23 มกราคม 2549 10:03 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4682.html
(เทพธิดาผ้าซิ่น)
สาวนา...
ตื่นมารับอรุณอุ่นอวลหมอก
ที่กำลังหยอกพรายนาแล้ง..
ราวกับ..จะมาแกล้งปลุกให้ตื่น
ให้ฟื้นมารับชื่นรับฉ่ำ
รับละอองพรมพรำ
จาก..
หยาดละออละอองน้ำค้างในยามเช้า
ดุเหว่ายังร้องหวานแว่ว..
แผ่วมากับ...เสียงเพรียกแห่งสายลม
กับ..
กลิ่นอันแสนน่าภิรมย์..ดมดอม
แสนหวานหอมจากพวงพะยอมป่าพะยอมไพร
สาวนา..
คิดถึงยามวสันต์มา..
พาให้ไปเก็บเห็ด
และ..
พบเมล็ดพืชพรรณสมุนไพรนานา
ที่..
ผลิละออรอท่ารับหยาดฝนจากฟ้า
ในยามสายวสันต์พลันพา..มาปันโปรย
ที่ณ..วันนี้ต่างมีค่ามหาศาล
ทำเงินงามให้แก่ผู้รู้ค่า
ได้นำมารักษาเยียวยาสารพัดโรคแบบธรรมชาติ
อย่าง..
ชาญฉลาดด้วยภูมิปัญญาไทย
ไม่ให้หายเปล่าดายไร้ค่าอีกต่อไป
ไม่ว่าจะเป็น...
กระแจะ..(..ที่มีชื่ออื่น ขะแจะ ตุมตัง พญายา )
ใช้..
แก้อาการโรคผิวหนังมีผื่นคัน
เป็นเม็ดขึ้นคล้ายผด คันมาก
มักมีไข้ร่วมด้วย
แก้ปวดตามข้อ ปวดเมื่อย เส้นตึง แก้ร้อนใน
เปลือกต้น-แก้ไข้ บำรุงจิตใจให้ชุ่มชื่นแจ่มใส
ชองระอา...
(ชื่ออื่น เสลดพังพอน เสลดพังพอนตัวผู้)
ใบ-ใช้ตำละเอียดผสมเหล้า พอกหรือทา
ถอนพิษอักเสบจากแมลงสัตว์กัดต่อยและเริม
ราก-ใช้ฝนกับเหล้าทาถอนพิษตะขาบ
นมสวรรค์
(ชื่ออื่น ฉัตรฟ้า สาวสวรรค์ พวงพีเหลือง หังลิง พนมสวรรค์ )
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ดอก-แก้พิษสัตว์กัดต่อย
และพิษที่เกิดจากการติดเชื้อ แก้ตกเลือด
ราก-ขับลม แก้วัณโรค แก้ไข้มาลาเรีย
แก้อาการไข้ที่ถ่ายเหลว อาเจียนเป็นเลือด
และมีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง
ต้น-แก้อักเสบเนื่องจากตะขาบ
และ..
แมลงป่องต่อย แก้พิษฝีผักบัว..
ประยงค์...
(ชื่ออื่น ขะยง ขะยม พะยงค์ ยม หอมไกล )
สรรพคุณ..
และ..
ส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
รากใช้กินถอนพิษเบื่อเมา เป็นยาทำให้อาเจียน
พญาปล้องทอง....
(อีกชื่อ..คือผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด พญาปล้องคำ
พญาปล้องดำ พญายอ เสลดพังพอน เสลดพังพอนตัวเมีย )
สรรพคุณ..
และ..
ส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ใบสด-ใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
แมลงกัดต่อย ผื่นคัน
โดย..
นำใบสด 5-10 ใบ ตำหรือขยี้ทา
ใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก
โดยใช้ใบสด 1 กก. ปั่นละเอียด
เติมแอลกอฮอล์ 70% 1 ลิตร หมัก 7 วัน
แล้ว..
กรอง ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำ
ให้ปริมาตรลดลงครึ่งหนึ่ง เติมกลีเซอรินเท่าตัว
ลิ้นมังกร....
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ใบ-ใช้ตำหรือขยี้ทาหรือพอก แก้พิษร้อนอักเสบ
ว่านมหากาฬ
(ชื่ออื่น ดาวเรือง )
สรรพคุณ...และส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
รากและใบสดใช้ตำ
พอกแก้ปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ถอนพิษปวดแสบ ปวดร้อน
ใช้ใบสดทดลอง
กับ..
ผู้ป่วยโรคเริมและงูสวัด
สรุปว่า สารสกัดจากใบ
ทำให้อัตราการกลับมาเป็นใหญ่ของโรคลดลง...
.......................
และ...
ยังมีอีกมากมายนัก..สารพัดสารพันชนิด
..............
สาวนาลงไปในกระท่อมครัวริมบึงบัว
ท่ามกลางม่านหมอกสลัว
เดือนยังค้างฟ้า..
ในท่ามแสงดาวสุกใส
ในม่านนภา...
เริ่มรำไรรำไรระเรี่อด้วยสายแสงแห่งทิวาวัน
ที่..
กำลังผันจร มาเหนือทิวไผ่ริมชายนา
ยิน..เสียงเจ้าลาแล้งสายน้ำร้องคราง
ราวหนาวฤามีริ้นไรลอบกัด
จึง..
รีบไปสุมไฟริมคอก
ที่มอดดับให้คุพร่างขึ้นในท่ามเงาแสงดาวเดือน
ให้ดับ..หนาวคลาย..
ในกายใจสาวนาไปด้วยกัน
จุดตะเกียงดวงน้อย
ห้อยไว้โคนเสา..แล้วซาวข้าว
เสียงฟืนในเตาแตกปะทุ
ให้..
ข้าวใหม่มะลิเดือดพล่าน
ส่งกลิ่นหอมหวานไปทั่ว
แล้ว..
สาวนาก็เดินไปริมรั้วรึมบึง
ไปเด็ดผักบุ้งนามากำใหญ่
เพราะเมื่อวานลุงใหญ่ให้ปลาตะเพียนมา
สาวนาตั้งใจว่า..
จะทำแกงส้มให้เปรี้ยวจิ๊ดจ๊าด
ด้วยการบีบมะนาวชายสวนผสม
แบบแกงเหลืองปักต์ใต้
ที่ใช้ขมิ้นในเครื่องแกง
จนน้ำเป็นสีเหลืองดูแรงร้อนน่าซดเสียไม่มี..
ไหน..
สาวนายังมีไข่ไก่เหลืองนวลจาก
แม่ไก่อ้วนอุ้ยอ้ายไร้อรชร
ชื่อ...ลำยองลำใยไก่ไทยสองตัว
ที่..
สาวนาเลี้ยงไว้มิหมายฆ่า
หากแค่จะเลี้ยงไว้กินไข่
และ..
ในวันนี้สาวนา
จะทอดไข่เจียวฟูนุ่ม
แกล้มแกงส้มให้ได้อุดมวิตามิน
กินตามประสายาก
หากแสนอร่อยปากอย่างที่สุดแล้ว
นอนนั้นเหนือจากนั้น...
สาวนา...
ยังมีสวนหลังบ้าน..เคียงเล้าไก่
ตาม*ทฤษกีใหม่*ที่ราวมีเซเว่นอีเลฟเว่น
ให้เดินไปเลือกหยิบมาแบบว่า..จะกินอะไรดี
เพราะมี..
ทั้งบึงปลา
ทั้งข้าวในนากล้าไกล...ท้าตะวัน...
ไปจนสุดขอบทิวเขาด้านตะวันออก
ที่กำลัง..
ถูกสายหมอกโลมไล้หมายปลุกฟื้นให้คืนรับพลัง
จาก..
สายแสงทิวาวันอันอ่อนอุ่นหมุนมารอเวลา
หว่านไถอีกสักครั้งครา
เพื่อ..*ปลูกข้าวไร่หอมๆ*ไว้กินเอง
ที่..
ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมาก
หากแม้นจะเป็นเดือนในฤดูร้อนก็ตามที
ดีกว่าทิ้งนาร้าง ว่างโล่งแลเศร้าเสียเปล่าดาย
และ..
ปีนี้สาวนาโชคดี
ที่ได้รับ*มงคลขวัญข้าว*
มาจาก*พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ*
เพื่อ..
ใช้เป็นปฐมฤกษ์ในการทำนาปลูกข้าว
ที่สาวนาสู้เก็บรักษาไว้ราวชีวิต
ให้ได้หว่านทิพย์เกสรจากรวงเรียวเพื่อเป็นสิริมงคล
และ..
ปีนี้สาวนาได้ผลผลิตมากหลาย
ราว..*แม่พระโพสพให้พร...*
สาวนานวดข้าว..แล้ว..ตากข้าวในลาน
ก่อนที่..
จะเอาไปเก็บไว้ในยุ้ง ฉาง
เพื่อให้ได้เมล็ดข้าวเปลือกที่แห้ง
เพื่อ..
รักษาคุณภาพเมล็ดข้าว
ให้ได้มาตรฐานอยู่ เป็นเวลานานๆ
และ..
เก็บรักษาข้าว ไว้ในยุ้งฉาง
เพื่อไว้กินและแบ่งขายเมื่อข้าวมีราคาสูง
และ..
อีกส่วนหนึ่งสาวนาจะแบ่งไว้ทำพันธุ์
ฉะนั้น..
จึงต้องเก็บไว้เป็นอย่างดี
โดยรักษาให้ข้าวนั้น
มีคุณภาพได้มาตรฐานอยู่ตลอดเวลา
และ..
สาวนาตั้งใจว่า
ส่วนหนึ่งด้วยจิตกุศลซึ้งศรัทธา
สาวนาจะนำไปถวายหลวงพ่อสักกระสอบใหญ่
ให้วัดมีกินไปตลอดปี
หลังจากที่..
สาวนาโชคดี..
ได้มีผู้ช่วยเมียผัว..มาช่วยกันหว่านดำไถจน
ได้ผลิตผลที่กินเท่าไรก็ไม่หมด
นี่คือ..
*ทรัพย์ในดิน*ถิ่นทองแห่งผืนดินเกิดของสาวนา
และ..
ในยามนี้สาวนาได้ยินมาว่าตอนนี้..
รัฐบาลกำลังมีนโยบาย
ผลักดันให้ *มีการปลูกฝังรากแก้วกลับสู่มาตุภมิ*
คือ..การคืนคนหนุ่มสาว...ให้ได้กลับคืนบ้านคืนหลัง
คืนรวงรัง..แห่งรัก
กลับไปทำการเกษตรกรรม...
ฤาไปทำอาชีพตามวิถีแม่พ่อ
ในผืนดินถิ่นเกิด..
ที่เคยก่อเกื้อให้เลือดเนื้อชีวิตมาเป็นคน
ดีกว่าหลงวนเหมือนปลาผิดน้ำ..
อยู่ในท่ามวังกิเลส
ที่..
ได้รับค่าแรงขั้นต่ำเพียงนิดน้อย
กลับต้องมา..ห้อยโหน..เสียค่ารถ...
หมดไปกับค่ากิน..
แถมยังมีหนี้สินค่าอำนวยความสะดวกสบาย
จน..
บางทีคล้ายชีวิตต้องติดลบมากขึ้น
จน..
เริ่มรู้สึกว่าคิดถึงบ้าน
และ..
คิดผิดที่หลงมาใช้ชีวิตในกรุงกรง
หลงแสงสีมายาและในท้ายสุด
ก็ต้องเสียน้ำตากับวันเวลา
ที่เปล่าเปลืองเหนื่อยยาก
และ..
ช่างแสนลำบากกายใจ..
ไหน..จะทิ้ง
แม่พ่อผู้ชราที่ห่างไกลให้โหยหาห่วงใย ไม่รู้สิ้นสุดเลย
สาวนา...
ทำกับข้าวเสร็จแล้ว
จึงจัดสำรับ..
พร้อม..
ตั้งใจจะไปเด็ดบัวในบึง
มาน้อมพลีถวายพระพุทธทำวัตรเช้า
พร้อมกับ..
จะนำสำรับกับข้าวในปิ่นโตไปมอบให้ผัวเมีย
ริมกระท่อมชายนา..
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำกินเองอีก
ผืนฟ้า...เริ่มกระจ่าง..
ตามดวงตะวันแสนงามสล้างอ่อนอุ่น
ที่..
เริ่มหมุนละมุนมากระทบผืนน้ำให้แสนงามล้ำ
ราวมีทิวากรซ่อนดำอีกดวงในรวงน้ำเรียวนา
กับ..
ฟ้าสว่างไสว...
จนสีน้ำเขียวใสราวมรกตเนื้อดี..น้ำงามวะวาววับ
ช่างให้งามจับใจสาวนาสียจริงๆ
สาวนาเอนกายลงช้าช้าชั่วนาที
ใต้ตาลใบบังร่มดี..
ที่แสนหวานแจ่มริมชายนา
หลัง..
เอื้อมมือคว้า..*บัวสายบัวสวย*มาได้ราวกำมือ
ฟังเสียงปลาผุดว่าย
เสียงควายร้องในคอกอยู่ไกลๆ
หากมิหลอกตัวเองแล้วไซร้
ในนิทราฝัน..
สาวนาและอ้ายนั้นพลันพากันวิ่งเริงร่า
ในท้องนาท้องทุ่ง
ที่รวงเรียวกำลังเครียวพันพร่าง
ราวสายทองระย้าย้อยห้อยเคลียดิน
ฟัง..
เสียงลมหอมในถวิลเพรียกหาพัดอวล
และ
ราวกับว่ายามเหนื่อยล้า
เมื่อสาวนาพาร่างมานอน
รึมบึงจะหันเห็นอ้ายคนดียิ้มร่า
มานอนเคียงใกล้..
พลางชี้ชวนให้สาวนาดูฟ้างามจรัส
พร้อม..
ทัดหูให้สาวนา..
*ด้วยดอกบัวแดง*..แฝงรอยจูบละมุน
ให้..
กรุ่นกลิ่นหอมลอยล่องมาถึงห้องหัวใจสาวนา
อันแสนใสซื่อถื่อมั่นในรักภักดี
ราว..
รวงรอผลิ..รับคมเคียว
จะมา..เกี่ยวเก็บสักกี่ปีกี่ชาติ..
ก็ยังพิสวาทมิคลาดคลาย..
ยินดีพลีพร้อม
รับหยาดฝนพรำ
มาให้นานวลได้ชุ่มฉ่ำ
ระร่ำริน..ไปตราบชั่วกาลนานเนา..เป็นนิรันดร์...!
.......................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4682.html
เทพธิดาผ้าซิ่น..
ว่างจากงาน หว่านไถ
จะร้อยมาลัย ใบข้าว
ห้อยคอสาว จำ ปา
เจ้าเป็นเทพ-ธิดา ของบ้านนา บ้านทุ่ง
นุ่งผ้าถุง ไทย เดิม
หน้า สวย ด้วยแดด แรง
แก้ม แดง ไม่แต่งเติม
เจ้าไม่เคย เห่อเหิม เติมต่อ ดินสอพอง
ช่างขยันการเรือน มิแชเชือนหน้าที่
สิ่งที่ดี ที่ควร
เฝ้าถนอมออมอวล หอมหวลอวลลมทุ่ง
หนุ่มก็มุ่ง หมาย ปอง
ค่ำ ลง ก็เข้าเรือน
ฟังแม่เตือน ให้ไตร่ตรอง
หากมีชายหมายปอง ระวังเจอของ เหลือเดน
แม่ดอกบัวที่อยู่ในสระ
จะบานคอยพระ หรือบานคอยเณร
ถ้าบาน คอยพี่ ไว้พรุ่งนี้ ตอน เพล
คอยได้ไหมคนดี
พ่อเคยพูดหลายที คิดจะมีแม่บ้าน
เชื่อโบราณ ดี แล
หากเลือกวัว ดูหาง แม้นเลือกนางดูแม่
นั่นแหละแน่ เข้า ที
บ้าน เรือน สะอาดตา
พูด จา เสนาะดี
ตำน้ำพริกทุกที เสียงตำถี่ จนทุ่งสะเทือน
แม่ดอกบัวที่อยู่ในสระ
จะบานคอยพระ หรือบานคอยเณร
ถ้าบาน คอยพี่ ไว้พรุ่งนี้ ตอน เพล
คอยได้ไหมคนดี
พ่อเคยพูดหลายที คิดจะมีแม่บ้าน
เชื่อโบราณ ดี แล
หากเลือกวัว ดูหาง แม้นเลือกนางดูแม่
นั่นแหละแน่ เข้า ที
บ้าน เรือน สะอาดตา
พูด จา เสนาะดี
ตำน้ำพริกทุกที เสียงตำถี่ จนทุ่งสะเทือน...
21 มกราคม 2549 11:45 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song400.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song162.html
(ฝากดิน..กลิ่นโคลนสาบควาย)
สาวนาตื่นมายามฟ้าสาง
กับดาวพร่างดวงเต็มอ้อมฟ้า
กับ..
เดือนดวงเหว่ว้า..ที่ยังแขวนสวย
เรี่ยปลายไผ่..เหนือทิวไม้
ริมคอกควายของเจ้าสายน้ำ
กับลาแล้งที่อีกไม่กี่วันจะตกลูกแล้ว
สาวนาดีใจ..
ที่จะได้มี..
ลูกควายน้อยๆหน้าตาดำดำตาดวงใสใส
มา..
ดำรงรอยไถให้ไม่แปรให้ยังมีวิถีไทยแท้
วิถีที่ไม่แปรไปตามระบบทุนนิยม
ให้ยังมีกลิ่นโคลนตมปลักควาย
ไว้ใช้งานไว้หว่านไถ..คู่ทุกข์คู่ยาก
และ..
ฝากให้นวลใจสาวนาแสนปิติยินดี
ที่ยังได้..
พลีธำรงวงศ์ตระกูลควายไว้
มิให้สิ้นหายไปกับกาลเวลา
สาวนา..
จึงนอนยิ้มอิ่มบุญกับฟ้าสลัว
ในม่านมัวของมวลหมอกเมฆ
กับ
อวลกลิ่นดวงดอกการะเวกรสสุคนธา
ที่เลื้อยพันพาพร่างพ้อมาล้อถึงริมหน้าต่าง
กลายเป็นม่านเขียวสล้างแถมให้หอมไกลหอมใจจรุง
สาวนา...ตลบมุ้ง
และกลับนอนลงไปใหม่
ขอขี้เกียจสักวันก่อนจะผันตัวเองไปทำหน้าที่
ที่มีภาระมากมาย
ไหนจะดายหญ้า
ไหนจะเก็บผักหาฟืน
หากสาวนายังไม่อยากตื่น
อยากนอนนิ่งๆ..ทิ้งใจว่างๆ
ทอดตารับพร่างละมุนจากเถาตำลึงริมรั้ว
และ..
นอนดูม่านฟ้ารำไรในแสงสลัว
ที่เริ่มสาดส่องประกายทอง
ผ่องตามอาทิตย์อุทัยแรกแย้ม
ที่..
กำลังไหวพรายแสงแต้มนภา
มาทายทัก อย่างเช่นทุกทิวาวัน
ฟังเสียงดุเหว่านกเขาไพร
ไก่ป่าไก่บ้านร้องขันเทือนไปทั้งท้องทุ่ง
ให้..
คนมุ่งลงนาพาตัวไปทำหน้าที่
ตามวิถีทองวิถีไทยแต่โบราณ
ได้หว่านข้าวให้ผลิรวงตระการ
มาเลี้ยงท้องให้คนไทได้อิ่มหนำสำราญ
ในผืนดินได้มีกินอุดม
ไปตราบนานแสนนาน...
สาวนาเพิ่งรับคนงานมาไว้สองคน
ผัวเมีย.. ที่ไม่มีงานทำ
มาปันแบ่งที่ริมนาให้ได้ปลูกกระท่อม
ผักหญ้าพอเลี้ยงตัว
และ..
บางครั้งครา
สาวนาก็ยังพอออกปากฝากให้ช่วยดูแลนาได้บ้าง
รวมทั้ง
ปลาในหนองน้ำในคลองมิให้แห้ง..
ช่วยกันขุดลอกแบ่งหน้าที่กันทำ
และ
สาวนา..เพียรรินร่ำสอนด้วยการกระทำ..
ให้สองคนนั้น...
ได้รู้จัก...
การมีชีวิตเกษตรกรรมแบบพอเพียง แบบเพียงพอ
แบบ..สมถะตามประสายาก
แบบดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท
ตามแนว..*ทฤษฎีใหม่*
วันก่อน
สาวนาได้อ่านบทความในหนังสือเล่มหนึ่งที่พี่ทอง
นำมาฝากจากในเมือง
และ
อ่านต่อให้สองคนผัวเมียฟัง
ด้วยความที่สาวนาประเทืองประทับใจ
เพื่อ..
จะเน้นย้ำ..
ให้ได้ตระหนักถึงความมีชีวีชีวิตแบบธรรมดา
ทว่า..
แสนจะมีความสุขแบบเรียบง่าย
บทความที่สาวนายังจำได้
ที่ท่านดร.สุเมธ ตันติเวชกุลบรรยายไว้ชื่อ
ข้อคิดใช้ชีวิตแบบธรรมดา ตามธรรมชาติ*
ที่ท่านได้กล่าวเล่าไว้ดังนี้..
****************
เศรษฐกิจพอเพียงความพอดี
*ทฤษฎีใหม่*ที่ได้รับพระราชทาน..
เป็นตัวอย่างของเศรษฐกิจแบบพอเพียงสำหรับเกษตรกร
ที่สามารถอุ้มชูตัวเองให้อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน
โดยทำการเกษตรในพื้นที่
ซึ่งไม่ว่าพื้นที่นั้นจะมีกี่ไร่
แต่มีการแบ่งจัดสรร
ให้..
ส่วนที่เป็นน้ำ30%
เพื่อเก็บกักน้ำในฤดูฝน
เพื่อใช้ในฤดูแล้ง
รวมทั้ง...
ใช้เลี้ยงปลาด้วย ดังนั้นตอนฝนทิ้งช่วง
ก็ยังมีน้ำในพื้นที่ตัวเอง
มีปลารับประทานได้ตลอดเวลา
อีก30%
ใช้ปลูกผัก พืชต่างๆ
ที่เหลือ 10% ไว้สร้างบ้าน ทำถนน
ดังนั้นเราจึงมีอาหาร
ซึ่งทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปเกือบครึ่ง
เหมือน*มีเซเว่นอีเลเว่น*ส่วนตัวอยู่หลังบ้าน
ท่านยังกล่าวว่า...
นักพัฒนาสมัยใหม่ต้องการสร้างรายได้
นักพัฒนาที่บรรลุธรรมจริงๆ
จะไม่สนใจเรื่องสร้างรายได้..
แต่..
ใช้ชีวิตอย่างฉลาด
ไม่กระหายเกินไปก็สามารถอยู่ได้
การทำเกษตรตามทฤษฎีใหม่
ถ้ายังเหลือกินเหลือใช้ก็นำไปขายได้
ท่านกล่าวว่า....
การดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ต้องยึดหลัก..สายกลาง..เป็นที่ตั้ง
ต้องอยู่ด้วยความถ่อมเนื้อถ่อมตัว
ไม่ได้ให้คุณค่าทางวัตถุหรือเงินตราเป็นที่ตั้ง
แต่
เพราะมนุษย์เต็มไปด้วยกิเลส
พระพุทธเจ้า..
ทรงเผยแพร่หลักธรรมมา2548ปีแล้ว...ยังสู้ไม่ไหว
ดังนั้น
เราต้องชนะกิเลสก่อน
ต้องยอมรับว่า
*ทุนนิยม..เป็นเรื่องเกี่ยวกับกิเลส*
พระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงสอนให้จน
รวยก็รวยไป
แต่...
พฤติกรรมในการดำรงชีวิต
ต้องมีมาตรฐานเส้นระดับความพอดีของตนเอง
สำหรับ
เรื่องของการเป็นอยู่ท่านบอกว่า
ลองสังเกต คนรวยต้องใช้ยากันทุกคน
ไม่ว่า..
ยาแผนปัจจุบันหรือยาสมุนไพร
เพราะ..
กินดีอยู่ดี
แต่..
ของกินดีอร่อยๆเป็นพิษทั้งนั้น
ไขมันมากเกินไป
เดี๋ยวไขมันขึ้นเดี๋ยวเส้นเลือดอุดตัน
*เรียกว่าเป็นโรคเศรษฐี*
คนจนไม่มีใครเคยเป็น
ชาวไร่ชาวสวนมีใครบ่นที่ไหนว่า
ไขมันอุดตันเนื่องจากเขาออกแรงทั้งวัน
............
*อยู่อย่างธรรมดา..ดีที่สุด*
ท่านเล่าว่า..
ท่านเคยบวชเป็นพระป่าเมื่ออายุ64ปี
ไม่มีเงินในกระเป๋าสักบาท
แต่..
กลับมีความสุขที่สุด..ท่านว่าอย่างนั้น
ฉันอาหารปลอดสารพิษ
ข้าวเหนียวแข็งๆกินผักตามรั้วบ้าน
ที่..
ชาวบ้านนำมาใส่บาตร มีปลาปิ้ง
อาหารไม่ต้องใช้น้ำมัน
ระหว่างบวชจึงไม่ต้องกินยา
ความดันโลหิตสูง
ไม่มี ไตรกลีเซอร์ไรด์ คอเลสเตอรอลปกติ
ร่างกายแข็งแรงน้ำหนักหายไป 8 ก.ก
ท่านกล่าวว่า...
ทำไมอยู่อย่างอดอยากแต่ร่างกายกลับแข็งแรงขึ้น
ท่านมีบ้านอยู่ที่เพชรบุรี
สร้างแบบไทยๆเย็นสบาย..ไม่เหมือนบ้านสมัยนี้
ลอกแบบฝรั่งมากเกินไป
สถาปนิกคงจะมาจากต่างประเทศ
ใช้หลักการที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
เช่น..
ถ้าไม่มีพลังงานก็ใช้อะไรไม่ได้
การออกแบบตึกสมัยใหม่..
น่าจะออกแบบให้ใช้ได้แบบยั่งยืน
เช่น..
ใช้แสงธรรมชาติ
ที่สะท้อนไปมาได้
มีการถ่ายเทอากาศ ใช้ธรรมชาติให้มากที่สุด
ลดการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการดูแลรักษา
การกำจัดน้ำเสียก็เช่นกัน
แทนที่จะต้องเสียพลังงานไปสร้างโรงบำบัด
ก็ใช้ธรรมชาติช่วยบำบัด ใช้พืช เช่นพุทธรักษาบำบัด
และ..
ทำให้เกิดการตกตะกอน
ตะกอนก็เป็นจุลินทรีย์เน่าสลายไปเป็นปุ๋ย
เลี้ยงต้นไม้ ต้นไม้ดูดซึมซับโลหะหนัก
ที่..
ถ่ายทอดออกมาเป็นคาร์บอนมอนออกไซด์
นี่คือขบวนการตามธรรมชาติ
ท่านกล่าวว่า..
คนทำร้ายธรรมชาติมาก
จนธรรมชาติเตือนเช่นเกิดวาตภัยเกิดอุทกภัย
ทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อทรัพย์สินและชีวิต
เรารังแกธรรมชาติมากเกินไป
ความจริง..
ธรรมชาติเขาสร้างขึ้นมาให้อยู่กับมนุษย์อยู่แล้ว
ให้..
อยู่อย่างราบรื่น อย่างยั่งยืน
แต่เดี๋ยวนี้ คนดูต้นไม้เป็นซุง ดูเป็นเงิน
ถ้าดูเป็นซุงก็ตัด
ถ้าดูต้นไม้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมก็ไม่ตัด
รักษาถนอมไว้
*ระบบทุนนิยมเป็นระบบที่ทำลายมนุษย์*
บริโภคจนทรัพยากรธรรมชาติ
ไม่สามารถจะสนองตอบได้
ตอนนี้..
ก็เริ่มทำสงครามแย่งชิงทรัพยากรกันแล้ว
*สงครามน้ำมัน*
อีกหน่อยก็
*สงครามแย่งน้ำ...เพราะไม่พอ
...................
สูงสุดคืนสู่ธรรมชาติ
ท่านกล่าวว่า....
มีการ์ตูนฝรั่งล้อว่า
มีคนจนฝรั่งใส่หมวกฟางตกปลาอยู่
อีกช่องถัดไป..
มีรถคาดิแลคมาจอด เศรษฐีแต่งตัวโก้มานั่งข้างคนจน
เศรษฐีถามว่า*เรียนหนังสือมาหรือเปล่า จนมากนักหรือ*
เศรษฐีเองบอกว่าตนเรียนมาสูง
มีอพาร์ตเมนท์หรูหราอยู่
ร่ำรวยแล้วจึงมานั่งตกปลากับยู
คนจนบอก...
ไม่เห็นต้องลำบากลำบนเลย
ไม่ต้องร่ำรวยก็มานั่งตกปลาเหมือนกัน
การ์ตูนให้แง่คิดบางอย่าง
คนเราตะเกียกตะกาย..
ก็ต้องกลับไปอยู่จุดเดิม
พวกเศรษฐีมีเงิน
เสาร์อาทิตย์ก็ไปอยู่ชนบทมากมาย
ถาม..ว่ามาทำไม
ก็บอกมาสูดอากาศบริสุทธิ์
คนเรา..
จะไปใฝ่หาอะไรที่มันสุดยอดทำไม
ในเมื่อลำบากแทบตายกว่าจะได้มา
สุดท้าย..*ก็กลับไปอยู่จุดเดิม*
คนบางคนสวมใส่นาฬิกา
เรือนละล้านเรือนละแสนก็หามาใส่
ใส่นาฬิกาแพงแล้วต้องมานั่งผ่อนแล้วผ่อนอีก
พระเจ้าอยู่หัวทรงใส่นาฬิกาเมื่อปี2524
พระองค์ทรงรับสั่งว่าทรงใส่นาฬิกา
ใส่แล้วโก้ ราคา 750 บาท
พระองค์สูงสุดแล้วเราอยู่แค่นี้
ทำไม...
ต้องโรแหลกตลอดเวลา
โรแหลกกระเป๋าแหลก
ตอนนี้โลกเปลี่ยนไป
ทางการองค์การสหประชาชาติพูดเรื่อง
GNH (Gross Nationnal Happiness)
จะไม่เอาตัวเงินมาวัดอีกแล้ว
แต่จะวัดด้วย..*เครื่องชี้วัดความสุข*
ประเทศแรก..
ที่กล้าประกาศวัดด้วย GNH คือประเทศภูฏาน
มี..
ปัจจัย 4 มีอาหารการกิน
คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน
ภูฏาน เขากำหนดคนเข้าประเทศของเขาดวย
เพราะพื้นที่เขามีแค่นี้
ถ้าเศรษฐีจะมาเที่ยวต้องจ่ายเงินมาซื้ออากาศ
เราไปต่างจังหวัดกันคือไปซื้ออากาศ
*ข้อคิด
ชีวิตแบบธรรมดา..ตามธรรมชาตินี้
ไม่ว่าท่าน ไปบรรยายที่ไหน
ท่านจะตั้งไว้สิบเปอร์เซนต์สำหรับผู้นำไปปฏิบัติ
ร้อยคนมีสิบคนนำไปปฏิบัติ
ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
และ..
หากเป็นจริงที่ท่านอาจารย์คาดหวังไว้
เชื่อได้ว่า..
ประเทศไทยจะมีคนถึง 6ล้านคน..
ที่เปี่ยมด้วยประโยชน์สุข
เช่นเดียวกับพลเมืองภูฏาน..*
...............
และ
ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่สาวนา
ได้เพียรพยายามที่จะนำมาสอนจิตสอนใจ
สอนผู้ชิดใกล้ในดวงใจเท่าที่จะทำได้
และ..
สาวนาตั้งใจไว้ว่า
จะนำบทความนี้
ไปน้อมนมัสการถวาย..ให้หลวงพ่อที่วัดเทศน์ออกอากาศ
ให้ญาติธรรม กัลยาณมิตรทางธรรม ได้รับทราบรับฟัง
พร้อมบทกวีจากมิ่งมิตรคนดี
ที่เกี่ยวกับ*สวรรค์สรรสร้างทางงาม*
ให้สม..
กับที่เรายังมีลมหายใจในโลกหล้า
ได้เพียรปรารถนา
สร้างสมแต่กุศลจิตคิดทำแต่ในสิ่งดี
ตราบยังมีลมหายใจ..
และ..
พร้อมพลีเพียร...รักษา ศีลทานภาวนา..อย่าให้ขาด
ให้ดวงใจใสสว่างพิไลพิลาสแสนสะอาดบริสุทธิ์
กระจ่างดุจดั่งได้แผ้วถาง
ทางแห่งธรรม ..
ให้มานำทางใจ..ไปตามรอยพระบาทแห่ง
สมเด็จพระพ่อหลวงแห่งปวงชนชาวไทย
แล...
เมื่อยามใดดวงชีวี
พลัน..ถึงกาลเวลาจำพราก
จำต้อง..
ลาลับดับดวงไปดั่งเปลวเทียนระริบหรี่ไหวแล้ววูบวับ
ก็ให้มีเพียงจิตจับ
เดินไปตามรอยเบื้องพระบาทแห่งพระศาสดา
ที่ทรงยุรยาตรไปก่อนหน้าแล้ว
ให้จิตวิญญาณใสดั่งดวงแก้วนิรมิต
ที่จักเปรียบประดุจ
*ดั่งอัญมณี*..ที่จักสถิตไปตราบชั่วนิจนิรันดร...........
.............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song400.html
ฝากดิน
ดินเจ้าเอ๋ยข้าเคยอยู่ใกล้มาก่อน
ดินอุ่นร้อนหรือเย็นก็เป็นเพื่อนฉัน
ยามเมื่อเขาร้างไป ไกล
ใจก็ยังนึกหวั่นหวั่น นี่อีกสักกี่วันถึงมา
ดินอ้างว้างระทมขื่นขมตรมเศร้า
ดินก็เหมือนเช่นเรารักเขาหนักหนา
เขาเป็นเหมือนเจ้าดวงใจ
ดินเรียกเขาคืนมา มา
บอกเขาเถิดดินจ๋าข้าคอย
อภัย เถิด ดิน
ได้แนบซบไอกลิ่น ดินนั้นอุ่นไม่น้อย
อุ่นอกเขา อุ่นอกเขา เราก็พลอย
อุ่นจากรัก ที่ฝังรอย อุ่นไม่น้อย ประทับใจ
ดินช่วยซับน้ำตาข้าขอลาจาก
ช่วยฝากซากรักเศร้าของเราได้ไหม
ถ้าหากเขาไม่มาเยือน คงได้พบรักใหม่ ใหม่
ดินถมร่างฉันไว้ ให้จม
อภัย เถิด ดิน
ได้แนบซบไอกลิ่น ดินนั้นอุ่นไม่น้อย
อุ่นอกเขา อุ่นอกเขา เราก็พลอย
อุ่นจากรัก ที่ฝังรอย อุ่นไม่น้อย ประทับใจ
ดินช่วยซับน้ำตาข้าขอลาจาก
ช่วยฝากซากรักเศร้าของเราได้ไหม
ถ้าหากเขาไม่มาเยือน คงได้พบรักใหม่ ใหม่
ดินถมร่างฉันไว้ ให้จม...
...............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song162.html
กลิ่นโคลนสาบควาย
อย่าดูหมิ่น ชาวนาเหมือนดั่งตาสี
เอาผืนนาเป็นที่ พำนักพักพิงร่างกาย
ชี วิตเอย ไม่เคยสบาย
ฝ่าเปลวแดดแผดร้อนแทบตาย
ไล่ควายไถนาป่าดอน
เหงื่อรินหยด หลั่งลงรดแผ่นดินไทย
จนผิวดำเกรียมไหม้ แดดเผามิได้อุธรณ์
เพิง พักกายมีควายเคียงนอน
กลิ่นโคลนสาบ ควายเคล้าโชยอ่อน
ยามนอน หลับแล้วใฝ่ฝัน
กลิ่นโคลนสาบควายเคล้ากายหนุ่มสาว
แห่งชาวบ้านนา
ไม่ลอยเลิศฟ้าเหมือนชาวสวรรค์
หอมกลิ่นน้ำปรุงฟุ้งอยู่ทุกวัน
กลิ่น กระแจะจันทร์
หอมเอยผิวพรรณนั้นต่างชาวนา
อย่าดูถูก ชาวนาเห็นว่าอับเฉา
มือถือเคียวชันเข่า
เกี่ยวข้าวเลี้ยงเราผ่านมา
ชี วิตคนนั้นมีราคา ต่างกันแต่ชีวิตชาวนา
บูชา กลิ่นโคลนสาบควาย
อย่าดูถูก ชาวนาเห็นว่าอับเฉา
มือถือเคียวชันเข่า
เกี่ยวข้าวเลี้ยงเราผ่านมา
ชี วิตคนนั้นมีราคา ต่างกันแต่ชีวิตชาวนา
บูชา กลิ่นโคลนสาบควาย...