7 ธันวาคม 2550 01:16 น.
สาวบ้านนา
เป็นสาวบ้านนารักป่าทุ่ง
รักเรียวรุ้งหลังฝนคนช่างฝัน
รักท้องนาเรียวรวงดวงตะวัน
รักวสันต์โปรยปรายหยาดสายละออง
รักดอกไม้พื้นบ้านเช่นบานชื่น
รักค่ำคืนงามดาวพราวผุดผ่อง
รักทิวาวันเริ่มรุ่งฟ้าเรืองรอง
รักลำคลองสายคดเคี้ยวฝากเดียวดาย
รักต้นไม้ทุกต้นในไพรพฤกษ์
รักล้ำลึกพรรณพวงดวงดอกไม้
รักสายธารหวานเย็นดับร้อนคลาย
รักวัวควายเลาะเล็มหญ้ายามฟ้าพลบ
รักแสงแดดละออทอระยิบระยับ
รักแสงสุริยาลับขอบฟ้าเงียบสงบ
รักควันไฟจากฟืนลอยตระลบ
รักไม่รู้จบทุกสรรพสิ่งพึ่งพิงกัน
รักแสงเทียนละออทอริบหรี่
รักดนตรีแห่งเพลงไพรสังคีตสวรรค์
รักกระท่อมน้อยหอมกลิ่นแกงยามสิ้นวัน
รักกระต่ายหมายจันทร์คืนวันเพ็ญ
รักแตงไทยฟักแฟงทั้งแตงร้าน
ที่อวบหวานห้อยย้อยให้เห็นเห็น
รักวิถีดิบเดิมแม้นลำเค็ญ
รักใสเย็นคือรักพระธรรมน้อมนำดี
รักเกี่ยวก้อยยอดดวงหฤทัยชวนไปวัด
รักชาติศาสน์กษัตริย์เหนือชีพนี้
รักปล่อยวางคือรักนิพพานนะคนดี
รักที่ไม่มีตัวตนพ้นวนกรรม...!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์
รัก
รัก
เพลงพระราชนิพนธ์
รักทะเล
อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร
รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ
รักพฤกษา
รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ...
......................
สาวนาเก็บเห็ด!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1554.html
ความรักเหมือนเห็ดละโง้ก
คืนนี้....
ฝนพรำตลอดเวลา
ให้สาวนานอนดายเดียวเหว่ว้า
ดูม่านฝนในมุ้งขาว
กับ
ละอองไอฝนเย็นๆ
ที่ปล่อยให้พัดพรายผ่านเข้ามา
ให้ได้ความสดชื่น
ได้กลิ่นละอองเกสรดอกไม้ป่า
และดอกไม้ไทยนานาพรรณ
ใกล้ชายคา...
มะลิลามะลิซ้อนโมกอรชร
ดวงดอกมะลิวัลย์จันทร์กระพ้อ
กอราตรีระร่ำรสสดเศร้า
เคล้าคลอให้ยิ่งหนาวใจ
และกับกลิ่นหอมหอม
หวานหวานของดอกจำปีจำปา
มาตามพรายฝนพร่าง..
ในท่ามกลางแสงตะเกียงอันริบหรี่..
สาวนา
ชอบฤดูฝนแม้นจะไร้คนในฝัน
มานอนออดอ้อนให้ไออุ่นละมุนทรวง
มาฟังเสียงหยาดฝนร่วงกระทบรวงข้าว
และชายคาจาก
เปาะๆแปะๆไปด้วยกันก็ตามที
**********
สาวนา..คนซื่อ
จึงจำรำงับ
ดับความคิดถึงคะนึงหาอ้ายด้วยการ
หมุนหาเพลงไทยลุกทุ่งไพเราะๆฟัง
จะเข้าท่าเข้าทีจะดีกว่า
ที่จะนอนฝันดายเดียวเดียวดาย
.........................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4567.html
ฝนเดือนหก รุ่งเพชร แหลมสิงห์
โอ๊บ โอ๊บ ย่างเข้าเดือนหก
ฝนก็ตก พรำพรำ
กบมันก็ร้อง งึมงำ ระงมไปทั่ว ท้อง นา
ฝนตกทีไรคิดถึงขวัญใจ ของข้า
แม่ดอกโสน บ้านนา
น้องเคยเรียกข้า พ่อดอกสะเดา
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก โปรยโปรย
หัวใจพี่ร้อง โอยโอย คิดถึงแม่ดอก บานเช้า
ฝนตกลงมา คิดถึงขวัญตา น้องเจ้า
ไม่เจอะหน้าน้อง แม้เงา
หรือลืมรักเราเสียแล้วแก้วตา
ถามว่าฝนเอย ทำไมจึงตก
ตอบว่าฝนตกเพราะกบมันร้องเรียกฝนบนฟ้า
ถามว่าพี่เอยทำไมร้องไห้ และหลั่งน้ำตา
ตอบว่าหัวใจ ของข้า คิดถึงแก้วตา จึงร้องไห้
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก ปรอยปรอย
พี่ยังมาหลง ยืนคอย น้องจนพี่ปวด หัว ใจ
ฝนตกพรำพรำ พี่ยิ่ง ระกำ หมองไหม้
พี่ต้องตากฝน ทนหนาวใจ
น้องจากพี่ไปเมื่อเดือนหกเอย
ถามว่าฝนเอย ทำไมจึงตก
ตอบว่าฝนตกเพราะกบมันร้องเรียกฝนบนฟ้า
ถามว่าพี่เอยทำไมร้องไห้และหลั่งน้ำตา
ตอบว่าหัวใจ ของข้า คิดถึงแก้วตา จึงร้องไห้
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก ปรอยปรอย
พี่ยังมาหลง ยืนคอย น้องจนพี่ปวด หัว ใจ
ฝนตกพรำพรำ พี่ยิ่ง ระกำ หมองไหม้
พี่ต้องตากฝน ทนหนาวใจ
น้องจากพี่ไปเมื่อเดือนหกเอย...
ฟังเพลงแล้ว
สาวนาจึงไล้แสงตะเกียงเคียงหัวนอน
ให้โชนขึ้นเพื่อ
อ่านหนังสือ*ธรรม*และ
สวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตา
ให้แก่ทุกสรรพสัตว์ในหล้าโลกนี้
ที่ได้ยินข่าวว่า
ยังมีการรบราฆ่าฟันกันอยู่ทุกหัวระแหง
มีแต่ความแรงร้อนไปทั่ว
กลั้วด้วยหยาดน้ำตาของผู้สูญเสีย
และ
หลวงพ่อเพียรเทศน์
ให้รู้เท่าทัน
ให้ระลึกรู้ว่า
ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้นนัก
มิพักต้องรีบพากันตาย
ใช้วิธี
แบบโหดเหี้ยมใหดร้ายทารุณ
และ
ยิ่งทำให้โลกละมุนแล้งไร้
สิ้นไร้ความเมตตามากขึ้นๆ
มีแต่กิเลสตัณหาความอยาก
ที่จะช่วงชิงความเป็นใหญ่เป็นโต
จนพาโลกไปสู่สงครามสู่ความขัดแย้งทางการมือง
ที่ทำอย่างไรคิดอย่างไร
สาวนาก็คิดได้คิดดี
คิดตามอย่างที่หลวงพ่อสอนว่า
มนุษย์มนามากมาย
ช่างใช้ชีวิตเปล่าเปลืองเสียเวลาเสียนี่กระไร
น่าที่จะหันมาทำความเข้าใจกัน
หันหน้ามาใช้สติปัญญาแก้ปัญหา
รู้รักสามัคคีรักษาสิ่งแวดล้อมโลกจะเข้าท่าเข้าทีจะดีกว่า
เหมือน
อนาคตท่านผู้หญิงหมายเลขหนึ่ง
ของคนฝรั่งอเมริกา
ที่สาวนาได้ยินจาก
วิเคราะห์ข่าวเช้าวันหนึ่งทางวิทยุว่า
เธอ..ร่ำรวยมหาศาล
หากยังขัดห้องน้ำเอง
และเป็นตัวของตัวเองทุกเรื่องราว
เท้าติดดิน
ที่สำคัญเธอเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก
มิได้เสวยสุขทิ้งโศกไว้ให้คนจน
คนชั้นกลางนักวิชาการรับมือแก้ปัญหาไปลำพัง
สาวนาจึงหวังแบบลมๆแล้ง
แบบสาวบ้านป่าบ้านนอก
อยากบอกให้ชาวโลกได้รับรู้
ตามประสาชาวบ้านๆว่า
เลิกบ้าวัตถุที่กินไม่ได้เสียที
น่าที่จะหันมาพัฒนา
มาปลูกพืชพันธุ์แบ่งปันกันกินจะดีกว่า
มาถวิลคิดว่าโลกกำลังจะอดตาย
เด็กๆมากมายกำลังจะอดตาย
อย่างเด็กในแอฟริกาและบังคลาเทศ
เนื่องจากภัยพิบัติมากมายมากมี
และ
ไม่นานช้าโลกนี้อาจจะถึงกาลเวลา
น้ำท่วมฟ้าปลากินดาว
และอาจจะราวทะเลทรายเพราะ
สิ้นไร้วงจรดินน้ำลมไฟไม่ปรกติสุข
โรค..ระบาดก็มิพลาดที่จะตามมา
ซึ่งเบื้องหลังนั้น
นักวิชาการ
แพทย์ทั่วโลกต่างพากันแสนโศกใจ
เมื่อตามรับมือกับโรคใหม่ๆแทบไม่ทัน
อย่างที่สาวนาได้ยินได้ฟังจากข่าววิทยุ
และ
จากที่
หลวงพ่อนักพัฒนา
เพียรพยายาม
บอกชาวบ้าน
ถึงโครงการเรียบง่ายหากงดงาม
โครงการ*ป่ารักษ์น้ำ*
และทั้งห้ามและขอร้อง
ให้ช่วยกันเลิกทำลายป่าเสียที
ที่นะบัดนี้จะเหลือเพียงหยิบมือเดียวแล้ว
หากไม่ช่วยกันแลเหลียวและคิดว่าเป็นธุระของตัว
หลวงพ่อบอกว่าเราชาวป่าชาวบ้าน
ยังมีความคิดจิตใจ ดีกว่า
ข้าราชการหรือคนในเมืองบางคน
ที่วนหาแต่เรื่องวัตถุมาสะสมมาเครียด
และคิดแต่จะคอรัปชั่นโกงกินแผ่นดิน
เราถึงจะเป็นชาวนาชาวดิน
แต่ยังมีใจดวงใส
ดวงมิสิ้นคุณธรรม
มิห้ำหั่นราวไร้มโนธรรมเอารัดเอาเปรียบใคร
ไม่ทำลายผืนดินและทรัพยากรชาติ
และจงสร้างภาคภูมิใจก่อนจะตาย ดีกว่า
ว่าไม่เสียชาติเกิด
อย่าเอาแต่ได้ ไร้สำนึก..
จงระลึกรู้
ที่จะแสดงกตัญญุตาต่อผืนดินเถิด
ที่จะประเสริฐกว่า..การฆ่าฟันกัน
ทุกหย่อมหญ้าอย่างไร้เหตุผล
เพราะมัวเมาหลงอัตตา
ความบ้าอำนาจที่จะแย่งชิงสิ่งที่มิใช่ของตัว
สาวนา..
คิดอะไรไกลตัวมากแล้ว
เลยพยายามนั่งสมาธิจะดีกว่า
ขอแค่คิดว่า
เพียงเราทุกคนทำหน้าที่ตัวเองอย่างดีที่สุด
อยู่ในโลกนี้อย่างมาโอบเอื้อแบ่งปันพึ่งพิงพึ่งพา
ก็น่าจะสมถะเพียงพอพอเพียงแล้ว
เหมือนสาวนา
ที่คืนนี้ขอนอนหลับเอาแรงพักผ่อน
ไว้ลุกขึ้นมาทำนาทำไร่
ให้ได้ผลพอเพียงเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงไปยังผู้อื่น
และ
หวังไว้แค่ว่า..
เช้ามาจะไปเก็บเห็ดในป่า
หาเลี้ยงชีพชอบประกอบกิจประกอบกิน
ที่หากยังมีสิ้นผืนดินมิสิ้นแรงสิ้นชีพ
อาจจะได้ประกอบกาย
ได้ปลูกข้าวเลี้ยงชีวิตชาวเมือง
แทนเปล่าเปลืองวัตถุ
ที่ได้แต่ถือแต่หามาไว้
ประเทืองประทับประดับบารมี
หากชีวีหากินได้ไม่..
สาวนาหัวใจสะออน
จึงขอนอนหลับไม่ฝัน
หากจะฝัน
ก็ขอแค่ให้ฝันเห็นแค่เห็ดเห็ดเห็ดและเห็ดเพียงนั้น
เพราะสองวันมานี้อากาศอ้าว
ฝนทิ้งช่วงมาสองสามวัน
เห็ดโคนอันแสนอร่อยราคาแพง
คงจะพากันแทงขึ้นมาจากรังปลวก
เต็มไปหมดแล้ว..
เห็ดโคนที่จะมีจะมาราวเดือน8ถึงเดือน11
และราคาเห็ดก็กิโลละตั้งหลายร้อยบาท
ว่าแล้วสาวนาก็จะพลาดได้อย่างไรกันเล่า
จำต้องพาร่างและหัวใจน้อยๆ
ราวลอยล่องท่องไปในทะลเห็ดเห็ดเห็ด
สีสวยสล้างนะกลางป่าเขียวไพล
พาใจนอนคิดคิดคิดไปจนเข้าสู่นิทรา.อย่างแสนสุข
........................
เช้าแล้ว
น้ำค้างแก้วหยาดสายระริน
แว่วๆ
เสียงไก่เถื่อนขันเทือนไปทั้งป่า
ฟ้าหลัวๆเริ่มรุ่งรางสว่างจ้ารำไรๆ
นกไพรร้องหาคู่
ดุเหว่ายังร้องเพลงหวานแว่วแผ่วเพลงเดิมเดิม
มาเติมต่อให้
หัวใจสาวนาอิ่มเอม
เริ่มบรรเลงงานกิจวัตรประจำวันจนแล้วเสร็จ..
สาวนา..
ค่อยๆพาตัวเองเดินไปตามเส้นทางสายเล็กๆ
ที่ทอดขึ้นไปสู่ภูอันแน่นทึบไปด้วย
ต้นไม้ใหญ่ๆที่ยังสานใบปกคลุมกัน
สาวนารู้ว่าภายใต้ป่าใหญ่ไพรกว้างอันรกเรื้อนั้น
ที่ยังมีเถาวัลย์หญ้ามอสเขียวครึ้ม
จะมีรังปลวกที่อพยพหนีทิ้งไป
ทิ้งรังไว้ให้เห็ดโคนเติบโตใต้ดินลึก
ที่มีใบไม้ทับถมห่มคลุมผืนดิน
ให้มีความชื้นพอเหมาะพอดี
ที่กะเปาะเห็ดจะแตกดอกระดะออกมา
และเพราะเหตุที่ว่า
กว่าจะหาพบต้องใช้ประสบการณ์สูง
อย่างสาวนา
ที่จะรู้ว่านะจุดไหนในดินที่จะมี
เช่นตามพื้นดิน
หรือขอนไม้ผุในหน้าฝน
ซึ่งเห็ดจะปนกันมากมาย
มีสีแตกต่างกัน เช่น สีแดง สีเหลือง สีดำ
และยังมากมายหลายพันธุ์
จนกระทั่งบางทีสาวนา
ก็ขอบคุณฟ้าดินเหมือนกัน
ที่ราวสวรรค์มีตา
พาให้ชาวบ้านป่าบ้านดอยได้ดำรงชีพชอบ
ด้วยการเก็บของป่าที่มากับฤดูกาล
แม้การเก็บเห็ดจะมีให้ปีละครั้ง
แต่ก็แสนคุ้มค่าเพราะราคาดี
แม้นจะมีดินคลุกปน
ต้องทนเอาไปทำความสะอาด
ก่อนจะปรุงอาหารให้มีรสชาติหวานหอม
และ
อาชีพหาของป่าหรือว่ามาเก็บเห็ดนี้
ใช่ฟ้าจะประทานมาให้ใครทำได้
เพราะเห็ดบางชนิดกินแล้วถึงตายได้
ต้องเลือกเก็บหรือกินเฉพาะเห็ดที่รู้จัก
และหากมีสีสดๆมักจะมีพิษ
บางทีต้องอาศัยความสังเกตคอยเฝ้าดู
ว่าแมลงสัตว์กินไหม
ถ้าสัตว์กินได้คนถึงจะกินได้
แต่ต้องมั่นใจเต็มร้อย
ต้องค่อยๆศึกษาดู
เพราะว่าอย่างนกกินได้
แล้วอาจจะไปกินอะไรอีกอย่างมาแก้กัน
ใช่จะกินตามไป
ไม่ดูตาม้าตาเรือ
และ
ต้องจดจำจากคนโบร่ำโบราณ
ที่ผ่านการหาของป่ามายาวนาน
ใช่ว่า..ผลไม้ของป่าทุกอย่างจะเก็บกินสุ่มสี่สุ่มห้าได้หมด
นี่คือเรื่องงามงดงดงามของชีวิตชาวนาชาวป่า
ที่เกิดมาต้องหาเพียรเสาะหาหาอาหารมากินเอง
ใช่จะกระเตงไปสั่งตามร้านได้ซะที่ไหนล่ะ
และ
นี่คือชีวิตคนไพรคนป่า
ที่เกิดมาต้องเพียรยังชีพ
ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองตามมีตามเกิด
ที่ประเสริฐ
กว่าพวกนั่งโต๊ะในห้องแอร์เย็นๆ
ที่คอยแต่จะคดโกง
เป็นพรสวรรค์พรแสวงแขนงหนึ่ง
ที่ธรรมชาติให้มาแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
และ
ให้มนุษย์ได้สำนึกว่าอย่ามาเบียดเบียน
ทำลายปล่อยให้ทุกอย่างโอบเอื้อ
ซึ่งกันและกัน
และกับวันนี้
สาวนา..แสนดีใจที่
เก็บเห็ดได้เต็มตะกร้า
พาให้หัวใจสาวนาอิ่มเอิบราวเห็ดโคนโดนฝนเลย
ในท่ามกลางสายลมแรง
กับละอองฝนโปรยปราย
ให้อากาศแสนเยียบเย็น
สาวนาค่อยๆเร้นร่างหลบหนาว
เข้าไปภายใต้ร่มไม้ใบบัง
และทำไมนะสาวนา
ถึงละหลั่งรินน้ำตา
เมื่อคิดไปว่า..
อ้ายคนดีคนที่ชอบเห็ด..
ป่านนี้ให้ใครเด็ดดวงใจไปครอบครองเสียแล้ว
ให้ไปทำอาหารเห็ดจานเด็ดจานอร่อย
ปรุงปรนป้อนปาก
จนลืมสาวนาคนยาก ผู้สาว ผู้จงรักภักดี.!!!
..........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1554.html
ความรักเหมือนเห็ดละโง้ก
ศิริพร อำไพพงษ์
ความรักของผู้ชาย
คิดไปเหมือนเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกเห็ดละโง้ก
ก็เริ่มจะบาน
เริ่มจะโตเป็นไข่
ใหญ่มาก็ตูมแล้วบาน
ใช้เวลาไม่นาน
ดอกที่บานก็เริ่มโรยรา
เหมือนรักพี่
แค่เพียงสบตา แล้วก็มา
สัญญาว่าจะรักมั่น
ครั้นผู้หญิงใจอ่อน
ใจอ่อนถอดตัวไม่ทัน
รักไม่เคยข้ามวัน
ใจพี่นั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปร
ลำ
ใจชายแน่
หัวใจพลิกแผงมีแดงหรือบ่
ลืมไวกะด้อหน้ออ้ายซางเป็น
ใจน้องเต้นเห็นพี่ทำทรง
เลยตกลงฮักมักชายจริงแท้
เลยมาแพ้ชายแปรเป็นอื่น
วันคืนกะด้อใจก็เปลี่ยนผัน
ใจอ้ายนั่นมันมักลืมไว
ซางมาคือกันหลาย
วางเห็ดในโอ้ง
ฝนตกล่ะยังไม่ทันเท่าใด
ก็กลายเป็นไข่ขึ้นมา
แล้วก็จูมดังว่า
ต่อมาก็บานเป็นใบ
ต่อจากนั้น
เก็บมันก็แกงกินไป
เก็บไม่ทันเมื่อไหร่
ดอกใบร่วงหล่นลงดิน
ลำ
ถือขมิ้นตั๋วกินตั๋วเก่ง
ถือขมิ้นตั๋วกินตั๋วเก่ง
ยามมักกระเด่งเด่งเข้าไม่หาย
บาดห่าได้บ่เห็นไข่เห็นโต
กระลืมไวพะโล้หน่ายโตชายเด้
หวังเอาเท่คือเห็นในไข่
บัดว่าไข่แตกแล้วมีตั้งแต่หนอน
สาวเดือดฮ้อนย้อนได้พี่คือเห็ด
มาลืมไวใจเด็ด
ว่าแม่นเห็ดอยูในโคก
ว่าแม่นเห็ดอยู่ในโคก
ความรักดังเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกกะโสกโหลกโสกเลก
บานแล้วเก็บไม่ทัน
เห็ดเหล่านั้น
ก็เนาตายเอดเลด
ความรักดังเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกกะโสกโหลกโสกเลก
บานแล้วเก็บไม่ทัน
เห็ดเหล่านั้น
ก็เนาตายเอดเลด
ความรักดังเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกกะโสกโหลกโสกเลก
บานแล้วเก็บไม่ทัน
เห็ดเหล่านั้น
ก็เนาตายเอดเลด...
.............................