฉันร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและก็ดีใจเป็นที่สุด
เธอมาได้ไงเนี่ย แล้วไม่ทำงานที่บริษัทเดิมแล้วเหรอ แล้ว
พอ ๆ ๆ ๆ พอก่อนตอบไม่ถูกแล้วเราเป็นเพื่อนซี้กันไม่ใช่เหรอ ถ้าเพื่อนไม่ไปกับเพื่อนแล้วเพื่อนจะอยู่ยังไงล่ะ
ขอบใจนะยุทธพงศ์
เลิกเรียกยุทธพงศ์ได้แล้ว เบื่อจะแย่อยู่แล้ว เรียกมา 5 ปีแล้ว เรียกบอยก็ได้ง่ายดี
จ้าบอย