1 พฤศจิกายน 2548 13:53 น.

ในรั้วโรงเรียน : ปล่อยหลอก

..สายลมทะเล..

สำหรับนักเรียนทหารแล้ว หลังจากก้าวเท้าเข้ามาเหยียบแผ่นดินแห่งนี้ ระเบียบชีวิตของทุกคนจะถูกนำมาจัดระบบใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า บุคลิกเดิมของแต่ละคนจะถูกโยนกองทิ้งไว้หน้าโรงเรียน ต่างต้องมาเรียนรู้กันใหม่ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งปิดตาหลับ ทุกนาที ทุกก้าว ทุกมุมมอง ทุกสรรพสิ่งที่ผ่านเข้ามาในโสตประสาทรับรู้ทั้งมวล ล้วนต้องผ่านการฝึก อากับกิริยาอาการ สีหน้าท่าทาง การแสดงความรู้สึก...กระทั่งหายใจ...ก็ต้องฝึก

นักเรียนทหารจะต้องควบคุมสติตัวเองได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงในทุกๆ สภาพการณ์...นั่นคือจุดหมายปลายทางที่ถูกกำหนดไว้

ตีห้ายี่สิบเสียงแตรปลุกดังผ่านระบบกระจายเสียง นักเรียนเตรียมทหารปีหนึ่งผลุดลุกขึ้นจากเตียง เปลี่ยนชุดนอนเป็นชุดพละ และเพียงเข็มวินาทีขยับหมุนได้ครึ่งรอบ กว่าครึ่งกองพันก็หลุดออกจากบันไดตึกพร้อมเข้าแถว ในขณะที่บางส่วนยังมือสั่นเก็บที่นอนหมอนผ้าห่มไม่เสร็จ รองเท้าถุงเท้าพละคว้ามาก่อน ค่อยหาทางใส่เอาทีหลัง...จะผิดข้างถูกข้าง ช่างมันเถอะ

 10 9 8  3 2 1 หมอบ! นอนหงาย ดันขึ้นมา
หอยทากคลานถึงเชียงใหม่แล้ว เมื่อไหร่จะจัดแถวเสร็จ ชักช้าอย่างนี้จะไปทำอะไรกิน เอ้า! ใช้มือดันดีดีไม่ชอบใช่มั๊ย หัวปัก มือกอดอก อย่าให้เห็นอู้ ไม่งั้นเจอเราแน่

...แม่ง หอยทากบ้านพ่.. หรือไงคลานไวขนาดนั้น ได้แต่คิดในใจ มองดูหน้าเพื่อนซ้ายขวาที่ตีลังกาหัวปักตาเหลือกอยู่ ก็คงคิดไม่ต่างกัน บรรดาสัตว์เลื้อยคลานสี่เท้าลักษณะคล้ายน้องชายจระเข้ออกมาวิ่งเพ่นพ่านกลาดเกลื่อนในความเงียบ ไม่มีแม้เสียงพึมพัม เพราะต่างรู้ดีว่า แม้แต่เสียงหายใจที่ฟืดฟาด ก็อาจทำให้ชีวิตเลวร้ายไปกว่านี้

เอ้า! อู้ๆ อย่างนี้ ไม่อยากวิ่งออกกำลังใช่มั๊ย 
นับหนึ่งถึงสองร้อยคนนึง
สิ้นเสียงสั่ง หลายคนรีบนับเสียงดังลั่น ก่อนจะยกให้คนที่เสียงดังที่สุดนับต่อไปจนจบ

A ถึง Z
ยังไม่มีปัญหา...ไม่ยาก

Z ถึง A
หลายคนทรุดไปแล้ว แต่ก็ยังมีต้นเสียงที่เตี๊ยมกันมาอย่างดีท่องไปได้จนจบด้วยความรวดเร็ว...พวกเราทิ้งร่างลงไปอย่างหมดแรง

ใครสั่งให้เอาลง ดันขึ้นมา แค่นี้อย่ามาทำสำออย ไอ้พวกลูกแหง่

...ไอ้คูเพื่อนซี้ทำหน้างงๆ แม่มันดำนาอยู่บ้านคงสำลักข้าวกับน้ำพริกเป็นแน่หากได้ยินประโยคนี้เข้า...

บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความเห็นแย้งที่แตกต่างครอบคลุมพวกเราอยู่ทุกวี่วัน...เวลานอกรั้วพระรามสี่อาจผ่านไปเพียงสองอาทิตย์ แต่เวลาข้างในนรกอันเดือดระอุนั้น นานจนเต่าตายไปแล้วเกิดใหม่มาตายได้อีกหลายรอบ

เช้าแรกของอาทิตย์นี้ มีข่าวดีแว่วเข้าหูมาว่า อาทิตย์นี้จะเป็นอาทิตย์แรกที่ปล่อยกลับบ้าน ไม่ว่ามันจะเป็นข่าวลวงหรือไม่ กำลังใจที่แทบไม่เหลืออยู่ก็กลับมีขึ้นอย่างเต็มเปี่ยม แรกๆ พวกเราต่างก็ไม่เชื่อ ยังสงสัยว่าเป็นแค่สถานการณ์ที่สร้างขึ้น แม้นายทหารปกครองจะออกมายืนยัน และปรามว่าอย่าหลงลำพอง เพราะจะมีแค่บางส่วนที่ไม่ทำความผิดเท่านั้นที่จะได้ออกไป...เราก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

จนกระทั่งวันพฤหัสไปเรียนที่ฝั่งกองการศึกษา อาจารย์ทุกคนต่างแสดงความยินดีกับการได้ปล่อยกลับบ้านครั้งแรก เราจึงมั่นใจว่าที่นายทหารปกครองพูด เป็นเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นในเย็นวันศุกร์ที่ใกล้เข้ามา

สำหรับนักเรียนทหาร ฝั่งกองการศึกษาเป็นเสมือนที่พึ่งพิงทั้งกายและใจ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรที่คอยปกป้องเราจากบรรดารุ่นพี่ นักเรียนบังคับบัญชา และนายทหารปกครอง ที่ต่างเกรงใจอาจารย์ไม่เข้ามายุ่มย่ามกับพวกเรามากนัก อาจารย์ทุกคนก็เปรียบเหมือนพ่อพระแม่พระอันเป็นที่รักยิ่ง คำพูดทุกคำของท่านจึงเชื่อถือได้...ทุกคนจึงตั้งตารอคอยวันศุกร์และระมัดระวังตัวเองที่จะไม่ทำผิดในเรื่องใดใด

แสงตะวันยามเช้ารอคอยเราอยู่ข้างนอก...คืนนั้น ทุกคนหลับเหงื่อท่วมกายแต่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

อาทิตย์ยังไม่แตะขอบฟ้า เวลาเช้าของนักเรียนเตรียมทหารก็มาเยือนอีกครั้ง
หมอบ! เตรียมตัวตะกายตึก ... 50 ยก
สงสัยล่ะซิ ว่าท่ามันเป็นยังไงไอ้ตะกายตึกเนี่ย...ลองนึกภาพมนุษย์แมงมุมที่กำลังไต่ตึกระฟ้าในโปสเตอร์โฆษณา แขนสองข้างยึดผนังอาคาร ขาข้างหนึ่งเหยียดตรง อีกข้างงอออกทางข้าง หัวเข่าแทบชิดอก เพื่อยันตัวให้คืบคลานขึ้นไป ผิดก็แต่เราทำในแนวราบ และไม่มีการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า บางคนเรียกท่านี้ว่า ซาลามานเดอร์ พี่บางคนก็เรียกว่า ท่าแย้ แต่พวกเราคนปฏิบัติพร้อมใจที่จะเรียกมันว่า..ท่าเหี้ย..

ผมทำไปยิ้มไป ก็วันนี้จะได้กลับบ้านแล้วนี่ กำลังใจจึงท่วมท้น เรี่ยวแรงพญาควายที่เก็บซ่อนไว้ถูกนำมาใช้โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

ยิ้มหาสวรรค์วิมานอะไร มีความสุขมากใช่มั๊ย ลุก!

เสียงประกาศิตดังอยู่เหนือศีรษะข้างหน้าผม ผมทะลึ่งพรวดขึ้นยืนเท่ ก่อนจะทิ้งฮวบลงไปหมอบตามเสียงสั่ง หมอบ นอนหงาย ดันขึ้นมา ตะกายตึก 50 ยก
อ้อ! อย่าเพิ่งงง  นี่เป็นการประยุกต์ท่าลงโทษสองท่าเข้าด้วยกัน เพื่อให้มันพิสดารทุลักทุเลและทรมาณยิ่งขึ้น แม้ขาและแขนสองข้างของผมจะสั่นระริก ซึ่งไม่แน่ใจว่าคืออาการดีใจจนเนื้อเต้นที่จะได้กลับบ้านครั้งแรก หรือเป็นผลข้างเคียงจากท่าแบกโลกตะกายตึก แต่ผมก็มีความสุขกับการรอคอย

เย็นนั้นนักเรียนบังคับบัญชาดูจะใจดีเป็นพิเศษ ให้เราอาบน้ำนานกว่าปกติ พวกเราจึงได้ถูสบู่ตัวหอมกันถ้วนทั่ว...หนำซ้ำยังช่วยจัดโน่นจัดนี่ ดูแลความเรียบร้อยและความประณีตในการแต่งกายของพวกเราทีละคน เรียกว่าฉากนี้เล่นเอาซึ้งน้ำตาไหล

ชุดนักเรียนใหม่ถูกนำมาใส่สำหรับการปล่อยกลับบ้านครั้งแรก

เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว หัวเข็มขัดทอง คาดทับกางเกงขาสั้นสีดำ ถุงเท้าดำดึงสูงครึ่งน่อง ประกอบกับรองเท้าหนังหุ้มส้นสีดำมัน ยิ่งคนใส่ตัวดำเพราะแดดเผา ผมสั้นกว่าหัวก้านไม้ขีด หน้าตาอมทุกข์ไว้ทั้งโลก ถือกระเป๋าเจมส์บอนด์ด้วยมือซ้าย มือขวากำพอหลวมๆ ...กำนันชัดๆ

การตรวจเครื่องแต่งกายผ่านไปอย่างเรียบร้อย แถวกองพันนักเรียนใหม่ตั้งขบวนเดินผ่านตึกนอนไปหน้าประตูโรงเรียน พี่ๆ สองข้างตึกตะโกนแสดงความยินดี บ้างก็อวยพร ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพกลับมาปลอดภัย บ้างก็ขู่ว่าเข้ามาวันอาทิตย์เจอกันแน่...แต่เวลานั้น เราได้แต่ยิ้มในหน้าอย่างมีความสุข จะแสดงอาการลิงโลดมากกว่านั้น ก็เห็นจะโดนดีฐานยิ้มในแถวอีก

หน้าประตูโรงเรียน คนคุมแถวนำกล่าวปฏิญาณลาเสด็จปู่รัชกาลที่ห้า ทุกคนปฏิญาณอย่างเข้มแข็ง...เสียงดังสะเทือนไปทั่วถนนพระรามสี่ คนสองฟากถนนที่เดินผ่านสะดุ้งและหยุดยืนดู...เรานักเรียนใหม่กำลังจะกลับบ้านแล้ว

สิ้นเสียงคำปฏิญาณ นักเรียนบังคับบัญชาสั่งเลิกแถว ไม่ทันที่แถวจะแตกกระจายออก รถในราชการทหารวิ่งด้วยความเร็วสกัดขวางหน้าพวกเราไว้

นายทหารปกครองหน้าตาเคร่งเครียดเหงื่อซึมเต็มใบหน้า เปิดประตูออกมาพร้อมโทรโข่งสนามหนึ่งตัว ทั้งที่เสียงเขาปกติก็ดังปานฟ้าผ่า

เขาประกาศด้วยเสียงที่สะกดทุกคนนิ่งเป็นปลาตาย ไม่ใช่เพราะความดัง แต่เพราะข้อความนั้นต่างหาก

นักเรียนใหม่ทุกคนทราบ ขณะนี้เกิดความไม่สงบ รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน ให้ทหารทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เปลี่ยนรหัสฉุกเฉินเป็นสีส้ม คงกำลังในหน่วยร้อยเปอร์เซ็นต์...นักเรียนใหม่ ตั้งแถวกลับตึก

คนข้างนอกรั้วโรงเรียนทำหน้าเหรอหรา แต่ไม่บอกก็รู้ นี่มันมุขชัดๆ

แข้งขาเราอ่อนเปลี้ย เวลาที่สู้รอคอยมาตลอดทั้งอาทิตย์ปลิวหายเหมือนใบไม้แห้งที่หลุดจากกิ่ง น้ำตาหลายคนเริ่มไหลอาบหน้า

แถวทหารที่เศร้าสร้อยเดินซึมกะทือกลับตึกนอนอีกครั้ง พี่ๆ สองข้างตึกโห่และประชดเสียดสีให้เจ็บปวด ต่างไปจากตอนเดินออกเหมือนคนละคน จนเรายังสงสัยว่าใช่พี่ๆ กลุ่มเดิมหรือเปล่า...บ้างเห็นพวกเราเดินน้ำตานองหน้ามา ก็หัวเราะกันท้องแข็งดิ้นพราดๆ อยู่บนขอบระเบียง มิวายซ้ำเติมให้เจ็บใจยิ่งขึ้น...สารพัดถ้อยคำพรั่งพรูให้เจ็บแสบ...น้ำตาผมเริ่มซึมแล้ว

เย็นนั้นข้าวโรงเลี้ยงเหลือทิ้งจนหมายิ้ม ต่างกินกันไม่ลง...ก้อนแข็งๆ อุดตันอยู่เต็มลำคอ อัดอั้นเกินกว่าจะบรรยายความรู้สึกข้างในได้
อาทิตย์ที่ขมขื่นกลับมาอีกครั้ง

พวกเราลืมที่จะฝัน และไม่คิดฝากความหวังไว้กับสิ่งใดใดอีก				
1 พฤศจิกายน 2548 13:47 น.

เรื่องเล่าในรั้วโรงเรียน : ทหารไม่ใช่น้ำตาล

..สายลมทะเล..

ทหารไม่ใช่น้ำตาล ที่โดนแดดโดนฝนแล้วจะละลาย ดูเหมือนจะเป็นประโยคอมตะและฮิตติดปากนักเรียนบังคับบัญชาและนายทหารปกครองตั้งแต่รุ่นหนึ่งถึงรุ่นปัจจุบัน ฝนจะตกแดดจะร้อน จะให้เลิกฝึกนั้น เป็นไปไม่ได้สำหรับนักเรียนนายเรืออากาศ หนทางเดียวที่จะไม่ต้องฝึก คือมีใบแพทย์จากคุณหมอมายืนยัน แต่ก็นั่นล่ะ คุณหมอก็สมกับเป็นหมอทหาร โอ้ย! ไม่เป็นไร แค่นี้ประเดี๋ยวก็หาย เอายาไปกินแล้วกัน มิวายจะทำตาออดอ้อน กระไอกระแอมจนแสบคอ คุณหมอก็หาได้สนมารยาห้าร้อยที่พวกเราอุตส่าห์ลงทุนแสดงไม่ เราก็เลยพร้อมใจกันให้ฉายาคุณหมอ...หมอไหวใจร้าย

มันอาจฟังดูชวนรันทดสักหน่อย หากนูนจะบอกพวกคุณว่าที่นี่ก็ไม่ต่างไปจากที่ไหนๆ ที่คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า ขณะที่การสอบเข้ามาต้องฝ่าฟันกับเด็กหนุ่มระดับหัวกะทิทั่วประเทศนับหมื่นคน เพียงเพื่อจะเป็นหนึ่งในร้อยที่ได้รับการคัดเลือก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สนามประลองแห่งนี้ จะกลายเป็นที่ลองวิชาของคนเก่งจากที่ต่างๆ ...แน่นอน แม้แต่พวกที่เตรียมตัวจะเอ็นทรานซ์เข้าแพทย์เข้าวิศวะมหาวิทยาลัยดังๆ ก็มาลองของที่นี่มากโขอยู่

3-4 เตียงรอบตัวนูน เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของเพื่อนที่ร้อนวิชา ด้วยความรู้สึกว่ามาสอบเล่นๆ แล้วจับผลัดจับผลู พ่อว่าดี แม่ว่าใช่ ประกอบกับเพื่อนว่าเท่ สาวๆ ชอบ ก็เลยเข้ามาเรียนแบบตามน้ำ ทำตัวเป็นปลาตายไปเสียงั้น

แต่โรงเรียนทหารไม่ใช่ที่ที่ปลาตายจะอยู่ได้หรอกนะครับ หากคุณไม่ได้มีใจให้มัน และกำลังใจคุณไม่ได้เข้มแข็งจริง ร้อยทั้งร้อยก็สู้ไม่ไหว สภาวะที่ถูกกดดันทั้งกายและใจจะบีบคั้นจนคุณต้องหาทางออก...และทางออกที่ง่ายที่สุดก็คือการลาออก ...ง่ายสำหรับคุณ แต่ไม่ง่ายสำหรับคนรอบข้าง พ่อ แม่ ญาติ เพื่อน และสังคม ล้วนไม่พร้อมที่จะเข้าใจยอมรับเหตุผลของคุณ ...พวกเขาเชื่อว่า นี่คือเส้นทางสู่ดวงดาว เส้นทางของฟ้าเจิดจรัส น้อยคนที่จะเปิดอกยอมรับการตัดสินใจของคุณโดยไม่ขื่นขม ...เพื่อนทั้งสามคนรอบข้างนูนก็เช่นกัน

ชีวิตคุณหนูที่สุขสบาย ถูกตามใจจนเคยตัว เสวยสุขอยู่ในวิมานสิบล้านร้อยล้าน ฝ่าเท้าอันบางนุ่มเคยสัมผัสแต่พรมเปอร์เซียกระเบื้องหินอ่อนและพื้นรองเท้าที่แพงกว่าเครื่องแบบทหารทั้งชุดรวมกัน... ฝ่าเท้าเช่นนั้น ไหนเลยจะทนทานด้านหนาเหยียบย่ำไปบนหินกรวดและพงหนามของชีวิตนักเรียนทหารได้ ...ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับดอกไม้ หอมหวนยวนจิตไซร้ ไป่มี... ล้วนเป็นความจริงโดยแท้

..........................
ฮึกๆๆ เสียงสะอื้นเบาๆ ในความมืด ดังมาจากเตียงข้างๆ ร่างเล็กๆ ที่เป็นเงาตะคุ่มขดตัวสะท้อนความรู้สึกที่หวั่นไหวออกมาทางไหล่ที่โยนตัวขึ้นลง นูนอยากจะลุกขึ้นไปปลอบเพื่อนสักคำ แต่ทั้งแรงกายแรงใจของนูนก็หมดสิ้นไปแล้วเช่นกัน

สิ่งเดียวที่ยึดนูนเอาไว้..ไม่ว่าความอัดอั้นจะมากมายแค่ไหน นูนก็จะไม่ยอมถอยหลัง...ความอ่อนแอในกายที่แข็งแกร่ง นูนขังมันไว้ด้วยภาพไอ้แดงวัวในคอกข้างบ้าน อย่างน้อยมันก็ย้ำเตือนนูนว่า...สุดสายตาของท้องนาที่ไอ้แดงไถมาทั่วทั้งย่าน ไม่เคยมีลูกชายบ้านไหนสอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยได้มาก่อน ...ลูกชายผู้ใหญ่บ้านเป็นคนแรก...เขารู้กันทั้งบาง นูนข่มตาหลับไปด้วยใจที่ขื่นขม ...ทิ้งเสียงสะอื้น ฮึกๆ ไว้ข้างหลัง ...เบาลง...เบาลง...จนกระทั่งหลับไป

มาสะดุ้งตื่นอีกครั้งก็ตอนมีเสียงคนดิ้นตกเตียงกระแทกกับพื้นและฝาตู้ หันไปดูเจ้าของเสียงสะอื้น ก็เห็นยังนอนนิ่งอยู่ เสียงกระแทกดังมาจากฝั่งตรงข้ามข้างเตียงนูน เสียงอันดังทำให้เพื่อนที่อยู่หัวโรงนอนเปิดไฟดู ...ภาพไอ้ยักษ์ลูกนักธุรกิจใหญ่นอนดิ้นน้ำลายฟูมปากอยู่กับพื้น ...คราวที่แล้วมันซัดพาราเซตตามอนไปกว่า 40 เม็ด ...ไม่เป็นไร หามส่งโรงพยาบาลทัน ...คราวนี้คงกวาดสารพัดยาในตู้เข้าปาก เพื่อนๆ ต้องรีบวิ่งไปตามหัวหน้า และหามไอ้ยักษ์ส่งโรงพยาบาล ...เห็นหัวหน้าพูดกันว่า ถ้าคราวนี้มันรอดกลับมาได้ เห็นทีต้องเก็บผ้าก๊อซกับพลาสเตอร์ออกจากตู้ยา...กลัวคราวหน้าไอ้ยักษ์จะกินไม่เหลือ

ภาพไอ้ยักษ์โดนพ่อกับคนขับรถช่วยกันลากเข้าโรงเรียนเมื่อเย็นวันอาทิตย์ท่ามกลางสายฝน ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ชีวิตเด็กบ้านนอกอย่างนูนไม่เข้าใจเลยว่า พ่อของเพื่อนที่พูดไทยไม่ชัด หน้าตาบอกยี่ห้อจีนแผ่นดินใหญ่นั้นยังต้องการอะไรอีก ความร่ำรวยที่เกินกว่าจะกินหมดในชาตินี้ ไม่เพียงพอจะซื้อความสุขให้กับลูกชายเพียงคนเดียวได้อีกหรือ...นูนไม่เข้าใจ และถ้านูนมีเงินร้อยล้านแบบเขา...นูนจะยังมาเรียนที่นี่ไหม...  อยากรู้จริงๆ ว่า เงินจะทำให้เสียงปฏิญาณของนูนแหบลงหรือเปล่า...แต่เชื่อเถอะ ทั้งชาติ...นูนก็คงไม่รู้

ที่โรงพยาบาลพ่อกับแม่ไอ้ยักษ์ยอมรับความจริงได้แล้ว...ไม่มีสิ่งไหนจะสำคัญกว่าชีวิตของลูก ซึ่งนูนก็เชื่อว่าท้ายที่สุด พ่อแม่ทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ ...ภาพไอ้ยักษ์นอนน้ำลายฟูมปากจึงเป็นภาพสุดท้ายที่นูนเห็นหน้ามันในรั้วโรงเรียน...มันลาออกไปเตรียมสอบเข้าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย และสิ้นสุดเส้นทางแห่งดวงดาวเพียงแค่นี้ (ดาวที่ว่าหมายถึงดาวมฤตยู)

การเดินจากไปของเพื่อนข้างเตียง ที่คงทิ้งไว้แค่ที่นอนร้างนั้น ได้เพิ่มความรู้สึกว้าเหว่และซึมเศร้าให้กับเพื่อนเตียงถัดมา เพื่อนคนนี้ก็ไม่ต่างไปจากไอ้ยักษ์นัก มันพยายามหนีมาหลายครั้ง แต่ก็โดนพ่อซึ่งเป็นนายทหารข่าวกรอง แกะรอยไปลากกลับมาได้ทุกที ไม่ว่ามันจะพยายามรบเร้าให้จิตแพทย์ลงความเห็นว่ามันเป็นคนผิดปกติทางจิต คุณหมอก็ไม่เล่นด้วย...ท้ายที่สุด มันก็เลยเอาถุงเท้าผูกคอตายในห้องน้ำโรงพยาบาล ซึ่งนูนก็นึกภาพไม่ออกว่ามันจะผูกได้ยังไง...อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ตายสมใจ ผู้พันซึ่งพามันไปหาหมอเอะใจขึ้นมาและตามไปช่วยมันไว้ได้ (แต่แหล่งข่าวแจ้งว่า จริงๆ แล้ว มันสลบกลิ่นถุงเท้าก่อนจะผูกเสร็จ ซึ่งนี่นูนก็ไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด) หลังจากนั้นก็เกิดการหนีและวิ่งไล่จับกันในโรงพยาบาลระหว่างนักเรียนนายเรืออากาศกับท่านผู้พัน  เป็นข่าวเอิกเกริกใหญ่โตร้อนถึงนายทหารผู้ใหญ่ต้องลงมานั่งจับเข่าคุย ...สุดท้าย เพื่อนนูนก็ได้ออกสมดังหวัง มันดีใจร้องไห้ใหญ่ ส่วนพ่อมันไม่รู้ดีใจหรือเปล่า แต่ก็เห็นตาแดงๆ 
...เพื่อนที่กอดคอกันมาเดินจากพวกเราไปอีกคน

................................................................................

คืนนี้ไม่มีเสียงสะอื้นจากข้างเตียงนูน เมื่อตอนเย็นมันบอกนูนว่า ของในตู้กูทุกอย่าง มึงอยากได้อะไรก็เอาไปเลย กูยกให้ มันมองหน้านูน และก่อนที่นูนจะถาม มันก็ชิงพูดเสียก่อน บ้านกูรวย ความคิดแว่บแรกของนูนก็เลยถูกความริษยากลบสิ้น อุว่ะ บ้านกูก็นาหลายแปลง ได้แต่คิดในใจ กลัวมันจะว่าเด็กบ้านนอก ...สมัยนั้น ถ้าเพื่อนรู้ว่าที่บ้านมีนาล่ะอายตายเลย ...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด ...แล้วคืนนั้นมันก็หายไป และไม่กลับมาอีก

ต้นปีที่ผ่านมา นูนเจอมันอีกครั้ง มันทำงานที่วิทยุการบินหรือท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยนูนจำไม่ได้ แต่ก็ยังเกี่ยวข้องกับการบินและท้องฟ้าอยู่ มันบอกนูนว่า มันไม่เคยเสียใจที่ออกมาวันนั้น พ่อมันซึ่งเป็นนักรบเหรียญกล้าหาญไม่เคยว่ามันเลยสักคำ วันที่น้องชายคนเล็กของมันจบรับกระบี่จากโรงเรียนนายเรืออากาศ...เป็นวันที่มันมีความสุขที่สุด วันที่มันรับปริญญาเป็นยังไง วันที่น้องชายมันรับกระบี่ พ่อมันก็ทำตัวอย่างนั้น พ่อไม่เคยทำให้กูกับน้องรู้สึกอึดอัด กูรักพ่อ กูเลยดีใจมากที่น้องกูจบเรืออากาศ นูนยิ้ม ลูกชายคนเดียวอย่างนูน บางครั้งก็น้อยใจพ่ออยู่บ่อยๆ ใครว่าลูกคนเดียวจะไม่ถูกเปรียบเทียบ..นูนเถียง พ่อนูนคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยุติธรรม ...พ่อรักไอ้แดงมากกว่านูน...พ่อขลุกและใช้เวลาอยู่กับมันทั้งวัน...นูนไม่เข้าใจเลย กะอีแค่มันไถนาเก่งแค่เนี้ย ทำไมพ่อถึงรักมันนักหนา ...พ่อนะพ่อ นูนน้อยใจน่ะ				
31 ตุลาคม 2548 13:13 น.

อดีต..คือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว

..สายลมทะเล..

ผมเชื่อว่าทุกคนมีอดีต และก็เชื่อว่าอดีตของผมก็ไม่ได้ขมขื่นน้อยไปกว่าใครๆ แต่อย่าให้ผมต้องเล่าถึงอดีตของผมเลย เพราะมันคงยาวและน่าเบื่อมาก...เปล่า ผมไม่ได้รู้สึกเลวร้ายที่จะพูดถึงมันหรอกนะ แต่ผมอยากเก็บมันไว้กับความรู้สึกข้างในเพียงลำพัง ...อย่างน้อย ผมก็ยังภูมิใจได้บ้าง ว่าผมไม่ได้มีข้ออ้างให้กับอดีตเหล่านั้น และไม่ได้ปรุงแต่งให้มันดูสวยงามไปกว่าที่มันเป็น

ด้วยมโนสุจริต ผมต้องยอมรับว่าได้พ่ายแพ้ให้กับความอ่อนแอของตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย แต่นั่นละครับ หากกระทั่งตัวเองยังไม่ยอมอภัยให้กับตัวแล้ว เห็นทีชีวิตนี้คงจ่อมจมอยู่กับความทุกข์ไม่รู้จบสิ้น... อย่างไรก็ตาม อภัยให้กับตัวเองนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง ลงโทษตัวเองนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ระหว่างการลงอาญาที่หนักหน่วง ผมก็ได้แต่หนี หนีไปจากความยุ่งยากทุกๆ เรื่อง  มันคงไม่ใช่ทางออก...แต่มันเป็นทางเลือกที่ง่าย...และผมเลือกความง่าย...เพราะผมเป็นผู้ชายง่ายๆ ง่ายที่มาจาก มักง่าย และใจง่าย นั่นแหล่ะ

เวลาว่าง ความรู้สึกว่าว่าง เป็นสิ่งที่ผมกลัวอยู่เสมอ	 จึงไม่แปลกอะไรที่ผมจะหาอะไรมาสุมตัวเองเล่น หมกตัวอยู่คนเดียวเงียบๆ ...ห่างไกลจากผู้คน หนีไปจากสังคม นึกอยู่เหมือนกันว่าจะเก็บลูกหมาข้างถนนมาเลี้ยงเป็นเพื่อนสักตัว แต่คิดไปคิดมา...อย่าดีกว่า แค่ชีวิตตัวเองยังดูแลไม่ได้ กับอีกชีวิตหนึ่งจะดูแลได้หรือ ผมเลยยังอยู่กับความทุกข์ที่ทับถม และยังคงออกไปแสวงหา แสวงหาบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้ชีวิตแตกต่างไปจากเดิม...แตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ให้มากที่สุด และมากพอที่ผมจะสนุกกับมันจนลืมความทุกข์ที่กัดกร่อนอยู่ข้างในได้ชั่วขณะ

ระหว่างการเดินทางที่ไกลออกไปทุกวัน  ชีวิตถึงได้ค้นพบอะไรอีกหลายอย่าง ความทุกข์ที่เคยกัดกินใจจนแหว่งวิ่นเหมือนหนูแทะ เหมือนได้ยาดีรักษาจนอาการทุเลาเบาบาง ..ก็ในเมื่อความตายยังมาไม่ถึง ทำไมผมไม่เดินและทำให้มันดีขึ้นๆ ทุกวันเล่า

ผมยิ้มให้กับตัวเอง.. ผมจะเดินให้ดี


เตี้ยเป็นชายหนุ่มตัวเล็ก รูปร่างสันทัด หน้าตาดีแบบอีสาน  เวลาไม่เมาแล้วเรียบร้อยนุ่มนิ่ม ขี้อาย ไม่เคยมีปากมีเสียงกับใครเขา เป็นชายหนุ่มที่หากเหล้าไม่เข้าไปในเลือดแล้ว น่ารักจนน่าหยิก เราสองคนสนิทกันในวงเหล้าเด็กอีสาน เตี้ยชอบกินเหล้าส่วนผมนั้นชอบกินกับ ทุกๆ คืนวันศุกร์ที่อยู่โรงเรียน เราจึงมักนั่งเฝ้าขวดกลมๆ กับขันใส่โซดาน้ำ กลัวมันหายอยู่บ่อยๆ 

เรื่องราวในวงเหล้าทุกครั้งก็ไม่พ้น นินทานายทหาร บ่นรุ่นพี่ สุดท้ายก็สรรเสริญเยินยอกันเอง เรื่องเหล่านี้วนเวียนมาทุกครั้งเหมือนเพิ่งคุยกันครั้งแรก  พอยิ่งดึกยิ่งเมา..นอกจากลิ้นไก่แต่ละคนจะหดสั้นลงแล้ว ความจำยังพลอยสั้น วนเอาเรื่องเดิมๆ แต่หัวค่ำและห้านาทีก่อนมาพูดซ้ำอยู่บ่อยๆ วงเหล้าจึงเลิกยากและไม่เคยหมดเรื่องคุย  

ถ้าไม่หลับคาวง..อย่าหวังเลยว่าจะได้ลุกไปนอน 

ผมไม่ใช่เด็กอีสานหรอกครับ ด้วยจมูกโด่งๆ หน้าตาคมคาย ผิวสีน้ำผึ้งอย่างผม ดูปร๊าดก็รู้ว่าลูกครึ่งไทยอเมริกันบรามัน ไม่ก็ไทยเยอรมันเชฟเฟิร์ส แต่ด้วยบุญคุณที่ผมเคยรักษาชีวิตหัวหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือท่านท้าวคำนูน  ในคดีเชอร์ล็อคนูนถล่มวังค้างคาว ที่ดันสวมวิญญาณนักสืบพิสูจน์คดีทหารขี้แตก ขี้ตกหกเรี่ยราดเปื้อนประตูและทางเดินเป็นระยะทางเกือบยี่สิบเมตร แล้วท่านท้าวกล่าวหาพาดพิงจำเลยเขาทรายแกแล็กซี่ นักมวยขวาตายซ้ายสลบแบบหลักฐานไม่แน่นพยานไม่ชัวร์ จนเกือบถูกกระทืบตายคาเตียง เหตุการณ์คราวนั้นทำให้ผมได้รับเชิญเข้าสมาคมคนมีกรามอย่างช่วยไม่ได้ 

หลังจบนายเรืออากาศ ผมเข้าไปเรียนบินผลัดหนึ่ง ส่วนเตี้ยตามเข้าไปเรียนเป็นผลัดสอง ทุกวันหลังกินข้าวเย็น เตี้ยจะแวะมาใช้บริการโทรศัพท์นาทีละบาทที่ห้องผม ..ใช่แล้วครับ ผมแอบเปิดบริการมือถือตั้งโต๊ะหาทุนการศึกษาปริญญาเอกให้เด็กๆ ในสังกัด  เตี้ยเองก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของผม 

ปริญญาบัตรของเด็กสาวสองสามคนจึงเป็นทุนของเตี้ยโดยแท้  ผมยังนึกขอบคุณแทนพวกเธออยู่ถึงวันนี้

ว่าก็ว่าเถอะ เด็กอีสานนี่จริงใสและใสซื่อ  ..เตี้ยเองก็เหมือนกัน ทุกวันที่คุยโทรศัพท์เหมือนอัดเทป เรียกว่าส่งมาให้ผมพูดแทนก็ไม่ผิดเพี้ยนตกหล่น ร้องไห้น้ำตาซึม พร่ำแต่พูดว่าบินไม่ได้ๆ โดนไล่ออกแน่  ครบครึ่งชั่วโมงก็ปาดน้ำตาเดินซึมเป็นผ้าอนามัยออกจากห้องผมไป

แล้วเป็นไงล่ะ พ่อคุณไปบินไอพ่นอยู่โคราชโน่น.. ปล่อยให้เพื่อนๆ กูบินได้ กูบินดี เดินคอตกออกจากโรงเรียนไป  มันน่าหมั่นไส้จริงๆ

วันนึงผมแวะไปนอนบ้านโยธา ซึ่งเจ้าบ้านทำใจยกให้เป็นบ้านสาธารณะตั้งแต่เริ่มทำงานปีแรก เนื่องจากใครไม่มีที่ไปก็จะมาสุมหัวนอนกันที่บ้านนี้แหล่ะ ไม่ต้องพูดถึงความเกรงใจ คำนี้เพื่อนกันมันไม่มีอยู่แล้ว บางคืนยี่สิบชีวิตจึงนอนกองกันหน้าทีวีแบบไม่ยี่หระบ้านใกล้เรือนเคียงและสายตาชาวบ้าน ชื่อเสียงของบ้านโยธานั้นแฟนพวกเราทุกคนในยุคนั้นรู้จักกันดี และถ้าเป็นตัวจริงเสียงจริง อย่างน้อยต้องเคยไปสิงสถิตกันครั้งสองครั้ง 

ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ ใกล้หลับอยู่ห้องชั้นบนคนเดียว โดยมีกว่าเจ็ดชีวิตนอนหลับคาหนังสือและคอมพิวเตอร์อยู่ห้องข้างล่าง เงาดำเตี้ยๆ คุ้นตาคลอเคลียกันมากับเงาบางสูงโปร่ง  เจ้าตัวเปิดประตูเข้ามาในห้อง และชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างผมนอนอยู่ ค่อยๆ เดินด้วยปลายเท้าแผ่วเบาแบบที่คนเมาพอจะทำได้ ชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ นาทีนั้นผมตื่นแล้ว และหรี่ตาดูอยู่

ทันทีที่เห็นว่าเป็นผม เจ้าตัวอึ้งเหมือนตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะเกรงใจ หรือกลัวผม พลอย แต่เดาว่าน่าจะเป็นประการแรก เพราะตอนนั้นผมยังเป็นคนดีที่ยังไม่เสีย

ผมยิ้มในความมืด หยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดวางไว้ข้างตัวลุกออกจากห้องไป  เสียงอ้อมแอ้มขอบคุณของคนเมาเบาพอได้ยินขณะสวนกัน ..ผมยิ้มอีกครั้ง แอบหวังลึกๆ ว่า..อย่าล็อคห้องนะโว้ย

น่าเสียดาย.. มันล็อคห้อง และประตูไม่มีรู
คืนนั้น ผมจึงหลับไปด้วยความแค้น
..เตี้ยนะเตี้ย

ตอนเช้า..เตี้ยกับสาวน้อยหายวับไปก่อนทุกคนตื่น ผมเดินมาชงกาแฟกินแก้หงุดหงิด อมรมย์แต่เมื่อคืนยังค้างคาอยู่ในใจ พอไอ้นงโผล่หัวออกมา ผมจึงบ่นให้ฟัง  ไอ้นงหัวเราะหึหึ 

ใช่ผู้หญิงที่ไหนเล่า ไอ้เตี้ยมันเมา ห้ามก็ไม่ฟัง ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะต่อ
ผมอึ้งไปพักนึง นึกเสียดาย..เออแฮะ ผู้ชายก็น่าลอง				
31 ตุลาคม 2548 13:09 น.

เทคนิคการรวบรัด

..สายลมทะเล..

ตามหลักจิตวิทยา คนที่อยู่ในห้องที่มีอากาศเย็น จะตัดสินใจเร็วขึ้น หากรวมกับการถูกชี้นำให้ตัดสินใจด้วยแล้ว รายไหนก็รายนั้น  ใจแข็ง ก็จะ ใจง่าย ขึ้นมาทีเดียว

ผมเองเวลาบอกรักสาวๆ ก็ต้องเลือกวันที่หล่อนใส่เสื้อผ้าบางเบาน้อยชิ้น  ล่อลวงไปอยู่ในที่เย็นๆ เช่นบนรถไฟฟ้า หรือในโรงงานน้ำแข็ง  รอให้เธอหนาวตัวสั่นเป็นลูกหมา แล้วค่อยบอกรักหล่อน  ด้วยอารามตกใจคุณเธอก็จะคิดไปเองว่า  ที่ใจสั่นเป็นองค์ลงนั้น เพราะพรหมลิขิตอิทธิฤทธิ์ของคำ รัก จากปากผม  แล้วเรื่องยากก็จะง่ายในบัดดล

ได้ผลไม่ได้ผลดูกันเอาเอง  สามสิบกว่าแล้วก็ยังไม่มีใครเอา

อาร์ทนักบินหนุ่มรูปหล่อซึ่งไปช่วยราชการอยู่การบินไทย (ตามโครงการกองทัพอากาศไทยบินไกลทั่วโลก)  ได้ชื่อว่าเป็นคนเคารพเมียมาก  อาร์ทมักบอกพวกเราอยู่เสมอๆ ว่า เคารพกับกลัวนั้นต่างกัน..มันต่างกันจริงๆ..จริงๆ นะ
อาร์ทบอกพวกเราอย่างนั้น
ตอนไม่เมา พวกเราก็เชื่ออาร์ท

วันหนึ่งหลังเตะบอลเสร็จ เพื่อนๆ ชวนกันไปกินข้าวต้ม  กินกันไปกินกันมาเกิดติดลม  นาฬิกาบนข้อมืออาร์ทเกิดเสียขึ้นมาดื้อๆ  สามทุ่มตามกฎบ้านจึงกลายเป็นตีสาม

ระเบียบบริหารกิจการภายในบ้านระบุไว้ว่า 
เกินสามทุ่ม นอนพื้น รุ่งเช้าให้เขียนรายงานชี้แจง
เกินห้าทุ่ม ขึ้นค่าเลี้ยงดูภรรยา กักบริเวณหนึ่งเดือน
และหลังเที่ยงคืน ขังสองอาทิตย์ พักกิจกรรมบนเตียงสี่สิบห้าวัน
เนื่องจากอาร์ทเคารพภรรยา ประกอบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมาย พูดง่ายๆ ก็คือผู้พิพากษาของอาร์ทสวยมาก  อาร์ทจึงไม่เคยผ่าเคอร์ฟิวกลับหลังเที่ยงคืน  ..คืนนี้ อาร์ทจึงกลับบ้านด้วยใจหวิวๆ

ทันทีที่เปิดประตูห้องนอน อากาศในห้องเย็นฉ่ำผิดปกติ  เจี๊ยบแต่งตัวเหมือนเพนกวิน ใส่เสื้อโค้ทสองชั้น สวมถุงเท้าใส่ถุงมือ มีผ้าพันคอพร้อมหมวกปิดหูครบชุด

อาร์ทอดีตหัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกลและจบโท MBA มาหมาดๆ หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นพวกไม่รักดีทางการเรียน ต่างจากผม ที่ดียุ่บดียั่บเต็มใบทรานสคริปท์  รู้ทันทีว่าภรรยางัดกลยุทธการคาดคั้นแบบรวบรัดมาสอบสวนเขาแน่

อาร์ทหยุดนิ่งทบทวนทฤษฏีอยู่แวบเดียว ก่อนตัดสินใจใช้เทคนิคการรวบรัดชี้นำการตัดสินใจทันที

เจี๊ยบจ๋า เอาเป็นว่าคืนนี้อาร์ทนอนพื้น  พรุ่งนี้จะเขียนรายงานชี้แจง ขึ้นค่าเลี้ยงดูเจี๊ยบ เสาร์อาทิตย์อาร์ทจะไม่ออกไปไหน  ขออย่างเดียว..เรื่องสุดท้ายให้เหมือนเดิม  ส่วนกิจกรรมของคืนนี้ อาร์ทขอทบต้นไปรวมกับพรุ่งนี้จ๊ะ

ผมไม่รู้ว่าเจี๊ยบตอบว่าไง  รู้แต่ว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้ อาร์ทเพิ่งได้ลูกชาย				
25 ตุลาคม 2548 20:51 น.

พูดคุย : ภาพที่คุ้นเคย

..สายลมทะเล..

ดวงผมนี่ไม่ทราบเป็นยังไงครับ ถูกโฉลกกับการโยกย้ายและช่วยราชการอยู่เรื่อย ตอนอยู่เมืองไทยไปขโมยไก่บ้านเมียผู้การ ถูกเด้งเข้ากรุงเทพมานั่งรับผิดชอบเรื่องข่าวเทคโนโลยีทางด้านการทหาร ผ่านไปได้เดือนนึงงานกำลังจะรุ่ง สาวโต๊ะตรงข้ามเริ่มสบตา สถานการณ์ของปลากัดกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่แล้วเชียว ผู้ใหญ่ก็สั่งย้ายยี่สิบสี่ชั่วโมงให้ไปช่วยราชการข่าวประเทศรอบบ้านเสียชิบ 

อุตส่าห์วิ่งโร่ไปหาน้องนายทหารคนสนิทเจ้ากรม ขอให้ช่วยบอกเจ้านายอย่าย้ายพี่ น้องมันดันบอกว่า เดือนหน้าแผนกนั้นจะได้นายทหารหญิงเพิ่งจบมหาวิทยาลัยเข้ามาสองคนนะพี่ ข่าวว่าสวยด้วย ถ้าพี่ไม่เอา เดี๋ยวพี่มาเป็น ทส.แทนผม แล้วผมย้ายไปแทนพี่เอง 

อ้อยถึงปากช้าง..ไม่เอาก็โง่ซิครับ
เอ่อ คิดดูอีกที พี่ว่า..ทหารถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคัญบัญชาเสียแล้ว มันก็เหมือนไม่ใช่ทหารนะน้อง ผมแลบลิ้นแผล่บ แล้วก็หันหลังจากมา

ไม่รู้เลยว่าเจ้าน้องรักแอบยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ข้างหลัง

หนึ่งเดือนกับการรอคอย..แล้ววันรายงานตัวของน้องใหม่ก็มาถึง ผมตื่นมาอาบน้ำตั้งแต่ตีสอง ฉีดน้ำหอมหมดไปสามขวด กะว่างานนี้ถ้าเธอไม่หลงเสน่ห์เพราะกลิ่น เธอก็คงรับรู้ว่าผมรวยขนาดซื้อน้ำหอมมาอาบได้ 

แรกพบหน้า ใจผมหายวาบ ความฝันที่นอนรอมาสามสิบวันตกไปถึงตาตุ่ม แม้ไม่ส่องกระจกก็รู้ว่าหน้าคงซีดเป็นไก่อหิวาต์.. ไม่รู้ชาติที่แล้วผมทำกรรมอะไรไว้นักหนา ช่างสวยได้ไม่รู้ลืม..ใบหน้านั้นหลับตาลงอย่างไรก็ไม่หาย
สวยแบบที่ผมต้องเปิดไฟนอนอยู่สองอาทิตย์

คนอะไรสวยไม่เกรงใจพระ

ไปทำงานตาโบ๋เพราะนอนไม่หลับได้เกือบเดือน ผมก็ทนไม่ไหว ขืนปล่อยไว้แบบนี้เฉาตายแน่ และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงหนีมาไกลถึงแอฟริกา

อารัมพบทมาตั้งนาน ก็แค่จะบอกว่าตอนนี้ผมซึ่งทำงานให้กับชุดปฏิบัติการปลดอาวุธมาได้สองเดือน โดนย้ายไปช่วยราชการแผนกฝึกศึกษา ทำหน้าที่สอนผู้สังเกตการณ์ทางทหารใหม่ครับ ฟังดูเหมือนน่ายินดี ต่อไปนี้ชีวิตไม่ต้องไปเสี่ยงกับมัชจุราชที่ไหนใช่ไหมครับ แต่ผมนะหนักใจ..ใครๆ ก็รู้ว่าผมนะเด็กเกือบที่สุดในภารกิจ ยศก็ต่ำสุด เรียงตามอายุผู้สังเกตการณ์สองร้อยกว่าคน..ผมก็คนที่สองจากท้ายแถวล่ะครับ (เป็นการบอกว่าผมยังหนุ่มเป็นนัยๆ ..อะไรนะ หน้าแก่เหรอ เดี๋ยวเถอะ) 

ภาษาพูดก็กระท่อนกระแท่น ภาษาเขียนคงไม่ต้องพูดถึง ผมเลยปวดหัวจนไข้ขึ้นมาอาทิตย์นึงแล้ว กินยาไปครึ่งกระปุก อาการก็ยังทรงๆ ทรุดๆ กำลังสงสัยว่าเป็นมาลาเรียหรือเปล่า เพราะช่วงนี้กำลังฮิตติดชาร์ท ทหารไทยเองก็โคม่าส่งขึ้นเครื่องบินไปรักษาที่เคนย่าคนนึงเมื่อเช้า อุตส่าห์แวะไปหาหมอ บอกหมอว่าผมไม่ได้กินยาป้องกัน ไม่ได้กางมุ้งนอนครับหมอ หมอยังมองแบบเหยียดๆ เหมือนจะบอกว่า ถึงเอ็งจะไม่กินยา นอนแก้ผ้าไม่กางมุ้ง หนังหนาๆ ขนาดเข็มทำหมันควายยังแทงไม่เข้าแบบเอ็ง ยุงที่ไหนจะเจาะเอาเลือดชั่วไปได้ว่ะ แล้วหมอก็ไล่ผมกลับบ้าน 

เมื่อหมอบอกว่าผมไม่ป่วย วันนี้ผมเลยลงเล่นฟุตซอลนัดเปิดสนามให้กับทีมไทยดี ซึ่งโคจรมาเจอกับทีมไทยเลว เอ้ยไทยซีครับ มีกันสี่ทีม ไทยเอถึงไทยดี ไทยชั่วไทยเลวไทยระยำนั้นไม่มีครับ ..คนไทยดีและน่ารักจะตาย

ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมผมได้ลง งานนี้บังคับต้องมีนายทหารลงเล่นหนึ่งคน คนนึงอยู่ต่างจังหวัด คนนึงปวดฟัน คนนึงเพิ่งผ่าซีสต์ อีกคนเมาคอพับอยู่ข้างสนาม มองซ้ายมองขวานายทหารห้าคนเหลือเราคนเดียวนี่หว่า เสียงลูกน้องยุ ลงๆ ไปเถอะผู้กอง กำลังขาดตัวขำๆ อยู่พอดี

ตัวขำๆ เลยลงไปป่วน ไล่เตะฝั่งตรงข้ามร่วงไปนอนกองเสียสองคน ลูกมาโดนตีนสามครั้ง เข้าไปสามประตู ..ขำกันทั้งสนาม ยิงประตูไหนไม่ยิง ดันยิงเข้าประตูตัวเอง แฮททริคเสียด้วย 
จบเกมส์ด้วยสกอร์สามศูนย์..งานนี้เหมาคนเดียว 
ขำกันไปอีกนาน

ออกจากสนาม ผมเดินเข้าห้อง ถอดเสื้อนอนยาวจะเป็นลมเสียให้ได้ หายใจระทวยอยู่เกือบชั่วโมง ในความรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย ไม่นึกว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาเกือบเจ็ดกิโลตอนกลับไปพักเมืองไทยจะเล่นเอาสาหัสปานนี้ ตอนนั้นสติผมเหมือนจะขาด ผมเชื่อว่านักกีฬาที่ตายในสนามคงเริ่มต้นด้วยอาการแบบเดียวกับผม 

กำลังจะตายอยู่เพลินๆ ก็ดันนึกถึงลูกในท้องของเมียน้อยคนที่สามขึ้นมา งานนี้ก็เลยกร่อย แข็งใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ จะถูกหลักไม่ถูกหลักผมไม่รู้ แต่ผมร้อนอยู่ข้างในจนแทบคลั่ง แดดตอนบ่ายสามอาจทำให้ผมเจอกับภาวะฮีทสโตร๊คผมคิด การลดอุณหภูมิเร่งด่วนจึงพุ่งปรี๊ดเข้าหัวสมอง แก้ผ้าตัวขาวโดดเข้าใต้ฝักบัว อาบน้ำจนตัวเย็นแล้วก็ขับรถกลับบ้าน

ที่บ้านไฟดับ และไม่มีใครอยู่ 
เอาข้าวและกับที่แช่ไว้ในตู้เย็นตั้งแต่เมื่อวานมานั่งเปิดไฟฉายกิน เย็นชืดเพราะไม่มีไฟฟ้าให้อุ่น อย่าถามหาเตาแก๊สนะครับ คนรวยอย่างผมไม่รู้จัก..ที่บ้านมีแต่เตาไฟฟ้าไฮโซ ขอโทษ 

อาบน้ำด้วยไฟฉาย บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ 
ก่อนออกจากห้องน้ำ เอาไฟฉายส่องใต้คางดูในกระจก
บรื้อส์...ภาพน้องใหม่ที่แผนกกลับผุดขึ้นมาอีกครา
ผู้หญิงอะไรสวยเปลืองไฟไม่เกรงใจพระ

ผมกระชับไฟฉายแน่น เดินหาถ่านสำรองที่เก็บไว้

คืนนี้..ผมจะเปิดไฟฉายนอน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ..สายลมทะเล..
Lovings  ..สายลมทะเล.. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ..สายลมทะเล..
Lovings  ..สายลมทะเล.. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ..สายลมทะเล..
Lovings  ..สายลมทะเล.. เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึง..สายลมทะเล..