23 กรกฎาคม 2549 21:17 น.

วอมไฟลอมฟาง..!

สาวบ้านนา


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song13.html
(น้ำตาแสงไต้)

คืนนี้เป็นคืนแรม
ทุกสิ่งดูแรมไร้ ร้างเลือนไปเสียสิ้น
แม้นกระทั่งดาวเดือนเกลื่อนฟ้า
ก็ยังต่างพากันหลบหน้าหนีหายเข้ากลีบเมฆหมองหม่น


สาวนาไล้ตะเกียงให้โชนแสงขึ้น
หลังจากนอนนิ่งนิ่ง
ทิ้งร่างกับเงาระริกระริบหรี่ไหวของวอมไฟวะวับแวม
บนเตียงไม้ไผ่ในที่นอนนวลนุ่มมานานนาที


ฟ้าหลังฝน งามฉ่ำชื้น 
หาก...
ไยเล่า...!ใจสาวนาจึงเหน็บหนาว
ร้าวรานประมาณกัน ดั่งฟ้าฝัน ฝนพราวในดวงใจ
สาวนานอนฝันฝันฝันด้วยพิษไข้รุมรุม
สุมร่างมาหลายวันแล้ว ในทุกยามโพล้เพล้ตะวันรอน


ให้หัวใจสะออนของสาวนา 
ยิ่งแสนอ้างว้างเดียวดาย
เมื่อ..
หันไปไร้สิ้นร่างอ้ายคนดีที่เคยเคียงเคลียคลอ

สาวนาไม่รู้จะไปอ้อนพ้อ
ขอให้ใครดูแลยามเจ็บป่วยอย่างนี้

ในฤดีจึงระกำ พอกันกับลั่นทม 
ที่พรายพวงคอยปลิดร่วงๆพร่างพรมจนเต็มพื้นหญ้าเขียวขจี...


สาวนาได้ยินเสียงลมครางฟ้าครวญ
และคิดว่าลมหวนเอาละอองฝนที่ไหนสักแห่งมา
ปรายโปรย ราวโรยไปทั่วร่างให้สาวนาแสนเยียบเย็น


สาวนาเอื้อมมือควานคว้าวิทยุคู่ใจ
และค่อยๆหมุนหาคลื่นภักดิ์
ที่จักพาให้ร่างลอยละลิ่วเหิรปลิวไปบนฟากฟ้า
ราวกับว่านกไพรอิสราติดปีกบิน


เสียงหวานแว่วค่อยๆแผ่วพรายร่ายมนต์เพลงรักลูกทุ่ง
ข้ามลำประโดง โค้งคุ้งไปสู่ทิวทุ่งทิพย์รวงทอง

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4888.html

สี่ในสี่ ห้องหัวใจ
ฉันให้คุณหมด
หมด ไม่มีเหลืออยู่
คุณ ไม่รักแล้วไม่เอ็นดู
พอหัวใจคุณเปิดประตู
ไม่มีฉันอยู่ ในนั้นเลย
เก็บความหม่น ทนระทม
ทุกข์จมความโศก
โลก สร้างมาเหลือเอ่ย
ฉัน ทุ่มใจเพราะยังไม่เคย
รักเขาเต็มใจหมดเลย
พิโธ่เอ๋ยนี่โดนหนามยอก
หัวใจของคุณ
คงแบ่งปันสักพันสักหมื่น
แต่ใจฉันนั้นมันขมขื่น
เพราะคุณยื่นความช้ำความชอก
ไม่รักฉันอยู่ตั้งนานแล้วไยไม่บอก
ฉันรักคุณแล้วพูดไม่ออก
ให้คุณบอกไม่รักสักคำ
หนึ่งในสี่ ใจของคุณ
ว้าวุ่นไปได้
ใช่ ก็ใครเขาทำ
เคย ห้ามใจโถมันไม่จำ
แม้เขาจะพร่าจะยำ
เจ็บปวดช้ำก็ยังยิ้มรื่น
หัวใจของคุณ
คงแบ่งปันสักพันสักหมื่น
แต่ใจฉันนั้นมันขมขื่น
เพราะคุณยื่นความช้ำความชอก
ไม่รักฉันอยู่ตั้งนานแล้วไยไม่บอก
ฉันรักคุณแล้วพูดไม่ออก
ให้คุณบอกไม่รักสักคำ
หนึ่งในสี่ ใจของคุณ
ว้าวุ่นไปได้
ใช่ ก็ใครเขาทำ
เคย ห้ามใจโถมันไม่จำ
แม้เขาจะพร่าจะยำ
เจ็บปวดช้ำก็ยังยิ้มรื่น...
.................


สาวนายันร่างที่รุมรุมด้วยพิษไข้
คล้ายแทรกซ้อนด้วยพิษรักคิดถึงอ้าย

ค่อยๆเดินไปในครัว 
แขวนตะเกียงรั้วไว้ที่โคนเสา

สาวนา..
ค่อยๆจุดไฟด้วยขี้ไต้ให้ติดไม้ฟืนหอมๆ
ในเตาที่สาวนายังใช้ก้อนเส้าสามก้อนสำหรับวางหม้อ


กลิ่นฟืนควันไฟ พาให้สาวนาไอสำลัก
จนต้องใช้พัดใบลานสานสวยไว้ค่อยๆโบกพัดวี

แสงไฟลุกวาบอาบไล้ใบหน้านวลเนียนแดด
ของสาวนาให้งามล้ำราวลูกตำลึงสุก

สาวนา..
ซาวข้าวหอมแก่นจันทร์อย่างเร็วๆ
ก่อนที่จะเทน้ำข้าวทิ้งไว้ในชาม
ที่..
สาวนาตั้งใจจะนำไปขัดผิวสีให้ยิ่งฉวีวรรณ 
สูตรนี้นั้นที่สาวนาได้เรียนรู้ภูมิปัญญาพิ้นบ้าน
มาจากคุณยายสาวนาเอง 
ที่อายุปาไปเจ็ดสิบแล้วหากผิวยังผ่องแผ้วพรรณราย
สีน้ำผึ้งรวงหนั่นแน่นให้แสนน่าพิศวงสงสัยอยู่เลย...


กลิ่นข้าวใหม่ข้าวหอมหอมหอมในหม้อเดือดปุดปุด 
ให้สาวนาคอยใช้กระจ่าคน.. จนรู้สึกได้ที่ดีแล้ว
จึงใช้ไม้ขัดหม้อ มิรอเวลาให้ข้าวอ้วนพองพีไปยิ่งกว่านี้
เพราะ..
ดีไม่ดี..จะได้กินข้าวแฉะแบบข้าวต้ม
สาวนา..
ต้องราไฟลงแล้วค่อยๆดงข้าวให้สุกดีดี
ก่อนที่จะนำหม้อดินไปวางไว้ในที่รอง 
จากก้านมะพร้าวสานขัดไว้คอยรองรับก้นหม้อกันร้อน


แล้ว..
สาวนาคนขยันแม้นในยามยาก
ก็เดินไปริมรั้ว คว้าพลั่วมาขุดมันแกว
ในท่ามแสงสลัวๆของนวลแสงไต้
ที่สาวนาจุดไว้กันเหลือบยุงริ้นไร
ในคอกที่จะไปกัดเจ้าควายน้อยลาแล้งและสายน้ำ
ที่..
สาวนาจะนำไปฝานบางๆผัดกับน้ำมันหอย
และ
ถึงไม่มีเนื้อสัตว์ แนมก็ให้รสชาติหวานอร่อยแล้ว
พร้อมกับ..
จะไปเด็ดพริกขี้หนูและมะนาวริมสวน
มาเตรียมทำน้ำพริกแกล้ม  
แล้วก็..
อาจจะมีฟักแฟงแตงกวา
ที่จะนำไว้รอท่าปรุงอาหารมื้อต่อไป
สาวนาเลือกยอดตำลึงที่กำลังพันพร่างไสว
และเครียวพันรัดร้อยรั้วไม้ไผ่
มาทำแกงจืด สักถ้วยร้อนร้อน กินขับไข้ให้เหงื่อออก...

 

และ..
ในท่ามราตรีที่สาวนาแทบจะหลับตาเดินได้
สาวนา..
ได้ยินเสียงขลุ่ยหวานแว่วแผ่วผิวมากับฟากฟ้าสีกำมะหยี่
ที่ณ..บัดนี้ดาวน้อยดวงสุกใสค่อยๆคลี่ดวงรำไรๆ
ออกมาจากม่านฟ้าแล้ว

สาวนาฮัมเพลง*ดาวจรัสแสง* 


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song393.html

ดาวเอ๋ย ดาวน้อยเจ้าลอยสูงเด่น
ใครใครเขาก็แลเห็น
ว่าเจ้าสูงเด่นเหนือดาวดึงส์
เจ้าเป็นดาว ที่พี่อาจเอื้อมไม่ถึง
อยู่เหนือดาวดึงส์ พี่จึงได้แต่แลมอง
ดาวเอ๋ย ก่อนนั้นเจ้ายังไร้ค่า
ใครใครก็ไม่นำพา
ไม่เลิศเลอกว่าแสงดาวเรืองรอง
เจ้าสกาว จึงมีคนเฝ้าคอยปอง
เด่นเหมือนดาวทอง สักวันจะหมองวิญญา
ก่อนนั้น เจ้าคิดถึงพี่หรือเปล่า
ก่อนที่จะมาเป็นดาว ใครเขาส่งเจ้าเข้ามา
เฝ้าอุ้มชู จนเจ้าได้เป็นดารา
มีแสง มีค่า พอได้เวลาก็เคลื่อน คล้อย
ดาวเอ๋ย อย่าหาว่าพี่ทิ้งเจ้า
วันใดเจ้าปวดรวดร้าว
ตัวพี่จะเฝ้าแหงนคอรอคอย
เฝ้ารอซับ น้ำตาดาวที่หลั่งย้อย
หากแม้ดาวลอย ใช่ลอยจากฟ้าลับไป

ดาวเอ๋ย อย่าหาว่าพี่ทิ้งเจ้า
วันใดเจ้าปวดรวดร้าว
ตัวพี่จะเฝ้าแหงนคอรอคอย
เฝ้ารอซับ น้ำตาดาวที่หลั่งย้อย
หากแม้ดาวลอย ใช่ลอยจากฟ้าลับไป...
.....................


และ
วันนี้...
สาวนา ได้ยินข่าวจากวิทยุด้วยว่า
จะให้นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่รังสิต
ทดลอง...
ทำการศึกษาวิธีปลูกข้าวในแปลงสาธิต
ที่น่าจะคิด ตามรอยพระบาท
*ทิพยทฤษฎีใหม่* ไปตั้งนานแล้ว

เพื่อให้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตชาวนาไทย
เกษตรกร เกษตรกรรมไทย
อัน...
ไม่ควรให้..*สิ้นรอยไถแปร..*แพ้สังคมศิวิไลซ์
ที่ทำอย่างไรๆก็คงไม่ทำให้ไทยอิ่มท้องทั่วหน้า
จึงน่าปลื้มปิตินัก 
ที่ภาครัฐและนักศึกษาจะหันมาเห็นค่าซึ้งค่า
คำว่า..*ภูมิปัญญาไทย กระดูกสันหลังไทย*..


และ
สำหรับหัวใจสาวนาแล้วไซร้ 
ถึงใครๆจะ*เลือกโลกย์*เดินไปในทิศทางไหน

หัวใจดวงทองดวงผ่องผุดของสาวนา
ก็คงเลือกที่จะเกิดมากับวิถีไทวิถีทอง วิถีท้องทุ่ง
กับ..
เรียวรุ้งฟ้ากระจ่าง 
กับ..
สว่างรำไรๆ เรื่อเรือง..
ยามอาทิตย์อุทัยหมุนอรุณอุ่นอาบที่ทาบทา
ด้วยแสงสงฆ์จากพระพายเรือมา
ในท่ามประโดง ลำคลองสายใส สวยใส
ดู..
ตาลเดี่ยวเปลี่ยวใจ แสนงามไฉนเลยในเงาแสงรำไรๆ


และ..
กับเรียวรวงไสวข้าวกล้าสุกปลั่ง
กับ..
ลอมฟาง..ซังข้าว
กับ..
พราวดอกไม้ป่า 
กับ..
เมตตากรุณาในดวงจิต
ราวมี*อัญมณีทิพย์อัญมณีธรรมในดวงใจ*
กับ..
เสียงร้องของดุเหว่าไพร ไก่เถื่อนขันเทือนในยามเช้า
เฝ้าปลุก
ให้..
นอนเฝ้าดูรุบหรู่ดาว
ดูหยาดละออละอองน้ำค้างพราว
ที่พร่างเกาะตามใบบัวใบข้าวยอดไม้ใบหญ้า
เกาะชายคาจากหยดดั่งดวงกุดั่นแก้วแสนวะแวววับ
ดู..
นภายามสายแสงสีทองระยับอาบจับทาบทา..


และ..
พรายแสงลงมาสู่ท้องนาจนข้าวกล้าราวแพรไหมสีทอง
ดู..ครรลองผีเสื้อดอกไม้ ดูโสนไสวบาน
ดู..
หวานของมวลเมฆยามใกล้ค่ำ
ดูสายนทีระร่ำริน ในทุกถิ่นที่
ฟังเสียงดนตรีไพร บรรเลง
ให้..
วังเวงเหว่ว้า..
หากทว่า..คือความสงบสมถะให้งามเงียบ
ให้ชีวีนี้รู้ว่าก็คือ..*เท่านี้เท่านั้น* ไม่ว่าจะฝันไกลแค่ไหน
โลกเราไซร้ ..
และ..
ทุกมวลมนุษย์ผู้ทุกข์สุขทั่วหล้า
ใต้ฟ้าไทย ไทก็จำต้องว่ายวนไป
จาก..*สูงสุดคืนสู่สามัญ*
อันคือธรรมดา ธรรม ธรรมดาชีวีชีวิต
ที่ใครไหนเล่าจะหนีลิขิตพรหมพ้น


และ
นาทีนี้..
ใจดวงดีดวงทองที่ผ่องพรายราวบัวบานเหนือโลกย์
ใน..
ท่ามทุกทุกข์ผู้คนผู้สับสนสิ้นหวัง
ก็..
ยังมิสิ้นพลังใจไฟฝัน ให้สาวนาคิดฝันฝันฝันว่า
ไม่ว่าอ้ายจะพรากลา ฤาไปหลงมายาใด
หาก..
ยามใดที่สาวนาแหงนเงยขึ้นมองบนฟากฟ้า
สาวนาก็ยังคิดว่า เราสองก็ยังมีจันทร์ไสวใจดวงเดียวกัน


ยังมีฝันมีหวัง ว่าสักวันภายใต้ขอบฟ้ากว้าง
บางทีสาวนาอาจจะได้อยู่ในอ้อมกอดอ้อมใจอ้ายในคืนแรม
ที่แม้นดาวเดือนคงเลิกกระพริบ
เฝ้าหยุดจ้องมองด้วยอิจฉา

สาวนา ..
ค่อยๆพาร่างเหว่ว้าเดินไปที่คอกเจ้าลูกควายสายน้ำ
ลูบไล้คล้ายระบายรักระบายใจ
ด้วยคิดถึงอ้ายจนล้นใจแล้ว
แล้ว..
ค่อยๆเติมฟางให้ไฟไม่มอด
คอยสุมคอกไล่เหลือบยุงริ้นไร..


ก่อนที่จะ...เดินไปริมบึงกว้าง 
แล้ว..
พาร่างราน พายพาเรือลำเล็กๆ
ค่อยๆลอยเลื่อนเคลื่อนคล้อยไปท่ามบึงกว้าง
พร่างพราวด้วยดงดอกบัวขาวบัวแดงนับพันดอก 

ที่กำลังงามสล้าง ด้วยได้น้ำค้างน้ำฝนจากฟ้า
ที่ละหลั่งรินมาอย่างมิสิ้นสาย 
มา..
*รดดินระแหงบัวแล้งน้ำ*..ให้ได้ชุ่มฉ่ำพลันชื่น
ฟื้นฝันพลันชูช่อพ้อฟ้าฟ้าสลัว ..


และ..
ให้ใจดวงสว่าง มิมืดมัว...
ที่กำลังจะเด็ดบัวน้อยสักช่อกำ
ไปพับกลีบพริ้มอิ่มปิติเพื่อถวายพระ ในค่ำคืนนี้
ที่..
สาวนาตั้งใจว่าจะสวดมนต์อธิษฐานจิต
นั่งสมาธิให้นาน 
เพราะ..ดวงใจคิดห่วงใย
*ขวัญชาติ ขวัญชีวิตของทุกดวงใจไทยทุกคน*
*พระพ่อหลวงแห่งปวงชนชาวไทย *ที่กำลังทรงพระประชวร


หาก ..
ไม่นานดอกหนา พระองค์ก็คงหายและสบายดี
เพราะ
ตอนนี้ก็ผ่านพ้นการรักษาจากคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว
เหลือเพียง..
ทรงพักพระวรกาย 
ที่เคยทรงเหนื่อยยากฝากหยดพระเสโท
ดั่งหยาดเพชรร่วงสู่ปวงหล้าสู่พื้นพสุธาไทย 
มาอย่างยาวนานนัก
อย่างเสียสละเมตตานัก...

สาวนาซึ่งมีเพียงใจภักดิ์รักชาติรักแผ่นดิน
 จึง..
ได้เพียงน้อมพลีถวายถวิล
ไหว้วอนให้..
ทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินไทยผืนดินธรรมแผ่นดินทอง
ได้..
ทรงประทานพรให้พระองค์ทรงพระเจริญ
เกษมสิริสำราญ 
มีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ว
เพื่อ..
ทรงเป็นมิ่งขวัญดั่งร่มฉัตรกั้นเกศ
ให้ไทยประเทศได้ยังคงหยัดยืนธำรง..ดำรง
คงไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์..


สาวนา ราพาย..
แล้ว...
ค่อยๆหย่อนตัวลงในบึงกว้าง
ท่ามกลางแสงดาวที่พรายพร่างกระพริบระยิบระยับ
ที่..
กำลังเฝ้าจับตาดู สาวนารู้ดีวันนี้สาวนาเป็นไข้

ด้วยใจดวงเข็มแข็งสาวนาตั้งใจหักดิบหักไข้ด้วยวิธีนี้
เพื่อจะดูทีว่า ..
หาก..
ใจดวงดีดวงนี้ไม่ยอมพ่าย สาวนาจะตายมั้ยนะ
ให้ฟ้าดินเบื้องบน...
ทรงเป็นพยานโปรดรับรู้ด้วยเถิด...
ได้ทรงโปรดเมตตา 
ให้...
สาวนายังมีร่างและลมหายใจ...ที่จัก..ได้พลีทำความดี
ถึง..
มาตรแม้นจะแค่ธุลีหล้า ก็ยังคงดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย


กับร่างราน รุมรุม 
สาวนากลับ...รู้สึกดีในนาทีนี้
กับ..
สายนทีที่กำลังค่อยๆระรินไหล
ดับ...ทั้งพิษไข้ใจไข้กายให้พบเกษมใสเย็นฉ่ำ
ให้...
สาวนาได้รู้ว่าแท้แล้วไซร้นั้น
ไม่ว่าคืนระกำ ฝันระทมสักเพียงใด ที่ผู้ใดพากันหยิบยื่นให้
 สาวนา...ก็ยินดีเมตตาอภัย 
และ..
พอใจภูมิใจ ที่จะมีใจดวงงามไสว..ดวงทอง..
ได้ท่องโลกย์โศกสุขแม้นเพียง...ลำพัง....!!!!

................................
...............................................


แผลเก่าฤาแผลใหม่ในใจขวัญ
คือแปรผันดั่งรอยไถไร้ชีพชื่น
ทุกคืนวันแว่วเสียงขลุ่ยมิย้อนคืน
เฝ้าสะอื้นรอรักเก่าเรา..ที่เดิม...

วันแห่งรักแล้วไยเล่าเฝ้ากำสรวล
ใจนวลนวลเหมือนเปลี่ยวร้างกับเศร้าเพิ่ม
รอนกน้อยคล้อยหลงรังเคยต่อเติม
เหมือนทุกข์เพิ่มเหมือนไร้หวังสิ้นพลังรัก

เคลียหมอนนิ่มริมแก้มฟังแสนแสบ
อกก็แปลบใจก็ปลาบสิ้นไร้ภักดิ์
หัวใจเอยไยชาเฉยไม่อยากรัก
ใช่อกหักเพียงมันว่างณ..กลางใจ

ไม่มีใครไม่มีรักไม่มีรอ
ไม่วอนขอไม่อ้อนใครไม่หวามไหว
ไม่มีแล้วไม่มีแก้วเสน่หาณ..กลางใจ
ไม่มีใครในเส้นทางอ้างว้างลา

เส้นแห่งชีวีขนานใช่แอบชิด
คนละทิศคนละทางแสนเหว่ว้า
คืนของอ้ายรอสว่างพร่างพรายกับกาลเวลา
คืนของสาวนารอท่า..ฟ้ามืดมิด

จูบลั่นทมห่มผ้านอนนิทราฝัน
ไม่เอื้อมจันทร์ไม่คว้าดาวหนาวชีวิต
มีเพียงเงามายาคว้าลมลวงบ่วงลิขิต
มีเพียงสิทธิ์นับวันลา...อย่าได้พบ...
จบด้วยลืม...ลืม และลืม...ละคอนลม..

............................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html
ข้าวคอยเคียว 

ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา
พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย
คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย
ปีเคลื่อนเดือนคล้อย
รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล
อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย

ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย... 
 




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4888.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song393.html
(ข้าวคอยเคียว  สี่ในสี่ห้องหัวใจ ดาวจรัสแสง)
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสาวบ้านนา