24 มกราคม 2553 14:48 น.
สายวารินทร์
ช่างเลวร้ายสิ้นดีพวกผีบ้า
เจรจาเหลวไหลกู่ไม่กลับ
หาคำนึงสักน้อยความย่อยยับ
พร้อมเข้าสัประยุทธ์จนสุดฤทธิ์
ช่างซอกแซกซอกซอนพวกหนอนร้าย
เกลื่อนลวดลายเรียกร้องอ้างป้องสิทธิ์
อยุติธรรมบัดสีถมชีวิต
ใช่ความผิดแห่งตนผลบัดซบ
ช่างหยาบคายสิ้นดีพวกขี้ข้า
ฝีปากกล้ามิยอมมิพร้อมจบ
ตาต่อตาฟันต่อฟันประจันรบ
นอกระบบห้ำหั่นแสนรันทด
ช่างย้ำคิดย้ำทำพวกหงำเหงือก
ดิ้นกระเสือกกระสนเหตุผลหด
กระทำเช่นน้ำมาปลากินมด
เมื่อน้ำลดมดกินปลาโถ!กล้าคิด
ช่างโหวกเหวกโวยวายน้ำลายเลอะ
ดูทำเถอะโสโครกพวกโรคจิต
ปากรักชาติชีพพร้อมยอมอุทิศ
ดัดจริตกระทำสิ้นสำนึก
ช่างลวงหลอกกลอกกลิ้งกล่อมลิงหลับ
กล่าวสำทับจงสู้ให้รู้สึก
หมั่นชักน้ำเน่าเน่ามาเข้าลึก
แลชักศึกเข้าบ้านก่อการยุทธ
ช่างปั้นน้ำเป็นตัวพวกหัวหอก
สร้างเรื่องหลอกลวงลิ้นมิสิ้นสุด
ฐานันดรแตกต่างระหว่างมนุษย์
ทำรักคุดอัดแน่นแค้นสุดฤทธิ์
9 มกราคม 2553 21:35 น.
สายวารินทร์
พวกเขานั้นรักชาติใจขาดดิ้น
มิคิดโกงคิดกินแผ่นดินเกิด
จิตแจ่มใสถ้อยคำแสนล้ำเลิศ
มิเตลิดตามคำคนพร่ำเพ้อ
ไร้มารยาสาไถยจิตใจหยาบ
มิสร้างภาพงามล้ำนำเสนอ
มิปั้นน้ำเป็นตัวดีชั่วเบลอ
มิหมั่นเจ๋อจุ้นจ้านรำคาญใจ
มิติฉินนินทาปรารถนาร้าย
มิอวดลายนักเลงข้า เจ๋ง ใหญ่
มิทะนงข้านี้ดีกว่าใคร
มิแบ่งไทยแบ่งถิ่นแบ่งดินแดน
อาจมีบ้างฮึดฮัดเพราะขัดแย้ง
อาจมีบ้างตะแบงด้วยแรงแค้น
แต่คำว่าอภัยไม่ขาดแคลน
ยังจำแม่นจงรู้รักสามัคคี
ขบวนการรักชาติมิขลาดเขลา
เห็นพวกเจ้าสุขสันต์ในวันนี้
ตั้งความหวังภายหน้าไทยธานี
นั้นยังมีพวกเจ้าอยู่เฝ้าดูแล
2 ธันวาคม 2552 21:42 น.
สายวารินทร์
มันมา(อีก)แล้ว
คงยากแคล้วทุกข์ท้นความหม่นหมอง
เมื่อโทสะยึดจิตพิชิตครอง
ความไตร่ตรองลดถอยหลงรอยทาง
สู่รอยเดิม
ที่เคยเหิมตัดขาดมุ่งบาดหมาง
ความเร่าร้อนลวงตาจนฟ้าฟาง
รังแต่สร้างศัตรูมาสู่ตน
มาสู่ใจ
จึงหมองไหม้ไร้สุขอยู่ทุกหน
หวาดระแวงเกินปลดสิ้นอดทน
ประหนึ่งคนเก็บกดเกินอดกลั้น
เกินอดใจ
แม้หน้าไหนเช้าค่ำพร้อมห้ำหั่น
ใครหนึ่งแน่ผู้กล้าต้องประจัญ
พร้อมประชันโง่เง่าเมามายา
เมาโทสะ
หายนะกัดกินจนสิ้นค่า
หากหลงกลใจโหยจนโรยรา
ควบคุมจิตให้กล้า...มัน...มา...แล้ว
1 ธันวาคม 2552 20:53 น.
สายวารินทร์
เร่งรีบมาเขียนกลอนเมื่อค่อนดึก
เพราะกรำศึกกับงานเกินขานไข
ห่างบ้านกลอนหลายวันหวาดหวั่นใจ
เดี๋ยวมีใครไม่ปลื้มและลืมเลือน
มิได้ทักทายกันหลายวันนี้
ดวงฤดียังซึ้งคิดถึงเพื่อน
เคยฮาเฮเสวนาเมื่อมาเยือน
หน้ายังเปื้อนรอยยิ้มแอบอิ่มทรวง
แม้นมิได้เด่นดีวาทีเสนาะ
แต่มิเพาะความชั่วเช่นตัวถ่วง
มิพาโลโฉเกร้อยเล่ห์ลวง
ทำทีห่วงรักบ้านเกียจคร้านทำ
และขอบอกอีกครั้งยังรักชาติ
ใครบังอาจย่ำยีตีกระหน่ำ
แม้นลบหลู่เพียงน้อยด้วยถ้อยคำ
ลูกพ่อจ่าดำจะขับไล่ผองไพรี
จึงเขียนกลอนมาย้ำในสำนึก
ยังรู้สึกชื่นบานณ บ้านนี้
กราบวิงวอนเถิดหนาโปรดปรานี
อย่าหน่ายหนีหลบหน้า...สายวารินทร์
อนุสาวรีย์วีรไทย หรือที่ชาวคอนเรียกกันว่า พ่อจ่าดำ หรือเจ้าพ่อดำ ตั้งอยู่ภายในใจกลางของค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราชไปตามถนนสายนครศรีธรรมราช-ท่าแพ ทางทิศเหนือประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี
ตัวอนุสาวรีย์หล่อด้วยทองแดงรมดำ เป็นรูปทหารสองมือจับปืนติดดาบเตรียมแทง ขนาดเท่าครึ่งของคนจริง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของทหารไทยในภาคใต้ที่เสียชีวิตในการปะทะกับทหารญี่ปุ่น ในสงครามมหาเอเซียบูรพา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมของเหล่าบรรดาทหารหาญที่พลีชีพ ต่อสู้ข้าศึก เพื่อปกป้องมาตุภูมิ เหตุการณ์การสู้รบในวันนั้น กองทัพไทยต้องสูญเสียกำลังทหาร และยุวชนทหารช่วยรบในจังหวัดปัตตานี สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และนครศรีธรรมราช รวมกว่า 100 นาย ดังปรากฏนามจารึกไว้ที่ฐานอนุสาวรีย์ทั้ง 6 ด้านอนุสาวรีย์จ่าดำ หรืออนุสาวรีย์วีรไทย ยังยืนตระหง่านบนจุดที่ได้สู้รบปกป้องปฐพีไทยสืบมา
ขอบคุณที่มาจาก www.nakhontourism.org/
22 พฤศจิกายน 2552 11:07 น.
สายวารินทร์
เปล่านะครับผมเปล่าทำเจ้าชู้
เปล่านะครับผมแค่ดูอยู่ห่างห่าง
เปล่านะครับเธอไม่ถือมือจึงวาง
เปล่านะครับผมแค่สร้างความคุ้นเคย
เปล่านะครับผมเปล่าลุยแค่คุยโม้
เปล่านะครับผมแค่โอ๋โชว์เฉยเฉย
เปล่านะครับผมมิได้หวังใดเลย
เปล่านะครับผมแค่เปรยเปิดเผยใจ
เปล่านะครับผมแค่วานเธอทานข้าว
เปล่านะครับแค่ผมหนาวราวจับไข้
เปล่านะครับผมไม่ลุ้นหวังอุ่นไอ
เปล่านะครับผมแค่ให้ซบไหล่อิง
เปล่านะครับผมเปล่าทำเล่นจ้ำจี้
เปล่านะครับแค่ผมนี้ถูกผีสิง
เปล่านะครับผมห้ามผีนี่ความจริง
เปล่านะครับแค่ผียิ่งสิงทุกวัน
เปล่านะครับผมเปล่าทำเจ้าชู้
เปล่านะครับผมแค่ดูอยู่อย่างนั้น
เปล่านะครับผมเปล่าฝืนขอยืนยัน
เปล่านะครับแค่ผมฝัน...ยังหวั่นเมีย