11 เมษายน 2549 12:32 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5453.html
เสียงไก่ขันก้อง
พร้องเสียงนกการ้องกระจิ๊บๆรับอรุณรุ่ง
สะเทือนทุ่ง สะเทือนนา
ยามฟ้าเริ่มสลัวสลัวเลือนลาง
กับ..
ฟ้าใกล้สว่างรำไรรำไร..
กลิ่นลั่นทมริมหมอน...หอมพร่าง
มาอวลปลุกให้สาวนา..รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา...
และ...
กับดวงดาราราย..
สาวนา...ค่อยๆยิ้มพราย
รับ..
สายแสงจันทราที่ยังค้างฟ้า
ที่พร่างพาสายแสงแสนหวาน
หว่านแสงสีเงินยวงระยับระยิบ
มาโลมไล้ร่างให้พริบพราวสว่างนวลพอกัน
ในท่ามวิมานฝัน วิมานนา กระท่อมไพร
วันนี้ เป็นวันสุกดิบก่อนวันมหาสงกรานต์
วันแห่งประเพณีไทยโบราณ ที่แสนงามนัก
หากทว่าเมื่อกาลเวลาผันผ่านไป
ลูกหลานไทยกลับ ทำในสิ่งน่าเศร้าใจแทน
ด้วยสนุกสนานสราญใจจนขาดสติ
และ..
ทุกปี....
ก็จะเกิดการพรายพลัดพรากจากจบ เจ็บนับหลายร้อย
ให้คนทั้งโลกหล้าต่างพากันตกตะลึง
คิดไม่ถึงว่า...ด้วยเหตุใดเล่า
เมืองแห่งความงามพราวไสวด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ
และ..
เมืองแห่งพระพุทธศาสนาไท
ที่เน้นย้ำสอนเรื่องจิตภายใน ให้ถึงพร้อม
ด้วยศีล ทาน ภาวนา
ว่า..
จักมีคนหนุ่มสาวมากหน้าพากัน
หลงเมามาย จนไร้สติสตังค์ ให้แม่พ่อสิ้นหวัง
ยังไม่ทันได้ฝากผีฝากไข้
ยังไม่ทันได้เกาะชายผ้าเหลืองลูกชายเลย
ก็..
มาลาเลยเลือนลับดับไปด้วยความประมาท
ฝากไว้เพียงหยาดน้ำตา
อย่างไม่สมค่าคน
ที่แสนโชคดีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา
ยังไม่ได้เพียรภาวนา
พาตนพ้นทุกข์ พบสุขว่างกระจ่างจิต
ให้ลมหายใจแห่งชีวิตหนึ่งชาติสูญเปล่า..
จนช่างแสนน่าเศร้าใจ..สะเทือนใจ...
ปีนี้
นางสงกรานต์มีนามว่า "กิทิมาเทวี"
ทรงทัดดอกจงกลนี
ประดับอาภรณ์ด้วยแก้วมรกต
ภักษาหารกล้วยน้ำว้า
พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์
ซ้ายทรงพิณ ทรงกระบือเป็นพาหนะ
ปีนี้พืชพรรณธัญญาหารอุดม
ฝนหนัก พายุร้าย จะเจ็บตายกันมาก
สาวนา...จึงแสนห่วงใย
กับคำพยากรณ์ที่ว่า
จักมีพายุร้าย จะเจ็บตายกันมาก
ฝากไว้เพียงน้ำตาระทม
หากเรา..
ยังมัวเฝ้าหลงประมาท มิระวังระไว..
สำหรับ...
ดวงใจสาวนานั่นไซร้..
ทุกเช้าค่ำ
เพียรฟังคลื่นวิทยุธรรมทานสีขาว
ที่..
เฝ้าเพียรสอนให้เรารู้ทันเท่า..
เฝ้าตามดูจิตเกิดดับณ..ภายใน
ไม่ว่า...
จะทุกผัสสะใดมากระทบ
จักต้องรู้จบรู้วาง
ไม่ยึดมั่นถือมั่น...ไม่ว่าสุขเศร้า ดีร้าย... คล้ายให้ผ่านๆไป
ประดุจดั่งสายน้ำไหล
ให้..
มีเพียงจิตดวงใส มีเพียงความเป็นกลาง
จึงจะพบความว่างกระจ่างสว่างสะอาดสงบ
พบเพียงใจดวงนิ่งนิ่ง ลำพังแสนงาม
เช้านี้ ...
สาวนาจึงตั้งใจไปวัด
ไปน้อมนมัสการอัฐิหลวงพ่อ
ไปก่อเก็บเกี่ยว..เพียงหอมบุญ..ให้หนุนนำจิตให้ไสว
ไปถวายพวงมาลัยดวงดอกไม้
กราบกรานองค์พระประธานองค์โตในโบสถ์คร่ำ
แล้ว..
น้อมนำจิตพลี..สวดมนต์ภาวนาสมาธิ
ก่อน....
จะถึง..วันพรุ่งนี้...ที่สาวนาจักเดินทาง
ไป*บ้านทะเล...*
ไปดูดวงดอกไม้บานหวานเหว่ว้าริมทาง
ที่..
คงพร่างพรายสีสันหลากหลาย
ร่ายฟ้อนอ้อนสายลมร้อนแห่งคิมหันตฤดู
ไป..
นอนเหนือเนินทรายดูเกรียวเมฆแสนหวาน
ไปดูดวงดอกดกตระการปาริชาติสีแดง
ไป..
แฝงตัวนั่งริมหาดทราย
ดูคลื่นเคลียไคล้ไล้โลมโถมถาโอบกอดชายฝั่ง
ไป..
ฟังเสียงสนครวญ
ไปชมมวลหมู่นกนางนวลปีกขาว..แสนอิสราเสรี
ที่พากันผกโผผินบินโฉบเหยื่อ
เหนือฟองคลื่นพราว ระลอกพลิ้ว
ที่ค่อยๆทอยทอดมารัดร้อยฝากรอยจูบผืนทราย
ไปเดินดายเดียว
ให้ริ้วสายลมพัดผมกระจาย..อย่างไร้สิ้นพันธนาใด
ไป..
ปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
ในวาดวงทะเลแสนงาม ในท่ามโลกแล้งร้ายรายรอบเพียงนั้น..!
...................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5453.html
สงกรานต์บ้านนา ...สุขสันต์ วันสว่าง
ประเพณีไทย
เมื่อสมัย ครั้งเก่าก่อน
เล่น แอบซ่อน
รูปหลวง พวงมาลัย
ตรุษ สงกรานต์
สนาน สนุกกัน พอใจ
พี่ วิ่งไล่
น้องก็หลบ เมื่อ พบหน้า
พี่ เข้ากอด
น้องยังออด ทำ เอียงอาย
คืน เดือนหงาย
พอพี่จูบ น้อง ทุบพลาง
นอน หนุนตัก
สัญญารัก ข้าง กองฟาง
จน แสงเดือนจาง
พี่ไม่ยอมห่าง น้องไปไกล
ลืม น้ำคำของพี่ เสียหมด
พี่คงอด เที่ยววันสงกรานต์
เดือนอ้าย
ย่างเข้าเดือนยี่
แล้ว น้องหนีพี่ไปไหน
หรือเจ้า ไปมีแฟนใหม่
ลืมเราวิ่งไล่ ในวันสงกรานต์
รัก กัน มา
แต่เมษา วันที่เก้า
เศร้า ปีนี้เศร้า
ขาดคู่เคล้า เศร้าซมซาน
คืน วัน เพ็ญ
แสงเดือนเด่น เป็นพยาน
กลับเถิด นงคราญ
มาเล่นสงกรานต์
ที่บ้าน นา เรา
ลืม น้ำคำของพี่ เสียหมด
พี่คงอด เที่ยววันสงกรานต์
เดือนอ้าย
ย่างเข้าเดือนยี่
แล้ว น้องหนีพี่ไปไหน
หรือเจ้า ไปมีแฟนใหม่
ลืมเราวิ่งไล่ ในวันสงกรานต์
รัก กัน มา
แต่เมษา วันที่เก้า
เศร้า ปีนี้เศร้า
ขาดคู่เคล้า เศร้าซมซาน
คืน วัน เพ็ญ
แสงเดือนเด่น เป็นพยาน
กลับเถิด นงคราญ
มาเล่นสงกรานต์
ที่บ้าน นา เรา...