24 กันยายน 2552 19:11 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
การสำแดงความฉลาดออกมาให้ปรากฏเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องการจะทำอยู่แล้ว
ตั้งแต่เป็นเด็กมาก็ต้องการอย่างงี้
แต่ทว่าเมื่อโตแล้วใช่ว่าจะหดหายไป
เชื่อไหม กลับมีคนที่บ้าจะแสดงความฉลาดออกมาอย่างนอกหน้าและลนลาน
ผมนั่งมองตาคนบ้าลึกเข้าไปลึกเข้าไป
มันเข้าใจที่มันพูดหรือเปล่าน๊ะ
ผมสงสัยจริงๆ
บางที เมื่อเขารีบพูด แล้วรีบขออนุญาตกลับบ้านก่อนคนอื่นเขาเนี่ย
มันคงจะกลับไปหัวเราะเยาะคนฟัง จนท้องแข็ง ขากรรไกรค้างเสียมากกว่า
ไม่รู้คนฟังหรือคนพูดกันแน่ที่บ้า หรือคนที่เข้าใจที่พูดนี่บ้าที่สุด
หุบเขาปีศาจ
อยู่ๆก็ดันมีเรื่องหุบเขาปีศาจ
หนังสือพงศาวดารจีนผมก็มีเรื่องเลียดก๊ก แต่ก็ไม่เห็นมีเรื่องหุบเขาปีศาจ
ทำไปทำมาทำท่าจะเชื่อว่ามีจริง
เดี๋ยวก็ต้องไปดูกันที่จีน
เหมือนไปดูวัดเสี้ยวลิ้มให้สะใจสำหรับชาวยุทธจักรกำลังภายในชาวเรา
หมอดูเพื่อนผมนั่งใช้ไพ่ยิบซีทายอนาคตให้ผม
ผมถามไปว่างวดนี้จะถูกหวยไหม
หมอดูไพ่ยิบซีมองลงไปที่ไพ่นิดหนึ่ง ผมก็มองตามมันว่ามันดูอะไร
สักพักมันเงยหน้าขึ้นมา แล้วแสยะยิ้ม
แล้วส่ายหัวยิ้มแย้ม ไม่มีทางถูกเลย
ผมพร่ำบนโชคดีให้เขาฟังว่า ดีนะที่ไม่ซื้อ
ลับหลังหมอดูเพื่อนผมผมย่องไปซื้อล๊อตเตอรี่ราคาหนึ่งร้อยสิบบาท
ซื้อมาใบหนึ่ง
พอตอนเย็นกลับถึงบ้าน
ดูเลข โป๊ะ ถูกสองตัว
ซื้อก็ซื้อไปอย่างงั้น รั้นๆดื้อๆไป กลับถูกจนหัวร่องอหาย
เพราะสมมุติฐานประการแรกของหมอดูก็คือ เดา
และสองมักจะทายผิด ดังนั้น จึงใช้โอกาสนี้ทดลองความคิด
ว่ากันว่าในตอนนี้แม้แต่เด็กๆก็เขียนยุทธศาสตร์ได้
และบางครั้งยังเล่นเกมส์ยุทธศาสตร์ได้อย่างสนุกสนาน
วันหนึ่งผมต่อคอมพิวเตอร์ในบ้านในระบบเครือข่ายเล่นเกมส์สงครามกับลูก
ผมมั่นใจว่าวิชาทั้งหลายที่ผมเรียนมาหลักการเพียบคงจะเอาชนะลูกได้
คิดผิด
นักยุทธศาสตร์เยอะไปหมดหรือมากไปจนไม่มีคนทำงาน
การเปลี่ยนแปลงความยากให้เป็นความง่ายเนี่ยเป็นเรื่องของคนฉลาด
แต่การเปลี่ยนเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ทำเป็น
ในความเป็นจริง
ไม่ทุกอย่างกลับตายไว เล่นทุกอย่างกลับตายช้า
ก็บอกไม่ได้ว่า หรือด่วนสรุปได้ว่า ดีหรือไม่ดี
แต่เวลาตายเรื่องจริงที่รู้ทุกคนว่าไม่สามารถรู้ล่วงหน้า
พระท่านก็เขียนปิดต้นไม้เอาไว้เยอะแยะไปหมดแต่ลืม
บางทีสิ่งที่ผมได้รับ ความยาก ความจน ความอับโชค ความมีโชค
คงเป็นรสชาติล้ำเลิศจากสวรรค์
ที่ประทานให้
ฝรั่งเรียกว่า การได้ใช้ชีวิต
ความมันของชีวิตอยู่ที่ตรงนี้เอง
การอดทนต่อความสบายสุขยากที่จะทนได้
ยิ่งต่อการลำบาก อัตคัต ฯลฯ ก็ไม่ยากไปกว่าสักเท่าไหร่
เศรษฐีก็มีทุกข์
มีบางคนยกมือ ตะโกนก้อง อยากมีทุกข์แบบเศรษฐีบ้าง
ยกมือกันจ้าละหวั่นเชียว
แม้แต่จะพยายามทำความเข้าใจต่อหน้าที่ของตัวตนอื่นแล้ว
แต่ก็ยังไม่อาจหวลคืนร่องรอยเดิม
ผมนั่งมองแมงสาบขวักไขว่ในเวลาของมัน
มันคงจะตามล่าเก็บเศษอาหารเกลื่อนๆในบ้านให้เรา
และเมื่อถึงเวลามันก็ออกจากที่ทำงานกลับบ้าน
เว้นแต่บางตัวหลงระเริงแสงสี
จนข้ามเส้นเขตเวลา
และเมื่อคนมาเจอเข้า
แบนไป
ผมได้ยินเสียงหนูวิ่งกันสนุกสนานบนฝ้าเพดานห้องนอนผม
สำหรับคนขวัญอ่อนแล้วอาจคิดไปเป็นภูตผี
ผมเกิดปีชวด
ผมหัวเราะ พวกเดียวกัน สนุกใหญ่เชียว
หรือว่าลูกแมวที่โดนหมางับคอมาแล้วและหมดแรง
แม้ว่าตัวมันจะเย่อหยิ่งและทรนงเกินกว่าที่จะให้คนมาลูบไล้
แต่ด้วยความเมตตาปราณีอุตส่าห์ประคบประหงม
จนสามารถลูบหัวตัวได้อย่างยินยอม
ในวาระสุดท้ายของมัน
หรือข้างบ้านที่ยังสาละวนอยู่กับการจ้องข้างบ้าน
จ้องเรื่องต่างๆ
หรือแม้แต่เล่นของไส่กัน
อีกฝ่ายหนึ่งก็หาของแก้
สุดท้าย
ปืนพร้อมกระสุนรอไว้แล้ว
ที่ติดคุกก็คงโอดครวญ
ที่เจ็บตัว หรือ สบายตัวไปแล้ว ก็ต่างเข็ดหรือยังไม่เข็ด
ในยามค่ำคืนที่มืดมิด
ยอดตึกที่สูงแย่งกันพุ่งขึ้นฟ้า
ต่างอวดประชันแสงสีแวววับ
ในแต่ละยอดตึก
อาจมียอดคนซุ่มซ่อนกาย
จิบบรั่นดี หรือน้ำวายน์ อย่างละเมียด
แต่งตัวด้วยเครื่องประดับอาภรณ์เริด
แต่ทว่าเมื่อไฟดับ
ผับปิด
และจบลงด้วยการนอนหลับแล้ว
หลับกันทั่วหน้าแล้ว
24 กันยายน 2552 14:06 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
เกาหลีซีรีส์สามารถเรียกน้ำตาจากผมได้เสมอ
ในตอนที่จูมง โดนลูกน้องตัวโปรดทรยศด้วยเหตุผล
ทุกคนย่อมมีเหตุผล
จูมงกลับคุกเข่าลงและขออภัยต่อลูกน้องของเขา
น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินเป็นแควต่างๆ
ย่อมบ่งบอกออกมาแล้วว่าหัวใจต่างกายบัดนี้ได้รวมเป็นหนึ่ง
แต่ในเรื่องจริงของไทย
น้ำตาลูกน้องที่ทรยศหลั่งไหล
มันกลับกลายเป็นความรู้สึกที่กึ่งขำและตราหน้าว่าเป็นการแสดง
น้ำตาของคนๆหนึ่งที่ไม่สามารถจะกลั้นไว้ได้
เพราะโดนนายที่ตนเองทุ่มเททำงานให้หักหลัง
มันคงจะมีรสชาติแปร่งปร่าชอบกล
แต่ทว่าคุ้นซะแล้ว
หัวใจที่ตีบตันกลับค่อยๆผ่อนความเร็ว
กลับกลายเป็นจังหวะของหัวใจที่หนักแน่น
วันเวลามักจะเป็นตัวที่เยียวยาให้แก่สิ่งต่างๆอยู่เสมอ
และความลืมหลงที่หลายคนรังเกียจกลับช่วยเหลือตัวตนที่อาศัยอย่างไม่คิดชีวิต
มันเข้าหลักการของความจริงแท้อีกแล้ว
ว่าไม่มีทางที่คนๆหนึ่งจะเศร้าได้ตลอดกาล
ในท่ามกลางของเสียงหัวเราะเย้ยหยันไยไพลับหลัง
แต่ทว่ากลับรู้ได้ด้วยการสะอึก
เสียงหัวเราะแม้จะเงียบหายไปนาน และการสะอึกก็หายไปนานแล้ว
ความแค้นในหัวใจยังคงมีอยู่แม้จะไม่มากแต่ก็บางเบาพอที่จะปะทุขึ้นมาอีกเมื่อพบสิ่งกระตุ้น
ฉับพลันสิ่งต่างๆที่เคยผ่านมาประดังเข้ามาในสมองนับไม่ถ้วน
บางครั้งก็ทำให้หลงลืมเรื่องแรกของเรื่องแรกเรื่องแล้วเรื่องเล่า
ที่สุดก็เผลอลืมไป
ในยามที่สะดุ้งตื่นจากความคิด
พบว่าในขณะนั้นมันไม่ได้ที่จะคิดเรื่องเดิมอีกต่อไป มันเป็นเรื่องอื่นไปแล้ว
ผมยิ้มให้กับตนเอง
คำว่าทำวันนี้ให้เป็นวันที่ควรนึกถึงอย่างมีความสุขกับเป็นเรื่องที่ดีจริง
มีแต่เวลาที่จะทำให้วันนี้เป็นวันที่เป็นวันดียิ่งวันหนึ่งของชีวิตอยู่
จึงไม่มีโอกาสจะย้อนกลับไปคิดเรื่องใดได้อีก
น้ำตาที่หลั่งไหลจากการทำความชั่วและทำร้ายตนเองช่างเป็นน้ำตาที่ยากยิ่งที่จะทำอีก
แต่ก็เป็นน้ำตาที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
และโอกาสที่เกิดน้อยมากยิ่งตามสัดส่วนโดยตรงกับอายุ
แต่ก็ไม่แน่กับบริบทของชีวิต
ที่มักจะมีปัญหาเสมอ
และเมื่อวันนั้นมาถึงวันไหนไม่รู้
การเป็นคนดีคงจะไม่มีวันต้องการคาดเดาการหลั่งน้ำตาให้จากใครๆ
มีแต่คนไม่ดีเท่านั้นที่มุ่งประสงค์น้ำตามากๆ
ผมกำลังจะเหนี่ยวไก
ปากกระบอกของผมเล็งไปที่คนที่ชอบก่อการร้าย
มันตัวสั่นงันงก น้ำตาไหลพราก ขี้มูกน้ำลายย้อย และวิงวอน
แม้แต่ประกายตาของมันก็บ่งบอกออกมาว่ากลัวอย่างที่สุด
ผมกลับลดปากกระบอกปืนลงและเริ่มหัวเราะทั้งน้ำตา
แม้ว่าลูกน้องเพื่อนญาติของผมจะโดนมันทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
แม้อารมณ์ของผมจะกระเจิดกระเจิงแล้วด้วยความแค้น
ผมหลั่งน้ำตาให้ประดาเขาเหล่านี้
แต่ทว่ามนุษยธรรมมันตะโกนก้องขึ้นมาอย่างฉุกเฉิน
ผมไม่ได้กลัว ผมไม่กลัวอะไรแล้ว
ฉับพลันเสียงคนที่ถูกมันกระทำต่างก็เรียกร้องขอความเป็นธรรมเกิดขึ้นในจิตใจอย่างสับสน
มือของผมสั่น ใจของผมแค้น จนเนื้อเต้น มือของผมกลับเกร็งและเย็นเฉียบ
ไขสันหลังของผมเสียวแปลบด้วยความแค้นถึงจุดสุด
ผมตัดสินใจแล้ว
บางครั้งการทำความชั่วอันเลวทรามของมันก็ควรที่จะได้รับการตอบแทน
แต่เป็นการตอบแทนที่สวรรค์ควรกระทำด้วยตัวเองดีกว่ากระมัง
ผมไม่กลัวปล่อยเสือเข้าป่า
และแล้วก็นึกถึงเรื่องราวของขงเบ้งสมัยปล่อยเบ้งเฮกสิบครั้ง
ผมเก็บปืน
แล้วปล่อยมันไป
มันคงไม่เชื่อสายตา
แต่ทว่าผมก็ปล่อยมันไปจริงๆ
ในเมื่อการทำความดีแล้วคิดเอาเองว่าไม่ได้ดี
แต่หากพิเคราะห์ให้ดีๆแล้วจะรู้ว่าที่ไม่ได้กลับกลายเป็นได้อย่างมหาศาล
ดังนั้นในโอกาสนี้ก็เช่นเดียวกัน คงจะเหมือนกัน
มันคงคิดว่าน้ำตาของมันช่วยมันไว้
แต่เปล่าผมคิด ผมปล่อยให้เป็นเรื่องของสวรรค์ลงโทษกันเองดีกว่า
ผมเฝ้าชมติดตามเรื่อง band of brother
ก็อดน้ำตารินไม่ได้
เรื่องมูยุนก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้
นี่กลับกลายเป็นว่าทุกเรื่องที่ดูกลับหลั่งน้ำตาเป็นประจำ
หัวใจที่กลั่นน้ำตาออกมา
ย่อมเป็นหัวใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
อย่างน้อยก็ในห้วงระยะเวลาหนึ่ง
ผมยักไหล่ให้กับความคิดที่ไม่ควรจะเป็นในระยะเวลาที่ควรจะเป็น
ทำไมผมถึงมักเป็นเช่นนี้
ในสิ่งที่ควรจะทำสิ่งหนึ่งอย่างยิ่งกลับไม่ทำซะงั้น
แต่ในบางสิ่งที่ไม่ควรกระทำกลับกระทำ
ผมไม่อยากอรรถาให้ใครหรือแจกแจงให้ใครเข้าใจ
แล้วแต่จะวิพากษ์
ผมมีความคิดของผม
มันอาจจะตื้นเขินในสายตาภายนอก
แต่ทว่าก็ไม่รู้อยู่ดีในความคิดของผมเอง
น้ำตาที่หลั่งมาไม่ได้มีคุณค่าอะไร
หยาดออกมาแล้วก็ระเหยไป
แต่มั่นใจว่า
หัวใจของผมดีขึ้น
24 กันยายน 2552 13:30 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
เกาหลีซีรีส์สามารถเรียกน้ำตาจากผมได้เสมอ
ในตอนที่จูมง โดนลูกน้องตัวโปรดทรยศด้วยเหตุผล
ทุกคนย่อมมีเหตุผล
จูมงกลับคุกเข่าลงและขออภัยต่อลูกน้องของเขา
น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินเป็นแควต่างๆ
ย่อมบ่งบอกออกมาแล้วว่าหัวใจต่างกายบัดนี้ได้รวมเป็นหนึ่ง
แต่ในเรื่องจริงของไทย
น้ำตาลูกน้องที่ทรยศหลั่งไหล
มันกลับกลายเป็นความรู้สึกที่กึ่งขำและตราหน้าว่าเป็นการแสดง
น้ำตาของคนๆหนึ่งที่ไม่สามารถจะกลั้นไว้ได้
เพราะโดนนายที่ตนเองทุ่มเททำงานให้หักหลัง
มันคงจะมีรสชาติแปร่งปร่าชอบกล
แต่ทว่าคุ้นซะแล้ว
หัวใจที่ตีบตันกลับค่อยๆผ่อนความเร็ว
กลับกลายเป็นจังหวะของหัวใจที่หนักแน่น
วันเวลามักจะเป็นตัวที่เยียวยาให้แก่สิ่งต่างๆอยู่เสมอ
และความลืมหลงที่หลายคนรังเกียจกลับช่วยเหลือตัวตนที่อาศัยอย่างไม่คิดชีวิต
มันเข้าหลักการของความจริงแท้อีกแล้ว
ว่าไม่มีทางที่คนๆหนึ่งจะเศร้าได้ตลอดกาล
ในท่ามกลางของเสียงหัวเราะเย้ยหยันไยไพลับหลัง
แต่ทว่ากลับรู้ได้ด้วยการสะอึก
เสียงหัวเราะแม้จะเงียบหายไปนาน และการสะอึกก็หายไปนานแล้ว
ความแค้นในหัวใจยังคงมีอยู่แม้จะไม่มากแต่ก็บางเบาพอที่จะปะทุขึ้นมาอีกเมื่อพบสิ่งกระตุ้น
ฉับพลันสิ่งต่างๆที่เคยผ่านมาประดังเข้ามาในสมองนับไม่ถ้วน
บางครั้งก็ทำให้หลงลืมเรื่องแรกของเรื่องแรกเรื่องแล้วเรื่องเล่า
ที่สุดก็เผลอลืมไป
ในยามที่สะดุ้งตื่นจากความคิด
พบว่าในขณะนั้นมันไม่ได้ที่จะคิดเรื่องเดิมอีกต่อไป มันเป็นเรื่องอื่นไปแล้ว
ผมยิ้มให้กับตนเอง
คำว่าทำวันนี้ให้เป็นวันที่ควรนึกถึงอย่างมีความสุขกับเป็นเรื่องที่ดีจริง
มีแต่เวลาที่จะทำให้วันนี้เป็นวันที่เป็นวันดียิ่งวันหนึ่งของชีวิตอยู่
จึงไม่มีโอกาสจะย้อนกลับไปคิดเรื่องใดได้อีก
น้ำตาที่หลั่งไหลจากการทำความชั่วและทำร้ายตนเองช่างเป็นน้ำตาที่ยากยิ่งที่จะทำอีก
แต่ก็เป็นน้ำตาที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
และโอกาสที่เกิดน้อยมากยิ่งตามสัดส่วนโดยตรงกับอายุ
แต่ก็ไม่แน่กับบริบทของชีวิต
ที่มักจะมีปัญหาเสมอ
และเมื่อวันนั้นมาถึงวันไหนไม่รู้
การเป็นคนดีคงจะไม่มีวันต้องการคาดเดาการหลั่งน้ำตาให้จากใครๆ
มีแต่คนไม่ดีเท่านั้นที่มุ่งประสงค์น้ำตามากๆ
ผมกำลังจะเหนี่ยวไก
ปากกระบอกของผมเล็งไปที่คนที่ชอบก่อการร้าย
มันตัวสั่นงันงก น้ำตาไหลพราก ขี้มูกน้ำลายย้อย และวิงวอน
แม้แต่ประกายตาของมันก็บ่งบอกออกมาว่ากลัวอย่างที่สุด
ผมกลับลดปากกระบอกปืนลงและเริ่มหัวเราะทั้งน้ำตา
แม้ว่าลูกน้องเพื่อนญาติของผมจะโดนมันทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
แม้อารมณ์ของผมจะกระเจิดกระเจิงแล้วด้วยความแค้น
ผมหลั่งน้ำตาให้ประดาเขาเหล่านี้
แต่ทว่ามนุษยธรรมมันตะโกนก้องขึ้นมาอย่างฉุกเฉิน
ผมไม่ได้กลัว ผมไม่กลัวอะไรแล้ว
ฉับพลันเสียงคนที่ถูกมันกระทำต่างก็เรียกร้องขอความเป็นธรรมเกิดขึ้นในจิตใจอย่างสับสน
มือของผมสั่น ใจของผมแค้น จนเนื้อเต้น มือของผมกลับเกร็งและเย็นเฉียบ
ไขสันหลังของผมเสียวแปลบด้วยความแค้นถึงจุดสุด
ผมตัดสินใจแล้ว
บางครั้งการทำความชั่วอันเลวทรามของมันก็ควรที่จะได้รับการตอบแทน
แต่เป็นการตอบแทนที่สวรรค์ควรกระทำด้วยตัวเองดีกว่ากระมัง
ผมไม่กลัวปล่อยเสือเข้าป่า
และแล้วก็นึกถึงเรื่องราวของขงเบ้งสมัยปล่อยเบ้งเฮกสิบครั้ง
ผมเก็บปืน
แล้วปล่อยมันไป
มันคงไม่เชื่อสายตา
แต่ทว่าผมก็ปล่อยมันไปจริงๆ
ในเมื่อการทำความดีแล้วคิดเอาเองว่าไม่ได้ดี
แต่หากพิเคราะห์ให้ดีๆแล้วจะรู้ว่าที่ไม่ได้กลับกลายเป็นได้อย่างมหาศาล
ดังนั้นในโอกาสนี้ก็เช่นเดียวกัน คงจะเหมือนกัน
มันคงคิดว่าน้ำตาของมันช่วยมันไว้
แต่เปล่าผมคิด ผมปล่อยให้เป็นเรื่องของสวรรค์ลงโทษกันเองดีกว่า
ผมเฝ้าชมติดตามเรื่อง band of brother
ก็อดน้ำตารินไม่ได้
เรื่องมูยุนก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้
นี่กลับกลายเป็นว่าทุกเรื่องที่ดูกลับหลั่งน้ำตาเป็นประจำ
หัวใจที่กลั่นน้ำตาออกมา
ย่อมเป็นหัวใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
อย่างน้อยก็ในห้วงระยะเวลาหนึ่ง
ผมยักไหล่ให้กับความคิดที่ไม่ควรจะเป็นในระยะเวลาที่ควรจะเป็น
ทำไมผมถึงมักเป็นเช่นนี้
ในสิ่งที่ควรจะทำสิ่งหนึ่งอย่างยิ่งกลับไม่ทำซะงั้น
แต่ในบางสิ่งที่ไม่ควรกระทำกลับกระทำ
ผมไม่อยากอรรถาให้ใครหรือแจกแจงให้ใครเข้าใจ
แล้วแต่จะวิพากษ์
ผมมีความคิดของผม
มันอาจจะตื้นเขินในสายตาภายนอก
แต่ทว่าก็ไม่รู้อยู่ดีในความคิดของผมเอง
น้ำตาที่หลั่งมาไม่ได้มีคุณค่าอะไร
หยาดออกมาแล้วก็ระเหยไป
แต่มั่นใจว่า
หัวใจของผมดีขึ้น
12 กันยายน 2552 19:30 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
เพื่อนผม เทิง เพื่อนผม หน่อง และผม ต่างก็คว้าปืนติดตัวไปคนละสองกระบอก แต่ผมติดไปกระบอกเดียว
ผมรู้ว่ามันจะต้องไปจับหมาของมันที่มันแหกคอกหนีออกไป
รถผ่านวัดช้างไห้
เอ้ย เทิง กูอยากไหว้หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้
เทิง มองหน้าผม กวนๆ กูไม่ไป
ไอ้หน่อง ก็เสริม นายเทิง แล้วขำขัน
ผมไม่เข้าใจว่า มันเห็นหมา ดีกว่าเพื่อนได้ยังไง
แต่คำถามนี้ ผมกลับไม่กล้าถามมัน เพราะว่ากลัวมันจะมีคำตอบที่ชัดเจนกลับมา
สู้งอนๆดีกว่า
เมื่อถึง
ไอ้เยลโล่ มันกำลังสนุกสนานในการไล่งับไก่ชนชาวบ้าน
คือถ้าเป็นไก่บ้านก็ว่าน่าเกียจแล้ว
แต่ทว่าไอ้เยลโล่วเนี่ย มันชอบไล่งับไก่ชน
ขอประทานโทษที่เรียกว่า ไอ้ นะครับ
คำว่าไอ้ ในกลุ่มของผมเนี่ย เปรียบเสมือนได้กับคำว่า พะนะท่าน ทีเดียวนะครับ
ผมมองดู นายเทิง เพื่อนผม มันเป็นเจ้าของหมาตัวจริง
นิสัยหมาผมไม่รู้จักเพราะเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก
แต่นิสัยของเพื่อนผม นายเทิง ผมรู้ดี
ดื้อโคตรโคตร
นายเทิง เดินไปใช้คำสั่งโหวกเหวก ถือไม้ขู่ แต่เชื่อไหมไม่ได้ตีเลย และแรงหมาฝรั่งที่ไม่สามารถรู้ชื่อพันธ์ของมันได้ เนี่ย มันไม่สนใจจริงๆ
แต่ในที่สุดเพื่อนผมก็ลากมันกลับมาได้
มันก็เอาอาหารสุนัขอย่างแพงป้อนให้มันกิน
และมันก็เอาอาหารสุนัขชิ้นหนึ่ง ให้ไอ้หน่อง เพื่อนผม
ไอ้หน่องทำท่างง แต่ทว่า ก็เรียกเยลโล่
ไอ้เยลโล่ว ไม่ได้มีความสนใจเลย
ผมเห็นเข้าผมก็เลยหัวเราะ ไอ้หน่อง
เอางี้ มึงดูกู
และแล้วผมก็ส่งเสียงเป็นภาษาใต้ อ๋ายเยลลลลโหล๋ววววว
ได้ผลครับ มันเดินมาหาทันที
แล้วไอ้หน่องก็ยื่นอาหารแท่งบางๆยาวๆให้มันกิน
มันงับดังปับ เหมือนเสียงจะเข้งับปากทีเดียว
ไอ้หน่องแหยง
แม้ว่า ไอ้เทิงจะขยั้นคะยอให้หน่องให้อาหารอีก
แล้วมันก็เอามาให้ผม
ผมหัวเราะ
ผมก็ให้อาหารใอ้เยลโล่ว แม้ว่ามันจะงับแต่ทว่าจังหวะของการให้ก็ต้องดีอย่าไปกลัว หากกลัว ไอ้เยลโล่วหมาฉลาดแต่ดื้อจะงับเผื่อ
เมื่อให้อาหารสุนัขแล้ว
ไอ้หน่องก็คิดว่าคงทำให้สุนัขมันไม่หวงตัวเวลาจับตัวมัน
แต่มันเนี่ยคือ ไอ้หน่อง คิดว่ามันเนี่ย คือไอ้เยลโล่ว จะไม่หวง
แต่กลับกลายเป็นว่ามันขู่ยังกะสิงห์โตขู่
ผมก็ลองมือหนึ่งกระดิกๆและจะจับปากมัน
ปั๊บ ดังสนั่น เมื่อมันงับมือผมทันที
ผมหัวเราะ เพราะผมก็วางมือในลักษณะที่ตกใจกำหมัดไว้แล้วทำให้ปลายนิ้วจะหุบเร็วยิ่งกว่าต้นไมยลาภเสียอีก
ไอ้หน่อง กลืนน้ำลาย
แต่ผมกลับยิ้มแย้มแจ่มใส และบอกกลับไอ้หน่องว่า
หนึ่งคือ เตรียมป้องกันไว้แล้วไม่ประมาท
สอง คือ พระดี
ขอบพระคุณที่ติดตาม
12 กันยายน 2552 19:10 น.
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผม สะพั่ง สะท้านไมภพ ขับรถมาสด้า สามสองสาม จีแอลเอ็ก สีเทา แล่นตะบึงควันคละคลุ้ง ผ่านไปบนถนนพหลโยธิน และเป็นเส้นทางที่ใช้ทุกวันแบบไม่ต้องคิด ขับทุกวัน จากราชดำเนิน ถึง สพานใหม่
อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นรถใหม่มันจะไม่ดีกว่าที่เป็นอยู่หรอกหรือ
แล้วสะพั่ง ก็คิดขึ้นได้ว่า มีตังค์แค่เติมน้ำมันก็พอแล้วละมั๊ง
ผมอดชื่นชมความรู้เรื่องรถยนต์คู่ใจของผมไม่ได้ เวลาที่มีอาการอย่างนี้ผมก็รู้เลยว่าจะต้องทำอะไร เรียกได้ว่า หากมุกเก่ามาละก็ยิ้มไม่ต้องอาศัยช่างรถยนตร์มาวิเคราะห์ตีความ แต่ทว่าหากเป็นมุกใหม่ละก็ ต้องค่อยๆคิดอีกที
ไฟแดงตรงที่แห่งหนึ่ง
มันเป็นความเจ็บปวดปนขบขัน
มันทำให้ผมโดนค่าปรับ ห้าร้อยบาท และ โดนไปรษณีย์ แฮฟไปอีกราว แปดสิบ
แต่มันก็ทำให้ผมไม่ลืมว่า
ณ ที่แห่งนี้ จะต้องค่อยๆ ใจเย็นๆ มิฉะนั้นเงินเดือนอาจไม่พอใช้
ตำรวจชอบตั้งกลุ่มโบกรถ
แล้วมันจะโบกทำไมว่ะ
แต่เมื่อเขาเห็นรถของผมแล้วก็โบกมือให้ผ่านไปได้เลย
แม้แต่วันหนึงลืมเปิดกระจกรถทิ้งไว้
ทีแรกค่อนข้างจะตกใจ
แต่พอนึกได้ว่าจะตกใจไปทำไม
ก็เลยไม่รู้จะตกใจไปทำไม
เพราะสิงที่มีค่ามากที่สุดก็คือ รองเท้าทำงาน คู่หนึ่ง เก่าแล้วด้วย
ผมเพียงเกรงแต่ว่า มันจะสะบัดไม่มองด้วยซ้ำไป
น้ำมันก็ลดราคาลงแล้ว
แต่เติมแล้วก็เป็นพันอยู่ดี
คำพูดของช่างติดฟิลม์กรองแสงคนหนึ่งบอกว่า
เปิดแอร์ไปเถอะครับ เย็นสบายกว่าไม่ต้องร้อน
แต่ทว่าผมก็ไม่ยอมเปิดหากไม่จำเป็นจริงๆ เช่น ฝนตก หรือ มีครอบครัวผมโดยสารไปด้วย
มองผ่านกระจก
นึกๆแล้วก็ขำๆ
และบ้าบอจริงจริง
ผมถามตัวเองว่า แล้วเอ็งจะรีบไปไหน
เออ ผมนึกถามตัวเองตอบตัวเอง
ไม่รู้เหมือนกันวะ
อ้าว งั้นก็เรื่อยๆมาเรียงๆก็แล้วกัน
แต่ก็เป็นศิลปะเหมือนกันนะที่จะขับรถแบบไม่ใจร้อน ไม่ขับเร็วและไม่ขับช้า
ถึงตอนหนึ่ง ก็ขับไปเรื่อยๆ
มีโอกาสก็ชะลอให้รถคันอื่นๆที่เปิดไฟขอเข้าเลนส์เข้ามาบ้าง
ขับตามๆกันไปไม่ต้องออกไปนอกแนวทางอื่นๆ
เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นๆ
เปิดเพลงลูกกรุงเย็นๆ ผิวปาก หรือ ฮัมเพลงไปด้วย
สะพานข้ามแยกก็ปิดครึ่งเปิดครึ่งหนึ่งเพื่อทำการซ่อม
แต่ทว่าก็เกี่ยวข้องนิดหน่อย แต่ผมก็เลี้ยวออกได้และก็ไม่เกี่ยว
ในค่ำคืนหลังจากที่เพลิดเพลินกับอินเตรนแล้ว
ก็หลับนอน
พอนอนก็นึกอะไรไม่ออกแล้ว
ขอบพระคุณที่ติดตามผลงาน