22 มีนาคม 2547 12:46 น.
สิดามัน
5
การรอคอย
หลังจากที่ผมได้เจอเธอชีวิตของผมก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมกลับมีความรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวของผมมากขึ้น และผมมักจะมองมันอย่างสวยงาม และคิดว่ามันคือสิ่ง ๆ หนึ่งที่จะส่งผลให้สิ่งๆ หนึ่งเกิด อย่างกับที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบกับเธอเพียงแค่สมุดบันทึกแค่เล่มเดียว ตั้งแต่วันที่ผมเอาสมุดบันทึกไปคืนเธอ ผมยังไม่กล้าที่จะโทรหาเธอเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรทั้ง ๆ ที่เธอก็คุยกับผมดี อาจเป็นเพราะผมคิดมาก กลัวว่าเธอจะยุ่ง หรือเธอทำงานอยู่ ผมเลยไม่กล้าโทร แต่ผมยังคงจำทุกคำพูดทุกกริยาที่เธอทำต่อผมอย่างชัดเจน ราวกับว่ามันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ผมไม่รู้จะทำอย่างไรตัวผมรู้สึกปั่นป่วน ดวงจันทร์ที่เคยดูยามค่ำคืนที่ผมรู้สึกสงบ กับเปลี่ยนเป็นหน้าเธอ ผมรู้ รู้ว่ามันอาจจะไกล เธอเหมือนดวงอาทิตย์ ที่หลาย ๆ คนได้รับความสุข ความอบอุ่นจากเธอ แต่แสงที่เธอสาดส่องมาอาจทำให้ผมที่เหมือนฝุ่นธุลี หายไปล่องลอยไป โดยอาจไม่มีใครเห็น และคงเป็นไปได้ยากที่ผมจะได้เจอกับเธอ เพื่อบอกเธอว่ารู้สึกดี ๆ อีก คงอีกไม่นาน ดวงจันทร์ดวงเดิมที่ผมใช้ปลอบใจในเวลาที่ผมเหงา ผมคงจะได้ขึ้นไปนั่งมองและพูดคุยด้วยอีกครั้ง แต่ตอนนี้ผมยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เลยว่า ผมรู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่
ทำไมฉันถึงยังคิดถึงรอยยิ้มและสายตาคู่นั้นของเขาอีกนะ ฉันคิดว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแต่สายตาและรอยยิ้มคู่กันก็คอยตามฉันตลอดเวลาที่ฉันหลับตา น้ำเสียงและการพูดที่ดูอบอุ่นของเขา เป็นสิ่งที่ฉันค้นหาอยู่หรือ ฉันยังตอบตัวเองไม่ได้ ฉันคงเข็ดกับความรักจนไม่กล้าที่จะเปิดใจรับใครแล้วหรือนี่ และความรู้สึกที่ฉันมีตอนนี้ หมายความอย่างไร เฮ้อ กลุ้มใจจริง ไม่น่าเลยฉัน ฉันไม่น่าจะลืมหรือซุ่มซ่ามเลย ไม่งั้นมันคงไม่ต้องทำให้ฉันนั่งถามตัวเองอย่างนี้หรอก เขาอาจไม่ได้คิดอะไรกับฉันก็ได้ ฉันว่า แต่เขาช่างดูอบอุ่น ทำให้ฉันมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้ ๆ แม้เขาจะไม่ค่อยพูดเลยตาม แต่ฉันสัมผัสถึงความรู้สึกผ่านสายตาเขาได้ทันที ทำไหมเขาทำให้ฉันจดจำเขาได้มากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นแค่คนทั่วไป หรืออาจจะเป็นเพราะฉัน รักเขา บ้าน่า.....คงไม่หรอก ฉันคิดว่าเวลาคงทำให้ฉันลืมเขาอย่างแน่นอน ฉันเองก็ยุ่งจะตาย ฉันคงไม่มีเวลาเอาเขามาคิดหรอก ใช่ไหม
ช่วงนี้ผมหนีหน้าเธอไม่พ้นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์ โฆษณา รวมถึงรายการต่าง ๆ ที่เธอมักจะไปปรากฏตัว ทำให้ผมละสายตาไปจากหน้าจอไม่ได้เลยซักครั้ง ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ใช่คนชอบดูรายการโทรทัศน์ ไม่ชอบฟังเพลง ชอบอยู่ในธรรมชาติ เธอกลับดึงผมเข้าสู่ความเป็นมนุษย์ในแบบสังคมเมือง ที่มีความสุขกับการเสพสิ่งที่เรียกว่าสื่อบันเทิง ซึ่งเมื่อก่อนผมเคยคิดว่ามันคงไม่จำเป็นกับผมเท่าไร แต่วันนี้ผมกับเห็นคุณค่าของมัน ผมคิดว่ามันทำให้มีความสุขมากขึ้นเป็นสิ่งที่ช่วยผ่อนคลายให้ผมมีความสุขจากสังคมเหงา ๆ ภายในเมืองใหญ่แห่งนี้ ผมเองอยู่ตัวคนเดียวมานาน ไม่มีญาติพี่น้อง เพื่อนก็มีไม่มาก ความสุขที่เคยได้รับคือการได้อ่านหนังสือดี ๆ ซักเล่ม พร้อมจิบกาแฟ นั่งมองดูปลาที่ผมเลี้ยงไว้ กับต้นไม้ครึ้ม ๆ บริเวณระเบียงที่ผมอุตส่าห์เฝ้าดูแลและปลูกมัน เอาใจใส่มันแม้ผมจะไม่มีเวลาเลยก็ตาม แต่มาวันนี้ สิ่งที่ผมเคยทำอยู่กลับมีความสุขมากขึ้น เมื่อผมได้ฟังเพลงจากเสียงเธอไปด้วย ผมไม่รู้ว่าผมจะเป็นโรคคลั่งดาราหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าคงไม่ใช่ และหลาย ๆ ครั้งผมพยายามที่จะปิดโทรทัศน์ และวิทยุ แต่ผมกลับทำไม่ได้ มันกลายเป็นสิ่งเสพติด ที่ทีแรกผมไม่อยากจะติด แต่เมื่อผมไปอยู่ในหลายๆ ที่ เสียงเพลงของเธอที่เปิดในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตามห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือแม้แต่ที่ทำงาน ทำให้ผมร้องเพลงของเธอได้หลายเพลงเลยทีเดียว นี่ผมชอบเธอ หรือว่าผมมีความสุขกับสิ่งที่เธอกำลังให้ทุกคนกันแน่ ผมยังคงเก็บเบอร์โทรศัพท์ของเธอไว้ และคิดไว้หลายๆ ครั้งว่าจะส่งข้อความไปให้กำลังใจเธอแต่ความกล้าของผมยังมีไม่มากพอ กลัวเธอจะรำคาญ ทั้งๆ ที่เธอเองก็สร้างความสนิทใจให้กับผมอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน หลายวันมานี่ทำให้เพื่อนร่วมงานทักผมว่าไปทำอะไรมา หน้าตาดูผ่องใส และมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ ผมว่าผมอาจไม่ได้เปลี่ยนหรือได้ทำอะไร แต่ความสุขใจที่ผมมีอยู่นี้ อาจไปออกบนใบหน้าก็ได้ จนทำให้ผมพยายามลืม ๆ เธอ แต่คงทำไม่ได้ซักทีเพราะเสียงเธอ และตัวเธอ ปรากฏให้ผมเห็นอยู่ตลอดเวลา มีอยู่ทางเดียวที่ทำให้ผมไม่เจอเธอได้ คือ หนีเข้าป่า เพราะว่าคงจะไม่เห็นหน้าตาและเสียงเธอ ตามรายการโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อต่าง ๆ แต่ผมคงจะทำไม่ได้แน่ๆ เลย หลายวันมานี่พระจันทร์คงจะเหงา เพราะผมเอาเวลาที่เคยมองพระจันทร์มาใส่ใจกับกล่องสี่เหลี่ยมที่มีเธออยู่แทน
แม้จะเหนื่อยมามากมาย สองสามวันมานี่ฉันถึงหัวหมอนแล้วหลับเป็นตาย เวลาส่วนตัวแทบจะไม่เหลือเลย เพราะต้องไปอัดรายการต่างๆ เพื่อเตรียมโปรโมทงานชิ้นใหม่ของฉัน เหนื่อยเหลือเกินฉันอยากจะพัก แต่ด้วยการทำงานของฉันไม่สามารถเลือกอะไรได้ มันต้องทำหน้าที่ ในทุก ๆ วัน หลาย ๆ คนอาจเห็นว่ามีความสุข ฉันยอมรับว่ามันมีความสุขในบางจุด แต่หลาย ๆ จุดฉันอาจจะลำบากใจ อาจไม่พอใจ ฉันขาดคนที่คอยให้กำลังใจฉัน เวลาที่ฉันมีเวลาอยู่กับตัวเอง ฉันกลับคิดถึงแต่เขา ว่าถ้าหากมีสายตาและรอยยิ้มที่คอยมองฉันอยู่ ไม่ต้องพูดอะไรฉันก็คงจะมีความสุข หลายวันแล้วที่ฉันไม่ค่อยรู้สึกถึงเขา แสดงว่าอาการฉันเริ่มดีขึ้น อาจเป็นเพราะเวลาว่าง ๆ ที่เป็นส่วนตัวคงไม่มีด้วย ทำให้ฉันลืมไปได้เหมือนกัน แต่ยังไงยังไง ภาพของเขาก็ยังติดอยู่เสมอเวลาที่ฉันขาดกำลังใจ ไม่รู้สิ หรือว่าฉันรักเขางั้นหรือ
ผมนั่งคิดมาหลายคืนแล้วว่า ผมจะส่งข้อความไปหาเธอดีไหม ผมชั่งใจอยู่นาน แต่ผมคิดว่าผมคงจะไม่รบกวนเธอมากไป แค่เพียงผมส่งข้อความ ว่าผมติดตามงานเธอแค่นั้น แต่กว่าผมจะหาคำพูดที่ผมจะส่งให้เธอนั้นมันยากเย็นแสนเข็ญ ใช้เวลานานมากว่าตอนที่ผมพิมพ์ไปเสียอีก เอาเป็นว่าผมตกลงใจที่ส่งข้อความไปหาเธอ ด้วยข้อความที่ว่า
คุณคือดวงตะวันที่ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พร้อมยังส่องแสงให้ความสุขกับทุก ๆ คน ผมเป็นคนหนึ่งที่รอรับแสงแห่งความสุขจากคุณ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ผมจะคอยเป็นกำลังใจ
และผมคิดว่าผมมีความสุขที่ได้ส่งข้อความไปหาเธอ แต่ก็ยังกังวลว่าเธอจะคิดอย่างไรกับผมแน่ กลัวเธอจะรำคาญและอื่น ๆ อีกสารพัด ทั้งที่ไม่น่าคิด ผมอาจกังวลมากเกินไป แต่อย่างน้อยผมได้ทำในสิ่งที่ผมต้องทำแล้ว คืนนี้ผมคงหลับไปพร้อมรอยยิ้ม
22 มีนาคม 2547 12:32 น.
สิดามัน
4
ไม่คาดคิด
ผมตื่นเต้นตื่นตั้งแต่เช้ามารอเธอก่อนเวลาเกือบชั่วโมงได้มั้ง แม้วันนี้การจราจรไม่ค่อยติดเช่นทุกวันแต่ผมกลับมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ผมได้เผลอไปอ่านบันทึกของเธอเข้า ชีวิตของเธอน่าสนใจไม่น้อย ภายนอกเข้มเข็ง แต่ภายในยังแกร่งแต่ก็ยังเปราะบาง จนบางครั้งผมคิดว่าเธอไม่น่าไปทำหน้าที่นักร้อง เธอเหมาะกับการที่จะใช้ชีวิตกับคนที่เธอรักอยู่ที่ไหนซักแห่งที่ให้ความสงบ มีบรรยากาศที่อบอุ่น ชีวิตเธอคงต้องการเพียงเท่านั้น แต่ก็ไม่แน่เสมอไปเพราะความคิดกับการกระทำมันมักจะสวนทางอยู่เสมอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงด้วยแล้ว กฎเกณฑ์นี้มันเป็นไปได้สูง ด้วยอารมณ์อันอ่อนไหว ปากไม่แต่ใจอยาก ทำให้ผมเคยเสียคนรักของผมไปด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ และมันไม่มีวันที่ย้อนกลับมาได้อีก ด้วยสาเหตุเรื่องไม่เป็นเรื่องอาจเกิดขึ้นเพราะผม แต่ถ้าหากปากเขาตรงกับใจ ผมคิดว่าป่านนี้ผมคงไม่โดนความเหงาเกาะกินหัวใจ ที่มีแต่ร่างกายอยู่ไปวัน ๆ อย่างนี้หรอก แต่สองสามวันตั้งแต่ผมได้เก็บสมุดบันทึกเธอไป ผมรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดรูปถ่ายที่เธอแนบไว้เรียกรอยยิ้มผม รอยยิ้มที่ไม่ได้มีมานานตั้งแต่วันที่ผมได้โดนบอกลา กระดาษที่เธอแนบไว้ มีมุขตลก ๆ และปรัชญาที่เธอใช้ให้กำลังตัวเองเมื่อยามที่เธอท้อ เธอมั่นสร้างพลังในตัวเสมอ และเธอยังเผื่อแผ่มายังคนอื่นด้วย ขนาดผมไม่เจอเธอ ผมยังคงได้รับรู้ถึงพลังที่หลายๆ คนไม่มีพลังที่เธอถ่ายทอด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือท่าทางการพูด รอยยิ้มบนรูปถ่าย นับได้ว่าเธอให้ความอบอุ่นกับทุก ๆ คนก็ว่าได้ แต่เธอมานั้นแล้ว
วันนี้ที่ร้านกาแฟ ฉันไม่คิดเลยว่า คนที่เขียนบันทึกกับเขาจะดูไม่ค่อยสัมพันธ์กันเท่าไรนัก ภายนอกของเขาดูเข้มแข็ง แต่จากที่ฉันอ่านเขาดูเป็นคนอ่อนไหวเข้าใจคนอื่น แต่หลังจากที่ได้คุยกัน ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนอารมณ์ดีมองโลกในแง่ดี เรียกรอยยิ้มจากฉันไปได้ไม่น้อย ในทีแรกฉันคิดว่าจะขอบคุณเขา ที่เขานำสมุดบันทึกมาคืนให้ แต่ด้วยการพูดจาของเขาทำให้ฉันไม่สามารถปลีกตัวไปได้เลยจริง เขาดูมีความสุขในยามที่ได้ฟังฉันพูด ฉันคุย เขาตั้งใจฟังฉันพูดอย่างใจจดใจจ่อ แม้ทีแรกเขาจะออกจะเกร็งเกินไป แต่ก็นั้นละอาจเป็นเพราะฉันเป็นข่าวในหน้าหนังสือบ่อย ๆ ใครจะรู้ว่าตัวจริงของฉันออกจะขี้แหย่ บรรยากาศภายในร้านทำให้กาแฟอร่อยขึ้นมากทีเดียว เสียงเพลงและบรรยากาศทำให้ฉันหลุดไปอยู่ในที่ ๆ ที่ฉันคิดว่ามันช่วยให้ฉันได้รับความอบอุ่นขึ้น เขาอาจทำให้ฉันมีความหมายมากขึ้น แต่คงไม่หรอก เขาอาจจะมีแฟนอยู่แล้ว หน้าตาของเขาก็ไม่ได้ถึงขั้นหล่อ แต่เป็นคนที่มีเสน่ห์ไม่น้อยเลย แววตาของเขามีประกายแต่ว่าหม่นหมอง รอยยิ้มที่มุมปากของเขา แม้จะเป็นยิ้มแค่มุมปากแต่ก็ดึงดูดสายตาไม่น้อย แล้วทำไมฉันต้องมาบ่นถึงเขาในสมุดบันทึกของฉันด้วย ฉันไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลย แต่อย่างว่ามันอาจจะเป็นการพบกันแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียว และดูท่าทีเขาก็ไม่ได้อยากจะพบฉันอีก และวันนี้อาจเป็นความทรงจำดี ๆ ที่ประทับใจฉันวันหนึ่ง ฉันคงนอนหลับฝันดี
ไม่น่าเชื่อว่าตัวจริงของเธอจะน่ารักมากมายขนาดนี้ เธอเป็นคนที่ไม่ถือตัว และสมกับเป็นคนที่สร้างความสุขให้คนอื่นจริงๆ เพราะแค่เพียงเธอยิ้มก็สามารถทำให้คนมองเธอประทับใจมีพลังอย่างประหลาด ยิ่งท่าทางที่เธอพูดยิ่งดูสมกับตัวเธอจนหาข้อบกพร่องไม่ได้ เธอช่างคุย ทำให้ผมเคลิ้บเคลิ้มไปกับน้ำเสียงเธอ แววตาที่สดใส และน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะแจ่มใสกว่าตอนที่โทรไปคุยกับเธอ
เธอชื่นชมบรรยากาศของร้าน และคุยกับผมถูกคอ ซึ่งทีแรกผมก็เกร็งอยู่ไม่น้อย แต่ปรากฏว่าเธอทำให้ผมอยู่ด้วยและมีความสุข และผมเองก็ค้นหามานาน แต่มันอาจเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอมีคนมากมายที่หมายปองเธอ ผมเป็นแค่เพียงคนคนหนึ่ง แต่ว่าผมก็มีความสุขที่ครั้งหนึ่งเคยได้สัมผัสและรับรู้ ความเป็นตัวของตัวเองของเธอ อย่างใกล้ชิด ที่หลาย ๆ คนอาจอิจฉาผม คิดแล้วอยากให้เวลาตรงนั้นหยุดหมุน ผมจะได้ดูหน้าเธอนาน ฟังน้ำเสียงเธอ ผมว่าผมออกจะเพ้อเกินไปแล้ว
ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำให้ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้ แต่คงได้แค่วันนี้เท่านั้น พรุ่งนี้พอผมตื่นมา วันนี้ก็กลายเป็นอดีตเสียแล้ว ขอให้จดจำไว้ในมุมๆหนึ่งดีกว่า
19 มีนาคม 2547 11:59 น.
สิดามัน
3
เหตุบังเอิญ
วันนี้ผมรู้สึกไม่คุ้นเคย อาจเพราะด้วยไม่ได้เขียนลงสมุดบันทึกเล่มเดิม มันดูเหมือนผิดที่ผิดทางไปหมด อาจเกิดจากเมื่อคืนก่อน เธอที่ผมคิดว่าคุ้นหน้าคุ้นตา เธอคงเป็นดาราหรือนักร้องอะไรนี่ละ ผมว่าเธอดูหม่นหมองเหลือเกินเวลาที่ขาดแสงไฟ แต่สายตาเธอเปล่งประกาย แต่ดูไปนานๆ ก็เกิดความสวยอย่างประหลาด ความสมดุลไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ตา ปากจมูก ที่สอดรับกันอย่างมีเสน่ห์ จนผมเผลอจ้องหน้าไปอยู่นาน ผมว่าเธอมีรอยยิ้มที่สดใส แม้ผมจะไม่ได้เห็นมันก็ตามผมคิดอย่างนั้น เธอดูมีพลังในทุกก้าวที่เธอเดิน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอคิดอะไร แต่ที่แน่ ๆ สมุดบันทึกของเธอมันสลับกับของผมแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามสมุดบันทึกของผมและของเธอเหมือนกันอย่างกับแกะ ผมเองก็ยังงงอยู่เพราะวันนั้นต่างฝ่ายต่างเดินไม่ดู ด้วยเหตุที่ผมกำลังมองดาวตกอยู่เธอก็วิ่งเข้ามา ชนผม คงเป็นตอนนั้นที่ทำให้สมุดบันทึกของเราสลับกัน ผมก็พึ่งมารู้เมื่อก่อนเขียนนี่ละว่ามันหายไป ผมไม่กล้าไปจดบันทึกในสมุดของเธอ เพราะมันอาจมีความหมายมากมายที่ผมอาจทดแทนไม่ได้ สมุดบันทึกของเธอเหมือนกับกล่องแพนโดร่า ที่ทำให้ผมอยากไปเปิดดูอยากสัมผัสถึงตัวอักษรที่เธอนำมาร้อยเรียง ด้วยเหตุที่ผมรักการจดบันทึก ผมกลับอยากรู้ แต่เธอเป็นนักร้องวิธีชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร สมุดเล่มนี้ อาจจะบันทึกคิวงานการแสดงของเธอก็ได้ อาจจะไม่ได้มีความหมายอะไรมากนักทางด้านจิตใจ แต่คงจะมีความหมายทางด้านธุรกิจเสียมากกว่า สำหรับเธอ ดูเหมือนค้นหาบางสิ่งอยู่ แววตาที่มีเสน่ห์ หน้าตาที่หม่นหมอง ดูเหมือนหุ่นยนต์ของเธอ มันเหมือนความว่างเปล่า เธอเสน่ห์ของต่าง ๆ ของเธอดึงดูดให้สายตาของผมมองเธอ สมแล้วที่เธอเป็นนักร้องชื่อดัง ในชีวิตนี้ผมคงจะได้เจอเธออย่างใกล้ชิดแค่นี้
และแล้วความวุ่นวายก็เกิดกับฉันอีกแล้วหรือนี่ โอ้ย ฉันอยากจะบ้าตาย สมุดบันทึกของฉันดันไปสลับกับตานั้นเวรกรรมของฉันจริง ๆ สงสัยจะเป็นกรรมของฉันเวลาความสุขของฉันจะมีทุกข์ร่วมด้วยเสมอ ชายคนนั้นที่ดูท่าทางรักธรรมชาติ และดูอบอุ่นเป็นมิตร บ้าใหญ่แล้ว ถึงแม้ฉันจะคิดอะไรไปบ้าง แต่ฉันพอได้เปิดอ่านบันทึกที่เขาเขียนไว้ เขาดูช่างเหงาเศร้าไม่ต่างกับฉันเท่าไร แต่ดูห่างไกลกับฉันไม่น้อย เหมือนยืนอยู่กันคนละมุม แต่อย่างน้อยความชอบบางอย่างของเขาก็ไม่ต่างจากฉัน จุดยืนของฉันและจุดยืนของเขาต่างกัน ในความคิดของเขาที่ถ่ายทอดลงเป็นประโยค มันน่าจดจำไปเสียหมด และความเหงาของเขามันเข้าสู่จิตใจของฉันได้อย่างรวดเร็วราวกับว่าเป็นความเหงาของคนคนเดียวกัน ฉันรู้สึกว่าเขาอ่อนไหว และมีมุมมองที่รักผู้อื่น และนี่อาจเป็นความบังเอิญที่สมุดบันทึกของเขาตกอยู่ในมือของฉัน เพราะมันช่วยให้ฉันยังรับรู้ว่ามีคนเหงาอีกคนเช่นกัน และไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะออกมาดูพระจันทร์อีกหรือเป่า แม้พระจันทร์คืนนี้เป็นคืนเดือนมีดที่มันก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน อาจไม่ดูดีเท่ากับพระจันทร์ยามเต็มดวงแต่ก็มีแรงดึงดูดให้หลาย ๆ คนจ้องมอง อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แสงดาวดวงเล็ก ทอแสง แข่งกันในความมืด มิน่าเขาถึงได้หลงใหลพระจันทร์นัก
ป่าคอนกรีตตอนรับผมอีกครั้งด้วยฝุ่นควันและมลพิษ มันยอดเยี่ยมทีเดียวที่วันนี้ผมต้องเดินทางไปในหลาย ๆ ที่ ซึ่งบางที่ผมเดินเข้าไปในแบบผม แต่บางที่ผมต้องเขาไปแบบไม่ใช่ผม และวันนี้ผมคงต้องเอาหน้ากากมาหลายใบเพราะว่าต้องไปหลายที่ ธุรกิจเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าหาความจริงใจได้น้อย เรามักคุยกันด้วยผลประโยชน์เสียมากกว่า ความคิดต่าง ๆ ที่ในบางครั้งอันมีมูลค่ามหาศาลสำหรับบุคคลทั่วไป หรือกับโลก และสิ่งมีชีวิตต่างๆ นี้ กลับถูกปัดทิ้งด้วยเหตุที่มันไม่มีกำไรขาดทุน ไม่คุ้มทุน เป็นเหตุทำให้นักคิดต่างๆ สมองฝ่อ ท้อแท้ ไร้พลังในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ กำลังใจเท่านั้นที่อาจช่วยให้ก้าวผ่านปัญหาต่าง ๆ วิกฤตการณ์รอบ ๆตัวเกิดขึ้นทุกวินาที ผมคิดอย่างนั้น แต่ผมคงไม่นำเอาปัญหามารวมกัน เพราะบางปัญหามีความสำคัญแตกต่างกัน เวลาจะเป็นตัวแปรที่ทำให้เลือกที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้น อันไหนด่วน อันไหนช้า ทำให้ผมสบาย กับการทำงานถึงแม้จะไม่ค่อยชอบการทำงานแบบนี้ แต่มันเป็นงานที่ผมรัก ผมฝันไว้ว่าผมจะทำมันให้ดีที่สุด
จุดมุ่งหมายของผมอาจไม่ใหญ่เหมือนใคร ๆ แต่อย่างไรผมก็มีจุดหมายแม้หนทางที่จะไปสู่จุดหมายของผมอาจจะก้าวไปยากนัก แต่ถ้าผมค่อยๆ ก้าวซักวันก็คงไปถึง แม้จะช้าบ้างหรือว่ามีขั้นบันไดที่สูงเกินไปบ้าง ทำให้ต้องหาทางปีนป่าย หรือเอาอุปกรณ์มาปีนให้ผ่านไป อาจจะเหนื่อย อาจจะลำบาก อาจจะต้องได้ความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง แต่นั้นคงเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ให้ชีวิตคน ๆ หนึ่งมีความสุข ได้รู้จักคำว่าทุก คำว่า สุข ปนกันไป
สิ่งใดที่ได้มาอย่างยากลำบากอาจทำให้เราประทับไม่รู้ลืม
ความรักก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันคิดว่ามันอยู่ห่างไกลฉันเหลือเกิน จุดหมายของฉันก็คือมีคนที่ฉันรักซักคนคอยห่วงใยดูแลฉัน ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่เพ้อฝันแต่มันไม่ง่ายเลย ฉันเคยมีความรักมาแล้ว แต่มันความผิดหวังและรอยด่างในชีวิตฉัน ที่ฉันรัก คบกับฉันเพื่อหาผลประโยชน์ ไม่ต่างอะไรจากปลิง หรือทากที่คอยดูดเลือดไปเพื่อความสุขของตัวเอง ถึงอย่างนั้น บ่อย ๆ ครั้งฉันก็ไม่อาจจะลืมเขาได้ มันยังฝังอยู่ในช่องแห่งความทรงจำภายในช่องว่างของสมองอยู่เสมอ แล้วทุก ๆ ครั้งที่ได้ยินเสียงเพลงหรือภาพสถานที่มันจะคอยกระทุ้งช่องว่างนั้นให้ปริออกมาพร้อมกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ทำให้ฉันน้ำตาไหลขึ้นมาทุก ๆ ครั้งที่คิด ฉันอาจจะผิดเองที่รักมากจนไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ใครเตือนอย่างไรก็ฟัง แต่มันก็ช่วยฉันทำให้ฉันโตขึ้นเข้มแข็งรู้จักเด็ดเดี่ยวและยืนด้วยตัวของฉันเอง ถึงแม้เป้าหมายของฉัน จะเป็นความรักที่ฉันโหยหา แต่ฉันรู้ว่า ความรักมีปัจจัยและองค์ประกอบหลากหลาย การที่สร้างความรักนั้นมันไม่ง่ายนัก ความรักของฉันคงคล้ายกับการกลั่นน้ำ น้ำก็เปรียบเหมือนความจริงใจ ความเข้าใจ ความคิด การให้อภัย ความชอบที่คล้ายกัน ผ่านการต้มให้เดือด ซึ่งมันต้องใช้ความอดทน ระยะเวลา จนกระทั่งน้ำเดือดเป็นไอ และเวลาจะทำให้มันกลั่นตัวเป็นหยดน้ำรวมกันลงมาเติมให้เต็ม ซึ่งการเปรียบเทียบของฉันอาจฝังดูไม่เข้าท่านัก แต่ฉันคิดว่ามันเป็นรักในรูปแบบของฉัน ซึ่งแต่ละคนคงจะมีความรักในแบบของตัวเองอยู่แล้ว พรุ่งนี้แล้วซินะที่ฉันจะพบเขาและก็สมุดบันทึกของฉันจะกลับมาหาฉันเสียที ฉันนัดเขาไว้ที่ร้านกาแฟแถวที่ทำงาน จะว่าไปที่งานเขากับฉันไม่ห่างกันมาก แต่ว่าฉันจำหน้าเขาไม่ได้นี่สิ แย่เลย อืมเกือบลืมไป เขาก็มีเบอร์โทรศัพท์เรา และเราก็มีเบอร์โทรศัพท์เขานี่ อีกไม่นานเพื่อนคู่ใจของฉันจะกลับมาแล้ว เพราะฉันก็เบื่อเต็มทนแล้วที่จะต้องมานั่งเขียนใส่กระดาษเปล่า ที่ไม่คุ้นเคย แปลกใจจัง ไม่ว่าคนหรือสิ่งของเรามักจะมองไม่เห็นคุณค่าและคิดถึงมันเลย เวลามันอยู่กับเรา แต่เมื่อเสียมันไป หรือว่ามันพังไป ทำไมเราถึงได้คิดถึงแล้วมองเห็นคุณค่ามันหนัก แล้วทำไมเราไม่รู้จักดูแลและเห็นคุณค่าก่อนมันแตกสลายหรือหายไปละ
เป็นครั้งแรกที่ผมตัดสินใจหาโทรหาเธอเพื่อจะนัดเธอเพื่อคืนสมุดบันทึก เสียงของเธอดูสดใสต่างกับในบันทึกอย่างลิบลับ น้ำเสียงเธอทำให้ผมเห็นหน้าเธอทันทีว่าเธอพูดอย่างมีรอยยิ้ม และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือที่ทำงานของเธอกับที่ทำงานของผมไม่ห่างกันนัก ผมเลยนัดเธอมาเจอกันที่ร้านกาแฟ ซึ่งไม่ห่างจากที่ทำงานทั้งผมและเธอ ร้านกาแฟแห่งนี้ เป็นร้านที่มีสร้างความประทับใจให้ผมทุกๆ ครั้ง ด้วยบรรยากาศที่ให้ความอบอุ่น กลิ่นกาแฟอ่อน ๆ ลอยเรื่อยๆ พร้อมเสียงเพลงในยุค 60 ที่กล่อมให้กาแฟออกรสอย่างเต็มอรรถรส โซฟานิ่ม ๆ อยู่ริมกระจกที่มีน้ำไหลตลอดมองออกไปเห็นใบไม้สีเขียวอยู่เบื้อหน้า ด้านหลังเป็นภาพบรรยากาศการจราจรที่ขับขังที่ไม่ชัดนักเพราะถูกบดบังด้วยม่านน้ำที่พลิ้วไหว ช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้ง แม้วันนี้ผมจะรู้สึกตื่นเต้นที่ผมจะต้องไปเจอ ดาราศิลปินที่ผมคาดไม่ถึง แต่นั้นละจะทำอย่างไรได้ ผมไม่แน่ใจว่าผมจะทำให้เธอถูกใจหรือเปล่า ตามหน้าหนังสือพิมพ์ เธอดูเหมือนหงุดหงิดเจ้าอารมณ์ ขี้โมโหอยู่เสมอ แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น น้ำเสียงเธอที่คุยกับผมคล้ายกับเด็กที่เต็มไปด้วยความสดใส แต่ดูท่าทางลึก ๆ แล้วเธออาจมีปัญหาบางอย่าง ผมเดาว่าอย่างนั้น แล้วทำไมวันนี้ผมต้องตื่นเต้น จนจิตใจไม่อยู่กับตัว พรุ่งนี้แล้วซินะที่ผมต้องไปเจอเธอ ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี ผมอาจจะพูดไม่เก่งนัก แต่เธออาจแค่แวะมาเอาสมุดบันทึกแค่นั้น เป็นว่าผมคิดมากไป จงเตรียมตัวสู่วันพรุ่งนี้
ความเข็มแข็งจากภายใน จะส่งให้จิตใจเข็มแข็งด้วย
19 มีนาคม 2547 11:17 น.
สิดามัน
2
การเดินทาง
สัมผัสแรกที่ผมได้รับความรู้สึกหลังจากที่นั่งชมวิวทิวทัศน์มาทั้งวัน ก็คือความเขียวขจีที่เหล่าแมกไม้ต่างตอนรับขับสู่ด้วยความบริสุทธิ์ของอากาศที่ผมไม่ได้รู้มานาน ไอดินกลิ่นน้ำค้างที่กระทบปลายจมูกสร้างความสุขอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งต่างกับเวลาก่อนที่ผมออกเดินทางอย่างกับอยู่คนละโลก สังคมเมืองที่เต็มไปด้วยควันพิษ และอากาศมลภาวะที่แออัดยัดเยียดมันเหมือนข่มขืนให้ผมหายใจเข้าไปวันแล้ววันเล่า แตกต่างกับที่นี้ราวกับอยู่กันคนละโลก เสียงแมลงและนกร้องทำให้ผมหลงรักที่นี่ ไม่สิผมหลงรักป่าเกือบทุกป่าที่ผมไป ยกเว้นป่าคอนกรีตที่ผมจะพยายามลืมมันทุกๆ ครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้เสียทีไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยล้า ผู้จัดการส่วนตัวฉันบอกว่ามาถึงที่แสดงเรียบร้อยอีกสี่ชั่วโมงจะเริ่มการแสดง ฉันไม่คิดว่าที่ที่ฉันจะแสดงจะมีความเป็นธรรมชาติได้มากมายขนาดนี้ ฉันไม่คิดเลยว่า จะอยู่ท่ามกลางภูเขา ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสได้มาร้องเพลงในที่แบบนี้ ฉันคิดและฝันมานานมาก นานจนบางทีฉันอาจจะจำไม่ได้ว่าเมื่อไร ฉันดีใจที่ได้สัมผัสธรรมชาติที่ฉันไม่เคยได้รู้สึกมานานแล้ว ครั้งล่าสุดที่ฉันได้สัมผัสอาจจะเป็นเมื่อตอนที่ฉันมาออกค่ายอาสาสมัยอยู่มหาวิทยาลัย เวลาของฉันมันถูกกำหนดอย่างกับนาฬิกาทรายที่กำลังกลับอีกด้านเพื่อให้ทรายตกลงมา ตัวฉันไม่ต่างกันเท่า ฉันมีเวลาอีกสี่ชั่วโมงในการเตรียมตัว อาจจะได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติบ้าง แต่ว่า ฉันจะมีเวลาถึงเพียงนั้นเลยเชี่ยวหรือ ทุก ๆ อย่างยังวุ่นวายการเตรียมสคริป เตรียมคิว ท่าทางของฉันที่ฉันต้องเตรียมพร้อมภายในเวลาแค่สี่ชั่วโมงที่เหลืออยู่นี้ ฉันคิดว่าอีกไม่นานหนักความวุ่นวายและเสียงล่งเล้งชนิดย่อมๆ เกิดแน่ เพราะเหล่าบรรดาช่างแต่งหน้า แต่งผมทั้งหลายเตรียมตัวมาทำงานให้ฉันสวยขึ้น แต่หลายคนไม่เคยถามเลยว่า ฉันต้องการจะสวยไหม สวยเพื่ออะไร สวยเพื่อใคร ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันสวยในแบบที่ฉันเป็น ทำไมต้องมาแต่งเติมจนบางทีฉันไม่แน่ใจว่าฉันสวย อาจเป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง ที่บางครั้งความเหมือน หรือความสวยงามที่มีอยุ่นั้น หลายคนอาจมองไม่เห็นมัน ไม่มีคุณค่าไม่มีความหมาย แต่ถ้าหากเรารู้ว่ามันควรจะเพิ่มหรือวางมันให้ถูกที่อย่างเช่นนำดอกไม้มาใส่แจกันแล้วละก็ ของเดิมอาจดูไม่สวยก็อาจจะสวยได้ ฉันคิดอย่างนั้น แต่บางทีฉันเป็นคน ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้ ถ้าตอนนี้ฉันเป็นดอกไม้ ก็อาจจะเป็นดอกไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำยาคงสภาพ สารฟอร์มาลีนและก็ลวดอีกมากมายที่คอยยึดไม่ให้ล้ม ทั้ง ๆ ที่ก้านดอกและสิ่งต่าง ๆจะเริ่มไม่มีแรงยื่นด้วยตัวเองอีกต่อไปแล้ว แต่อาจเป็นที่ต้องการด้วยความหายากและดอกยังสวยอยู่ ทำให้หลาย ๆ คนพยายามทุกวิธีทางทำให้ดอกไม้นั้นยังสวยอยู่ถึงแม้จะหลอก ๆ ก็ตาม แต่อีกไม่นานเมื่อมีดอกใหม่ที่สวยกว่า ที่หายากกว่า น่าสนใจกว่า ดอกไม้ที่เคยสวยที่เคยแปลก หรือที่เคยนิยมก็กลายเป็นของที่ถูกเมินถูกทอดทิ้ง ไร้คุณค่า และน้ำยา ลวดต่าง ก็ทิ่มแทงกลีบดอกและก้านใบในถังขยะ
เสียงน้ำตกและน้ำไหลมันช่วยให้ผมผ่อนคลายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว อาจเป็นเพราะคนเราจริง ๆ ต้องการเพียงแค่ความสงบนิ่งหรือจิตใต้สำนึกของมนุษย์ยังคงต้องการและโหยหากับสิ่งที่เราจากมันมานานอย่างป่า ลำน้ำ จนบางครั้งผมรู้สึกได้ ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ จะรู้สึกอย่างผมหรือไม่ ที่เวลามองน้ำอาจคิดถึงบางสิ่งที่ช่วยสงบจิตใจ ธรรมชาติเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ มนุษย์เป็นเพียงกลไกลหนึ่งที่จะทำให้ระบบนิเวศสมบูรณ์ แต่อาจเกิดการผิดพลาดที่ทำให้มนุษย์เกิดมีความรู้ ความคิดความเจริญ จนกลับกลายเป็นว่า มนุษย์เป็นผู้ทำลายเสียเอง แต่กฎของธรรมชาติ ผู้เข้มเข็งกว่าถึงจะอยู่รอด ความคิดนี้อาจจะเป็นความจริง ทั้ง ๆ ที่หลายๆ คนไม่อยากต่อสู้ แต่ทุก ๆ อย่างทำให้ชีวิตต้องดำเนินไปอย่างนั้น ไม่มีใครหนีพ้นไปได้ ผู้เข้มแข็งย่อมชนะผู้ที่ด้อยกว่าอ่อนแอกว่า สภาพสังคมเมืองคง เหมือนลำน้ำที่ถาโถมเข้ามาเวลาที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ ความเร็วและแรงก็เพิ่มขึ้น มันคงจะเหมือนคนเราที่มักจะคิดแต่สิ่งที่ไม่ดี และพร้อมที่ไหลลงสู่ที่ต่ำอันเป็นสิ่งไม่ดีเหล่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องง่ายและเป็นจริงอยู่เสมอ และถ้าหากกระแสน้ำรุนแรง การต้านกระแสน้ำก็ทำได้ลำบาก สังคมที่โหดร้ายทำให้คนดีอยู่อย่างลำบากเช่นเดียวกับการยืนอยู่กลางหน้าผาน้ำตกที่พร้อมจะตกลงไปทุกเมื่อ เพราะมันคงจะเหนื่อยและอ่อนล้าเหลือเกินเรี่ยวแรงต่าง ๆของตัวเองคงจะหมดไป หากไม่มีแหล่งยึดเกาะยึดเกี่ยวร่วมกันต้านกระแสน้ำนั้น แต่ถ้าหาก กระแสน้ำนั้นเป็นกระแสน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ หรือเป็นน้ำนิ่ง ก็ไม่เป็นการลำบากเกินไปนัก ผมไม่แปลกใจเลยที่คนดีหลายคนต่างถอดใจ ต่างหลบหนีปัญหาอย่างนี้ นี่อาจเป็นสาเหตุที่ผมต้องหลบมาอยู่ในที่ๆ ผมคิดว่าเป็นแหล่งพักผิงที่จริงใจให้แก่ผมเสมอ ถึงแม้ผมไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่ผมรู้สึกว่าการที่ผมอยู่ที่นี้ผมมีความสุข
อีกไม่กี่นาทีแล้วสินะ ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อทุกๆ เพื่อความสุขของเขา รอยยิ้มที่ได้จากหลายๆ คน สร้างพลังให้กับฉันไม่น้อยเลยทีเดียว อันนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่ฉันเลิกที่จะร้องเพลงไม่ได้ เพราะรอยยิ้มหลายๆ รอยยิ้มที่จะคอยสร้างพลังและกำลังใจให้กับฉันไม่น้อย ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าพลังมวลชนจะมีอานุภาพมากขนาดนี้แค่รอยยิ้มที่ทุกคนพร้อมจะมีให้กับฉัน เสียงเรียกที่ดังกระหึ่มทำให้ฉันขนลุก นั้นเป็นความสุขที่ฉันได้รับหรือ ฉันเองยังไม่แน่ใจ แต่ครั้งนี้ฉันคิดว่าฉันคงทำให้ดีกว่าทุกครั้ง เพราะหลายคนพยายามที่จะมาดูฉัน ถึงแม้ฉันอาจไม่มีความสุขเท่าไรนัก แต่ฉันก็ยินดีที่จะทำให้ทุกคนที่มีความหวัง และมาให้กำลังใจฉันได้รับความสนุกกับไปบ้าง ฉันหวังไว้ว่าอย่างนั้น เหลือเวลาอีกนิดหน่อย ขอให้ฉันทำใจหน่อยแล้วกัน
ความเป็นเมืองต่างรุกคืบเข้า ผมคิดว่าอีกไม่นานธรรมชาติอันเงียบสงบแห่งนี้จะกลายเป็นเมืองย่อม ๆ เลยทีเดียว เพราะผลประโยชน์ที่ปกคุมด้วยธรรมชาติเหล่าเป็นสิ่งที่หอมหวนไม่น้อยสำหรับนายทุน กับธุรกิจที่อ้างถึงธรรมชาติที่น่าสัมผัส ความเป็นธรรมชาติที่จอมปลอมที่เหล่านักธุรกิจเหล่านั้นสร้างขึ้น โดยไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของระบบนิเวศน์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เลย นอกจากคิดถึงเงินที่จะทำอย่างไรให้มันมุ่งสู่กระเป๋าของตัวเอง มนุษย์ช่างเป็นสัตว์โลกชนิดเดียวที่มีความเห็นแก่ตัวและบ้าอำนาจมากที่สุด จนบางทีผมคิดว่ามนุษย์เป็นสัตว์โลกที่มีความต้องการไม่สิ้นสุด ไม่มีวันอิ่ม ไม่รู้จักคำว่าพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์สายพันธุ์ธุรกิจ เขาคงจะไม่คิดถึงความเป็นอยู่ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเท่าไรนัก เขารู้จักกับสิ่งที่เขาเรียกมันว่าเงินเสียมากกว่า และที่นี้ในตอนนี้ ในที่ผม หนีมา ยังมีธุรกิจตามมาหลอกหลอน เสียงดนตรี เสียงเพลงที่สังเคราะห์เป็นธุรกิจที่หลอกลวงผู้คนตามมาถึงที่นี้ ถึงแม้จะมีความน่าสนใจหรือบทเพลงไพเราะแค่ไหน แต่รู้หรือไหม ว่าสิ่งที่เหล่านายทุนทำอยู่นี้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับสังคมและวัฒนธรรมของเหล่าชาวบ้านแทบนี้ ความบริสุทธิ์อาจหายไป มันเป็นปัญหาอย่างแน่นอนในอนาคตอาจจะดูเครียดไปซักหน่อย ลองคิดดูอีกหน่อยธรรมชาติที่แท้จริง ความเป็นอยู่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม วิถีชีวิตกำลังจะเปลี่ยนไปถึงแม้จะมีเงินแค่ไหนก็ไม่สามารถนำเอาความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตที่ดีงามกลับมาได้อีกแล้ว หลาย ๆ คนอาจไม่เข้าใจ แต่แน่นอนทั้งหมดอยู่ใต้ความคิดผม ถ้าโลกที่ผมคิดมีอยู่จริงผมคงหลงรักมันมาก และคงจะจมอยู่ในโลกนั้น อย่างกับตอนนี้ที่บางทีผมอาจจะจมอยู่ในโลกของผมเกินไป บ้านหลังเล็ก ๆ ริมชายป่าที่ผมอยู่นี้ให้ความอบอุ่น ถึงแม้ไม่สะดวกสบายแต่อย่างน้อยมันก็เป็นที่อาศัยที่เพียงพอกับความต้องของผมแล้ว
วันนี้อาจจะเหนื่อยเกินไปเสียนิดแต่ความรู้สึกที่ฉันได้รับความสุขเช่นเดียวกับที่ฉันได้ทำไป ซึ่งฉันคิดว่าหลาย ๆ คน คงได้ไปไม่มากก็น้อย และอีกสิ่งที่ฉันดีใจมากที่สุดคือคืนนี้ฉันยังมีเวลาเกือบถึงเช้าที่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ นี่หละที่ทำให้ฉันลืมเหนื่อย แม้ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ฉันยังรู้สึกดี ที่จะได้ไปเดินดูต้นไม้และไอป่าที่จะมาสัมผัสกับฉัน ท้องฟ้าที่ฉันมองเห็นในที่ที่ฉันอยู่ขณะนี้มันช่างแตกต่างกันเสียเกิน มันสวยงาม จนฉันไม่อยากจะลืมเลือน อยากให้เวลาหยุดนะตรงนี้ แต่มันคงเป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น ฉันคงไม่เขียนอะไรอีก เพียงแต่ขอเก็บความเงียบและบรรยากาศอย่างนี้เอาไว้แล้วกัน
17 มีนาคม 2547 18:20 น.
สิดามัน
1
เขาและเธอ
เคยไหม ที่บางครั้งคุณเคยรู้สึกเหมือนตัวเองว่างเปล่าทั้ง ๆ ที่คุณอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายกลางที่ชุมชน และคุณเคยไหมรู้สึกว่ามันเงียบงัน ทั้ง ๆ ที่รอบตัวคุณมีแต่เสียงกรึ๊ดร้องของผู้คนมากมายในงานคอนเสิร์ต นั้นละความรู้สึกของผมตอนนี้ ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าทุกอย่างมันว่างเปล่าและโลกมันเหมือนกับหยุดหมุน ชีวิตของผมเหมือนกับว่าเป็นเพียงแค่อากาศ ที่กำลังถูกปลดปล่อยออกจากลูกโป่ง ที่มันกำลังทะลักทลายออกมาอย่างไร้ทิศทาง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเป็นเช่นนั้น และเหตุนี้เอง ที่ทำให้ผมขึ้นมาสงบสติอยู่บริเวณยอดตึกแห่งนี้
ชีวิตฉันมันช่างวุ่นวายเกินทนเสียจริง ตั้งแต่เช้าจดเย็น ผู้คนที่ผ่านมาช่างน่าปวดหัวเสียเหลือเกิน ทำไมตัวฉันถึงไม่เหมือนคนอื่นละ อาจจะเป็นเพราะฉันเป็นศิลปินอย่างนั้นหรือ แต่ก็ไม่นิ ชีวิตส่วนตัวของฉันวุ่นวายทุกวินาที ทุกเวลา มีแต่ความสับสน ทำให้บางทีฉันรู้สึกว่าฉันเหนื่อยกับความวุ่นวายเสียเหลือเกิน ทุกๆ วันฉันต้องไปนู้นไปนี้ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่อยากจะไป ฉันต้องไปเสแทร้งทำเป็นสนุกทั้ง ๆ ที่ในใจของฉันมันว้าวุ่นมากเสียเหลือเกิน ถึงแม้ฉันจะทำให้หลาย ๆ คนมีความสุข แต่ฉันหละ ฉันเมื่อมีคำสาปที่คอยหลอกหลอนฉัน ที่ทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเสียเลย ชีวิตมันช่างน่าเบื่อเสียจริง อยากมากฉันก็ได้แต่นั่งบนกับตัวหนังสือที่ฉันได้เขียนนี่หละ
รู้ไหม บางทีฉันอาจจะหลบหนีไปไกล ถึงความฝันที่ฉันเคยฝันว่าอยากจะมี ฉันคิดว่าบางทีสิ่งที่ฉันต้องการทั้งชีวิตอาจไม่ใช่ชื่อเสียง หรือความโด่งดัง ณ จุดนี้ก็เป็นได้ ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ที่ทำตามฝัน ทำตามความต้องการ และดูเหมือนว่าฉันค้นหาอะไรบางอย่างนะ ฉันว่า
สำหรับผม การที่นั่งอยู่ในที่สูง ๆ อย่างนี้ เวลาค่ำคืนผมว่ามันสร้างความรู้สึกดี ๆ ให้ผมอย่างประหลาด แสงไฟตามตึกต่าง ๆ ช่วยผ่อนคลาย เสียงลม เสียงจากความวุ่นวายมันช่างบางเบา ทำให้รู้สึกดี นอกจากแสดงจากตึกต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขในยามค่ำคืนก็อาจจะเป็นพระจันทร์ ที่ประดับอยู่บนท้องฟ้า ดูไปพระจันทร์ที่ส่องแสง สร้างความสวยงามบนท้องฟ้า ที่ไม่มีความแน่นอนในตัวเอง เปลี่ยนแปลงไปตามวิธีต่าง ๆของโลก คงจะเหมือนกันกับคนที่จะต้องเดินไปตามสภาพแวดล้อมอันไม่แน่นอน ถ้าดวงจันทร์ทำหน้าที่คล้ายกับดวงอาทิตย์ความสวยงามยามค่ำคืนอาจจะน่าเบื่อจำเจ และอาจไม่มีกวีเกี่ยวกับดวงจันทร์ก็เป็นได้ ซึ่งผมก็ดีใจที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของมันในทุก ๆ ค่ำคืน มันทำให้ผมต้องตั้งตารอดูความเปลี่ยนแปลงถึงแม้มันจะเปลี่ยนแปลงก็อาจจะไม่มาก แต่ละวัน แต่ละวัน เหมือนคนที่รู้จักกัน แต่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันที่สิ้นสุด
ดวงจันทร์หรือ ฉันแทบจะไม่ได้เห็นดวงจันทร์เป็นเวลานานเท่าไรแล้ว เมื่อหัวถึงหมอนฉันก็หลับเป็นตาย งานที่ฉันได้ทำก็หนักเสียจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง แสงแดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างนั้น เป็นการกระตุ้นเตือนให้ฉันมีพลัง สู้ต่อในวันใหม่ หลาย ๆ ครั้งที่ฉันคิดว่าดวงอาทิตย์ช่างมีพละกำลังล้นเหลือ มากเพียงพอที่จะเพื่อแผ่ให้กับหลายๆ คนได้รับความอบอุ่นและพลังต่าง ๆ ให้กับสิ่งมีชีวิต ถึงแม้บางครั้งอาจจะร้อนแรงแต่บางครั้งก็สร้างความสวยงามบนความร้อนแรงนั้น อาจสัมผัสถึงความสวยงามยามที่แสงทอลงมา เมื่อเวลาที่ฉันเดินทางไปต่างจังหวัด ดวงอาทิตย์ที่ก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันคุ้นเคย แม้หลายๆ ที่แสงของดวงอาทิตย์จะสาดส่องมาไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยฉันก็รู้สึกดีและมีกำลังใจมากขึ้น ในการต่อสู้ ฉันรอคอยวันใหม่อยู่เสมอ รอแสงอาทิตย์ที่จะขึ้นจากริ่มขอบฟ้า แสงอาทิตย์ที่ริมหน้าต่างของฉัน มันช่วยปลุกพละกำลังที่มีอยู่น้อยนิดของฉันให้ก้าวต่อไปและทำให้ฉันรักที่จะให้ชีวิตดำเนินต่อไป
เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วมากเสียเหลือเกินจากค่ำคืนสู่กลางวัน ความเหงาเข้าครอบงำผมอีกครั้ง แต่นั้นหละทำให้ผมปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ เผื่อหนีความเหงาที่ต่างเข้ามารุมเร้าผม การเดินทางทำให้ผมมีความสุขเพราะความเหงามันตามผม ไม่ค่อยทัน หรืออาจเพราะไม่มีเวลามานั่งเหงาบรรยากาศสองข้างทางมักจะเป็นเพื่อนผมอยู่เสมอ ๆ จุดหมายปลายทางของผมจะทำให้ผมมีความสุขกับการเดินทางจนบางครั้งผมลืมไปเลยว่าผมเคยมีความเหงา แม้อาจจะเหนื่อยไปบ้างกับการเดินทาง แต่ผมก็รู้สึกดี เพราะการเดินทางจะสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้กับเราสม่ำเสมอ ให้ความรู้ และความตื่นตาตื่นใจทุกครั้ง โดยเฉพาะธรรมชาติให้ความรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้อยู่ในที่ๆ ผมควรจะอยู่ ผมคิดอย่างนั้น
แต่การเดินทางสำหรับฉันมันมักจะมาพร้อมความเหนื่อยล้า และปัญหาต่าง ๆ เสียมากกว่า ความฉุกละหุกและความวุ่นวายต่างประดังเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงแม้ฉันเข้มแข็ง และสู้เพียงใด ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ยังถาโถมเข้ามาอยู่ร่ำไป จนบางทีฉันอาจต้องนั่งเสียใจอยู่เงียบ ๆในมุม ๆ หนึ่ง ความเข็มแข็งที่ฉันมีหมดไปภายในพริบตา ความเหนื่อยละท้อค่อยตีบตันจนจุกคอหอย ทำให้ฉันอยากกรีดร้องออกมา แต่ทว่า มันคงเป็นไปได้ยาก ฉันไม่อาจปรับระบบความคิดของฉันได้เลย แต่การเดินทางของฉันแม้จะไม่ค่อยได้สัมผัสกับกลิ่นไอธรรมชาติเท่าไรนัก แต่บรรยากาศสองข้างทางยังพอให้ฉันหลุดพ้นจากวิถีชีวิตเมืองไม่น้อย แม้แค่เป็นช่วงสั้น เพราะการเดินทางของฉัน คือการเดินทางจากเมืองหนึ่งไปสู่อีกเมืองหนึ่งแค่นั้น เวลาในหนึ่งวันฉันหมดไปกับการอยู่บนรถ การเก็บตัว การเตรียมตัว เพื่อทำงานของฉันแค่สอง ถึงสามชั่วโมงเท่านั้น หลาย ๆ ครั้งฉันอึดอัดและสับสนจนอยากจะหนีไปให้พ้น แต่มันคงทำไม่ได้ เพราะหน้าที่และความรับผิดชอบของฉันที่มีต่อผู้ร่วมงาน สำหรับฉันธรรมชาติเป็นสิ่งที่ฉันคิดถึงและใฝ่หา มันเหมือนสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ แต่ไปไม่ถึง