1 เมษายน 2547 14:27 น.

ขอบฟ้าของดวงจันทร์ แสงตะวันของดวงอาทิตย์ ตอนที่ 6

สิดามัน

6
ตอบรับ

คืนนี้  ฉันได้พักเหนื่อย เพราะทีมงานเกิดไม่พร้อมขึ้นมากระทันหัน เลยทำให้ฉันว่าง ฉันเลยถือโอกาสมาเดินเล่นที่บริเวณสระน้ำที่อพาร์ทเมนท์ของฉัน  แม้ว่าคนมันจะน้อย แต่ก็มีอยู่ประปรายเขาเหล่านั้นต่างมองฉันพร้อมส่งยิ้มให้ แต่ฉันก็รู้สึกไม่เป็นส่วนตัวนัก   แต่ค่อนข้างชิน ฉันนั่งอยู่มองดูผู้คนอยู่นาน  เด็ก ๆ เล่นน้ำอยู่ในสระอย่างคึกคัก  ทีแรกฉันคิดว่าจะว่ายน้ำเพื่อยืดเส้นยืดสายบ้าง แต่เห็นคนเยอะ ๆ แล้ว ฉันคิดว่าไม่ดีกว่า   เสียงลมช่วยให้ฉันมีสมาธิขึ้นอีกเยอะ 
พระจันทร์คืนนี้ ดูสดใสดีนะ  แม้อาจไม่กลมเท่าไร แต่ก็ส่องแสง   เขาจะมองพระจันทร์เหมือนกับที่ฉันมองอยู่ตรงนี้ไหมเนี้ย   เอาหละฉันขึ้นห้องก่อนดีกว่า  ตอนนี้ดึกมากแล้ว
	ทีแรกฉันคิดว่าฉันจะไม่เขียนบันทึกแล้ววันนี้ แต่หลังจากที่ฉันขึ้นมาจากสระแล้ว  รู้ไหมว่าอะไรเกิดขึ้นกับฉัน   โทรศัพท์ฉันมีข้อความที่ฉันไม่คุ้นเคย  ข้อความนั้นทำให้ฉันรู้สึกดี  แต่ฉันไม่รู้ว่าใครส่งมา  เขาหรือเปล่านะ   แต่ฉันคุ้น ๆ กับเบอร์นี้มาก คราวที่แล้วที่ฉันเจอเขา ฉันก็พลาดดันไปลบเบอร์เขาถึงเสียด้วย   เขาแน่หรือที่ส่งข้อความมาหาฉัน   ไม่น่านะ เขาออกจะเงียบ ๆ เขาจะมาทำอะไรอย่างนี้หรือ  แต่ไม่รู้สิ บางทีเขาอาจจะรู้สึกดีๆ กับฉันก็ได้  จะว่าไปเขาก็ไม่ได้เป็นคนบ้านักร้อง ดาราอะไรเลย  วันที่เขาเจอฉันก็ทำอย่างกับฉันเป็นคนทั่วไป  ฉันยังแปลกใจเลย  ถึงยังไงตอนนี้ฉันยิ้มแก้มไม่หุบเลย ทั้งที่ฉันมีคนมาจีบมาให้ความรักฉัน แต่ฉันไม่เคยสนใจเลย และแค่ข้อความจากเขา หรือใครกันนะ ทำให้ฉันยิ้มได้ขนาดนี้  เห็นทีคืนนี้ฉันคงฝันหวานแน่ ๆ  ขอให้เป็นเขา  ฉันจะลองส่งข้อความตอบกลับไปเพราะความอยากรู้ของฉันมันทำให้ฉันแทบคลั่นแล้วหละ
แต่ฉันไม่รู้จะส่งข้อความอะไรไปให้  ฉันคิดอยู่นาน  ด้วยใจความว่า
 ถึงคนของพระจันทร์ ขณะนี้ดวงอาทิตย์อยากจะฟังเสียง ขอบคุณนะคะสำหรับความหวังดี  ราตรีสวัสดิ์
	ผมแทบจะพูดอะไรไม่ออก เมื่อทันทีที่ผมเห็นข้อความใน โทรศัพท์ เธออยากจะคุยกับผมงั้นเหรอ  หรืออาจเพียงแค่เป็นความหมายหนึ่งในโทรศัพท์    ผมเริ่มไม่แน่ใจ แต่เสียงหัวใจของผมมันดูตื่นเต้นกว่าผมหลายเท่า เสียงของมันดังจนผมไม่อาจยับยั้งมันเอาไว้ได้เลยทีเดียว        นี่หรืออาณุภาพของความรัก    ผมก็เคยมี แต่ไม่เหมือนครั้งนี้ ผมรู้สึกตื่นเต้นกระวนกระวายนักกว่าตอนที่คิดจะส่งข้อความให้เธอเสียอีก  ผมจะโทรหาเธอเลยดีไหม ผมนั่งทบทวนอยู่นานมากจนกระทั่งรู้ตัวอีกทีแสงตะวันของวันไหมก็สาดส่องทอแสงลงมาเสียแล้ว   ผมใช้เวลาคิดนานขนาดนั้นเชียวหรือ  
ไม่เลย ผมไม่รู้จะพูดกับเธอย่างไรดี  ถ้าผมได้เจอเธอ ผมอาจได้แค่เพียงยิ้มและก็นั่งมองเธอผมก็มีความสุขพอแล้ว   หรือว่าผมจะนัดเจอเธอดี แต่เห็นทีคงจะยาก เพราะว่าเธอคงคิวเน้นทั้งอาทิตย์ ผมจะทำไงดี แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมต้องโทรไปหาเธอ ผมค่อย ๆ กดโทรศัพท์ แต่กลับเป็นเสียงสัญญาณฝากข้อความ  แต่ผมก็ไม่เสียใจและยังแอบชื้นใจเล็ก ๆ ว่าผมยังสามารถเก็บอาการประหม่าของผมภายใต้เสียงที่เรียบเฉยผ่านการฝากข้อความ  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดผมจะฝากข้อความว่าอย่างไร ผมจึงตัดสินใจว่างโทรศัพท์ แล้วทบทวนข้อความต่าง ๆ ที่มีความหมายดี ๆ ไม่เชย และเหมาะกับเธอ
ผมใช้เวลาอยู่นานจึงตัดสินใจโทรไปอีกครั้ง   สัญญาณฝากข้อความไม่มีแต่ผมดันไปหลุดปากฝากข้อความ  ด้วยคำว่า
  คนของพระจันทร์ฝากเสียงไว้ ปลุกดวงอาทิตย์ให้ตื่นไปให้ความอบอุ่น คนของพระจันทร์คนนี้ จะยืนมองและหวังว่าคงจะพบกันอีกนะครับ ผมรีบว่างสายเพราะเวลาเช้านี้ ผมต้องไปทำงานแล้ว 
	เขาเองคงคิดอะไรไม่ต่างกับฉัน เขาคงไม่รู้หรอกว่าเมื่อวาน ฉันได้ยินน้ำเสียงเขา  โดยที่เขานึกว่า เขากำลังฝากข้อความถึงฉัน    เสียงเขาดูประหม่าแต่เปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นกระวนกระวาย  ข้อความที่เขาฝากไว้ช่างอบอุ่นเสียเหลือเกิน  แล้วฉันจะทำอย่างไรต่อไปดีหละ  ในเมื่อเขาก็มีใจให้ฉัน  และฉันเองก็คิดว่าฉันก็ชอบเขาแล้วด้วย  ไม่รู้จะทำยังไงดี  ด้วยฉันในตอนนี้ก็ไม่มีเวลาส่วนตัวเลย   ฉันไม่อยากทำร้ายเขา เพราะฉันก็ไม่มีเวลาที่จะไปให้เขาในตอนนี้   แต่ยังไงฉันจะลองคบเขาดู  ชีวิตของฉันอาจจะเจออะไรที่ฉันกำลังตามหาอยู่ก็ได้				
22 มีนาคม 2547 12:46 น.

ขอบฟ้าของดวงจันทร์ แสงตะวันของดวงอาทิตย์ ตอนที่ 5

สิดามัน

5
การรอคอย
	หลังจากที่ผมได้เจอเธอชีวิตของผมก็เริ่มเปลี่ยนไป  ผมกลับมีความรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวของผมมากขึ้น  และผมมักจะมองมันอย่างสวยงาม และคิดว่ามันคือสิ่ง ๆ หนึ่งที่จะส่งผลให้สิ่งๆ หนึ่งเกิด อย่างกับที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบกับเธอเพียงแค่สมุดบันทึกแค่เล่มเดียว   ตั้งแต่วันที่ผมเอาสมุดบันทึกไปคืนเธอ ผมยังไม่กล้าที่จะโทรหาเธอเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรทั้ง ๆ ที่เธอก็คุยกับผมดี  อาจเป็นเพราะผมคิดมาก  กลัวว่าเธอจะยุ่ง หรือเธอทำงานอยู่  ผมเลยไม่กล้าโทร  แต่ผมยังคงจำทุกคำพูดทุกกริยาที่เธอทำต่อผมอย่างชัดเจน ราวกับว่ามันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้  ผมไม่รู้จะทำอย่างไรตัวผมรู้สึกปั่นป่วน  ดวงจันทร์ที่เคยดูยามค่ำคืนที่ผมรู้สึกสงบ กับเปลี่ยนเป็นหน้าเธอ  ผมรู้  รู้ว่ามันอาจจะไกล  เธอเหมือนดวงอาทิตย์ ที่หลาย ๆ คนได้รับความสุข ความอบอุ่นจากเธอ  แต่แสงที่เธอสาดส่องมาอาจทำให้ผมที่เหมือนฝุ่นธุลี หายไปล่องลอยไป  โดยอาจไม่มีใครเห็น  และคงเป็นไปได้ยากที่ผมจะได้เจอกับเธอ เพื่อบอกเธอว่ารู้สึกดี ๆ อีก    คงอีกไม่นาน ดวงจันทร์ดวงเดิมที่ผมใช้ปลอบใจในเวลาที่ผมเหงา ผมคงจะได้ขึ้นไปนั่งมองและพูดคุยด้วยอีกครั้ง  แต่ตอนนี้ผมยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เลยว่า  ผมรู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่    
	ทำไมฉันถึงยังคิดถึงรอยยิ้มและสายตาคู่นั้นของเขาอีกนะ   ฉันคิดว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแต่สายตาและรอยยิ้มคู่กันก็คอยตามฉันตลอดเวลาที่ฉันหลับตา   น้ำเสียงและการพูดที่ดูอบอุ่นของเขา  เป็นสิ่งที่ฉันค้นหาอยู่หรือ  ฉันยังตอบตัวเองไม่ได้  ฉันคงเข็ดกับความรักจนไม่กล้าที่จะเปิดใจรับใครแล้วหรือนี่    และความรู้สึกที่ฉันมีตอนนี้ หมายความอย่างไร  เฮ้อ กลุ้มใจจริง ไม่น่าเลยฉัน  ฉันไม่น่าจะลืมหรือซุ่มซ่ามเลย   ไม่งั้นมันคงไม่ต้องทำให้ฉันนั่งถามตัวเองอย่างนี้หรอก  เขาอาจไม่ได้คิดอะไรกับฉันก็ได้   ฉันว่า แต่เขาช่างดูอบอุ่น ทำให้ฉันมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้ ๆ แม้เขาจะไม่ค่อยพูดเลยตาม  แต่ฉันสัมผัสถึงความรู้สึกผ่านสายตาเขาได้ทันที   ทำไหมเขาทำให้ฉันจดจำเขาได้มากขนาดนี้ ทั้งๆ  ที่เขาก็เป็นแค่คนทั่วไป  หรืออาจจะเป็นเพราะฉัน รักเขา  บ้าน่า.....คงไม่หรอก  ฉันคิดว่าเวลาคงทำให้ฉันลืมเขาอย่างแน่นอน  ฉันเองก็ยุ่งจะตาย ฉันคงไม่มีเวลาเอาเขามาคิดหรอก  ใช่ไหม
	ช่วงนี้ผมหนีหน้าเธอไม่พ้นจริง  ๆ  ไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์ โฆษณา รวมถึงรายการต่าง ๆ ที่เธอมักจะไปปรากฏตัว ทำให้ผมละสายตาไปจากหน้าจอไม่ได้เลยซักครั้ง  ทั้ง ๆ  ที่ผมไม่ใช่คนชอบดูรายการโทรทัศน์  ไม่ชอบฟังเพลง ชอบอยู่ในธรรมชาติ  เธอกลับดึงผมเข้าสู่ความเป็นมนุษย์ในแบบสังคมเมือง ที่มีความสุขกับการเสพสิ่งที่เรียกว่าสื่อบันเทิง  ซึ่งเมื่อก่อนผมเคยคิดว่ามันคงไม่จำเป็นกับผมเท่าไร  แต่วันนี้ผมกับเห็นคุณค่าของมัน ผมคิดว่ามันทำให้มีความสุขมากขึ้นเป็นสิ่งที่ช่วยผ่อนคลายให้ผมมีความสุขจากสังคมเหงา ๆ ภายในเมืองใหญ่แห่งนี้ ผมเองอยู่ตัวคนเดียวมานาน  ไม่มีญาติพี่น้อง เพื่อนก็มีไม่มาก  ความสุขที่เคยได้รับคือการได้อ่านหนังสือดี ๆ ซักเล่ม พร้อมจิบกาแฟ นั่งมองดูปลาที่ผมเลี้ยงไว้ กับต้นไม้ครึ้ม ๆ บริเวณระเบียงที่ผมอุตส่าห์เฝ้าดูแลและปลูกมัน  เอาใจใส่มันแม้ผมจะไม่มีเวลาเลยก็ตาม  แต่มาวันนี้  สิ่งที่ผมเคยทำอยู่กลับมีความสุขมากขึ้น เมื่อผมได้ฟังเพลงจากเสียงเธอไปด้วย   ผมไม่รู้ว่าผมจะเป็นโรคคลั่งดาราหรือเปล่า  แต่ผมคิดว่าคงไม่ใช่    และหลาย ๆ ครั้งผมพยายามที่จะปิดโทรทัศน์ และวิทยุ แต่ผมกลับทำไม่ได้ มันกลายเป็นสิ่งเสพติด ที่ทีแรกผมไม่อยากจะติด  แต่เมื่อผมไปอยู่ในหลายๆ ที่ เสียงเพลงของเธอที่เปิดในที่ต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นตามห้างสรรพสินค้า  ร้านอาหาร หรือแม้แต่ที่ทำงาน ทำให้ผมร้องเพลงของเธอได้หลายเพลงเลยทีเดียว  นี่ผมชอบเธอ หรือว่าผมมีความสุขกับสิ่งที่เธอกำลังให้ทุกคนกันแน่  ผมยังคงเก็บเบอร์โทรศัพท์ของเธอไว้  และคิดไว้หลายๆ  ครั้งว่าจะส่งข้อความไปให้กำลังใจเธอแต่ความกล้าของผมยังมีไม่มากพอ  กลัวเธอจะรำคาญ   ทั้งๆ ที่เธอเองก็สร้างความสนิทใจให้กับผมอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน    หลายวันมานี่ทำให้เพื่อนร่วมงานทักผมว่าไปทำอะไรมา หน้าตาดูผ่องใส และมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ  ผมว่าผมอาจไม่ได้เปลี่ยนหรือได้ทำอะไร แต่ความสุขใจที่ผมมีอยู่นี้ อาจไปออกบนใบหน้าก็ได้  จนทำให้ผมพยายามลืม ๆ เธอ แต่คงทำไม่ได้ซักทีเพราะเสียงเธอ และตัวเธอ ปรากฏให้ผมเห็นอยู่ตลอดเวลา มีอยู่ทางเดียวที่ทำให้ผมไม่เจอเธอได้ คือ หนีเข้าป่า เพราะว่าคงจะไม่เห็นหน้าตาและเสียงเธอ ตามรายการโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อต่าง ๆ แต่ผมคงจะทำไม่ได้แน่ๆ  เลย  หลายวันมานี่พระจันทร์คงจะเหงา เพราะผมเอาเวลาที่เคยมองพระจันทร์มาใส่ใจกับกล่องสี่เหลี่ยมที่มีเธออยู่แทน   
	แม้จะเหนื่อยมามากมาย  สองสามวันมานี่ฉันถึงหัวหมอนแล้วหลับเป็นตาย เวลาส่วนตัวแทบจะไม่เหลือเลย เพราะต้องไปอัดรายการต่างๆ  เพื่อเตรียมโปรโมทงานชิ้นใหม่ของฉัน  เหนื่อยเหลือเกินฉันอยากจะพัก  แต่ด้วยการทำงานของฉันไม่สามารถเลือกอะไรได้ มันต้องทำหน้าที่ ในทุก ๆ วัน  หลาย ๆ คนอาจเห็นว่ามีความสุข ฉันยอมรับว่ามันมีความสุขในบางจุด  แต่หลาย ๆ จุดฉันอาจจะลำบากใจ อาจไม่พอใจ  ฉันขาดคนที่คอยให้กำลังใจฉัน เวลาที่ฉันมีเวลาอยู่กับตัวเอง ฉันกลับคิดถึงแต่เขา  ว่าถ้าหากมีสายตาและรอยยิ้มที่คอยมองฉันอยู่ ไม่ต้องพูดอะไรฉันก็คงจะมีความสุข  หลายวันแล้วที่ฉันไม่ค่อยรู้สึกถึงเขา  แสดงว่าอาการฉันเริ่มดีขึ้น อาจเป็นเพราะเวลาว่าง ๆ ที่เป็นส่วนตัวคงไม่มีด้วย  ทำให้ฉันลืมไปได้เหมือนกัน  แต่ยังไงยังไง ภาพของเขาก็ยังติดอยู่เสมอเวลาที่ฉันขาดกำลังใจ  ไม่รู้สิ  หรือว่าฉันรักเขางั้นหรือ
	ผมนั่งคิดมาหลายคืนแล้วว่า  ผมจะส่งข้อความไปหาเธอดีไหม   ผมชั่งใจอยู่นาน แต่ผมคิดว่าผมคงจะไม่รบกวนเธอมากไป  แค่เพียงผมส่งข้อความ ว่าผมติดตามงานเธอแค่นั้น  แต่กว่าผมจะหาคำพูดที่ผมจะส่งให้เธอนั้นมันยากเย็นแสนเข็ญ  ใช้เวลานานมากว่าตอนที่ผมพิมพ์ไปเสียอีก  เอาเป็นว่าผมตกลงใจที่ส่งข้อความไปหาเธอ  ด้วยข้อความที่ว่า
	คุณคือดวงตะวันที่ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พร้อมยังส่องแสงให้ความสุขกับทุก ๆ คน ผมเป็นคนหนึ่งที่รอรับแสงแห่งความสุขจากคุณ    รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ผมจะคอยเป็นกำลังใจ
	และผมคิดว่าผมมีความสุขที่ได้ส่งข้อความไปหาเธอ  แต่ก็ยังกังวลว่าเธอจะคิดอย่างไรกับผมแน่  กลัวเธอจะรำคาญและอื่น ๆ อีกสารพัด  ทั้งที่ไม่น่าคิด  ผมอาจกังวลมากเกินไป แต่อย่างน้อยผมได้ทำในสิ่งที่ผมต้องทำแล้ว  คืนนี้ผมคงหลับไปพร้อมรอยยิ้ม 				
22 มีนาคม 2547 12:32 น.

ขอบฟ้าของดวงจันทร์ แสงตะวันของดวงอาทิตย์ ตอนที่ 4

สิดามัน

4
ไม่คาดคิด
ผมตื่นเต้นตื่นตั้งแต่เช้ามารอเธอก่อนเวลาเกือบชั่วโมงได้มั้ง  แม้วันนี้การจราจรไม่ค่อยติดเช่นทุกวันแต่ผมกลับมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา  ผมได้เผลอไปอ่านบันทึกของเธอเข้า  ชีวิตของเธอน่าสนใจไม่น้อย  ภายนอกเข้มเข็ง แต่ภายในยังแกร่งแต่ก็ยังเปราะบาง จนบางครั้งผมคิดว่าเธอไม่น่าไปทำหน้าที่นักร้อง  เธอเหมาะกับการที่จะใช้ชีวิตกับคนที่เธอรักอยู่ที่ไหนซักแห่งที่ให้ความสงบ มีบรรยากาศที่อบอุ่น ชีวิตเธอคงต้องการเพียงเท่านั้น  แต่ก็ไม่แน่เสมอไปเพราะความคิดกับการกระทำมันมักจะสวนทางอยู่เสมอ  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงด้วยแล้ว  กฎเกณฑ์นี้มันเป็นไปได้สูง ด้วยอารมณ์อันอ่อนไหว ปากไม่แต่ใจอยาก ทำให้ผมเคยเสียคนรักของผมไปด้วยเหตุการณ์เช่นนี้  และมันไม่มีวันที่ย้อนกลับมาได้อีก ด้วยสาเหตุเรื่องไม่เป็นเรื่องอาจเกิดขึ้นเพราะผม  แต่ถ้าหากปากเขาตรงกับใจ ผมคิดว่าป่านนี้ผมคงไม่โดนความเหงาเกาะกินหัวใจ  ที่มีแต่ร่างกายอยู่ไปวัน ๆ อย่างนี้หรอก  แต่สองสามวันตั้งแต่ผมได้เก็บสมุดบันทึกเธอไป ผมรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดรูปถ่ายที่เธอแนบไว้เรียกรอยยิ้มผม  รอยยิ้มที่ไม่ได้มีมานานตั้งแต่วันที่ผมได้โดนบอกลา  กระดาษที่เธอแนบไว้ มีมุขตลก  ๆ และปรัชญาที่เธอใช้ให้กำลังตัวเองเมื่อยามที่เธอท้อ  เธอมั่นสร้างพลังในตัวเสมอ และเธอยังเผื่อแผ่มายังคนอื่นด้วย  ขนาดผมไม่เจอเธอ ผมยังคงได้รับรู้ถึงพลังที่หลายๆ  คนไม่มีพลังที่เธอถ่ายทอด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือท่าทางการพูด รอยยิ้มบนรูปถ่าย นับได้ว่าเธอให้ความอบอุ่นกับทุก ๆ คนก็ว่าได้  แต่เธอมานั้นแล้ว
วันนี้ที่ร้านกาแฟ  ฉันไม่คิดเลยว่า คนที่เขียนบันทึกกับเขาจะดูไม่ค่อยสัมพันธ์กันเท่าไรนัก ภายนอกของเขาดูเข้มแข็ง  แต่จากที่ฉันอ่านเขาดูเป็นคนอ่อนไหวเข้าใจคนอื่น  แต่หลังจากที่ได้คุยกัน ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนอารมณ์ดีมองโลกในแง่ดี เรียกรอยยิ้มจากฉันไปได้ไม่น้อย ในทีแรกฉันคิดว่าจะขอบคุณเขา ที่เขานำสมุดบันทึกมาคืนให้ แต่ด้วยการพูดจาของเขาทำให้ฉันไม่สามารถปลีกตัวไปได้เลยจริง   เขาดูมีความสุขในยามที่ได้ฟังฉันพูด ฉันคุย  เขาตั้งใจฟังฉันพูดอย่างใจจดใจจ่อ  แม้ทีแรกเขาจะออกจะเกร็งเกินไป แต่ก็นั้นละอาจเป็นเพราะฉันเป็นข่าวในหน้าหนังสือบ่อย  ๆ ใครจะรู้ว่าตัวจริงของฉันออกจะขี้แหย่    บรรยากาศภายในร้านทำให้กาแฟอร่อยขึ้นมากทีเดียว เสียงเพลงและบรรยากาศทำให้ฉันหลุดไปอยู่ในที่ ๆ ที่ฉันคิดว่ามันช่วยให้ฉันได้รับความอบอุ่นขึ้น เขาอาจทำให้ฉันมีความหมายมากขึ้น  แต่คงไม่หรอก เขาอาจจะมีแฟนอยู่แล้ว หน้าตาของเขาก็ไม่ได้ถึงขั้นหล่อ แต่เป็นคนที่มีเสน่ห์ไม่น้อยเลย   แววตาของเขามีประกายแต่ว่าหม่นหมอง รอยยิ้มที่มุมปากของเขา  แม้จะเป็นยิ้มแค่มุมปากแต่ก็ดึงดูดสายตาไม่น้อย  แล้วทำไมฉันต้องมาบ่นถึงเขาในสมุดบันทึกของฉันด้วย   ฉันไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลย  แต่อย่างว่ามันอาจจะเป็นการพบกันแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียว และดูท่าทีเขาก็ไม่ได้อยากจะพบฉันอีก  และวันนี้อาจเป็นความทรงจำดี ๆ ที่ประทับใจฉันวันหนึ่ง     ฉันคงนอนหลับฝันดี   

ไม่น่าเชื่อว่าตัวจริงของเธอจะน่ารักมากมายขนาดนี้  เธอเป็นคนที่ไม่ถือตัว และสมกับเป็นคนที่สร้างความสุขให้คนอื่นจริงๆ  เพราะแค่เพียงเธอยิ้มก็สามารถทำให้คนมองเธอประทับใจมีพลังอย่างประหลาด  ยิ่งท่าทางที่เธอพูดยิ่งดูสมกับตัวเธอจนหาข้อบกพร่องไม่ได้  เธอช่างคุย ทำให้ผมเคลิ้บเคลิ้มไปกับน้ำเสียงเธอ แววตาที่สดใส และน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะแจ่มใสกว่าตอนที่โทรไปคุยกับเธอ

เธอชื่นชมบรรยากาศของร้าน  และคุยกับผมถูกคอ  ซึ่งทีแรกผมก็เกร็งอยู่ไม่น้อย แต่ปรากฏว่าเธอทำให้ผมอยู่ด้วยและมีความสุข  และผมเองก็ค้นหามานาน แต่มันอาจเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอมีคนมากมายที่หมายปองเธอ  ผมเป็นแค่เพียงคนคนหนึ่ง   แต่ว่าผมก็มีความสุขที่ครั้งหนึ่งเคยได้สัมผัสและรับรู้ ความเป็นตัวของตัวเองของเธอ อย่างใกล้ชิด ที่หลาย ๆ คนอาจอิจฉาผม   คิดแล้วอยากให้เวลาตรงนั้นหยุดหมุน ผมจะได้ดูหน้าเธอนาน ฟังน้ำเสียงเธอ  ผมว่าผมออกจะเพ้อเกินไปแล้ว

ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำให้ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้  แต่คงได้แค่วันนี้เท่านั้น  พรุ่งนี้พอผมตื่นมา วันนี้ก็กลายเป็นอดีตเสียแล้ว  ขอให้จดจำไว้ในมุมๆหนึ่งดีกว่า				
19 มีนาคม 2547 11:59 น.

ขอบฟ้าของดวงจันทร์ แสงตะวันของดวงอาทิตย์ ตอนที่ 3

สิดามัน

3
เหตุบังเอิญ

วันนี้ผมรู้สึกไม่คุ้นเคย อาจเพราะด้วยไม่ได้เขียนลงสมุดบันทึกเล่มเดิม มันดูเหมือนผิดที่ผิดทางไปหมด    อาจเกิดจากเมื่อคืนก่อน   เธอที่ผมคิดว่าคุ้นหน้าคุ้นตา เธอคงเป็นดาราหรือนักร้องอะไรนี่ละ ผมว่าเธอดูหม่นหมองเหลือเกินเวลาที่ขาดแสงไฟ แต่สายตาเธอเปล่งประกาย แต่ดูไปนานๆ ก็เกิดความสวยอย่างประหลาด ความสมดุลไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ตา ปากจมูก ที่สอดรับกันอย่างมีเสน่ห์ จนผมเผลอจ้องหน้าไปอยู่นาน ผมว่าเธอมีรอยยิ้มที่สดใส   แม้ผมจะไม่ได้เห็นมันก็ตามผมคิดอย่างนั้น เธอดูมีพลังในทุกก้าวที่เธอเดิน  ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอคิดอะไร แต่ที่แน่ ๆ สมุดบันทึกของเธอมันสลับกับของผมแล้ว    ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามสมุดบันทึกของผมและของเธอเหมือนกันอย่างกับแกะ   ผมเองก็ยังงงอยู่เพราะวันนั้นต่างฝ่ายต่างเดินไม่ดู  ด้วยเหตุที่ผมกำลังมองดาวตกอยู่เธอก็วิ่งเข้ามา ชนผม  คงเป็นตอนนั้นที่ทำให้สมุดบันทึกของเราสลับกัน ผมก็พึ่งมารู้เมื่อก่อนเขียนนี่ละว่ามันหายไป  ผมไม่กล้าไปจดบันทึกในสมุดของเธอ เพราะมันอาจมีความหมายมากมายที่ผมอาจทดแทนไม่ได้   สมุดบันทึกของเธอเหมือนกับกล่องแพนโดร่า  ที่ทำให้ผมอยากไปเปิดดูอยากสัมผัสถึงตัวอักษรที่เธอนำมาร้อยเรียง   ด้วยเหตุที่ผมรักการจดบันทึก  ผมกลับอยากรู้  แต่เธอเป็นนักร้องวิธีชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร สมุดเล่มนี้ อาจจะบันทึกคิวงานการแสดงของเธอก็ได้  อาจจะไม่ได้มีความหมายอะไรมากนักทางด้านจิตใจ แต่คงจะมีความหมายทางด้านธุรกิจเสียมากกว่า   สำหรับเธอ ดูเหมือนค้นหาบางสิ่งอยู่  แววตาที่มีเสน่ห์ หน้าตาที่หม่นหมอง ดูเหมือนหุ่นยนต์ของเธอ มันเหมือนความว่างเปล่า เธอเสน่ห์ของต่าง ๆ ของเธอดึงดูดให้สายตาของผมมองเธอ  สมแล้วที่เธอเป็นนักร้องชื่อดัง  ในชีวิตนี้ผมคงจะได้เจอเธออย่างใกล้ชิดแค่นี้
และแล้วความวุ่นวายก็เกิดกับฉันอีกแล้วหรือนี่  โอ้ย ฉันอยากจะบ้าตาย สมุดบันทึกของฉันดันไปสลับกับตานั้นเวรกรรมของฉันจริง ๆ สงสัยจะเป็นกรรมของฉันเวลาความสุขของฉันจะมีทุกข์ร่วมด้วยเสมอ   ชายคนนั้นที่ดูท่าทางรักธรรมชาติ และดูอบอุ่นเป็นมิตร  บ้าใหญ่แล้ว  ถึงแม้ฉันจะคิดอะไรไปบ้าง แต่ฉันพอได้เปิดอ่านบันทึกที่เขาเขียนไว้  เขาดูช่างเหงาเศร้าไม่ต่างกับฉันเท่าไร  แต่ดูห่างไกลกับฉันไม่น้อย เหมือนยืนอยู่กันคนละมุม แต่อย่างน้อยความชอบบางอย่างของเขาก็ไม่ต่างจากฉัน   จุดยืนของฉันและจุดยืนของเขาต่างกัน  ในความคิดของเขาที่ถ่ายทอดลงเป็นประโยค มันน่าจดจำไปเสียหมด และความเหงาของเขามันเข้าสู่จิตใจของฉันได้อย่างรวดเร็วราวกับว่าเป็นความเหงาของคนคนเดียวกัน   ฉันรู้สึกว่าเขาอ่อนไหว  และมีมุมมองที่รักผู้อื่น   และนี่อาจเป็นความบังเอิญที่สมุดบันทึกของเขาตกอยู่ในมือของฉัน  เพราะมันช่วยให้ฉันยังรับรู้ว่ามีคนเหงาอีกคนเช่นกัน  และไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะออกมาดูพระจันทร์อีกหรือเป่า   แม้พระจันทร์คืนนี้เป็นคืนเดือนมีดที่มันก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน อาจไม่ดูดีเท่ากับพระจันทร์ยามเต็มดวงแต่ก็มีแรงดึงดูดให้หลาย ๆ คนจ้องมอง อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แสงดาวดวงเล็ก ทอแสง แข่งกันในความมืด  มิน่าเขาถึงได้หลงใหลพระจันทร์นัก  
ป่าคอนกรีตตอนรับผมอีกครั้งด้วยฝุ่นควันและมลพิษ มันยอดเยี่ยมทีเดียวที่วันนี้ผมต้องเดินทางไปในหลาย ๆ ที่ ซึ่งบางที่ผมเดินเข้าไปในแบบผม  แต่บางที่ผมต้องเขาไปแบบไม่ใช่ผม และวันนี้ผมคงต้องเอาหน้ากากมาหลายใบเพราะว่าต้องไปหลายที่  ธุรกิจเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าหาความจริงใจได้น้อย เรามักคุยกันด้วยผลประโยชน์เสียมากกว่า  ความคิดต่าง ๆ ที่ในบางครั้งอันมีมูลค่ามหาศาลสำหรับบุคคลทั่วไป หรือกับโลก และสิ่งมีชีวิตต่างๆ นี้ กลับถูกปัดทิ้งด้วยเหตุที่มันไม่มีกำไรขาดทุน  ไม่คุ้มทุน  เป็นเหตุทำให้นักคิดต่างๆ สมองฝ่อ ท้อแท้ ไร้พลังในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ กำลังใจเท่านั้นที่อาจช่วยให้ก้าวผ่านปัญหาต่าง ๆ  วิกฤตการณ์รอบ ๆตัวเกิดขึ้นทุกวินาที ผมคิดอย่างนั้น  แต่ผมคงไม่นำเอาปัญหามารวมกัน เพราะบางปัญหามีความสำคัญแตกต่างกัน เวลาจะเป็นตัวแปรที่ทำให้เลือกที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้น อันไหนด่วน อันไหนช้า  ทำให้ผมสบาย กับการทำงานถึงแม้จะไม่ค่อยชอบการทำงานแบบนี้  แต่มันเป็นงานที่ผมรัก  ผมฝันไว้ว่าผมจะทำมันให้ดีที่สุด
จุดมุ่งหมายของผมอาจไม่ใหญ่เหมือนใคร ๆ  แต่อย่างไรผมก็มีจุดหมายแม้หนทางที่จะไปสู่จุดหมายของผมอาจจะก้าวไปยากนัก  แต่ถ้าผมค่อยๆ  ก้าวซักวันก็คงไปถึง  แม้จะช้าบ้างหรือว่ามีขั้นบันไดที่สูงเกินไปบ้าง  ทำให้ต้องหาทางปีนป่าย หรือเอาอุปกรณ์มาปีนให้ผ่านไป อาจจะเหนื่อย อาจจะลำบาก อาจจะต้องได้ความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง แต่นั้นคงเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ให้ชีวิตคน ๆ หนึ่งมีความสุข ได้รู้จักคำว่าทุก คำว่า สุข ปนกันไป
  สิ่งใดที่ได้มาอย่างยากลำบากอาจทำให้เราประทับไม่รู้ลืม
	ความรักก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันคิดว่ามันอยู่ห่างไกลฉันเหลือเกิน  จุดหมายของฉันก็คือมีคนที่ฉันรักซักคนคอยห่วงใยดูแลฉัน  ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่เพ้อฝันแต่มันไม่ง่ายเลย  ฉันเคยมีความรักมาแล้ว  แต่มันความผิดหวังและรอยด่างในชีวิตฉัน ที่ฉันรัก คบกับฉันเพื่อหาผลประโยชน์ ไม่ต่างอะไรจากปลิง หรือทากที่คอยดูดเลือดไปเพื่อความสุขของตัวเอง  ถึงอย่างนั้น บ่อย  ๆ ครั้งฉันก็ไม่อาจจะลืมเขาได้  มันยังฝังอยู่ในช่องแห่งความทรงจำภายในช่องว่างของสมองอยู่เสมอ  แล้วทุก ๆ ครั้งที่ได้ยินเสียงเพลงหรือภาพสถานที่มันจะคอยกระทุ้งช่องว่างนั้นให้ปริออกมาพร้อมกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ทำให้ฉันน้ำตาไหลขึ้นมาทุก ๆ ครั้งที่คิด  ฉันอาจจะผิดเองที่รักมากจนไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ใครเตือนอย่างไรก็ฟัง  แต่มันก็ช่วยฉันทำให้ฉันโตขึ้นเข้มแข็งรู้จักเด็ดเดี่ยวและยืนด้วยตัวของฉันเอง  ถึงแม้เป้าหมายของฉัน จะเป็นความรักที่ฉันโหยหา   แต่ฉันรู้ว่า ความรักมีปัจจัยและองค์ประกอบหลากหลาย  การที่สร้างความรักนั้นมันไม่ง่ายนัก  ความรักของฉันคงคล้ายกับการกลั่นน้ำ   น้ำก็เปรียบเหมือนความจริงใจ ความเข้าใจ  ความคิด การให้อภัย ความชอบที่คล้ายกัน  ผ่านการต้มให้เดือด ซึ่งมันต้องใช้ความอดทน  ระยะเวลา จนกระทั่งน้ำเดือดเป็นไอ และเวลาจะทำให้มันกลั่นตัวเป็นหยดน้ำรวมกันลงมาเติมให้เต็ม ซึ่งการเปรียบเทียบของฉันอาจฝังดูไม่เข้าท่านัก   แต่ฉันคิดว่ามันเป็นรักในรูปแบบของฉัน  ซึ่งแต่ละคนคงจะมีความรักในแบบของตัวเองอยู่แล้ว   พรุ่งนี้แล้วซินะที่ฉันจะพบเขาและก็สมุดบันทึกของฉันจะกลับมาหาฉันเสียที  ฉันนัดเขาไว้ที่ร้านกาแฟแถวที่ทำงาน จะว่าไปที่งานเขากับฉันไม่ห่างกันมาก แต่ว่าฉันจำหน้าเขาไม่ได้นี่สิ แย่เลย อืมเกือบลืมไป เขาก็มีเบอร์โทรศัพท์เรา และเราก็มีเบอร์โทรศัพท์เขานี่  อีกไม่นานเพื่อนคู่ใจของฉันจะกลับมาแล้ว เพราะฉันก็เบื่อเต็มทนแล้วที่จะต้องมานั่งเขียนใส่กระดาษเปล่า ที่ไม่คุ้นเคย  แปลกใจจัง ไม่ว่าคนหรือสิ่งของเรามักจะมองไม่เห็นคุณค่าและคิดถึงมันเลย เวลามันอยู่กับเรา  แต่เมื่อเสียมันไป หรือว่ามันพังไป ทำไมเราถึงได้คิดถึงแล้วมองเห็นคุณค่ามันหนัก   แล้วทำไมเราไม่รู้จักดูแลและเห็นคุณค่าก่อนมันแตกสลายหรือหายไปละ   
	เป็นครั้งแรกที่ผมตัดสินใจหาโทรหาเธอเพื่อจะนัดเธอเพื่อคืนสมุดบันทึก  เสียงของเธอดูสดใสต่างกับในบันทึกอย่างลิบลับ  น้ำเสียงเธอทำให้ผมเห็นหน้าเธอทันทีว่าเธอพูดอย่างมีรอยยิ้ม  และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือที่ทำงานของเธอกับที่ทำงานของผมไม่ห่างกันนัก  ผมเลยนัดเธอมาเจอกันที่ร้านกาแฟ ซึ่งไม่ห่างจากที่ทำงานทั้งผมและเธอ ร้านกาแฟแห่งนี้ เป็นร้านที่มีสร้างความประทับใจให้ผมทุกๆ ครั้ง   ด้วยบรรยากาศที่ให้ความอบอุ่น กลิ่นกาแฟอ่อน ๆ ลอยเรื่อยๆ พร้อมเสียงเพลงในยุค 60 ที่กล่อมให้กาแฟออกรสอย่างเต็มอรรถรส  โซฟานิ่ม ๆ อยู่ริมกระจกที่มีน้ำไหลตลอดมองออกไปเห็นใบไม้สีเขียวอยู่เบื้อหน้า ด้านหลังเป็นภาพบรรยากาศการจราจรที่ขับขังที่ไม่ชัดนักเพราะถูกบดบังด้วยม่านน้ำที่พลิ้วไหว ช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้ง   แม้วันนี้ผมจะรู้สึกตื่นเต้นที่ผมจะต้องไปเจอ ดาราศิลปินที่ผมคาดไม่ถึง  แต่นั้นละจะทำอย่างไรได้  ผมไม่แน่ใจว่าผมจะทำให้เธอถูกใจหรือเปล่า  ตามหน้าหนังสือพิมพ์ เธอดูเหมือนหงุดหงิดเจ้าอารมณ์ ขี้โมโหอยู่เสมอ  แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น  น้ำเสียงเธอที่คุยกับผมคล้ายกับเด็กที่เต็มไปด้วยความสดใส แต่ดูท่าทางลึก ๆ แล้วเธออาจมีปัญหาบางอย่าง ผมเดาว่าอย่างนั้น   แล้วทำไมวันนี้ผมต้องตื่นเต้น จนจิตใจไม่อยู่กับตัว  พรุ่งนี้แล้วซินะที่ผมต้องไปเจอเธอ  ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี ผมอาจจะพูดไม่เก่งนัก  แต่เธออาจแค่แวะมาเอาสมุดบันทึกแค่นั้น   เป็นว่าผมคิดมากไป  จงเตรียมตัวสู่วันพรุ่งนี้ 
	ความเข็มแข็งจากภายใน จะส่งให้จิตใจเข็มแข็งด้วย				
19 มีนาคม 2547 11:17 น.

ขอบฟ้าของดวงจันทร์ แสงตะวันของดวงอาทิตย์ ตอนที่ 2

สิดามัน

2
การเดินทาง
สัมผัสแรกที่ผมได้รับความรู้สึกหลังจากที่นั่งชมวิวทิวทัศน์มาทั้งวัน ก็คือความเขียวขจีที่เหล่าแมกไม้ต่างตอนรับขับสู่ด้วยความบริสุทธิ์ของอากาศที่ผมไม่ได้รู้มานาน ไอดินกลิ่นน้ำค้างที่กระทบปลายจมูกสร้างความสุขอย่างบอกไม่ถูก  ซึ่งต่างกับเวลาก่อนที่ผมออกเดินทางอย่างกับอยู่คนละโลก สังคมเมืองที่เต็มไปด้วยควันพิษ และอากาศมลภาวะที่แออัดยัดเยียดมันเหมือนข่มขืนให้ผมหายใจเข้าไปวันแล้ววันเล่า   แตกต่างกับที่นี้ราวกับอยู่กันคนละโลก  เสียงแมลงและนกร้องทำให้ผมหลงรักที่นี่  ไม่สิผมหลงรักป่าเกือบทุกป่าที่ผมไป ยกเว้นป่าคอนกรีตที่ผมจะพยายามลืมมันทุกๆ ครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้เสียทีไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยล้า  ผู้จัดการส่วนตัวฉันบอกว่ามาถึงที่แสดงเรียบร้อยอีกสี่ชั่วโมงจะเริ่มการแสดง  ฉันไม่คิดว่าที่ที่ฉันจะแสดงจะมีความเป็นธรรมชาติได้มากมายขนาดนี้ ฉันไม่คิดเลยว่า  จะอยู่ท่ามกลางภูเขา   ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสได้มาร้องเพลงในที่แบบนี้  ฉันคิดและฝันมานานมาก  นานจนบางทีฉันอาจจะจำไม่ได้ว่าเมื่อไร   ฉันดีใจที่ได้สัมผัสธรรมชาติที่ฉันไม่เคยได้รู้สึกมานานแล้ว ครั้งล่าสุดที่ฉันได้สัมผัสอาจจะเป็นเมื่อตอนที่ฉันมาออกค่ายอาสาสมัยอยู่มหาวิทยาลัย  เวลาของฉันมันถูกกำหนดอย่างกับนาฬิกาทรายที่กำลังกลับอีกด้านเพื่อให้ทรายตกลงมา ตัวฉันไม่ต่างกันเท่า   ฉันมีเวลาอีกสี่ชั่วโมงในการเตรียมตัว อาจจะได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติบ้าง แต่ว่า  ฉันจะมีเวลาถึงเพียงนั้นเลยเชี่ยวหรือ  ทุก ๆ อย่างยังวุ่นวายการเตรียมสคริป เตรียมคิว ท่าทางของฉันที่ฉันต้องเตรียมพร้อมภายในเวลาแค่สี่ชั่วโมงที่เหลืออยู่นี้  ฉันคิดว่าอีกไม่นานหนักความวุ่นวายและเสียงล่งเล้งชนิดย่อมๆ  เกิดแน่  เพราะเหล่าบรรดาช่างแต่งหน้า แต่งผมทั้งหลายเตรียมตัวมาทำงานให้ฉันสวยขึ้น  แต่หลายคนไม่เคยถามเลยว่า  ฉันต้องการจะสวยไหม  สวยเพื่ออะไร สวยเพื่อใคร  ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันสวยในแบบที่ฉันเป็น  ทำไมต้องมาแต่งเติมจนบางทีฉันไม่แน่ใจว่าฉันสวย อาจเป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง ที่บางครั้งความเหมือน หรือความสวยงามที่มีอยุ่นั้น  หลายคนอาจมองไม่เห็นมัน ไม่มีคุณค่าไม่มีความหมาย แต่ถ้าหากเรารู้ว่ามันควรจะเพิ่มหรือวางมันให้ถูกที่อย่างเช่นนำดอกไม้มาใส่แจกันแล้วละก็ ของเดิมอาจดูไม่สวยก็อาจจะสวยได้  ฉันคิดอย่างนั้น  แต่บางทีฉันเป็นคน  ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้  ถ้าตอนนี้ฉันเป็นดอกไม้ ก็อาจจะเป็นดอกไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำยาคงสภาพ สารฟอร์มาลีนและก็ลวดอีกมากมายที่คอยยึดไม่ให้ล้ม ทั้ง ๆ ที่ก้านดอกและสิ่งต่าง ๆจะเริ่มไม่มีแรงยื่นด้วยตัวเองอีกต่อไปแล้ว แต่อาจเป็นที่ต้องการด้วยความหายากและดอกยังสวยอยู่ ทำให้หลาย ๆ คนพยายามทุกวิธีทางทำให้ดอกไม้นั้นยังสวยอยู่ถึงแม้จะหลอก ๆ ก็ตาม  แต่อีกไม่นานเมื่อมีดอกใหม่ที่สวยกว่า ที่หายากกว่า  น่าสนใจกว่า  ดอกไม้ที่เคยสวยที่เคยแปลก หรือที่เคยนิยมก็กลายเป็นของที่ถูกเมินถูกทอดทิ้ง ไร้คุณค่า  และน้ำยา ลวดต่าง ก็ทิ่มแทงกลีบดอกและก้านใบในถังขยะ
เสียงน้ำตกและน้ำไหลมันช่วยให้ผมผ่อนคลายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว  อาจเป็นเพราะคนเราจริง ๆ ต้องการเพียงแค่ความสงบนิ่งหรือจิตใต้สำนึกของมนุษย์ยังคงต้องการและโหยหากับสิ่งที่เราจากมันมานานอย่างป่า ลำน้ำ จนบางครั้งผมรู้สึกได้ ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ จะรู้สึกอย่างผมหรือไม่ ที่เวลามองน้ำอาจคิดถึงบางสิ่งที่ช่วยสงบจิตใจ  ธรรมชาติเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ มนุษย์เป็นเพียงกลไกลหนึ่งที่จะทำให้ระบบนิเวศสมบูรณ์ แต่อาจเกิดการผิดพลาดที่ทำให้มนุษย์เกิดมีความรู้ ความคิดความเจริญ จนกลับกลายเป็นว่า มนุษย์เป็นผู้ทำลายเสียเอง  แต่กฎของธรรมชาติ ผู้เข้มเข็งกว่าถึงจะอยู่รอด  ความคิดนี้อาจจะเป็นความจริง ทั้ง ๆ ที่หลายๆ คนไม่อยากต่อสู้ แต่ทุก ๆ อย่างทำให้ชีวิตต้องดำเนินไปอย่างนั้น ไม่มีใครหนีพ้นไปได้ ผู้เข้มแข็งย่อมชนะผู้ที่ด้อยกว่าอ่อนแอกว่า สภาพสังคมเมืองคง เหมือนลำน้ำที่ถาโถมเข้ามาเวลาที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ ความเร็วและแรงก็เพิ่มขึ้น  มันคงจะเหมือนคนเราที่มักจะคิดแต่สิ่งที่ไม่ดี และพร้อมที่ไหลลงสู่ที่ต่ำอันเป็นสิ่งไม่ดีเหล่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องง่ายและเป็นจริงอยู่เสมอ และถ้าหากกระแสน้ำรุนแรง การต้านกระแสน้ำก็ทำได้ลำบาก  สังคมที่โหดร้ายทำให้คนดีอยู่อย่างลำบากเช่นเดียวกับการยืนอยู่กลางหน้าผาน้ำตกที่พร้อมจะตกลงไปทุกเมื่อ  เพราะมันคงจะเหนื่อยและอ่อนล้าเหลือเกินเรี่ยวแรงต่าง ๆของตัวเองคงจะหมดไป หากไม่มีแหล่งยึดเกาะยึดเกี่ยวร่วมกันต้านกระแสน้ำนั้น  แต่ถ้าหาก กระแสน้ำนั้นเป็นกระแสน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ  หรือเป็นน้ำนิ่ง ก็ไม่เป็นการลำบากเกินไปนัก  ผมไม่แปลกใจเลยที่คนดีหลายคนต่างถอดใจ  ต่างหลบหนีปัญหาอย่างนี้  นี่อาจเป็นสาเหตุที่ผมต้องหลบมาอยู่ในที่ๆ ผมคิดว่าเป็นแหล่งพักผิงที่จริงใจให้แก่ผมเสมอ  ถึงแม้ผมไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่ผมรู้สึกว่าการที่ผมอยู่ที่นี้ผมมีความสุข

อีกไม่กี่นาทีแล้วสินะ  ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อทุกๆ  เพื่อความสุขของเขา  รอยยิ้มที่ได้จากหลายๆ คน สร้างพลังให้กับฉันไม่น้อยเลยทีเดียว  อันนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่ฉันเลิกที่จะร้องเพลงไม่ได้ เพราะรอยยิ้มหลายๆ รอยยิ้มที่จะคอยสร้างพลังและกำลังใจให้กับฉันไม่น้อย  ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าพลังมวลชนจะมีอานุภาพมากขนาดนี้แค่รอยยิ้มที่ทุกคนพร้อมจะมีให้กับฉัน  เสียงเรียกที่ดังกระหึ่มทำให้ฉันขนลุก   นั้นเป็นความสุขที่ฉันได้รับหรือ  ฉันเองยังไม่แน่ใจ  แต่ครั้งนี้ฉันคิดว่าฉันคงทำให้ดีกว่าทุกครั้ง เพราะหลายคนพยายามที่จะมาดูฉัน  ถึงแม้ฉันอาจไม่มีความสุขเท่าไรนัก  แต่ฉันก็ยินดีที่จะทำให้ทุกคนที่มีความหวัง และมาให้กำลังใจฉันได้รับความสนุกกับไปบ้าง  ฉันหวังไว้ว่าอย่างนั้น  เหลือเวลาอีกนิดหน่อย   ขอให้ฉันทำใจหน่อยแล้วกัน

	ความเป็นเมืองต่างรุกคืบเข้า ผมคิดว่าอีกไม่นานธรรมชาติอันเงียบสงบแห่งนี้จะกลายเป็นเมืองย่อม ๆ เลยทีเดียว  เพราะผลประโยชน์ที่ปกคุมด้วยธรรมชาติเหล่าเป็นสิ่งที่หอมหวนไม่น้อยสำหรับนายทุน กับธุรกิจที่อ้างถึงธรรมชาติที่น่าสัมผัส ความเป็นธรรมชาติที่จอมปลอมที่เหล่านักธุรกิจเหล่านั้นสร้างขึ้น  โดยไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของระบบนิเวศน์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เลย  นอกจากคิดถึงเงินที่จะทำอย่างไรให้มันมุ่งสู่กระเป๋าของตัวเอง   มนุษย์ช่างเป็นสัตว์โลกชนิดเดียวที่มีความเห็นแก่ตัวและบ้าอำนาจมากที่สุด จนบางทีผมคิดว่ามนุษย์เป็นสัตว์โลกที่มีความต้องการไม่สิ้นสุด ไม่มีวันอิ่ม ไม่รู้จักคำว่าพอ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์สายพันธุ์ธุรกิจ เขาคงจะไม่คิดถึงความเป็นอยู่ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเท่าไรนัก  เขารู้จักกับสิ่งที่เขาเรียกมันว่าเงินเสียมากกว่า   และที่นี้ในตอนนี้  ในที่ผม หนีมา ยังมีธุรกิจตามมาหลอกหลอน เสียงดนตรี เสียงเพลงที่สังเคราะห์เป็นธุรกิจที่หลอกลวงผู้คนตามมาถึงที่นี้  ถึงแม้จะมีความน่าสนใจหรือบทเพลงไพเราะแค่ไหน  แต่รู้หรือไหม ว่าสิ่งที่เหล่านายทุนทำอยู่นี้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับสังคมและวัฒนธรรมของเหล่าชาวบ้านแทบนี้  ความบริสุทธิ์อาจหายไป มันเป็นปัญหาอย่างแน่นอนในอนาคตอาจจะดูเครียดไปซักหน่อย ลองคิดดูอีกหน่อยธรรมชาติที่แท้จริง ความเป็นอยู่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม วิถีชีวิตกำลังจะเปลี่ยนไปถึงแม้จะมีเงินแค่ไหนก็ไม่สามารถนำเอาความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตที่ดีงามกลับมาได้อีกแล้ว  หลาย ๆ คนอาจไม่เข้าใจ  แต่แน่นอนทั้งหมดอยู่ใต้ความคิดผม  ถ้าโลกที่ผมคิดมีอยู่จริงผมคงหลงรักมันมาก และคงจะจมอยู่ในโลกนั้น  อย่างกับตอนนี้ที่บางทีผมอาจจะจมอยู่ในโลกของผมเกินไป   บ้านหลังเล็ก ๆ ริมชายป่าที่ผมอยู่นี้ให้ความอบอุ่น ถึงแม้ไม่สะดวกสบายแต่อย่างน้อยมันก็เป็นที่อาศัยที่เพียงพอกับความต้องของผมแล้ว  

	วันนี้อาจจะเหนื่อยเกินไปเสียนิดแต่ความรู้สึกที่ฉันได้รับความสุขเช่นเดียวกับที่ฉันได้ทำไป  ซึ่งฉันคิดว่าหลาย ๆ คน คงได้ไปไม่มากก็น้อย   และอีกสิ่งที่ฉันดีใจมากที่สุดคือคืนนี้ฉันยังมีเวลาเกือบถึงเช้าที่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่   นี่หละที่ทำให้ฉันลืมเหนื่อย  แม้ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ฉันยังรู้สึกดี ที่จะได้ไปเดินดูต้นไม้และไอป่าที่จะมาสัมผัสกับฉัน  ท้องฟ้าที่ฉันมองเห็นในที่ที่ฉันอยู่ขณะนี้มันช่างแตกต่างกันเสียเกิน มันสวยงาม จนฉันไม่อยากจะลืมเลือน อยากให้เวลาหยุดนะตรงนี้  แต่มันคงเป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น ฉันคงไม่เขียนอะไรอีก เพียงแต่ขอเก็บความเงียบและบรรยากาศอย่างนี้เอาไว้แล้วกัน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสิดามัน
Lovings  สิดามัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสิดามัน
Lovings  สิดามัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสิดามัน
Lovings  สิดามัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสิดามัน