30 มกราคม 2547 09:59 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4913
(ทาแป้งรอ)
ดินแดนโล่งฟ้ากว้างอาทิตย์ตกนะหว่างเขา
งามลำเนาลำน้ำน่านหว่านดอกฝัน
ข้าวริมน้ำงามเกินคำรำพึงรำพัน
วัดภูมินทร์อันลือนามงามสถาปัตยกรรม...
วัดพระธาตุช้างค่ำเจดีย์ล้ำแบบสุโขทัย
งามดวงใจวัดพระธาตุแช่แห้งแหล่งรินร่ำ
พระธาตุพระยาวัดงดงามศิลปกรรม
ล้านนาล้านช้างร่ำผสมผสานงานงามใจ..
ท่าวังผาผลิตผ้าทอมือของไทยลื้อ
ลาวโซ่งซื่อตีเหล็กน่าสนไหม
ช่างเงินงามชาวเมี้ยนเย้าทอผ้าลายน้ำไหล
เอกลักษณ์ไทยลือนามน่านหวานวัฒนธรรม
ประเพณีเลี้ยงผีไหว้จิตวิญญาณ
ทุ่งนาหว่านนาแปลงควายไถย่ำ
สู่ขวัญควายขอขมาที่ไถทำ
หากมิหนำย่ำท่องบ้านดอนมูล..
ดูหมู่บ้านไทยลื้อรูปปั้นเจ้าเมืองล้า
สิบสองปันนายกย่องมิสิ้นสูญ
ยกย่องเจ้าหลวงดั้งเทวดารักเพิ่มพูน
เลี้ยงผีคูนคุ้มครองยกย่องใจ
หัตถกรรมเครื่องเงินผลิตภัณท์หวาย
ทำไว้ใช้ในชีวิตละมุนใส
เป็นเมืองโบราณผ่านงามใจ
มรดกไทยมรดกโลกเมืองงามนามน่านเอย..
*****
รู้สึกใช้ความพยายามมากเลยจ้า
กับกลอนประตูตามหาคนบทนี้ที่
กระด๊อกกระแด๊กกระดุ๊กกระดุ๊ย
ไม่ฉลุยลื่นคำเลยค่ะ
เพราะเพียรจะรักษาของดีให้ครบครันนะจ๊ะ
ว่าแต่ว่าคนที่เราตามหา
อ่านๆไปจะหัวเราะเยาะหรือไม่ละหนอ
ขอแช่งให้หนมเทียนติดคอตายเลย..จริงๆ
เช้ามืดที่สถานีน่านจะเงียบงามสงบสุข
สารถีสามล้อถีบมากน้ำใจจะรอรับผู้โดยสาร
น่าน...เมืองในวงล้อมของป่าเขา
ต้นกำเนิดแม่น้ำ..หลายสาย
หนึ่งในสี่นั้น*ลำน้ำน่าน*ไหลรวมสู่เจ้าพระยา
ลำน้ำว้า..กำลังดังในด้านล่องแก่ง
น่าเสียดายป่าไม้กำลังลดลง
อดีต..
เมืองน่าน..เป็นอาณาจักรมีอำนาจเองไม่ได้รวมในล้านนา
รุ่งเรืองด้วยการค้าสัมพันธ์กับหลวงพระบางและสุโขทัย
ชาวไทลื้อจากสิบสองปันนาและลาวเอพยพเข้ามาตั้งรกราก
วัฒนธรรมไทลื้อและคนโยนเมืองเหนือ
ที่ทั้งเหมือนและแตกต่างจึงหล่อหลอมความเป็นน่าน
ไหนจะหลากวัฒนธรรมจาก..ชนเผ่า..มาบลี เมี้ยน ลั๊ว ขมู และถิ่น
ปัจจุบัน
น่าน..เป็นหนึ่งในหกรายชื่อของจังหวัดและสถานที่
ที่ประเทศไทยเสนอต่อองค์กรยูเนสโกให้พิจารณาเป้นมรดกโลก
เพราะมีอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์
สิ่งตกทอดมาจากประวัติศาสตร์
แสดงถึงความรุ่งเรืองและศิลปะ
ธรรมชาติงดงาม..ความสมบูรณ์ทางนิเวศวิทยา
ชาติพันธุ์หลากหลาย..และวัฒนธรรมประเพณี...
****
ร้อยเรียงใหม่..โดยสาวบ้านนา..
ข้อมูล จาก ELLE DECORATION...
ฝากกลอนสดบทนี้ถึงใจใครคนหนึ่ง
คนที่ซึ้งขนมเทียนเขียนไม่ไหว
ขนมคงติดคอตายแล้วหรือว่าไร
หรือกรีดใจกรีดเลือดรักชักหมดตัว..
มาตามหากวีกระวาดขาดไฟฝัน
ทั้งกลางวันทั้งกลางคืนตามไปทั่ว
ทั้งน้องพี่คิดถึงแล้วนะตัว
อย่าได้มัวหลงเพลินขนมชมวิมาน..
กลับมาเขียนสักบทนะพ่อคุณพ่อทูนหัว
จะดีชั่วร่มรักไทยรออ่านงานแสนหวาน
ละมุนใจละไมฝันทุกกลอนกานท์
กลับคืนบ้านเสียที..ก่อนที่ทุกดวงใจเขาจะระอาจะลาลืม..!
23 มกราคม 2547 09:59 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4969
สะเทือนใจจากข่าวหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
นางแบบสาวเมืองอุบลที่กลายเป็นนางแบบระดับโลกเคยติดยา...
โลกมายา เร่าร้อน
หลอกหลอน หมุนวน ให้สับสน
โลกวัตถุ มอมเมา ใจผู้คน
ให้ทุรน ทุราย ทำร้ายใจ
เป็นสาวน้อย คนดี ที่บริสุทธิ์
สวยผ่องผุด ดั่งหยาดน้ำค้าง พราวไสว
มาวันนี้ หลงทาง อ้างว้างใจ
หลงทางไป ในนรก โลกจอมปลอม
เป็นนางแบบ โลกเฝ้ามอง จ้องอิจฉา
หลงติดยา ในวันนี้ หมดความหอม
ความสุขเอ๋ย ชั่วข้ามคืน แค่จอมปลอม
เจ้าตรมตรอม แค่ไหน ใครช่วยที
มีเพียงแม่! คนดี ดูแลเจ้า
ยังคอยเฝ้า ทะนุถนอม ไม่หน่ายหนี
ดวงใจเอ๋ย โลกโหดร้าย ร้าวฤดี
เพราะเจ้านี้ อ่อนเยาว์ เขลาตามใจ
อยู่กับโลก สวยใส ก็ดีแล้ว
ดั่งดวงแก้ว คู่ท้องนา สว่างไสว
ดีกว่าหลง โลกวัตถุ หลอกล่อใจ
รู้บ้างไหม สุขจริงแท้ แค่เงียบงาม!...
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4969
ใครจะช่วยเช็ดน้ำตา
ยิ่งยง ยอดบัวงาม : : Key Gm
อย่าไปเลยหนา
แก้วตา บางกอก
พี่เตือน พี่บอก
กลัวเจ้าโดนหลอก ซ้ำสอง
อยู่บ้านนาเรา
ยามเหงาเศร้า ใจหม่นหมอง
ยามน้ำตานอง
พี่ยังช่วยเช็ดน้ำ ตา
อย่าไปเลยน้องตรึกตรองให้ดี
คิดให้ถ่วนถี่
จงเชื่อฟังพี่เถิดหนา
บางกอกเมืองกรุง
อยู่ไกลเพื่อนฝูงลุงอา
ยามเจ้าช้ำมา
จะเช็ดน้ำตาที่ใคร
เสียตัวครั้งเดียวอย่าไปแยแส
อย่าไปคิดแคร์
ยอมแพ้ กับเรื่องเหลวไหล
จะไปล้างคาว
เป็นสาวกรุงเทพ กรุงไทย
มีแต่หัวใจจะช้ำซ้ำเติมเท่านั้น
อย่าไปเลยหนา
เมืองฟ้า เมืองกรุง
บ้านนา บ้านทุ่ง
ยังมีคนช่วยปลอบขวัญ
ไปอยู่ไกลตา
ถูกเขาหลอกมาจาบัลย์
ใครเล่าจอมขวัญ
จะช่วยเจ้าเช็ดน้ำตา
เสียตัวครั้งเดียวอย่าไปแยแส
อย่าไปคิดแคร์
ยอมแพ้ กับเรื่องเหลวไหล
จะไปล้างคาว
เป็นสาวกรุงเทพ กรุงไทย
มีแต่หัวใจจะช้ำซ้ำเติมเท่านั้น
อย่าไปเลยหนา
เมืองฟ้า เมืองกรุง
บ้านนา บ้านทุ่ง
ยังมีคนช่วยปลอบขวัญ
ไปอยู่ไกลตา
ถูกเขาหลอกมาจาบัลย์
ใครเล่าจอมขวัญ
จะช่วย เจ้าเช็ดน้ำตา...
23 มกราคม 2547 09:45 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4941
คลิ๊กฟังเพลงที่URL..พร้อมกันไปจะได้อรรถรสมากค่ะ
ดอกจาน..(ทองกวาว) กวีบ้านนอก..*
ดอกจานบานแต่เช้า เชียวหนอ
ดูผองผึ้งเคลียคลอ หยอกเย้า
แดงเรื่อแสดเจือพอ อ่อนอ่อน
ดื่มด่ำยามมองเจ้า ย่างเข้าสงกรานต์ ฯ
แดดส่องดั่งเรียกร้อง เบาเบา
แดนดินถิ่นเคยเนา แนบเนื้อ
ดอกจานคงเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยว
ได้แต่ฝากฟ้าเอื้อ เอ่ยเอื้อนคืนอิสาน ฯ
ดอกจานที่โน่น บานยังครับ...
ดอกจานคงไม่เหงา นะ..
ดอกจานบานรอใจแล้วจ้า..คนดี..
ดอกจานบานรอใจ.......สาวบ้านนา
กลีบดอกจานบานท้าดินถิ่นอิสาน
วอนคำหวานผ่านฝากเธอละเมอหา
ลืมอิสานบ้านเฮาเจ้าลืมนา
ลืมผ้าซิ่นปลาร้าแล้วหรือไร..
ลมว่าวพัดมาลาเลยแล้ว
ยอดตาลแผ่วเสียดสะเทือนจนหวั่นไหว
อยู่เมืองหลวงเมืองลวงหลอนหลอกใจ
ลืมนาไกลลืมน้ำโขงโล่งลิบรอ
ข้าวในนายืนเฉาเฝ้ารอเจ้า
รอรับข่าวราวฝนเยือนรอใครหนอ
ดอกจานเอ๋ยบานประจานใจเพ้อพ้อ
ไหว้พระรอเจ้าขวัญตากลับ..นาเดิม!นะดวงใจ.....
เวบไซต์ข้อมูลดอกจาน(ทองกวาว) นะจ๊ะ
http://www.pangfan.org/butea/butea.html
-----
เพลงดอกจาน ของคารบาว
http://www.chaonet.com/Lyriclink.php?Lid=5578
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=247
อดีดรักดอกทองกวาว
ศันสนีย์ นาคพงศ์ : : Key Eb
เห็นทองกวาวร่วงหล่น บนพื้นหญ้า
กลางนพาท้องทุ่ง รุ่งไสว
ดอกสีแดงแฝงสีส้ม พรมพิไล
ปอยไสวไร้ไรริ่ว ลงผิวนา
เห็นทองกวาวแสนร้าวจิต ให้คิดถึง
รักครั้งหนึ่งในอดีต ก่อนเก่ามา
คิดถึงคราวเจ้าผลิดอก เขาบอกสัญญา
ทองกวาวจ๋าบอกเขาหน่อยข้ายังคอยรอ
เห็นทองกวาวร่วงหล่น บนพื้นหญ้า
กลางนพาท้องทุ่ง รุ่งไสว
ดอกสีแดงแฝงสีส้ม พรมพิไล
ปอยไสวไร้ไรริ่ว ลงผิวนา
เห็นทองกวาวแสนร้าวจิต ให้คิดถึง
รักครั้งหนึ่งในอดีต ก่อนเก่ามา
คิดถึงคราวเจ้าผลิดอก เขาบอกสัญญา
ทองกวาวจ๋าบอกเขาหน่อยข้ายังคอยรอ...
********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4941
แม่ดอกทองกวาว
ละครทีวี : : Key F
โอ้แม่ดอกทองกวาว
พี่รักเจ้า จนหมดหัวใจ
รักพี่หน่อยได้ไหม
นึกว่าเห็นใจเถิดหนา
เจ้าต้องการสิ่งใด
จะหาให้แม่คุณขวัญตา
แค่เจ้าเอ่ยปากมา
พี่จะหามาให้ทุกอย่าง
จะเอาของดีจากอเมริกา
ราคาแพงแพง ยี่ห้อดังดัง
จะเอาต่างหู เอานาฬิกา
จะเอาเสื้อผ้า
หรือเครื่องสำอาง
รองเท้าที่แพงสตางค์
น้ำหอมยี่ห้อดังดัง
พี่เองจะสั่งมาให้คนดี
พี่ไม่เคยหลอกใคร
ให้เจ้าจงเชื่อในรักพี่
ใจทั้งสี่ห้องนี้
พี่มีน้อง ทองกวาวคนเดียว
จะเอาของดี จากอเมริกา
ราคาแพงแพง ยี่ห้อดังดัง
จะเอาต่างหู เอานาฬิกา
จะเอาเสื้อผ้า
หรือเครื่องสำอาง
รองเท้าที่แพงสตางค์
น้ำหอมยี่ห้อดังดัง
พี่เองจะสั่งมาให้คนดี
พี่ไม่เคยหลอกใคร
ให้เจ้าจงเชื่อในรักพี่
ใจทั้งสี่ห้องนี้
พี่มีน้อง ทองกวาวคนเดียว...
20 มกราคม 2547 15:14 น.
สาวบ้านนา
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=30
เช้าแล้ว...
ฟ้าพรายแสงแดงพร่าง
พรายพรมอมชมพูรำไรรำไร
ในขอบฟ้าทิศตะวันออก
ชมพูพันธุ์ทิพย์ ร่วงพราว ให้สาวนาอาวรณ์อ้อนอาลัย
ไหนจะทองกวาวพราวช่อแน่น แดงดอกดกอมส้มห่มด้วยสายหมอกจางๆ
ริมทางก่อนถึงกระท่อมไพร..กระท่อมใจบ้านไร่ปลายนา..ของสาวนา..
ปีบ..เหลืองนวล ก้านยาว รูปแตร
บานเหว่ว้าหอมแรง อยากแสร้งนำมาทัดหู
แบบแม่หญิงโบราณ..คงงาม..ล้ำ..ร่ำภิรมย์ใจ
พวงคราม..ม่วงอมฟ้าหายากสี..ละม่อมละมุน
กรุ่นหอมหวานบานสะพรั่งพรึบบนซุ้ม
พวงแสด รูปหลอด ปลายแฉกแหวกคลุมหลังคากระท่อม
กลายเป็น.*หลังคาดอกไม้*..
กลายสีแปรเป็นส้มสดจัดจ้าท้าสายลมหนาว...แทน.
จำปี..จำปา..กระดังงา..เศร้าสร้อย ห้อยกลีบพ้อรอหนุ่มนา
กลับมาเสียที..มาชี้ชวนเด็ดดม
เสียบผมริมแก้ม แกมหอมพรม..ให้พร่างพรมภิรมย์ใจ..
จันทร์กะพ้อ.. บานพ้อรอระวี
พร่างหอมตลอดวัน และหอมพลันยิ่งจัดจ้านยามย่ำสนธนา
ในราตรีดึกสงัดงาม.ริมลำธาร สายสวยใส
ยิ่งหอมหวานบานแข่งกับดวงใจ
แข่งกับหยาดสายพรายน้ำผึ้งพระจันทร์ในวันนี้
********
จันทกะพ้อร่วง พรระวี
แสงสายัณห์ใกล้ลับกับทิวเขา
ทิ้งทอดเงาซีดจางกลางท้องทุ่ง
จันทกะพ้อระรินกลิ่นจรุง
อบร่ำคุ้งบ้านนาใกล้ราตรี
กลีบสีขาวพราวพลิ้วลิ่วลมคว้าง
คล้ายอ้างว้างหมองหม่นจนเหลือที่
อยู่ได้เพียงวันรุ่งของพรุ่งนี้
กลีบที่มีจะร่วงหมดรดแผ่นดิน
จันทเจ้าเอยเคยอาบฉาบกลิ่นหวาน
ย้อมวิญญาณให้ภักดิ์รักพื้นถิ่น
เมื่อกลีบเจ้ากลับที่ธุลีดิน
ยังไม่สิ้นสายเสน่ห์ทุกเวลา.
*******
จันทร์กะพ้อพ้อใจใครกันละหนอ..สาวบ้านนา
จันทร์กะพ้อพ้อใจใครกันหนอ
หลงให้รอให้รักแล้วพรากหนี
จันทร์หอมเศร้าร้าวรักด้วยภักดี
จันทร์ชีวีไยมาหมองต้องจากไกล
จันทร์กระพ้อพ้อใจเธอนะที่รัก
พ้อที่ภักดิ์ที่มั่นฝันหวั่นไหว
จันทร์กะพ้อพ้อเธอที่หัวใจ
ฝากฤทัยไยทิ้งเพ้อพ้อลา..
กลิ่นจันทร์กะพ้อหวานหยาดราตรีนี้
ฝากหอมคนดีริมแก้มยังห่วงหา
รอจันทร์กะพ้อรอน้ำผึ้งหวานจากจันทรา
รอวิวาห์จันทร์กะพ้อปลิดกลีบโปรยคำพร
แล้วจะหยุดพ้อหยุดเพ้อในอ้อมแขน
กอดแนบแน่นเพ้อฝากจันทร์ผ่านสิงขร
จันทร์กะพ้อหอมแก้มเราเห่กล่อมนอน
ขวัญออดอ้อนจันทร์กะพ้อพราวราวรับรู้รักยิ่งใหญ่ของสองเรา..ที่มั่นคง
********
และไหนยังมี..
ช่อดอกมะม่วง หอมหอมร่วงรื่นรมย์
ไปกับสายลมหนาวเคล้าคลุกใจ..พัดพร่างไปในยามเช้า..
โน่นนกเขา..ร้องขันคู
ในกอไผ่สล้างใบสะบัดไหวเสียงซอกแทรกๆเซาะเศร้า
ไก่ร้องกระต๊ากๆตีปีกพึ่บพั่บ ขุดคุ้ยหนอนรับแดดอ่อนอุ่น..
และโน่น ทุ่งข้าวละลิบลิ่ว ปลิวสะบัดไกวไหวรวงเรียวอ่อนๆ
สะท้อนแดดสีทองผ่านดงตาลเดี่ยวแลดูเปลี่ยวเหงา..
สาวนาหว่านข้าว *พันธุ์แก่นจันทร์*
ฝันว่าจะได้ใช้*แกะ*มาเกี่ยวเก็บทำเส้นขนมจีน
ให้อร่อยล้ำ ทำน้ำยาแกงแบบถึงพริกถึงขิงแซ่บซึ้งตรึงใจคนลิ้มลอง..
ให้จำจดรสมือไปแสนนานเลยทีเดียว..
(แกะทำจากไม้และมีคมเหล็กที่ปลาย)
สาวนา..ว่างนา เลยสานตะกร้าสานเสื่อสวย สลับสีจากกระจูด
ตะกร้าไว้หิ้วไปปลายนาริมไร่ เก็บผัก ดอกไม้ ตามประสาสาวทุ่ง
ที่มิยุ่งมิรู้จักกระเป๋าแสนเแพงหลุยส์วิตตงวิตตอง
นอกจากท้องนาท้องไร่ ให้แสนสุขใจพอกัน...
และเย็นนี้..
จะแกงขนุนสับใส่ปลาย่างหอมหอม
แกล้มแนมด้วยใบกะเพราป่า
ให้โอชารสหอมตรลบไปสามบ้านแปดบ้าน
ของหวานก็..น้ำกะทิแตงไทย..
ที่เก็บสดตอนแหวกพงหญ้ารกและพบรอยแยกแตกลายหอมแล้ว
มะพร้าว ก็มีริมรั้ว
ที่สูงชลูดแซมแกมรั้วชบาหลากสีเป็นทิวแถวแนวยาว
ให้สอยมาขูดมาคั้นสดเดี๋ยวนั้น
นำน้ำตาลหวานมันส์ได้จากต้นโตนด
ที่ใช้เตาเคี่ยวโบราณ
พร้อมมีกระบอกตักน้ำตาลกวาดสิ่งปลอมปนเก็บไว้ใช้ได้ตลอดปี..
สาวนา..มีเวลาหว่านพืชสมุนไพรมากมีไว้ด้านหลังครัวริมกระท่อมทับ
สะดวกกับการเก็บยามเข้าไต้เข้าไฟ
ยามตะวันชิงพลบ ยามที่ครัวกำลังอวลอบร่ำ
ด้วยกลิ่นอันหอมหวนของข้าวแกงร้อนร้อน ให้ท้องร้องจ๊อกๆ
ที่หนุ่มนา..เคยโผล่หน้ามาแล้วแอบกระซิบริมแก้มว่า
ยามนี้ที่สาวนาแก้มแดงแรงร้อนหน้าเตาไฟปะทุ
ดูช่าง..น่าหอมน่ากินกว่าแกงในหม้อเป็นไหนไหน..
*********
และบางวัน..
สาวนา..เข้าสวน มิได้ไปเก็บดอกลำดวน..
หากไปเก็บละมุดพุทรา
น้อยหน่า จำปาดะ เงาะป่าเงาะบ้าน มะไฟ
มาล้างเรียงไว้ในกระด้ง
ไว้ปรนเปรอปากท้อง
ยามนอนนับดาวตรงชานเรือน
ฟังเพลงขลุ่ย..คลอพ้อลมหนาว
กับนวลแสงดาวพราวะยับระยิบ
ที่สุกใสพร่างพราย
ราวใกล้จนแทบเอื้อมมือคว้าไขว่ใส่อุ้งมือได้เลยทีเดียวเชียว
บางค่ำคืน..
สาวนาจะก่อไฟทำ
*ขนมโค...*
ที่ต้องโม่แป้งข้าวเหนียวข้าวเจ้า
แล้วนำมาคลุกเคล้าผสมน้ำนวดเอง
จนร่อนแล้วเด็ดเป็นก้อนๆ
เอาน้ำผึ้งแว่น(น้ำตาลโตนด)
มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆยัดไส้ไว้ที่ใจลูก
หย่อนไปในน้ำเดือด เมื่อสุกจะลอยขึ้นมา
แล้วเอาเคล้าคลุกกับมะพร้าวทึนทึกที่ขุดเตรียมไว้แล้ว
ให้จับทั่วลูก แล้วโรยเกลือนิดหน่อย
แล้วก็หยิบใส่ปากอมแก้มตุ่ย
ให้หอมนุ่มอุ่นลิ้นกรุบๆด้วยมะพร้าว
หวานๆด้วยน้ำตาลกำลังเหลวไหล..ชุ่มฉ่ำในปาก
มันๆเค็มๆ อร่อยแบบไพรๆ
ถึงใจเด็กบ้านนอกบ้านนา..ที่รู้ค่า...
และไม่เคยรู้จักคำโดนัท ..อันละแสนแพง..
เมื่ออิ่มท้อง
ก็นอนรับลมหนาวดูดาวพรายโชยฉายแสง
กับพร่างพรมลมโชยโปรยปรายปีบพราวเคล้าดวงใจ
กับดาวไสวเรียงรวง
กับดวงดอกไม้ไทยรายรอบกระท่อมน้อย
โมก ราตรี จันทร์กระจ่างฟ้า จันทร์ผา ลำดวนดง
ให้ไหลหลงละมุนละม่อมหอมไปถึงนวลใจเนียนนุ่ม..รัดรึง..
ซึ้งสุขในธรรมชาติงามเงียบเรียบง่ายไร้แสงสี
และ
ด้วยหัวใจดวงดี ที่ทุกคืนค่ำ
หัวใจสาวนาจะหอมกรุ่นด้วยศรัทธารัก
สร้างละมุนใจ ได้พายเรือลงไปในบึงบัว
ยามตะวันรอนรอนอ่อนอุ่นแสงยามสนธยา
ไปลอยลำดูฟ้าแสนหวานม่านเมฆช่อชั้นราวสรรค์เสก
ยามอาทิตย์ใกล้อัสดง..ลงริมชายชล
ไปเด็ดบัวหลากสี บัวหลวง บัวสาย
มาถวายต่อหน้าพระพุทธ น้อมนำดวงใจใสพิสุทธิ์อธิษฐาน
สวดมนต์ สร้างกุศล ศรัทธาปสาทะมั่นในศาสนา
และพระธรรมคำสอนพระบรมศาสดา
ที่งามล้ำให้ยึดมั่นในเหตุผลและสร้างแต่คุณงามความดี
ให้สมกับที่ได้เกิดมาในร่มเงาพระพุทธศาสนา
ที่บริสุทธิคุณยิ่งต่อมวลมนุษย์นี้ที่หลงว่ายวนในดงกรรม..เวียนวน..
ให้พ้นทุกข์พบสุขใจในความว่างทางสายสงบเสียที..
และ
นี่คือ..ชีวิตสาวนา
ในวันนี้ ที่ขอมีชีวีงามเงียบ เรียบง่าย
ไร้มนตราพาทุกข์ใจในโลกแสงสี
ขอแค่มีชีวีดวงดีติดดิน มิถวิลวัตถุมากมี และ
ขอเพียงแค่มีหนุ่มนาคนดีเคียงข้างร่างและใจ
มีจิตวิญญาณไพร ช่วยกันเพาะพืชพรรณ
สร้างฝันแสนดีกับท้องนาท้องไร่ให้อุดม
บ่มด้วยความรักกตัญญูในผืนดินถิ่นเกิด
เพื่อเลี้ยงทุกชีวี เพื่อนร่วมโลกให้ยาวยืน
เป็นพอใจ เป็นสุขใจเป็นเพียงพอแค่พอเพียงแล้ว..นะแก้วตานะดวงใจ!
*********
วิมานบ้านนา พรระวี
เสียงไก่แก้วแว่วหวานขับขานเช้า
น้ำค้างพราวพรายพรมห่มผืนหญ้า
เย็นยะเยือกหวามไหวในอุรา
รับทิวาวันใหม่ชื่นใจชนม์
สายหมอกโปรยโรยไล้ทิวไม้ลู่
ดาวฤกษ์หรู่แสงจางค้างเวหน
ดอกไม้ป่ากรุ่นกลิ่นหอมย้อมกมล
ผ่านตำบลทุ่งนาสู่ฟ้าไกล
เพลงชาวนาแผ่วผ่านจากบ้านทุ่ง
ล้วนแต่มุ่งทำงานคราดหว่านไถ
ไม่เคยทุกข์ไม่เคยท้อต่อสิ่งใด
มวลเภทภัยมิกล้ำกราย ณ ปลายนา
สายลมอ่อนโชยมาจากนาข้าว
กลิ่นสาบสาวจรุงอวลจากนวลหน้า
ประกายวิบแจ่มใสจากไรตา
โอ้..บ้านนาเปรียบปานวิมานแมน.
21 พฤศจิกายน 2546 11:30 น.
สาวบ้านนา
หัวใจสะออนอ้อนหารัก
ทุกวัน..สาวนา..จะตื่นนอนยามค่อนมืด
เวลาที่นกร้องจุ๊บจิ๊บระงม
ราวนาฬิกาปลุกจากไพรพง..
หวานระเรื่อยระรินไหล..
ให้ใจดวงละมุน ตื่นจากหลับไหล..
ค่อยๆลืมตางาม....
สะท้อนแสงดาว
ที่ยังส่องแสงสุกใสสกาวเต็มอ้อมฟ้า...
จันทร์เสี้ยวยังนอนตะแคงขี้เกียจแขวนฟ้า
ดูนวลเศร้างามเยียบเย็น.. ..
ตะวันเรื่อเรืองจะชักรถช้าๆ
โผล่พ้นทิวไม้ ทายทักท้องฟ้า
ผ่านหมอกหม่นเมฆหมองละอองหยาดน้ำค้าง
ขับผืนฟ้ากำมะหยี่สีเข้ม..
สาดแสงสีส้มทองอมชมพูพราวราวเรียวรุ้งแสนงาม. ..
อาทิตย์แรกแย้ม..
กำลังสาดฝีแปรงด้วยสีธรรมชาติ
อย่างอ่อนหวานละมุนละไม
ปลุกทุกดวงใจ..ให้ตื่นจากฝันดี..
นกกาโผผินบินโฉบเหยื่อ..
เริงร่าหยอกล้อสายลมพัดพลิ้วไหว
เย็นระรื่นกับฟ้าสว่างนวลตา..สะอาดหอม.....
สาวนาเปิดวิทยุทรานซิสเตอร์.และขอมอบให้ทุกดวงใจ
ที่กำลังรานร้าวเศร้าหมอง..
กับรักนี้ที่หนีไม่พ้น
และแด่คนพิเศษ......
ที่กำลังสารภาพว่า..
หัวใจสะออนอ้อนหารักจนอกหักดังเป๊าะ..
ชัยชนะ..คนดี..ที่ชีวีช่างบอบบาง
ไม่สมกับชื่อเอาเสียเลย ..
ไฉนเลย จะรอดพ้น..เรื่องรักธรรมดาๆโลก
เฉกเช่นกัน นะสุภาพบุรุษใจซื่อถือรักแท้
ไร้เกมกล..มีเพียงใจจริงจริงใจ..เดิมพัน เพียงนั้น..
สงสัยต้องบอกว่า..ให้หาไยเหล็ก
หรือไม่ก็เหล็กข้ออ้อยมาเสริมหัวใจ..เสียที
เผื่อจะได้ไม่สะออนอ้อนผิดฝาผิดตัวอีกนะนี่..นะจ๊ะ. ..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5439
อกหักก็รักไม่ลืม
สันติ ดวงสว่าง : : Key Dm
ถึงแม้อกหัก ก็รักไม่ลืม
รักเราเคย ดูดดื่ม
จะลืม เธอได้ ไฉน
ต้นรัก ดินแรก
แตกกอ ชูช่อ ผลิใบ
ถึงเธอไป มีใหม่
ช้ำใจ ก็ยังรัก เธอ
ถึงแม้อกหัก ก็รักไม่คลาย
ถึง เป็นไปไม่ได้
ยัง รักเธอเสมอ
รักเรา คงมั่น
ดั่งจันทร์คู่ฟ้า เลิศเลอ
เหมือน ปิดใบโปรสเตอร์
แกะดูรู้ มีรอยกาว
ฟ้า เปลี่ยนสีเหมือนมีจันทรา
คน เปลี่ยนหน้า
เมิ่อเงินโน้มน้าว
ละครของโลก
บทโศรก เขามอบให้เรา
ดัง นิยายน้ำเน่า
ทน ปวดร้าว เรื่อยมา
ถึงแม้อกหัก ยังรักไม่คลาย
ถึง เป็นไปไม่ได้
ใจก็ยัง ห่วงหา
ร้อยพัน คำกล่าว
ผู้หญิง ไม่เล้าโลกา
ไม่ไร้ เท่าใบพุธทรา
แต่ฉันนั้นมีเพียง เธอ
ถึงแม้อกหัก
ยังรักไม่คลาย
ถึง เป็นไปไม่ได้
ใจก็ยัง ห่วงหา
ร้อยพัน คำกล่าว
ผู้หญิง ไม่เล้าโลกา
ไม่ไร้ เท่าใบพุธทรา
แต่ฉันนั้นมีเพียง เธอ...
...............
ฟังแล้ว..คงดีขึ้นนะ
อย่าบอกอีกนะว่าเพลงเชย. .
เพราะคำว่าเชยไม่มีในพจนานุกรมคนรักเพลง
เพลงเก่าแสนดีมีเนื้อร้อง พราวเพริศพริ้งทำนองกินใจนั้น
นับวันหายากยิ่งขึ้นทุกที ....
ก็เหมือนหาผู้หญิงมุ่นเกลียวผม
งามเลื่อมพราวราวสายไหม เสียบปิ่นปัก
นั่งทอผ้ากับหูกงาม ท่ามกลางแสงตะเกียงริบหรี่
ใต้ถุนเรือนไทยในบ้านสวน ที่นับวันหายากยิ่งนัก...
เป็นงามง่ายคลาสสิค เหมือนของทำมือ
ที่มีชิ้นเดียวอันเดียวพิเศษพิสุทธิ์
เลอล้ำค่ายิ่งกว่า.. งม..หาเพชรในมหาสมุทร ยังไงยังงั้นเลยนะ..
เอาละขอย้วยมา..เขียนเรื่องละมุนต่อดีกว่า
แบบสาวนาไงที่อาจจะสูญพันธุ์ในไม่ช้าเช่นกันที่ชอบฝัน
ให้นางเอกงามง่ายติดดินพอกันไง..ละจ๊ะ.
ต่อเข้าเรื่องนะที่รักทุกดวงใจ....
ฟังเพลงเพราะๆแล้วสาวนา..
จะทำอาหารเช้าง่ายๆ ดื่มน้ำขิง สักแก้ว...
แล้วเดินออกไปย่ำหยาดละอองน้ำค้างพราวริมชายทุ่ง..
พร้อมเด็ดดอกไม้ที่รายรอบชายคากระท่อมริมรั้ว
ดอกชบาแดงแรงร้อน ส้มจัดจ้า บานแฉ่งอวดแข่งกันงาม..
เข็มขาว เข็มแดง..มาแซมซ่อนหวาน
ใส่ใบตองจัดจ้าเสียบแซมแจกันดินเผา
ไว้บนโต๊ะไม้ไผ่อาหารเช้า
แกล้มนัยน์ตาพาให้ชิวหา
มีอารมณ์เบิกบานเจริญอาหารเสียไม่มี..
เป็นวิถีชีวิตอิงอ้อนธรรมชาติงามง่าย...
ทำให้รู้สึกสุขสงบ อย่างเหลือเกิน..
ราวมีดอกไม้ในดวงใจผุดพร่างงอกงามทุกวัน
ให้ดวงใจสาวนารอรับอรุณรุ่งเบิกฟ้า
ให้มีวัน แสนดี แสนงาม แสนสุขซึ้งตรึงดวงใจ
ให้ใสงาม ไหวหวามละมุนไหวละไมฝัน
ลึกล้ำด่ำดื่ม..ชื่นใจ..ถึงไหนไหน..
เพียงเปิดใจเป็นให้เห็นงามง่ายต่อทุกสรรพสิ่งที่รายล้อมชีวิตเรา
สาวนา..คิดว่า..ชีวิตผู้คน..
ทุกวันนี้ ฝืนวิถีทางธรรมชาติ..
ยามนอนไม่นอน..หลงทางอยู่ในโลกเงียบงาม
บ้างก็เป็นชีวิตกลางคืนที่เร่าร้อนหลงแสงสีพรางตา
พาให้ติดกับ ติดใจ
บ้างก็เพื่องาน..
เพื่อให้ดอกไม้ความคิดได้เบ่งบาน.
เพื่อทำงานที่รัก..ที่อยากเขียนอยากทำ
หรือแม้แต่ท่องอยู่ในโลกอินเตอร์อะไรนะเนตเนต..จนย่ำรุ่ง..
จนนาฬิกาแห่งชีวิต..ผิดเพี้ยนไป..
กลายเป็นนกฮูกตาโต ตาค้าง.
หรือราวมนุษย์ค้างคาวที่รอล่าเหยื่อยามกลางคืน.
ไฉนกันจึงฉะนั้นฉนี้แล.
เป็นความแปลกปลอม..ย้อมใจ
เปลี่ยนวิถี..ดำรง..
ที่จะค่อยๆทำร้ายร่างเราทีละน้อยโดยมิรู้ตัว ...
มิช้านาน..ชีวิตที่เบ่งบาน สดชื่น
ก็จะเหี่ยวเฉาร่วงโรยราวดอกไม้ต้นไม้ได้น้ำผิดเวลา
เป็นปัญหาพันพัว เป็นลูกโซ่
ให้วงจรชีวิตผิดธรรมชาติ
และแคระแกรน..ในที่สุด..
ชีวิตต้องการความสดชื่นรื่นฉ่ำ พลังสด
จากธรรมชาติยามเช้า
ให้แสงแดดอ่อนอุ่นละมุนหวาน ผ่านม่ามเมฆ..
กับสายลมเอื่อยอ่อนระรินไหว
พาให้มีพลังใจ พลังฝัน พลังสู้ชีวิตในยามกลางวัน
ให้ต้นไม้แห่งชีวัน..ได้งอกงามหยั่งรากฝังลึก
อย่างเข้าถึงวิถีธรรมะ..ธรรมชาติ ธรรมดาๆ..
พลังงามเงียบในยามกลางคืนนั้น
เป็นพลังให้เรายึดติด..
เราคิดว่า..ดอกไม้ทางความคิดจะผุดช่อ
ละออหวานบานพราวพร่าง ได้ดีกว่า..
แต่หาตระหนักมั้ยว่า..
ร่างกาย หัวใจ สมองและสองมือที่ล้ามาทั้งวันนั้น
มันเพรียกหาการพักผ่อน นอนหลับให้อิ่มเต็ม
ให้เอิบงามตามนาฬิกาโลก
มิใช่ฝืนทวน ย้อนเข็ม ผิดธรรมชาติ..
และจะกลายกล้ำทำร้ายร่างเราในที่สุด
หากใจเราหยุดไม่เป็น..
เปิดใจดวงงาม เปิดจิตวิญญาณ..
ฝึกจริตเสียใหม่ หากไม่จำเป็น
ยกเว้นผู้ประกอบสัมมาชีพ
หาเลี้ยงชีวียามค่ำ ที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น..
นอนหัวค่ำ..ตื่นเช้า..ให้ร่างร้าว ได้ผ่อนพักอิ่มเต็ม..
ไม่ฝืนสังขาร ให้ยาวยืนในคืนค่ำ
ที่น่าไหลหลงกับโลกไซเบอร์ไซบ้ามากจนเกินไป
ฝึกหัวใจให้เคารพความเป็นไปของวิถีธรรมชาติ
แล้วงามง่ายจะเบ่งบานมาแทนที่
ให้วันแสนดี..คลี่ยาว
ให้มีพลังสร้างสรร ทำสิ่งดีดี มากมี
ที่มิได้ทำร้ายร่างและหัวใจเราเอง
รับสิ่งแสนดี รับวิถีงาม
รับความเงียบความสงบ..
ค้นให้พบจิตวิญญาณ ที่จะเข้าใจวิถีทางแห่งตน
ที่พลีพร้อม น้อมรับ สอดคล้องประสานกับวิถีโลก
วิถีแห่งธรรมชาตินั้น ที่ดำรงมาช้านาน
ให้มวลหมู่มนุษย์..ได้ฝันดี..
ให้ชีวี เรารู้อยู่ รู้ตื่น รู้เบิกบาน
ดังบัวน้อยที่บานลอยเหนือพื้นน้ำ
มิตกเป็นเหยื่อเต่าตม
ขอให้ดวงใจในฝันทุกดวง
ที่สาวนาห่วงใย ได้รับพลังสดจาก
ดวงตะวันที่สาดแสงมา
เพื่อก่อเกิดพลังฝัน
พลังสร้างสรร พลังเตือนใจ ...เตือนตนว่า..
ชีวิตนี้ มีมืดแล้วสว่าง มีกลางวันไว้ทำงาน
มีกลางคืนไว้พักผ่อนนะคนดี..
ปิดท้ายด้วยบทเพลงเพลงนี้...
.ลาก่อนความรัก..มอบให้คนดีอีกรอบนะคะ..
เพราะฟังเองแล้วซึ้งแซ่บสุดทนเลยจ้า
ลาก่อน...ความรักที่ฉันเคยมี
ลาก่อน...ความดีที่ฉันเคยหวัง
ลาก่อน...ความทุกข์ที่สุมประดัง
ลาก่อน...เพราะความหวังมลาย......
ลืมเถิด...ดวงใจที่ไร้ความรัก
ลืมเถิด...ใจภักดิ์ที่มักแหนงหน่าย
ลืมเถิด...ความฝันที่มันลืมง่าย
ลืมเถิด...ความหมายที่กลายอาดูร..
เธอมีความสวยและรวยคนรัก
ฉันมีใจภักดิ์และรักเทิดทูน
เธอมีความรู้ที่คนเกื้อกูล
ฉันจึงต้องสูญสิ้นศรัทธา..
ลาก่อน...ความรักจากเธอคนดี
ลาก่อน...ชาตินี้สิ้นเสน่หา
ลาก่อน...ความฝันวิมานโสภา
ลาก่อน...จนกว่าชีวามลาย..