9 มีนาคม 2548 13:06 น.
สาวบ้านนา
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=94
**************
ค่ำคืนนี้....
จันทร์ดวงสีไพลหวานแจ่มแฉล้มแช่มช้อย
อ้อยสร้อยสาดสายแสงแสนหวาน
หว่านโปรยปรายไล้ไปทั่วทุ่ง...
ราวสายรุ้งสีทองทาบอาบทารวงเรียว
สาวนา..ผู้ดายเดียวเดียวดาย
มานานวันฝันค้างมานานปี
ลูกผู้หญิงคนดีหัวใจไพรหัวใจทอง
หัวใจงามผ่องผุด
หอมละไมละมุนกรุ่นใสซื่อพอกันกับ
ข้าวหอมข้าวใหม่ข้าวในนา
ที่ยังรอท่าสายฝนพรำ
ยังหลงรอกมลมั่น
ยังพลีฝันพลีใจรอท่าอ้าย
สุภาพบุรุษชาติไพร
ไม่เคยแปรใจไปตามรอยใคร
เสมือนรอยไถในทุ่งกว้างเช่นเฉกกัน
ที่ยังคงสม่ำเสมอเฝ้ารักดิน
มิขายถิ่นขายทุ่งมุ่งไปเมืองลวง..ควงสาวนุ่งยีนส์
สาวนายืน..นิ่งนิ่งทิ้งใจทอดทัศนาดูทุ่งกว้าง
ที่ดูอ้างว้างร้างไร้พอกันกับใจสาวนา..
ที่ถูกอ้ายร้างลาทิ้งร้างห่างหายมาหลายฝนแล้ว
สาวนา.....ลุยดงดอกหญ้าเจ้าชู้ไปยังลอมฟาง
ท่ามกลางฟ้าสว่างเรือเรือง...
ด้วยแสงดาวเดือนพร่างกระพริบระยิบพราว
หากไยเล่าหัวใจสาวนา
จึงมีคลายหนาวเหน็บใจ
สาวนา..มองไปยังอ้ายทุย..เพื่อนยาก
แล้วน้ำตาสาวนาก็ปริ่มเต็มเรียวตา
เมื่อเห็นดวงตาใสซื่อ
แม่ควายสัตว์คู่ยากคู่ใจคู่ไถคู่ทำนาคู่ฟ้าคู่ดิน
ที่นะบัดนี้..
ให้กำเนิดลูกน้อยน่ารักน่าชังนัก
และ
หลังๆสาวนาสังเกตเห็น...
ยามมันร้องเรียก
เพรียกหาให้ลูกควายน้อยกลอยใจ
มากอดกลิ้งเกลือกกลั้วมิห่างกายราว
จะถ่ายทอดวิทยายุทธิ์อันใสซื่อถือกตัญญุตา
สอนให้กินหญ้าน้ำ
อย่างมิทิ้งทอดและให้รักเจ้าของอย่างภักดี
สาวนา..
อดคิดถึงอ้าย..เสียมิได้.
ที่เคยเมตตาเอ็นดูเจ้าทุยนักหนา
เพราะว่า
ได้ขี่หลังลุยทุ่งกับสาวนามาชั่วนาตาปี
ราวขวัญเรียม
และสาวนา..คิดถึงบทเพลง..นี้
เสียเป็นยิ่งนักแล้ว..ที่ครองกมลสาวนามานานปี
........
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=223
ขวัญเรียม
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ ของเรียม
หวนคิดผิดแล้วขมขื่น ฝืน ใจเจียม
เคยโลมเรียม เลียบฝั่ง มาแต่หลัง ยังจำ
คำ ที่ขวัญเคยพรอดเคยพร่ำ
ถ้วนทุกคำยังเรียกยังร่ำเร่าร้องก้องอยู่
แว่ว แว่ว แจ้ว หู ว่าขวัญชู้ เจ้ายังคอย
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม...
.................
ที่...
ค่ำคืนนั้น...นานมา
ริมลอมฟางข้างกองไฟ
ยามที่สาวนานอนหนุนไหล่แข็งแรงของอ้าย
แล้ว
อ้าย....ได้เคยพรายพรมนิ้ว
พลิ้วร่ายมนต์เสียงขลุ่ยไพรขลุ่ยใจ
ให้ข้ามทุ่งลอยละลิ่วพริ้วไหวหวานไปตามฟากฟ้ากว้าง
ผ่านสายธารแมกไม้ขุนเขา
พาเหงางามใจราวกระซิบรำพันริมหูสาวนา
และ
ถึงทุกนางใจนางไพรสาวบ้านป่า
ที่พากันไปหลงแสงสีศิวิไลซ์
ให้กลับนามาเถอะนะ
อย่ามามัวหลงกรุงนุ่งสั้น
เปิดสะดือให้โหวเหวเหว่ว้าอยู่เลย
อย่ามัวเฉย..
กลับมานุ่งผ้าถุงเก่าลายดอกผืนสวย
ที่งามกว่างามในสายตาสายใจ
ในพันผูกระหว่างเรามานานเนามานานปี
สาวนา....แว่ว
ได้ยินเสียงระนาดเพลงลาวดวงเดือน
หวานพริ้งพราวกราวกลมกล่อมแทบหลอมละลายใจ
มากับ.....
สายลมในยามค่ำมาจากริมฝั่งฝันลำประโดง
บ้านครูสอนดนตรีไทยในละแวกนี้
ที่ช่างแสนงามบรรเจิดจิต
ให้นิรมิตทิพย์
ในหัวอกหัวใจสาวนา
ให้แสนแพร้วเพริศพริ้ง
หวานสะบิ้งสะบัดรัดร้อยใจ
ให้ละไมละมุนไหวหวั่นฝันหวานหวานตามเคย
ราวลอยเลยล่องท่องไป
ในแดนสรวงวิมานเมฆวิมานทิพย์
ไปหยิบรวงดาวมาร้อยเป็นสายสร้อยเพชรพราว
ให้เทพีข้าวเทพีพสุธา
ที่อ้ายเคยฝากคำมั่นสัญญาไว้
ว่าคือสาวนาคนดี
ที่อ้ายแสนรักนักรักหนาแล้วนะ
ให้หัวใจสาวนา
ไหวหวั่นฝันไกลในทุกยาม
ที่ได้ยินบทเพลงไทยดนตรีไทย
ที่หวานใสราวระฆังทิพย์
ราวมา..
สถิตหวานหว่านกอแตกช่อผลิพราว
กระจ่างนะกลางจิตกลางใจ
ดวงทองดวงผ่องผุดของสาวนาสาวไพร
ให้ใสพร่างพิสุทธิ์พราย
ราวดอกบัวชูช่อในบึงรัก
ที่รอรับสายแสงพุทธธรรม
มาพร่างพรม
ให้ลืมหมองตรมระทมทับ
พบวิมุตติผุดโผล่พ้นน้ำอย่างไรอย่างนั้น
สาวนา..
หูแว่วแผ่วเพลงพริ้วเพลงขลุ่ย
อีกเพลงและอีกเพลง
ที่...
อ้ายเคยพรมพ้อเพ้อถึงสาวนา
แทนใจเคยมั่นคงจงรักภักดี
ที่แสนใสซื่อถือมั่นในรักจริงรักแท้
ที่อ้ายเคยกระซิบบอกว่า..
รักสาวนารักทุยรักทุ่งรักถื่น
รักที่จะลุยกลิ่นโคลนสาบควาย
รักที่จะได้ดอมหอมหวาน
พวงพะยอมป่ายามมาบาน
เคลียแก้มสาวนาที่อ้ายเคยเด็ดมาเสียบแชมผมให้
ฤดีสาวนา...เหว้ว้าแห้งผาก..
ราวรวงรอฟ้าฝน
ราวสาวนาคนดี
ที่ยังหลงคอยกมลอ้ายคนดีให้หวนคืน
รอชื่นฉ่ำ
รอวสันต์ลีลา
มาพร่างโปรย
ให้ทั้งนาข้าว
ทั้งนาใจสาวนาไสวปานกันในไม่ช้านาน
ดั่งดอกจานบานรับสายฝนสายฝันสวรรค์สวาท
รอให้
ทิวาหวานราตรีแสนซ่านซึ้งจับใจ
คืนกลับมาคืนกลับนา
ในท่ามกลางแสงตะเกียงริบหรี่ไหว
คืนที่ไพรพนาเต็มไปด้วยสายฝนพรำ
เสียงกบเขียดร้องร่ำระงมลั่นทุ่ง
คืนที่มุ้งไสวเพยิบพยาบ
อาบไล้ไปด้วยมนต์รักเสน่หา
ที่อ้ายร่ายลีลารัดรึงซึ้งซ่านหวานสุขนัก
เสียงสายฝนกระทบหลังคาจากลงพร่างพื้น
กับเสียงฟ้าคำราม
ให้สาวนาโผร่าง
คอยตามมาซุกซบในอ้อมอกอุ่นอุ่น
พลางร้องละเมอเพ้อครางครวญให้อ้ายสุดแสนรัญจวนใจ
จนต้องบรรเลงเพลงรักจากใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเฝ้าประโลมร่างใจ
พร้อมเสียงเพลงไพร
ตราบฟ้าสางดุเหว่าแว่ว
และแล้ว
ก็นอนนิทรารมย์ไปด้วยกัน
กับฝันดีพลีภักดิ์ที่ช่างหวานแสนหวาน....
ที่สาวนาคิดว่า
ในหล้าโลกนี้
ชีวิตสาวนาช่างแสนโชคดีเป็นยิ่งนักแล้วกว่าใคร
ที่ได้ใช้ชีวีตติดดิน
และ
มีความรักภักดีที่พอเพียงพลีพร้อม
ให้กันและกัน
มิผันไปตามกระแสโลกย์มิโศกแปร
.....................
ยามนั้น..
เมื่อถึงเวลาฟ้าแจ่มกระจ่างทั่วนภางค์สว่างแล้ว
สาวนาจะปลุกอ้ายให้แจวเรือ
พาสาวนาไปเก็บบัวกลางบึง
ไปเคลียคลึงเคล้าคลอ
กลางกอบัวอาบน้ำด้วยกัน
ท่ามกลางกลิ่นเกสรอันแสนหวานตระการบึง
จนสุขซึ้งรับสายแสงแรกของดวงตะวันแย้มบาน
แล้วถึงจะค่อยๆพายเรือกลับ
มาเข้าครัว..
ก่อไฟหุงข้าว
จัดสำรับ
จัดทุกอย่างไว้รอท่าอ้ายไปวัดพร้อมกัน
แม้กระทั่ง..
พับกลีบบัวละมุนด้วยศรัทธา
วางกรุ่นกลีบเกสรหอมงามเคียงในถาดทองเหลือง
ด้วยหวังสืบทอดพุทธศาสนา
ให้ประเทืองเรืองรุ่งประดับใจไทยให้ใสสวย
ไปนานเนานิรันดร์จนกว่าวันฟ้าดินจะแตกดับลับลา
........
คืนและวันพรากไป
สาวนาไม่เคยคิดเลยว่า
โลกหล้ามาแปรไป
มาตรแม้นรอยไถยังไม่แปร
หากทว่าไยเล่า
อ้ายคนดีถึงมาแพ้พ่าย
ให้
หัวใจรักภักดีที่สาวนาเคยพลีให้
ได้กลายกลับมิหอมกรุ่นมิละมุนดั่งเดิม
******************************
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=94
ขวัญใจเจ้าทุย
เจ้าทุยอยู่ไหน ได้ยินไหมใครมากู่ กู่
เรียก หาเจ้าอยู่ อยู่ หนใดรีบมา
เจ้าทุยเพื่อนฉัน ออกมาหากันดีกว่า อย่า
เฉยเลยอย่าอย่า มะมา เร็วไว
เกิด มามีแต่ทุย เป็นเพื่อนกัน
ค่ำเช้า ทำงาน ไม่ทิ้งกัน ไม่หายไป
ข้า มีข้าวและน้ำ นำมาให้
อีกทั้ง ฟางกองใหญ่ อย่าช้าไย อย่าช้าไย
เจ้าทุยเพื่อนจ๋า ออกไปไถนาคงเหนื่อย อ่อน
เหนื่อย นักพักผ่อนก่อน หนาวจนอ่อนใจ
ข้าจะอาบน้ำ ป้อนฟางทั้งกำคำใหญ่ ใหญ่
จะสุมไฟกองใหม่ ใหม่ ไว้กันยุงมา
เจ้ามีคุณแก่เรามามาก มาย
ถึงแม้ เป็นควาย เจ้าเหนือกว่า ดีเสียกว่า
ผู้ คน ที่เกียจคร้าน ไม่เข้าท่า
ทุยเอ๋ยเจ้าดีกว่า ช่วยไถนา ได้ทุกวัน
เจ้าทุยนี่เอ๋ย ข้าเคยเลี้ยงดูมาก่อน เก่า
เมื่อ ครั้งยังเยาว์เยาว์ ทั้งทุยและฉัน
ข้าเคยขี่หลัง นั่งไปไหนไป ไม่หวาด หวั่น
จะสุขทุกข์เคยบุก บั่น รู้กันด้วยใจ
เติบ โตมาด้วยกันในไร่ นา เคยหา กินมา
ข้าเห็นใจ ข้าเห็นใจ
เจ้า ทุย ยากจะหา ใครเทียมได้
ข้ารักดัง ดวงใจ ไม่รักใคร ข้ารักทุย...
...........
11 กุมภาพันธ์ 2548 08:42 น.
สาวบ้านนา
http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=4225
(ขวัญใจพี่หลวง)
สาวนาสู้ฝืนไข้มาก่อนฟ้าสางเพื่อร่างรจนาเรื่องนี้
อยากให้เปิดเพลงคลอพร้อมอ่านผ่านตาไปด้วยกันนะจ๊ะ
จะได้อารมณ์ละมุนละไมที่รานร้าวเศร้าซึ้งสาสะใจดีพิลึกจ๊ะ
*เธออ้อร้อได้แนบเนียน..พี่ช้ำเหลือเกินกานดา
โถแก้วตา..อยู่นั้ย..ไยเธอมาลืมคำ*
*************
อากาศยามเช้า
หนาวมาก
ท้องทุ่งนาและรวงเรียว
ราวถูกห่มคลุมด้วยสายหมอกขาว
ที่พราวพรายบางเบาราวสายไหมสายไยฝัน
และ..
สาวนาก็ไม่สบายมาหลายวันแล้ว
หาก
ไม่ยอมแพ้ยอมนอนพัก
คิดว่าจะรักษาตัวเอง
โดยวิธีธรรมชาติแบบสาวนาๆ
ที่ไม่จำต้องพึ่งพายาแผนปัจจุบัน
ที่จะได้ประหยัดเงิน
ที่สาวนาแสนหายากหาเย็น
สาวนา
ก็คิดว่าแค่ดื่มน้ำอุ่นน้ำสะอาดมากๆ
และ
ก็พยายามทำงานให้เหงื่อออก
เพื่อขับไข้ก็คงหายไปเอง
แต่จริงๆแล้วสาวนาหารู้ไม่ว่า
แท้เทียวแล้วสาวนาคงมิได้แค่ป่วยเพียงกาย
หากคงเป็นเพราะทั้งหนาวใจหนาวกาย
จนต้องยอมแพ้พ่ายยอมนอนระทมระบม
ด้วยความตรมตรอมใจ
ที่ทั้งไหนจะพิษไข้และพิษรัก
ที่แสนหนักหนามารุมเร้า
ให้สาวนารานร่างไปทั้งกายและใจ
ที่คิมหันตร์ผ่านไปและเหมันตร์ผ่านมา
ก็ยังหามีข่าวและวี่แววของอ้ายไม่
ใกล้สาง
สาวนาได้ยินเสียงครางแผ่วของดุเหว่า
ที่ฟังแล้วไม่แว่วหวานอย่างเคย
สาวนานอนดูดาวเฉยๆนิ่งนิ่งแล้วน้ำตาริน
และค่อยๆควานคว้าไปเปิดเพลง..ยามเช้า
จากวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเก่าฟัง
แล้ว
หัวใจก็ยิ่งรานร้าวเมื่อฟังเพลงนี้
ที่ราวอยากให้อ้ายมาตัดพ้อต่อว่าเหมือนยามคราวที่
สาวนาลามาเรียนและไม่ยอมกลับบ้าน
ปล่อยให้ซมซานด้วยรักรออยู่พักใหญ่
************
http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=4225
ขวัญใจพี่หลวง
เธอแหลงให้รอสี่ปีให้เธอเรียนจบ
แล้วเธอจะหล้บ..มาพบที่เมืองลูกตอ
ทุกๆคำที่แหลงมา..พี่ยังตั้งตาเฝ้ารอ
และเชื่อใจ..เสมอว่าเธอนั้นแคร์กัน
พี่แลจดหมายของเธอทุกๆฉบับ
พี่คอยนั่งนับทุกคืนทุกวันเวลา
รอเธอกลับ..หวนคืน...ที่เดิมที่เธอจากลา
ที่ห้าปีกว่าก็ยังไม่เห็นแม้เงา..
ไปอยู่ที่หนาย...ขวัญใจพี่หลวง
โอ้แม่พุ่มพวง..เธอลืมพี่หลวง..แล่วหม้าย
ที่เธอยืนยันเป็นนักเป็นหนา
ว่าสี่ปีจะหวนมาใหม่
แล้วนี่อะไร...
ไยเธอลืมสัญญา.....
ไม่พรื้อหรอกน้อง
ถ้าเธอจะลืมคนเก่า
จะลื้มเรื้องราวที่เธอนั่นเคยสัญญา
เธออ้อร้อ..ได้แนบเนียน..พี่ช้ำ..เหลือเกินกานดา
โถแก้วตา..อยู่นั้ย..ไยเธอมาลืมคำ
.............
..............
ไปอยู่ที่หนาย..ขวัญใจพี่หลวง
โอ้แม่พุ่มพวงเธอลืมพี่หลวง..แล่วหม้าย
ที่เธอยืนยันเป็นหนักเป็นหนา
ว่าสี่ปีจะหวนมาใหม่
แล้วนี่อะไร
ไยเธอลืมสัญญา...
ไม่พรื้อหรอกน้อง
ถ้าเธอจะลืมคนเก่า
จะลื้มเรื่องราว..ที่เธอนั่นเคยสัญญา
เธออ้อร้อ..ได้แนบเนียน..พี่ช้ำ..เหลือเกินกานดา
โถแก้วตา..อยู่นั้ย..ไยเธอมาลืมคำ
โถแก้วตา..อยู่นั้ย..ไยเธอมาลืมคำ
โถแก้วตาอยู่ไหนไยเธอ..ถึงลืมกัน!
****************
และ
สาวนายังจำได้..อ้ายเคยบอกสาวนาว่า
หากยังรักอ้ายให้มองฟ้าหาดาวประจำเมือง
แล้วจะเห็นดวงตาอันแสนห่วงใยของอ้ายที่ฝากผ่านมา
เพื่อย้ำรอยเตือนให้หัวใจสาวนาอย่าได้ว้าเหว่เดียวดาย
แต่ทำไมเล่า
ใกล้อุษาราตรีนี้
ดาวถึงดูริบหรี่ลางเลือน
ราวลางสังหรณ์มาย้ำเตือนว่า
หัวใจอ้ายคงเบื่อสาวนาและพรากลาไปไกลสุดกู่แล้ว
คงไม่หวนกลับมา..
ช่างเถอะนะ
สาวนารู้แล้ว
ตั้งแต่วันที่เพื่อนสาวนาให้ยืมมือถือ
เพราะเพื่อนไปสืบข่าวให้สาวนา
จนได้รู้ข่าวว่าอ้ายอยู่ที่ไหน
ที่สาวนากดเท่าไรก็กดไม่เป็น
แสนจะเชยกับเทคโนโลยี่
และ
เพื่อนแสนดีก็พยายามโทรให้สาวนา
เพื่อให้ได้ฟังแค่เสียงสายว่างหาก แต่ว่าอ้ายหารับสายไม่
ปล่อยให้สาวนาฟังเสียงโทรเก้อ
ไม่มีแม้แต่จะโชว์เบอร์กลับมา...แล้วมีหรือจะโชว์ใจ..
สาวนารำงับใจแบบสาใจในโลกวนว่าย
ให้รักหน่ายมาถ่ายเทพอเซแล้วก็ซ้ำ
แบบเพลง*จูบไม่หวาน*เลย
สาวนา..หักใจแล้ว..
ค่อยๆคลี่ผ้าทอผ้าผวยผืนใหม่
ที่อ้ายเคยชมว่า
ยามคลี่คลุมบนร่างสาวนาแล้ว
แสนงามแถมแสนหอม
ราวกับพวงพะยอมไพร
ที่อ้ายอยากดอมดมพรมจูบทั้งวันทั้งคืนไม่เบื่อเลย
สาวนา
พยายามค่อยๆพาตัวเองลุกขึ้นไปก่อกองไฟริมกระท่อม
แล้วเปิดวิทยุฟังข่าวเกษตรในวันนี้
ที่ได้รับความรู้ดีได้ทันข่าวเหตุการณ์
ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตร การปลูกพืช ไม้ดอกไม้ประดับ
และ
สอบถามปัญหา การเกษตร
แหล่งรวบรวมข้อมูลโรงสีข้าวในประเทศไทย
และ
ให้โรงสีต่างสมัครเป็นสมาชิก
เพื่อประชาสัมพันธ์โรงสีและสินค้าได้ฟรี
มีข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการรับซื้อขายข้าว
ของโรงสีต่าง ๆ ประวัติของกล้วยไม้
ประวัติการเลี้ยงกล้วยไม้
แนะนำมือใหม่เลี้ยงกล้วยไม้
การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้
โรคของกล้วยไม้และการป้องกัน
แนะนำสวนกล้วยไม้ และรวบรวมรูปกล้วยไม้
รวบรวมความรู้งานวิจัยเกี่ยวกับกระดาษสา
และมีธูปไล่ยุงจากใบเสม็ดขาว
ราคาสินค้าการเกษตร
ข่าวการเกษตร และวารสารการเกษตร
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคปศุสัตว์
สุกร โคนม โรคแอนเทรกซ์
โรคอื่นๆ ของสัตว์ โรคและศัตรูพืชทางการเกษตร
การเกษตรชีวภาพปลอดสารพิษ
ข่าวสารข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ
การเกษตรชีวภาพ
หรือเกษตรอินทรีย์ บอร์ดการเกษตร ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ
ที่สาวนาแสนจะชอบรับฟังเพื่อได้เรียนรู้นำมาปฎิบัติ
ให้ทันสมัยทันเหตุการณ์งานนา..ในทุกวัน
********
แล้วสาวนายังได้ฟังเพลงไพเราะๆรับลมหนาวตามมา
ที่แสนมีเนื้อหาทำให้หัวใจสาวนายิ่งละเมียดละมุน
http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=4227
ถือว่าเป็นอีกปีที่ฉันพอใจ...
รู้ตัวเองอีกที ก็ผ่านพ้นมาจนปีใหม่
ฉันยังคงตื่นใจ กับลมหนาวในเดือนธันวา
รู้สึกว่าปีนี้ ไม่เหมือนปีที่เคยผ่านมา
เหมือนมันมีบางอย่าง ที่ขาดหายไป
เสียงข้างนอกถนนบอกว่าทุกคนมีความสุข
เหมือนจะเป็นอีกปีที่มีเรื่องดีๆ มากมาย
ฉันอยู่กับตัวเอง มองทบทวนเรื่องที่ผ่านไป
ข้ามนาทีปีใหม่ โดยไม่มีเธอ
* มองขึ้นไปบนฟ้า เห็นพลุสว่างไสว
มันจะดีแค่ไหน ถ้าเธอนั้นยังอยู่
เราคงทำเหมือนกัน ที่จะหันมองดู
พลุสวยงามตาใต้ฟ้าเดียวกัน
รู้ตัวเองว่าเหงา แต่ผ่านพ้นไม่ยากเท่าไหร่
ฉันมีความตั้งใจ อยากฉลองคนเดียวซักวัน
** ทุกอย่างก็ดีพร้อม เพียงแค่ไม่มีเธอเท่านั้น
ถือว่าเป็นอีกปีที่ฉันพอใจ
(*, **, **)
http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=3706
: ผู้หญิงดิน ดิน
อัลบัม/Album : ปุ้ย ผู้หญิงดิน ดิน
ศิลปิน/Artist : ปุ้ย ณฐิชา ทะวะลัย
เนื้อร้อง
ก็ฉันมันดิน ไม่คู่ควรเธอได้ยินมั้ย
จะว่าอะไรก็มีไม่เท่ากับเธอ
ฉันรู้ตัวดีว่าในไม่ช้า หมื่นพันปัญหาที่เจอ
ก็จะส่งให้เธอต้องเลิกกัน
ก็ฉันมันจน เหตุผลแม้ฟังไม่เอาไหน
เธอสูงเกินไป แต่มันก็เป็นยังงั้น
วันนี้เธอทนคนมองยังไหว แต่คงทนได้ไม่นาน
แล้ววันหนึ่งวันนั้น จะเป็นยังไง
* จบเถอะนะ บอกลาผู้หญิงดินดินคนหนึ่ง
คนที่ครั้งหนึ่งเคยโชคดีมากมาย จบตรงนี้
ช่วยเอาชีวิตดีๆ คืนไป เกลียดกลัวสายตาที่ใครๆ
จะถามว่าฉันไม่เจียม
สวรรค์มีตาส่งให้เธอมาเป็นคนรัก
แต่ฉันต่างหากไม่มีค่าพอวันนี้
ถึงรักและอยากเก็บเธอไว้ แต่ตอนสุดท้ายที่มี
รู้ตั้งแต่วันนี้จะจบยังไง
( * )
ภูมิใจเธอรู้มั๊ย ว่าเคยได้รักกัน
จะจำมันจะเก็บมันไว้จนตาย
( * )
************
ตามมาด้วยทุกบทเพลง
ที่ทำให้หัวใจสาวนาแทบร้องไห้ตาม
ด้วยความเจ็บเหน็บหนาวในใจ
ด้วยความร้าวระบม
สาวนานั่งผิงไฟ
และรับสายอุษาสีทองอย่างอ้างว้างดายเดียว
ให้มาปลอบปลุกให้อย่ารออ้ายที่ผลุบๆโผล่ๆ
ให้มีชีวิตลุกขึ้นสู้อีกครา
ทั้งๆที่ในเรียวตายังซึมซึ้ง
ด้วยน้ำตาและร่างกายยังไม่สร่างไข้
เพราะ
สาวนาต้องอยู่แบบเข้มแข็งให้ได้
เพื่อทำหน้าที่ของชีวีชีวิต
ที่สาวนาไม่มีสิทธิ์จะหลบเลี่ยงหนี
......
สาวนาสวดมนต์ทำวัตรเช้า
และเฝ้าสมาธิภาวนา
ให้ดวงใจสาวนาดวงใสซื่อ
ได้ยึดมั่นยึดถือทำแต่กรรมดี
ให้ดวงชีวีสาวนางามสว่างกระจ่างใส
และพบแต่ความงามใจโรจน์รุ่งดั่งดวงตะวันฉาย
สาวนา
มองเห็นฟ้ายามใกล้รุ่งทอสายแสงงาม
และราวกับ
*บทเพลงพระราชนิพนธ์แสนงามยามใกล้ปีใหม่*
จะเปิดคลอมาให้แว่วหวาน
ไปทุกชานเรือนท้องถิ่นไทยแดนดินแห่ง
ความสงบร่มเย็นอันแสนงามแสนสุขใจนี้
และ
แล้ว...
สาวนา
ก็ได้แต่นั่งร้องไห้ราวสิ้นไร้แรง..
แข่งกับแสงดาวเดือนที่กำลังจะลาลับลา..!
**********
10 กุมภาพันธ์ 2548 23:19 น.
สาวบ้านนา
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=646
(สิ้นกลิ่นดิน)
***************
ราตรีนี้เป็นราตรีเพ็ญบุญ
รัศมีจันทราทาทาบ
อาบไปทั่วทุ่งทองปองขวัญสวรรค์หวาน
วิมานบ้านนาบ้านไพร
อวดงามละไมสุกปลั่งส้มชัด
ในคืนอันแสนสงัดเงียบเฉียบเย็นด้วยพราวน้ำค้าง
จันทร์ดวงงามกระจ่าง
ราวเทพีนภาประดับใจ
แขวนฟ้าท้าดวง...เด่นเพ็ญพิลาส
สะอาดโฉมประโลมหล้า
หยาดสายแสงเสน่หาหวานจัด..
ให้มวลมนุษย์นับพันล้าน
ได้สานต่อก่อกอรักปันภักดีพลีฝัน...
ฝากปันแบ่งแรงใจไปกับแสงจันทร์สวย
แม้นรักนั้นจะแสนไกลห่าง
หากทว่ามิเหว่ว้าอ้างว้างว่างใจ
หากสองดวงใจยังหนักแน่นมั่นคงจงรักภักดี
มีจันทร์ให้ฝันฝากใจ
มีดาวพราวดวง..สุกใสสว่าง
ระยิบระยับวะวับแวมแต้มแตะท้องนภา
ฟ้าสีกำมะหยี่ให้ดูโลกนี้อย่างมีชีวิตชีวา
ให้ผู้รอท่าเฝ้าคอย
ได้หลอมรวมใจไปรวมกันที่จันทร์ดวงงาม
ในทุกราตรี...
ให้ยังมีหวังหวาน
ผ่านกาลเวลา ผ่านภพ
จนกว่าจะจบด้วยคำว่าได้พบกันอีก..ครั้งครา..
สาวนา..
คิดถึงบทเพลงมากมาย
เกี่ยวกับใจเกี่ยวกับจันทร์
หากทว่าค่ำคืนนี้..
ไฉนใจถึงได้ยิน...
เพียงเสียงเพลงซึ้งๆติดตรึงใจดวงนี้
ที่ขับขานครวญคร่ำระร่ำริน
มากับลำประโดง
กับโค้งฟ้าไกลฟากฟ้ากว้าง
ที่ราวหวานแว่วแผ่วมา
ราวใจรำพันขวัญฝันรำพึงฝากซึ้งมา
เพื่อไปตราจิตให้ชีวิตอ้ายที่พรากลาสาวนา...ได้พลอยรับรู้
.............
*แรงใจในเงาจันทร์*..คุณ ต่ายอรทัย*
สัญญา คืนฟ้ามีจันทร์วันจาก
หอมกรุ่นไอรัก ยากนักสิลืมลงได้
อ้ายยืนมองตา สัญญาต่อหน้าเดือนหงาย
บอกน้องคอยเบิ่งฟ้าเอาไว้ เมื่อยามใดที่คิดฮอดกัน
แสงจันทร์ หอบฝันสองเฮาตามส่อง
ใจอ้ายใจน้อง บ่หมองเพราะมีฮักมั่น
สู้งานเมืองไกล ซ่อนใจฝากในเงาจันทร์
ห่างแค่กายใจใกล้เคียงกัน
เมื่อมีจันทร์สื่อสัญญาณใจ
หนักงานเพียงใด อยู่ได้เพราะใจมีกัน
ได้สบตาดวงจันทร์ก็เหมือนได้สบตาอ้าย
ยืนบนดาดฟ้า หลังคาตึกสูงเมืองใหญ่
ในคืนที่เป็นทุกข์ใจ ให้จันทร์ส่องใกล้ใจเหงา
สองเฮา กอดเหงาในคราวต้องห่าง
แต่ใจบ่ร้าง ก็เพราะมีจันทร์คอยเฝ้า
น้องมีแรงใจ เพราะมีอ้ายตามเป็นเงา
เบิ่งฟ้างามคืนจันทร์หยอกเย้า
สายตาเฮาหยอกกันบนฟ้า
*************
และ
นานแล้ว.....
ที่สาวนา นอนดายเดียวเหว่ว้าน้ำตาริน
ถวิลรักถวิลรอ....
พ้อหาเพียงแต่*อ้าย*
แต่มานะบัดนี้*สาวนา*ชักชาชิน
กับการอยู่คนเดียวเปลี่ยวเหงา
หากให้งามเงียบ
และเรียบเย็น
ได้มีเวลาย้อนรำลึกตรึกตรอง
มองโลกย์ผ่านโศกสุข
ที่อ้ายได้ฝากบทเรียน
ให้สาวนาได้รู้ลึกด้วยตนเองถึงรสพระธรรม
อันดำดื่มราวหยาดน้ำใสจากเพชรสรวง
ที่พร่างร่วงพราว
มาให้ดื่ม...มาให้ประดับใจ..ให้ใสงามดั่งอัญมณี
ที่สาวนานี้ต้องนำมาน้อมนำใจ
สอนมิให้ไหวครวญหวนไห้รู้รำงับดับวาง
รู้ปล่อยวางว่างจากทุกผัสสะที่มากระทบ
ให้เพียรลบลืมระทมทับดับทันกับกรรมเก่าวิบากใจ
พาให้จำพรากไกลจำลาจากอ้าย
คล้ายอยู่กันคนละโลก...โศกมิรู้จบ..ทบทวี
หากคิดไม่เป็นไม่รักเย็นรักให้งาม
สร้างนิยามใจเสียใหม่
ให้เป็นรักงามใสสว่าง
นำทางสู่รอยธรรมรอยทอง
เพียรภาวนาลอยล่อง
ท่องนาวาทิพย์นาวาชีวิต
ไปสถิต*เป็นดั่งรักนิรันดร์*
สู่แดนขวัญนิรพาน
แดนพรายพร่างด้วยดวงแก้วแพรวประภัสร์
ระยับยิบวะวิบวับงามจับจิตจับใจไสวพร่างสว่างเย็น
หลุดพ้นทุกข์มิต้องมุดลงมาเกิดใหม่
ในแดนต่างๆ
ตามกาลกรรมที่เคยกระทำกันไว้
ให้ชดใช้มิรู้สิ้นรู้จบ
ทบทวีนานชั่วกาลกัปป์กัลป์อันแสนน่าเบื่อหน่าย
สาวนา..
เพิ่งอ่านหนังสือที่หลวงพ่อได้เมตตาให้ยืมมา
ชื่อว่า *เนื้อนาบุญ*ที่แสนหอมกรุ่นหอมงาม
ด้วยข้อคิดเพื่อการใช้ชีวิตขจัดทุกข์
และ
สร้างความสุขความเจริญ
ด้วยธรรมโอวาทจากพระอริยสงฆ์ที่คนไทยนับถือ
มี*หลวงพ่อเจริญ หลวงปู่แหวน หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
หลวงปู่โต๊ะ พระธรรมดิลก หลวงปู่เงิน*
และอีกมากมายหลายพระคุณท่าน
ที่เรียบเรียงโดย คุณ ศ.ธรรมรัตน์
และ
สาวนาได้เพียรนำมาประดับจิตประดับใจ
ให้ใสพราวสว่างวาวราวดาวดวงประกายพรึก
..........
และ
ก่อนคืนวันเพ็ญบุญนี้
กับยามสนธยาฟ้าใกล้ค่ำ
*สาวนา*ผู้มีมีหัวใจดวงละมุนละม่อม
จึงยอมไปเลือกเด็ดดวงดอกไม้หอมๆ
ที่มากมายรายล้อม
รอบกระท่อมลั่นทมที่กำลังให้หอมอวล
มาร้อยเรียงเป็น...
*มาลาทิพย์*ให้สวยใสประชันงาม
เพื่อน้อมศิระกรานกราบพลีบูชา
ยามสวดมนต์ทำวัตรภาวนาสมาธิ
มีทั้งมะลิลามะลิซ้อน
กุหลาบกลีบบางอรชรพร่างกลิ่นกอมแรง
ดาวเรืองแทนสีแห่งความเรืองรุ่งมุ่งมั่น
ในศีลธรรมคุณงามความดี
คล้ายสีจีวรรุ่งโรจน์ฉายโชติชัชวาลย์ประภัสสร
กับ
พุดซ้อนนวลดอกพราวขาวระยับงามจับใจ
แม่ดวงดอกไม้ไพรแสนพิสุทธิ์
ที่อยากหยุดอ้อนวอนรักใครเสียที
มีแต่เพียง
*ยอดมงกุฎยอดพระรัตนตรัย*
ไสวนำทาง
มาคอยกำกับ..คุ้มใจคุ้มเกล้า
เป็นมิ่งขวัญสิริมงคล..มิให้วกวนหลงทาง
อ้างว้างลอยคอหลงกลางทะเลโลกย์โศกสุขอีกต่อไป
และ
ก่อน.ราตรี..
ที่เวทีฟ้า
จะเล่นแสงสีแสงสวยแสนสวย..อวดสาวนา
ที่ยืนทอดทัศนาทุกทิศทาง
รายรอบในราวไพรในราวป่าแต่เพียงลำพัง
ที่นะบัดนี้ถูกประดับประดา
ด้วยสีสันอันพร่างใสแจ่มจรัสไสวราวเรียวรุ้ง
ด้วยทุ่งทองปองขวัญ
ถูกรายล้อมด้วยดวงดอกไม้งามราวสวรรค์สรวง
ในยามค่ำแห่งเหมันตฤดู
พากันชันชูช่อแข่งกันอย่างมิพรั่นใคร
นั่น..
กัลปพฤกษ์..ราว*ซากุระเมืองไทย*
ที่มีดอกตูมเต่งแย้มบานหวานขาวพราวพวง
ไล่โทนสีชมพูเข้ม..อ่อน..
อ้อนอวดองค์เป็นดงสะพรั่งพรึบริมนา
กับ
ฟ้าหวานปานสายไหม ธรรมชาติไพร
ที่แสนมีเมตตามากน้ำใจ
ใจดีหยิบยื่นไมตรีให้มวลหมู่มนุษย์ได้หยุดเฝ้ามองดู
และ
ปองเก็บดอกพราวพรูไปเป็นพุทธบูชาพระ
อย่างในสมัยสุโขทัยที่นิยมกัน
โน่น..
ต้นแคขาว ที่บางคราวให้นามตามถิ่นว่าลั่นทมขาว
ที่พราวกิ่งออกช่อประดับป่าหน้าแล้ง
ให้แต้มเขียวไพลพรมห่มหอมไปทั้งราวป่าแห้งแดงน้ำตาล
มองเห็นขาวงามแต่ไกล
ไหนจะ*กุหลาบพันปี*
ที่*สาวนา*ได้พันธุ์มาจากยอดดอย
รอคอยดอกออกฤดูนี้
ที่จะออกแดงช่อกลมพรายพรม
อวดโฉมประโลมหล้าละไมละมุน
แล้ว
นั่น..แคร์ฝรั่งอ่อนช้อย
ห้อยพวงดอกรูปถั่วทั้งขาวหรูชมพูพรายพริ้ง
กำลังสะบัดสะบิ้ง
ทิ้งตัวร่ายรำฟ้อนอ้อนสายลมในยามค่ำ
พร้อมกับชมพูพันทิพย์ที่งามล้ำ
ด้วยดอกดกสดใสแสนหวาน
ปานประหนึ่งโลกนี้มีแต่สีชมพู้ชมพู
และ
นี่
ประดู่แดงดอกสีเพลิงเริงโรจน์
ร่วงพรูอยู่งามได้ภายในวันเดียว
ราวไฟรัก..ไหม้ลามเลียแสนรวดเร็วไร้อาลัยไยดี
ตัดสีกับนนทรีสีเหลืองทองผ่องผุดคล้ายช่อฉัตร
ที่พัดโปรยโรยกลีบร่วงพวงพรมพร่างห่มพื้นพสุธา
เตือนให้นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ได้รู้ว่า
*เวลาแห่งการสอบปลายภาคใกล้มาเยือนแล้ว*
ยามแย้มบานอวดหวานหอมละมุนไปทั่วทิศสนิทนวล
อีกมากมายแมกไม้ในป่าดงพงไพรพฤกษ์
ที่....
สาวนากำลังรู้สึกราวกับกำลังฝันไป
ว่าได้ท่องไปใน
*พิมานสรวงแสนขวัญสวรรค์สรวง*
กับดวงดอกไม้ป่าตระการพรั่งถะถั่งริน
มิสิ้นสายหวานหอม
ให้มวลหมู่ภมรว่อนภิรมย์
มาดอมดมพรมจูบด้วยรักกลางกลีบเกสรงาม
สาวนา..สัมผัสงามด้วยดวงใจใสฉ่ำเย็น
กับดวงทิวากร..
ที่กำลังรอนรอนแสงสุริยา
ลาฟากฟ้าอย่างพิร่ำพิไร
สาวนา..คิดๆไป...คิดๆไกล
ยามทิ้งใจทิ้งตาทอดทัศนาธรรมชาติไพรลำพัง
ว่า...
ช่างแสนน่าอัศจรรย์นัก
ราวชีวิตรักของสาวนากับอ้าย
หากเปรียบได้ดั่งยามทิวาราตรี
ดั่ง..*เทพสุริยมณี..กับ..เทวี รติกัลยา*
ที่มิเคยจะมีสักวัน
จะได้มาพบพ้องพาน
ได้มาหวานหวังสร้างพลังพร้อมกัน
ได้มาเคล้าเคลียคลอเคียง
เป็นคู่อยู่ในอ้อมฝันอ้อมใจ..ไปนิรันดร์ในชีวิตจริง
หากทุกสิ่งคือสัจจธรรม
ราวตอกย้ำคำว่า
*หน้าที่ต้องมาก่อนหัวใจเสมอไปเสมือนเรา..*
ที่ต่างคือเงาจิตนิรมิตขวัญ
และหวังหากสวรรค์เมตตาปรานี
คงมีสักเสี้ยววินาทีนึง..
ไม่ว่ากี่กาลกัปป์กัลป์กี่สวรรค์สวาท
กี่ภพกี่ชาติที่สาวนาหลงรักหลงรออ้าย
หวังคงได้สัมผัสอ้อมขวัญสวรรค์หวาน
ปานวิมานสรวงอันแสนอบอุ่นอ่อนหวาน
ปานประหนึ่งสถิตในแดนทิพย์
ที่มีรวงดาวราวแก้วแวววะวับระยับยิบ
เลื่อมประภัสสรประดับพราว
มิให้หนาวใจอีกต่อไป...
ราตรีมาเยือนแล้ว
ขวัญแก้วขวัญใจใครกันละหนอ
ที่งามใส*ดั่งดวงมณีไพร*
ยืนนิ่งละออร่างรับลมสะท้าน
ให้..
ลมไล้ร่างงามในชุด...เสื้อผ้าฝ้ายสีขาว
กับงามพราวด้วยผ้าซิ่นไหมสีฟ้าอมโศก
รับนัยน์ตาวิโยคหวานเศร้าซึ้งราวน้ำผึ้งรวง
ผมยาวสยายดั่งแพรไหม
ถูกพันทบตลบมุ่นมวยด้วยดวงดอกเอื้องแซะ
และทิ้งชายปลิวไสวไปทางเบื้องหลัง
ทิ้งให้วงหน้าเรียวนวลผ่องผุดพิลาส
สะอาดงามสงบ ราวรูปสลัก
ตระลบล้อมด้วยหอมหวานแห่งมวลดอกไม้ละมุน
กรุ่นกลิ่นเศร้าเคล้าเกศเคลียแก้มในยามนี้..ลำพัง
ที่มีเพียงฟ้าดินอินทร์พรหม..เพียงนั้น
กำลังปันพลี...หยาดน้ำค้างแทนหยาดน้ำตามาโปรยพร..!
มาพร่างพรมมาห่มหอมให้
ด้วยมากเมตตาแสนปรานีนัก
กับรักนี้ที่แสนดีที่แสนงาม..
*เป็นดั่งตำนานขวัญมหัศจรรย์รัก*
**********************
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=646
สิ้นกลิ่นดิน
โฉม ยง เจ้าคงไม่รักเราจริง
เรา ซิเชื่อทุกสิ่ง
รักจริงแต่เจ้าแจ่มจันทร์
รู้ ไหม ใครเขาคอยเฝ้าฝัน
คิดถึงเจ้าทุกวัน
แจ่มจันทร์เจ้าไม่กลับมา
โบย บิน ลืมสิ้น คนท้องนา
เดี๋ยวนี้เจ้าเป็นดารา
เรียกหาเจ้าไม่ได้ยิน
โฉม ยง เจ้าคงจะลืมเราสิ้น
ค่าของเราเพียงดิน
ได้ยินแต่คำนินทา
โฉม ยง เจ้าคงไม่รักเราจริง
เราซิเชื่อทุกสิ่ง
รักจริงแต่เจ้าแจ่มจันทร์
รู้ ไหม ใครเขาคอยเฝ้าฝัน
คิดถึงเจ้าทุกวัน
แจ่มจันทร์เจ้าไม่กลับมา
โบย บิน ลืมสิ้น คนท้องนา
เดี๋ยวนี้เจ้าเป็นดารา
เรียกหาเจ้าไม่ได้ยิน
โฉม ยง เจ้าคงจะลืมเราสิ้น
ค่าของเราเพียงดิน
ได้ยินแต่คำนินทา...
25 มกราคม 2548 15:06 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6207
คืนนี้พระจันทร์เพ็ญเด่นดวง
ล่วงสู่วันพระอีกคราแล้วนะอ้าย
หัวใจสาวนา..ดวงดายเดียวดวงเดิม
ยังคงสงบเย็นอิ่มเต็มอิ่มงามไปตามจันทร์วันเพ็ญบุญ
สาวนา..ค่อยๆเลือกเด็ดมะลิตูมตั้ง
จากแปลงดอกไม้นานาพรรณพื้นบ้าน
บานชื่น ดาวเรือง รัก บานไม่รู้โรย ที่พากัน
โปรยปรายคลี่กลีบดอกหวานบานสะพรั่งริมรั้วกระท่อมลั่นทม
แล้วนำมาร้อยเสียบผสม
กับพุดซ้อนกล้วยไม้
กับรักพราวขาวนวล
ให้หอมอวลเป็นพุทธบูชา...
สาวนา..ทรุดตัวลงตรงหน้าพระพักตร์องค์พระปฎิมา
แล้วเริ่มสวดมนต์ทำวัตรเย็นอย่างช้าช้าๆ
ใน..ยามค่ำกับแสงเรืองรองรำไร
หน้าพระพักตร์พระพุทธิ์ผู้บริสุทธิคุณ
เสียงธรรมดังกังวานก้องไพเราะ
ด้วยพลังสมาธิศรัทธาไปทั่วท้องนาอันแสนวิเวกสงบเงียบ
แสงทองส่องจับเสี้ยวหน้าละมุน
ให้งามยิ่งงามจากรัศมีจิตรัศมีจันทร์
จากพลังนวลเนื้อใจนวลนาบุณย์
อันยิ่งใหญ่หอมกรุ่นกลิ่นธรรมใสธรรมขาว
ราวอัญมณีเพชรพราวน้ำดี..
ที่ซ่อนอยู่ในโคลนตม
แม้นไร้ผู้ใดรับรู้งาม...ของหญิงบ้านนาป่าดอย
สาวนา..
ก้มกราบกรานอธิษฐานจิต
ด้วยท่าเบญจางคประดิษฐ์แสนนานในค่ำคืนนี้
พลีให้กับจิตวิญญาณทุกดวง
ที่ล่วงลาลับดับไปกับภัยพิโรธซือนามิ
กับทุกคนดีที่แสนโศกวิโยคยากทำใจ
ผู้สูญเสียคนที่รักไป
ที่ยังคงต้องทนมีชีพชนม์อยู่นะเบื้องหลัง
ให้พลังแห่งความรักเมตตาปรานี
แผ่ปรารถนาดีไปทั่วทิศไทยไพศาล
ให้ใจดวงรานทุกดวงดับทุกข์ได้ด้วยพระรัตนตรัย
ให้เพียรยึดมั่นไว้ใช้เป็นที่พึ่งทางใจ
อันเที่ยงแท้สว่างใส
ด้วยสัจจะธรรมบารมี..อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
ให้มวลมนุษย์ในพุทธภูมิมิสิ้นหวัง.
ที่จะค้นหาความว่างเปล่ารู้รำงับดับวาง
รู้ผสานจิตเข้าสู่ร่มธรรม
อันคือความงามเย็นเป็นนิรันดร์รัก
เสมือนที่อ้ายเคยสอนไว้
ให้อย่าท้อแท้
ที่จะเพียรพาพบพระนิพพาน
แม้นจะนานแสนนาน
อีกสักกี่ชาติภพก็ตามที
**ชีวิตพ่อนะแม่
พ่อเลือกตายได้สองสถานะ คือ
หมดลมคาหน้าที่ โดยไม่บวช หรือ ถ้าบวช
ก็จะตายใต้พระศาสนา
พ่อไม่มีโอกาสตายในอ้อมกอดแม่
หรือ มีแม่อยู่ใกล้พ่อในวันที่พ่อตาย
แต่เมื่อไหร่ที่จิตออกจากกาย
พ่อจะไปรอแม่ ถ้าพ่อตายก่อน
จะรอรับแม่ แต่ถ้าแม่ตายก่อนพ่อ
พ่อจะตามไปหาแม่ทีหลัง
รับรองว่าไม่หลงกันแน่นอน
เพราะ เวลาแม่จะตาย
สมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ หลวงพ่อจะมารับแม่เอง
พร้อมพ่อ(ถ้าพ่อตายก่อน) ***
***ปฏิบัติสายไหนก็ดีทั้งนั้นครับ
แม่ชอบสายไหนก็ปฏิบัติสายนั้น
หรือ นำสองสายมารวมกัน
ก็ได้แล้วแต่ความชอบจ้ะ ความถนัดจ้ะ
พ่อเคยฝึกมาหลายสาย
ทั้งยุบหนอพองหนอ
ทั้งธรรมกาย ทั้งพุทโธ มโนมยิทธิ
ที่ถูกจริตของพ่อมีพุทโธกับมโนมยิทธิจ้ะ
พ่ออ่านหนังสือธรรมะเกือบทุกสาย
ได้ความรู้หลายอย่าง
และอันไหนที่ดึงมาทำรวมกันได้
พ่อก็จะดึงมาทำด้วยกัน สนุกดี
ทว่าจะไม่ทิ้งสายหลักที่ถูกกับจริตของตนเอง
พ่อจะชอบอ่าน
คำสอนของหลวงปู่หลุยส์ หลวงพ่อชา หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่บุดดา
พระอาจารย์ชยาสโรภิกขุ (สายหลวงพ่อชา) หลวงปู่ดาบส
หลวงปู่ดูล หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อ*****
...........................
สาวนา..ทิ้งร่างเหว่ว้าเหนื่อยนัก
นอนหลับตาพักใจอย่างช้าช้า
ในม่านมุ้งสีขาว..ด้วยจิตใสพราวรู้หยุดยุ่งหยุดนิ่ง
ทิ้งทอดทุกอย่าง
ทุกข์ทุกรักหนักวิบากโลกย์วางไว้นะบ้านภายนอก
และ
ค่อยๆกระซิบคำภาวนา...
จับสติอยู่ที่ลมหายใจ
ให้ค่อยๆเบาบางจางคลายและทิ้งร่างวางไว้
พาจิตเบาสบาย
คล้ายท่องไปเหนือโลกวิมุตติหลุดพ้น...พันธนา...ทั้งปวง
ก่อนจะล่วงลาเลยเข้าสู่นิทรารมย์อีกคืน...ค่ำ
กับ....
เสียงเรไรร่ำจิ้งหรีดร้องกบเขียด
ประลองสียง
เถียงประท้วงลมแล้งในท้องนารอฟ้าฝนวสันตฤดู
ราวแกล้งทดสอบกมลสาวนา
ว่าจะไหวครวญหาอ้ายสักปานใด
หาก..สาวนา..รู้วางรู้รำงับใจและเพียงเพียรหยุดคิด..
แล้วทุกอย่างก็นิ่งสนิทในความว่างเปล่า
ไร้เหงาใจ...ไร้ใคร....ไร้..แม้นตัวตนลำพัง
กับ..
จันทร์เพ็ญเด่นดวงทอทอดลอดไล้กิ่งไม้ร่ายไหว
มาโลมลูบจูบประทับให้หลับไหลด้วยมากเมตตา....
พร้อมมวลหมู่ดวงดาราเต็มอ้อมฟ้า
ทั้งส่งแสงสกาวพราวใสทั้งริบหรี่รุบหรู่
เสมือนสอนสัจจะธรรมผ่านบทเพลงธรรมชาติ
ให้ตัวเราและโลกนี้ได้รับรู้ว่า
ทั้งชีวิคนและโลกนี้
ที่ยังคงต้องดำรงหมุนอยู่และหมุนไปๆย่อมมี
ทั้งมืดดำและไสวสว่างพร่างเย็น
มีสุขมีทุกข์
มีกลางวันกลางคืน
มีชื่นมีช้ำมีระกำมีระทม
มีขื่นมีขมมีตรมมีตรอม
มีหอมมีหวาน
และ
สุดท้ายทุกอารมณ์วายวุ่นวกวนนั้น
ก็พลันต้องการเพียงวางว่าง
เหลือแค่เพียงความเป็นกลางๆคือการรู้ทันเท่า
เข้าใจในทุกสรรพสิ่งให้นิ่งรู้นิ่งรับ
ไม่จับมาไว้ให้หนักในจิต
แบกชีวิตล้าวนหมุนวงกรรมดั่งกงเกวียนย้ำรอยซ้ำรอย
..........
และ...
ในนิมิตรนิทรารมย์..
แม้นกมลจิตวางว่าง...แสนว่าง
แล้ว..ไยเล่า
อ้ายแสนรัก
จึงมาปรากฎกายตรงหน้า
ส่งสายตาล้าเหนื่อยนัก..
มาขออ้อนหาอ้อมตักอ้อมรักภักดิ์พลี
ขอไออุ่นจากละมุนมือสาวนาคนนี้
ให้ไล้ลูบจูบประทับรับขวัญทั่วใบหน้า
สองนัยน์ตาแสนโศกนั้นอย่างละไมละเมียด
ได้เบียดร่างซุกซบพบตักอุ่นไอรักคลึงเคล้าเฝ้าสู่นิทราฝันดี..
เพื่อพลีพร้อม
ให้พลังรักระรินไหล
สร้างพลังใจสู้โลกอีกยาวไกลยาวนานยาวยืนเพื่อผืนดิน
หลับตา..นะอ้าย..
สาวนากำลังลูบไล้เห่กล่อมถนอมขวัญ
จงหลับฝันให้สบายนะยอดรัก
สาวนาจะพัดวีมิให้ริ้นไรไต่ตอม
มีแก้มหอมคอยคลอเคลีย
มีดวงดอกไม้ร่ายมนต์หวาน
มีสายลมบางเบาพัดพรายให้ฉ่ำเย็น
มีเสียงธรรมนำทางจิตลอยล่อง
พาเราท่องไปกับนาวาทองนาวาทิพย์
สู่ทิพยสถานวิมานแก้วนิรพานนะยอดดวงใจ.
.ที่แสนรักเอยแสนรักในกมลยิ่งแล้วนะจ๊ะ
.............................
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6207
ฝัน
เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key Eb
ฝันไป
แห่งไหนไกลสุดจุดหมาย มอง
ในห้วงฝันเรืองรอง ด้วยภาพผอง
ลำยองพร่างพราย
ฝันพลาง
ใจคว้างกลางโลกแห่ง นิ-ยาย
เรานี้หนอเดียวดาย สุดจะหมาย
ตายเคียงคู่ใคร
ชีพใช่ความฝัน แต่ฉัน ยังฝันไป
สู่แดนใดไหน ซึ่งใคร คนนั้นครอง
ฝันไป
จนไร้จนสิ้นจุดหมาย ปอง
คงจักสมใจปอง ที่เรียกร้อง
รักคืนกลับมา
ชีพใช่ความฝัน
แต่ฉัน ยังฝันไป
สู่แดนใดไหน ซึ่งใคร คนนั้นครอง
ฝันไป
จนไร้จนสิ้นจุดหมาย ปอง
คงจักสมใจปอง ที่เรียกร้อง
รักชื่นคืนมา
คืนมาหา รักรอท่า
ประสาแสนเศร้า...
!
15 ธันวาคม 2547 10:24 น.
สาวบ้านนา
รวงธรรมรวงทองรวงใจ
รวงฤทัยไกลพรากจากไกลแสน
รวงความดีพลีภักดิ์เทิดดินแดน
รวงใดแม้นรวงรักแห่งภักดี
เธอทำดีพลีสิ้นแผ่นดินรัก
เธอแน่นหนักรักคงมั่นตราบชีพนี้
เธอคือความฝันความงามและความดี
เธอคือราตรีประดับหล้าคราผ่องเพ็ญ
แม้นไกลร่างห่างกันสุดขอบฟ้า
ระยะทางขวางหน้าแค่ตาเห็น
หากจิตมั่นดั่งสัญญาทุกเช้าเย็น
คือรักเย็นรักให้คล้ายหอมธรรม
กราบพระพุทธตรงหน้าราตรีนี้
มาลัยศรีวางพานน้อยสวดมนต์พร่ำ
พ่อแสนรักอยู่ไหนแม่พลีธรรม
อธิษฐานคำภาวนา..ว่าภักดี..ตราบวันนี้จนชีพวาย!
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=150
บุษบาเสี่ยงเทียน
ดาวใจ ไพจิตร : : Key C
เทียนจุดเวียนพระพุท-ธา
ตัว ข้า บุษบาขออธิษฐาน
เทียนที่เวียนนมัสการ
บันดาลให้ หทัยสมปรารถนา
ดลจิตอิเหนา ให้เขามารักข้า
ขอองค์พระปฏิมา เมตตาช่วยคิดอุ้มชู
ขอเทียนที่เวียนวน ดลฤทัยสิงสู่
ให้องค์ระเด่นเอ็นดู อย่าได้รู้คลายคลอน
อ้า องค์พระพุท-ธา
ตัวข้า บุษบาขอกราบวิงวอน
ข้าสวดมนต์ขอพระพร
วิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี
รักอย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่
ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา
ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้า
รักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ ตั้งใจ
อ้า องค์พระพุทธา
ตัวข้า บุษบาขอกราบวิงวอน
ข้าสวดมนต์ ขอพระพร
วิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี
รัก อย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่
ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา
ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้า
รักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ตั้งใจ...