28 มีนาคม 2551 21:33 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผมก้มลงมองดูเสื้อตาไอ้เข้อ้าปากราคาแพงลิบลิ่ว กับ กางเกงจับหมูที่สำหรับใส่ตอนนอน ผมยักไหล่ บางครั้งความแปลกของผมเองมันก็มักจะปรากฏให้เห็นภายนอกได้เสมอ หากใครสักคนจะสะกิดคิดเห็นถึงความแปลกแตกต่างนี้ได้ แต่ทว่าคงจะยากสักหน่อย เพราะบ้านเมืองในปัจจุบันมันทุรยศมากยิ่งกว่ายุคใดๆที่ผ่านมา บางครั้งผมสะพั่งก็อดคิดไม่ได้ว่ามันก็เหมือนแบบเดิม แต่กระผมยิ่งคิดแล้วยิ่งมั่นใจว่าไม่ใช่แน่นอน
การออกไปนอกบ้าน บางครั้งก็เห็นแววตาหน้าตาโรยหมองๆและเหี่ยวแห้งของเพื่อนพี่น้องประชาชนชาวบ้านตามที่ต่างๆ เห็นการเอารัดเอาเปรียบกันเล็กๆน้อยๆ หากไม่พิจารณาก็บ่นด่ากันไปตามอารมณ์ที่ต่างคนต่างไม่ดีอยู่แล้วของแต่ละฝ่าย
ผมอดไม่ได้ที่จะกระทำการช่วยเหลือ ช่วยซื้อ แต่ทว่าผลที่ได้รับกลับมากลับไม่ใช่ความปลาบปลื้มประโลมใจแต่กลับเห็นความเอารัดเอาเปรียบทุกท่าที่มีโอกาส
ไม่เว้นแม้แต่นางหมอนวดแผนโบราณ ที่เห็นว่าโอกาสย่อมมีคุณค่ากว่าน้ำใจ สายตาและปากของผมอาจจะไม่นำพา แต่ว่าสมองและวิญญานของผมได้บันทึกการกระทำตอบสนองให้แก่ผมไว้แล้ว
ผมหัวเราะตัวเองที่ยังโง่งมเหมือนเดิม แต่พอผมจะทำไม่โง่บ้างก็จะโดนกล่าวหาอีกว่า เขี้ยว หรือ โกง หรือ เจ้าเล่ห์ หรือถ้าไม่กล้าพอก็ต้องโง่ซื่อเซ่อตามเดิม
ผมมัวแต่มองดูหน้าตาชาวบ้านที่อิดโรยฉายแววเศร้าสร้อย แต่ฉับพลันทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า หน้าตาผมเองก็เหี่ยวแห้งสายตาไร้แววแห่งความหวังที่ไกลแสนไกลเหลือเกินและไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เจอกันหรือเปล่า แต่ทว่าสิ่งที่ไม่มีมานานก็คือรอยยิ้ม และจิตใจที่เมตตาปราณี
ผมเห็นพี่บางคนกำลังร้อนรนในเรื่องความก้าวหน้าในชีวิตรับราชการ ผมก็ได้เรียนชี้แจงพี่ท่านไปว่า ผมเองก็คงเป็นแบบพี่ในอนาคต ไม่รู้ว่าจิตใจจะทนรับไหวไหมกับการเห็นคนอื่นเขาเจริญก้าวหน้าไปไกล
ผมในตอนนี้ไม่อยากคิดเรื่องใดๆนอกจากเรื่องปากท้องของกระผมเอง ที่ผ่านมาผมได้รับใช้ชาติมากจนเกินไปแล้ว หากในเรื่องของยศฐาบรรดาศักดิ์ หากตนเองไม่มีสติปัญญาเพียงพอที่จะหามาได้ด้วยตนเองแล้ว ก็ช่างหัวมันก็รับไว้เท่าที่มี แต่ถ้าหากดึงดื้อถือดีว่าตนเองมีสติปัญญาดีจริงแล้วก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ในทุกเรื่อง ในเรื่องราวของพงศาวดารจีน มีมากไปที่คนมีสติปัญญาแต่ว่าไม่มีวาสนาบารมีพอที่จะได้ความเจริญก้าวหน้าทางราชการ
อากาศช่างแปรปรวนนัก มืดคลื้มทุกวันเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเดี๋ยวฝนตก หากเป็นในสมัยโบราณเขาก็จะกล่าวกันว่าน่าจะมีเรื่องที่ไม่เป็นมงคลเกิดขึ้นกับแผ่นดิน ผมนึกถึงคนเชียร์มวยกับคนเชียร์ฟุตบอล ลองถ้าให้เล่นเองละก็แป๊บเดียวคงเจ๊ง แต่ถ้าเชียร์ละก็รู้ดีเก่งจนลืมตัวทีเดียว
ในวันหนึ่งผมนึกอยากจะดื่มเบียร์และสูบบุหรี่ ก็ได้เข้าไปในสถานที่ที่ไม่พึงโคจร สามขวดเบียร์ สาวสองคน หมดไปหลายเงิน หลังจากกลับบ้าน ทรมานกับการเมา ทรมานกับการเสียสตังค์ เครียดกับเรื่องเงินๆทองๆ ด้วยความยั้งคิดขาดหายไป
ผมตั้งใจว่าต่อไปจะไม่ดื่มเบียร์และเหล้าอีกต่อไป แต่ก็ยังอยากๆอยู่
ความเปลี่ยนแปลงของจิตใจคนในระดับรากแก้วหรือรากหญ้า การเห็นแก่ได้ของคนละโมภโลภมาก ความหยิ่งผยองของคนที่ใส้เน่า ความเชิดหยิ่งหรูเริดที่ไม่ได้เกิดจากของดีจริงๆแต่เกิดจากการแสร้งกระทำให้คนดู ดูละครกันมากเกินไปหรือเปล่า แต่ทว่าในชีวิตจริงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมันพิลึกกว่าที่จะนำมาตีแผ่ออกมาเป็นละครได้เพราะว่ามันโหดสุดๆ มันเลวร้ายสุดๆ มันบ้าสุดๆ และมันลามกจกเปรตสุดๆ สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่ผิวๆเท่านั้น
คนก็ยังจ้องฟังราคาน้ามัน ราคาทอง ราคาหมู ราคาผัดพืช แต่ทว่า เคยมองไหมว่าราคาของจิตใจของเรามันเป็นอย่างไร
สำหรับของผมมีทั้งตกและมีทั้งขึ้นมีทั้งเลวและมีทั้งดี
เรื่องสั้นบางเรื่องอาจจะโรแมนติกส์ แต่สำหรับผมแล้วติกส์ไม่ออกเพราะว่า ยังมีความลำบากตรากตรำยืนยิ้มต้อนรับอยู่ข้างหน้า
การก้าวไปข้างหน้า อดทนตรากตรำ ทำใจ ยังคงต้องใช้อยู่ นึกถึงคำพูดตอนเด็กๆได้ประโยคหนึ่งว่า มีกลางวันต้องมีกลางคืน มีมืดก็ต้องมีสว่าง แต่ในปัจจุบันหากเมื่อใดมีแต่กลางวันไม่มีกลางคืนเมื่อนั้นก็คงจบ
โปรดติดตามต่อในโลกอื่น
21 มีนาคม 2551 21:42 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผมนั่งบนรถเมล์ที่ควบมุ่งหน้าไปทางยูเนียนมอลตรงข้ามห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว แต่ทว่าพอถึงแยกรถเมล์คันนั้นก็เลี้ยวซ้ายออกไปทางวิภาวดี ผมนั่งหัวเราะในใจเอาอีกแล้วสะพั่งเอาอีกแล้วนั่งรถหลงอีกแล้ว นี่ขนาดป้ายเดียวนะนี่ ออกนอกวงโคจรอีกแล้ว ผม สะพั่ง ยักไหล่ด้วยความเคยชิน หากจะว่าไปชีวิตของผมมันก็พยายามจะมีสาระให้มาก แต่ทว่าทุกสิ่งที่ผ่านมาที่ดูเหมือนว่าจะมีสาระแต่จริงๆแล้วล้วนมีแต่สัพเพกับเหระ มักไม่ค่อยมีสาระ ดังนั้นหากวันนี้จะไม่มีสาระอีกวันหนึ่งในหลายๆหมื่นวันของชีวิต มันก็คงไม่ใช่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดแต่ประการใด
เมื่อมาถึงตอนนี้เป้าหมายต่อไป แม้ว่าจะไปยูเนียนมอลเพื่อไปดูหาซื้อดีวีดีภาพยนตร์ แต่เมื่อต้องไปทางนี้แล้วก็ไปไอทีสแคว์ก็แล้วกัน มีทุกๆอย่างเหมือนกัน นี่ก็เป็นสถานที่ในจำนวนหลายๆที่ๆผมจะพยายามไม่ไป คือจะพยายามจะไปที่อื่นบ้าง แต่ก็ไปไม่รอดต้องมาโดยไม่ตั้งใจเสมอ
ในใจของผมตอนนี้นึกไปถึงตอนที่เจ้าหน้าที่ธนาคารได้ถามผมว่ายังคงทำงานที่เดิมอยู่หรือเปล่า ผมในตอนนี้ไม่ได้นึกอย่างอื่นแต่ตอบไปด้วยความรื่นเริงอย่างแท้จริง
คือในตอนนี้ผมมีธุรกิจเด็กๆในชีวิตประจำวัน และสร้างความก้าวหน้าด้วยปัญญาความคิดในแต่ละวัน ถึงจะประสบความสำเร็จๆของผมไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่ได้เงินมาสักสามร้อยบาทต่อวัน ซึ่งในตอนนี้ผมได้นั่งรถผ่านทั้งคนซื้อและคนขาย และที่น่าตกใจก็คือ นัยน์ตาของคนขายมีแววหรือฉายแววมีความสุขมากกว่าคนซื้อ
ผมหันกลับมานั่งคิดถึงตัวตนของผม ผมเองเพียงแต่เห็นพ่อผมเป็นข้าราชการแล้วตนเองก็อยากจะเป็นเหมือนพ่อ ๆที่ทำงานเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพียงเพื่อคำว่าหน้าที่และวินัย และก็ไม่เคยเลยจะมีเงินพอที่จะมีชีวิตที่สะดวกสะบาย ตรงกับข้ามกับเต็มไปด้วยหนี้สินที่เกิดขึ้นเฉพาะกับการแก้ปัญหาของครอบครัวเท่านั้นยังไม่นับหนี้สินที่เกิดจากการสังคม กินเหล้า สูบบุหรี่ หรือเที่ยวผู้หญิง หรือเล่นการพนัน
เมื่อผมมาเป็นข้าราชการแบบพ่อผม ผมก็ตั้งใจจะทำงานด้วยความตั้งใจ แต่ทว่าแม้จะทำดีอย่างไร แม้จะคิดทำเพื่อประโยชน์อย่างใดแต่การทำความดีก็คงได้แต่ความดีอย่างเป็นสัจธรรม
ผมไม่เคยเลยที่จะตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ของธนาคารได้อย่างมีความสุขเหมือนดังในปัจจุบัน ในเรื่องของสมุดบัญชี ที่มีตัวเลขเงินเข้าจากการทำการค้าขายของผมแบบส่วนตัวทุกวัน
ผมนึกได้มาเลยว่า อันที่จริงตระกูลของผมก็เป็นพ่อค้ามาก่อน จะมีพ่อและลุงอีกคนเท่านั้นที่ดันทะลึ่งมาเป็นข้าราชการ ที่ถูกประชาชนตราหน้าว่ากินเงินภาษีของเขา ผมก็เข้าใจอีกว่าทำไมพวกข้าราชการถึงต้องเช้าชามเย็นชาม
ผมสงสารประชาชนที่แต่ละคนหน้าตาซีดเซียว สายตาส่อแววประกายตาแบบไร้ความหวัง และรอยเส้นต่างๆบนใบหน้าที่ปรากฏ ผมพยายามช่วยเหลือเล็กน้อยช่วยซื้อ ช่วยให้กำลังใจเท่าที่ทำได้เพื่อให้เขามีกำลังใจ แต่ผมเองก็กำลังจะแย่กว่าเขาเหมือนกัน
สิ่งที่พบเห็นน่าตกใจยิ่งกว่า สภาพในปัจจุบันนี้ได้บีบคั้นให้คนระดับรากหญ้าอย่าเรียกว่ารากแก้วเลยมันทุเรศ นั้นต่างก็ชิงความได้เปรียบหรือเอารัดเอาเปรียบในทุกเรื่อง เพื่อเพียงแค่อย่างน้อยได้สิ่งที่ตนเองต้องการได้ ที่ได้มาอย่างง่าย เพราะอย่างอื่นที่อยากได้เช่น การถูกหวย การมีเงิน หรืออะไรต่างๆที่ชอบมันมักจะได้มาได้ยาก แต่สิ่งที่ไม่อยากได้มันมักจะได้มาได้อย่างง่ายๆแบบไม่ต้องร้องขอ หรือไม่กล้าเพียงแต่จะนึก
ผมช่วยแล้ว อย่างน้อยจิตใจก็ผมก็พยายามจะช่วยเหลือทุกคนเท่าที่จะทำได้ และสิ่งที่อยากจะได้ ผมได้สรุปออกมาแล้วว่า จะได้มาอย่างไร คือถ้าเรามั่นใจในสติปัญญาของเราว่าสามารถจริง เราก็ต้องใช้สติปัญญาของเราให้สามารถได้จริงๆ เช่น การหาเงินเป็นต้น หรือการรับราชการให้ก้าวหน้าเป็นต้น แต่ต้องเข้าใจว่าการรับราชการนั้นแม้ว่าจะมีสติปัญญาเพียงใดก็ใช่ว่าจะเป็นตัวชี้ว่าจะทำให้รุ่งเรืองเจริญก้าวหน้า แต่ว่าต้องขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีด้วย
นึกย้อนไปในเรื่องพงศาวดารจีนทุกๆเรื่องที่ได้อ่านผ่านมา มาถึงวันนี้เพิ่งได้คิดว่าจริงตามนั้นทุกประการ
เป็นพ่อค้าน่าจะแฮปปี้ที่สุดในขณะนี้ บรรพบุรุษของผมที่ตอนนี้อยู่สรวงสวรรค์เป็นส่วนมากในตอนนี้คงปรบมือชอบใจเป็นการใหญ่ ผมนึกเอาเอง และคาดว่าผมคงคาดเดาไม่ผิด
15 มีนาคม 2551 17:31 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ในตอนเช้า สะพั่ง ได้อาศัยรถยนตร์ของภรรยาสุดที่รักมาลงที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนของลูก เมื่อลงแล้วเขาก็ขยับเสื้อและกางเกงให้ดูเรียบร้อย และจัดกระเป๋าสพายให้เข้าที่เข้าทางแล้วเริ่มเดินก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ
บนรถเมล์สายเดิมเขาก็ไปนั่งข้างหน้าสุดที่ที่เขาจะไม่ต้องลุกให้ใครนั่ง สักพักคนบนรถก็แน่นแต่อย่างไรก็ตามยังมีตัวถังเครื่องบุนวมขวางอยู่ หากไม่พอนั่งจริงๆเขาหรือเธอก็จะนั่งบนตัวถังเครื่องดังกล่าวได้ สักพักก็มีเด็กกับผู้หญิงซึ่งเป็นแม่มานั่ง ผมก็ขยับตัวขยับขาขวาให้ลีบเข้ามาเพื่อเด็กและแม่เด็กจะได้นั่งเข้ามาได้ เกิดอะไรขึ้นทำไมผมถึงไม่ลุกให้นั่ง ก็อย่างที่บอกเด็กและแม่เด็กก็นั่งอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะลุกให้คนนั่งนั่ง แต่อย่างไรก็ตามไม่สบายใจ ก็ต้องคิดว่าหากลุกแล้วใครจะนั่ง คงจะเป็นแม่นั่งมากกว่าเด็กก็คงจะนั่งบนตัวถังเหมือนเดิม หรือเด็กจะนั่งแม่ก็ต้องนั่งบนตัวถังเหมือนเดิม ไม่มีทางที่จะนั่งตักกันให้ลำบาก
แต่พอรถมาถึงหน้าโรงพยาบาลพวกเขาก็ลง ผมเดาได้แล้วตั้งแต่ที่เด็กทำส่งเสียงไอแบบไม่สบายออกมา
ผมลงมาที่รถไฟฟ้าบีทีเอส ไปดูอัตรา ไปแลกเหรียญ แต่ดันใส่เหรียญก่อนแล้วกดปุ่มที่จะลง มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอจัดการให้เสร็จ ผมก็มองหน้าเธอด้วยความสำนึกในบุญุคุณแห่งความเมตตาและกรุณาที่หาได้ยากเย็นยิ่งในปัจจุบัน และผมก็ขำในความใจร้อนของผมเอง ที่ไม่ยอมอ่านอะไรให้เข้าใจก่อนที่จะกระทำ
เมื่อรถไฟฟ้ามาถึงที่สยามดิสคอฟเวอรี่ผมก็ลงไปทำธุระซื้อใบสมัครสอบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาให้แก่ลูก ซื้อเสร็จแล้วก็เดินไปเข้าร้านกาแฟ หะแรกพอมองราคาก็ตกร้อยกว่าบาท กะจะถอยออกมาแล้ว แต่ว่าก็ลองดูว่ากินกาแฟราคาร้อยกว่าบาทต่อแก้ว นั่งละเมียดชิดกระจก ดูรถราขวักไขว่ คนเดินไปเดินมา แต่งตัวกันตามสมัยตามแต่ละวัยจะชอบ ในสายตาของเขาที่มองดูผมเขาอาจจะคิดอิจฉาผมว่าช่างเสพสุขสบายดียิ่งเหลือเกิน ระหว่างที่กำลังเพลินๆนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณก็ดังขึ้น
โหล พี่พั่ง เหรอ
ครับ ผมพูด
ตกลง ผมปล่อยให้พี่ก็แล้วกันนะครับสี่พันหนึ่ง
ครับ บังเอิญอยู่ข้างนอกแล้วพี่จะโอนเงินให้ในวันพรุ่งนี้
ครับ
แล้วผมก็กดวางหูเก็บโทรศัพท์แล้วนั่งคิดต่อว่า ความจริงผมไม่อยากได้แต่ลองเคาะประมูลทางอินเตอร์เน็ตไปอย่างนั้นเอง แต่ได้ก็สมหวังเพราะว่าจะนำเอาไปปล่อยประมูลต่อไปหากำไรสักหนึ่งร้อยบาทถึงสามร้อยบาทถ้าทำได้
สักพัก ไอ้น้องอีกคนก็โทรศัพท์มา พี่ผมประมูลพระพี่หนึ่งองค์ ขอทราบเบอร์ธนาคารพี่หน่อย
ขอโทษน้อง พี่อยู่ข้างนอก จำเบอร์ไม่ได้ ไม่เป็นไรน้อง เรารู้จักกันแล้วพรุ่งนี้ก็ได้
ผมนั่งยิ้มกริ่มแม้ว่าบางอันจะขาดทุนยับเยินแต่อย่างไรก็ตามในวันนี้ก็ได้เงินมาตามที่ตั้งใจแล้ว และหากได้ตั้งใจทำการค้าออนไลน์จริงๆขึ้นใช้สมองให้มากขึ้นคงจะมีรายได้เข้ามาชดใช้กับที่ขาดทุนไป เพียงแค่ความหวังแค่วันละหนึ่งร้อยบาทถึงสามร้อยบาทแค่นี้ ผมก็ยิ้มให้กับตนเอง และมีความหวังต่อไปกับชีวิตที่มีแต่ความผันผวน และนี่เองแหละที่คนที่ทำการค้าจะมีเงินทอง มีใบหน้ายิ้มแย้มมากกว่าคนที่ไม่ได้ทำการค้า หรือพวกที่พึ่งเงินเดือนอย่างเดียว
พอห้างเปิด ผมก็ลุกจากร้านกาแฟฝรั่ง แล้วเดินชมการค้าภายในห้างด้วยความอิ่มเอมในใจ ที่หากใครก็ตามที่มีเงินไหลเข้าบัญชีธนาคารทุกวันๆละเพียงแค่สามร้อยห้าสิบบาทก็มีความสุขทั้งนั้น แล้วผมก็มองพิจารณาแต่ละร้านในการมีไอเดียในการหาเงิน
เบื่อแล้วผมก็นั่งรถไฟฟ้ากลับบ้าน ซื้อผักซื้อผลไม้เพื่อกลับไปทำกับข้าวเลี้ยงนายแม่และลูกๆตามหน้าที่พ่อบ้านต่อไป
พอมีเวลาว่าง ก็จะออนไลน์ทันที เพียงแค่สามร้อยบาทต่อวัน สักวันเมื่อเกิดทักษะในเรื่องการค้า เหมือนน้าอิมซังก๊ก แล้ว อิมซังพั่ง ก็คงจะเป็นนายห้างกับเขาบ้างซะที