24 มกราคม 2549 14:43 น.
สิปราง
ฤา จันทรามิฉายส่องระรองรัตน์
ไร้แสงฉัตรสกาวผ่องห้องเวหน
เฉกสีดำทาบหทัยในบัดดล
สิริหม่นหมองปราศ..ประไพพรรณ
สกาแอบแถบถิ่นประเทศไหน
แนวเนาไพรเพ่งพิศจิตหุนหัน
โสตสดับหว่างเวิ้งเอนกนันต์
ฤา มิมั่น..หมายปองจึงพ้องเมิน
ใครหนอใครป้ายสี..มธุถ้อย
ขอความหน่อย..ขจัดจ่าง..จึงห่างเหิน
ปลีกวิเวก..หรือไร..ใจเพลิดเพลิน
สราญเกิน..แดนสุข ณ หนใด
กลับมาเถิดเป็นพื้นภูมิ ณ แดนนี้
ถ้อยวจี..จะมิต้อง..ขุ่นข้องใส
โปรดกลับมาประดับนภ..ทะแนวไพร
เรียงล้อมให้สว่างมิ่ง.. ณ อิงจันทร์
25 กรกฎาคม 2548 14:43 น.
สิปราง
๑.
บุปผะระกำจาย ละอองพรายเป็นฝอยฟู
ปลดเปลื้องเนื่องอณู ราวน้ำค้างก็พร่างปราย
แสงอ่อนส่องแอร่ม ประกายแจ่มนั้นแลผาย
ลมหนึ่งผึ่งสบาย กระทบพุ่มละอองจร
๒.
ปีกบางเจ้าซานซบ อวลละอบมวลภมร
จุดหมายมิวายซอน ไซร้ ณ กลีบปทุมา
๓.
อีกหนึ่งคือนางนั้น ล่องเรือดั้นด้วยศรัทธา
หมายปองพระธรรมา หวังจะเด็ดแย่งภมร
ไร้ญาติและขาดมิตร จึงได้คิดถึงคำสอน
ประนมพระพรหมวอน บุปผานี้ข้าบูชา
20 กรกฎาคม 2548 12:54 น.
สิปราง
ดอกไม้หอมชื่นโชย ปลิดกลีบโปรยให้ชื่นชม
หอมออกที่ดอกพรม ลอดกุญชรสะอ้อนชาย
อิงแอบเพื่อแนบข้าง ปลดใจวางไม่ห่างหาย
ขอพัก ณ ใจกาย เอื้อนเอ่ยปลายสายสำเนียง
เอียงแก้มให้แนบชิด คางต่อติดชำมะเลียง
กลิ่นหอมก็โปรยเคียง ณ ยามเช้าเจ้าแมวเซา
ง่วงงุนและซุนซบ ยินเสียงขบฟันเบาเบา
หลับผล๋อยและคอยเฝ้า จูบยามเช้าที่แก้มนวล
ไออุ่นจากอกแฝง ยากจะแปลงเมื่อรัญจวน
มือใหญ่กุมมือชวน มือน้องน้อยก็คอยตาม
เสียงนกก็วกแว่ว ฤาเจื้อยแจ้วเพื่อแว่วถาม
เช้าแล้วแม่นงราม ได้ฤกษ์ยามช่วยตื่นที
21 มกราคม 2548 18:10 น.
สิปราง
อินทรวิเชียร ฉันท์ ๑๑
กุหลาบกำซาบกลิ่น ดั่งรสรินฤดีเคียง
หวานชื่นรื่นสำเนียง เสนาะไซร้ฤทัยครอง
พุดซ้อนที่ซ่อนรัก ช่างยากนักหักใจปอง
กลีบรสหากทดลอง ก็ยากลี้ ณ ที่ใด
เอื้องเอยเมื่อเชยดอก เผยหอมออกยากบอกใคร
ขจรระรินไกล ภมรซาบเยื้องกรายรุม
เจ้าโสกโยกระย้า สีแดงจ้ามาลาคลุม
อย่าเศร้า ณ เจ้าพุ่ม จรจะมุ่งละมุนมาลย์
ชงโคช่างโก้สม น่าภิรมย์ด้วยวงศ์วาน
เด่นดวงละออการ ผลิแย้มยิ่งมิ่งอำไพ
จำปีนี้ผ่องแผ้ว รำเพยแถวทั่วแนวไพร
ไล้ลี้พิรี้ไร งามพร้อมกลิ่นประทินชม
ไก่แก้วพิศสกาว ช่อพะพราวแฉล้มพรม
ขาวผ่องป้องภิรมย์ อย่าหมายล่วงพิสุทธิ์อร
เข็มสร้อยช่างช้อยช่อ เก็บกิ่งก่อรอภมร
พวงพรรณบั่นจากจร ถนอมยิ่งมิทิ้งไกล
หางหงส์ทั่วดงถิ่น ขจรสิ้นทั้งพงไพร
เกลื่อนกล่นละมุนไม ผกาแย้มจรุงลาน
ดาหลาทรงวิลาส อุปมาสเกษมพาน
งามล้ำจำรัสจาร อนึ่งดวงเลิศรตี
ดอกดินมิสิ้นสูญ กิจอังกูรปฐพี
ไหวช่อล้อวารี ให้โปรยพร่าง ณ แดนทอง
อุบลมงคลหล้า สิวันทาสถาผอง
ประทุมเศวตครอง พร้อมถวายพระสัมมา
**********************
19 มกราคม 2548 18:30 น.
สิปราง
๑.
รัศมีฉายส่องทั่วท้องหล้า
ประมวลมาสร้างเสริมเติมประสาน
กอปรก่อเนื่องเรื่องวิถีมีมานาน
ถ้วนทั่วตามสรรพสิ่งอิงสุรีย์
๒.
กางปีกกล้าถลาแล่นแดนผาสุก
ร่อนอกรุกดุจกินนรจรสุขี
แจ่มใสเสียงสำเนียงแว่วแววอารี
ประหนึ่งศรีลาวัลย์มาพันทอง
ปีกหางงามสะอ้านอาดบาดดวงเนตร
รจเรขนับเป็นหนึ่งไม่พึงสอง
ทั้งสรีร์ดั่งกนกครอบปรกครอง
รูปทิพย์รองเรืองเพริศประเสริฐอัน
๓.
พนาไพรใหญ่น้อยคอยวิหก
กลางเขตปกสิขรอ้อนสวรรค์
ปีกแห่งผืนพฤกษ์ไพรในนิรันดร์
สถานอันจรรโลงหล้าหากล่อมพงศ์
ฤามีเพียงถิ่นฟ้าอาภาอาสน์
พิมานพาดห่อนหมายจะกลายหลง
สืบสร้างกองบุญญาศรัทธาคง
จะดำรงถึงถิ่นกลิ่นวิมาน
หวังซึ่งเพียงปีกเสรีปีติสม
สังวรลมพรมร่างให้พร่างขาน
เผยปีกรับแสงสุรีย์นี้ชั่วกาล
ฤาเทียบทานเสมออิ่มนั้นปริ่มพรหม
--------------------------------