7 กุมภาพันธ์ 2549 13:20 น.
สร้อยแสงแดง
เห็นโวยวายด่าทอก่อม๊อบทั่ว
เดนมาร์คกลัวหลบลี้หนีหน้า
พวกใจร้อนโดดบี้หมายบีฑา
เหมือนจะฆ่าจะฟันให้บรรลัย
เขียนการ์ตูนล้อเลียนให้เวียนหัว
ฝ่ายหลงมัวหมายจะหักให้ตักษัย
เกิดกระแสทั่วโลกาน่าตกใจ
ส่วนโจอี้โดนเลขท้ายไปหนึ่งเบอร์
เรานั่งเฉยเพราะเคยโดนมาแล้ว
วางระเบิดเป็นแนวจนพังเว่อ
อีกยิงซ้ำพระพุทธเจ้าของเรานะเออ
ยังจำได้ไม่เพ้อ "บามิยัน"
ทีเขาทำเราได้เราไม่ว่า
ทีคนอื่นกล่าวหากลับว่าหยัน
เราก็คนเขาก็คนกันทั้งนั้น
จะกัดกันหาอะไรไม่รู้เลย
6 กุมภาพันธ์ 2549 23:41 น.
สร้อยแสงแดง
วาเลนไทน์ไกล้มาพาวุ่นจิต
เห็นมวลหมู่มิ่งมิตรที่ชิดไกล้
เตรียมอวยพร ส่งใจ ให้ใครๆ
ดอกกุหลาบช่อใหญ่รีบไปดู
บ้างเตรียมหมอนรูปหัวใจให้นอนหนุน
บ้างหาวุ่นกุหลาบแดงแพงสุดกู่
น่าอิจฉาใครต่อใครก็ไม่รู้
เพราะว่าตูไม่มีใครจะให้เลย
6 กุมภาพันธ์ 2549 16:27 น.
สร้อยแสงแดง
ความรักเป็นของแปลก ....
ถ้าไม่เสาะแสวงหา ...ก็ไม่พบ
เมื่อพบแล้ว..ก็เป็นทุกข์
แต่เราก็สมัครที่จะเป็นทุกข์
เราสมัครใจที่จะเจ็บปวด
เพราะเราสมัครใจที่จะรักและคิดถึง
เราสมัครใจที่จะห่วงและหวง
ทั้งๆที่ ... เรายังไม่รู้ว่าเขาเป็นของเราหรือเปล่า
ความรัก .... เปรียบเสมือนเงาของตัวเอง
ถ้าวิ่งไขว่คว้า .... ก็คงจับต้องไม่ได้
ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด
แต่ถ้าหยุดนิ่ง ... ความรักก็ทอดตัวลงไกล้ๆ
นั่งเฉยเถิด .... เราอาจสัมผัสรักได้
แต่ใจเราต่างหาก ... ที่ไมเคยยอมหยุดเลย
ถนอมใจกันไว้บ้างนะ ...
อย่าให้มันต้องชอกช้ำยิ่งกว่านี้เลย
6 กุมภาพันธ์ 2549 16:16 น.
สร้อยแสงแดง
รู้ไหม.....ว่ามีใครคิดถึงตรึงจิต
รู้ไหม.....ว่าใครอยากประสานสมานมิตร
แต่ไม่มีแม้สิทธิ์คิดถึงเธอ
เพราะโลกแห่งความจริงยุ่งยิ่งนัก
แต่โลกแห่งความรักรักเสมอ
และโลกแห่งความฝันฝันละเมอ
โลกของเธอกับฉันนิรันดร
6 กุมภาพันธ์ 2549 13:46 น.
สร้อยแสงแดง
เดือนริบหรี่น้ำแห้งแล้งหนักหนา
รับเงินเดือนแล้วไปจ่ายประปา
ทั้งไฟฟ้ามือถือพีซีที
ออกจากวัดตอนดึกคึกคะนอง
เขาขายของเต็มกลางหว่างวิถี
สพานพุทธพลุกพล่านกันเต็มที
ทั้งเกาะอกผมสีมีดาษดา
ทางด้านซ้ายดอกไม้ขายกันเกลื่อน
ตามทางเถื่อนสวนกุหลาบทางกราบขวา
ยิ่งตกดึกฝูงชนคนหนาตา
คนชราอย่างเราเหงาเหลือทน
เห็นของโหลผิดกฎหมายขายกันเต็ม
ทั้งของหวานของเค็มเต็มถนน
นาฬิกาซีดีผีมีปะปน
เสื้อมีขนเกือกส้นตึกพิลึกจัง
ถึงหน้าวังดังเปรี้ยงเสียงจุดพลุ
แตกประทุแสงสีสุดเสียงสังข์
เขาทำให้ฝรั่งดูเพื่อเก็บตังค์
ฉายไฟส่องเวียงวังดั่งกลางวัน
เห็นสะพานปานประหนึ่งลูกศรขาด
เขามาสร้างสะพานคาดตัดหัวขวัญ
เลยเสียเคล็ดที่เคยสร้างอย่างจำนรร
เสียถึงขั้นlandscapeโดนrapeตาย
แถมมีช่วงตรงกลางหว่างทางคู่
สร้างทิ้งไว้จุ๊ดจู๋ดูเป็นสาย
เห็นเขาว่ารถไฟฟ้าอาจมากราย
แต่เงินหายทุนหมดเลยอดแล่น
ถึงท่าเตียนเสียวเขาว่าจะรื้อทิ้ง
ทำ parking สวนหย่อมเป็นผืนแผ่น
รื้อบ้านช่องตึกรามตาม master plan
Amazing Thailand เป็นแกนนำ
เคยเป็นถิ่นจีนไทยอาศัยอยู่
แล้วจู่จู่จะรื้อกันมันน่าขำ
ย้ายผู้คนออกไปให้ระกำ
คิดจะทำอะไรเหมือนไร้คิด
เคยทำการค้าขายทั้งใหญ่เล็ก
ทั้งจีนเจ๊กแขกไทยได้ซื้อผลิต
มากว่าสองร้อยปีที่ผืนนิด
จะมาปิดด้วยหญ้าน่าแปลกใจ
ดูในวังยังเห็นเป็นประหลาด
นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจไฉน
เหมือนตรงนี้ไม่ใช่ของคนไทย
พระเณรไล่ตามจิก speak กัน
ถึงอารามนามเก่าเราได้ยิน
มีเสาหินปักแน่นเป็นแผ่นกั้น
ใช้เป็นหลักปันแดนแท่นสำคัญ
แต่หลักนั้นหายจ้อยสองร้อยปี
นามวัดเก่าเขาชื่อประโคนปัก
เป็นวัดหลักแต่ชื่อใหม่ไกล้วิถี
เรียกดุสิตารามนามใหม่มี
แถวปิ่นเกล้าธนบุรีมีให้ดู
ครั้นพ้นวัดทัศนาแถวท่าน้ำ
ตลิ่งคว่ำน้ำลดน่าอดสู
เรือหางยาวแซงกันมันก็รู้
คลื่นพันตูฟัดฟันจนบรรลัย
ถึงโรงเหล้าเก่ากลั่นควันเคยฉุย
สลิงโยงสะพานลุยกรุยทางใส
สะพานงามพระรามแปดแผดข้ามไป
เหลือเอาไว้โกดังร้างที่ค้างคา
บางยี่ขันค่อยๆหายไปจาก scene
เพราะคนไทยกระแดะกิน whisky ฮ่ะ
ต้องมีตราจากนอกจึ่งโอชา
ทั้ง black red blue มาน่าเบื่อจัง
ไม่เมาเหล้าแต่เรายังเมาไวน์
ส่งมาขายหลายสิบหลายร้อยชั่ง
เศรษฐกิจเมืองไทยจึงได้พัง
ก็เพราะเห่อฝรั่งน่าชังจริง
ถึงบางจากขยับลุกตุ๊กตุ๊กเยอะ
วิ่งกันเปรอะเสียงดังดั่งผีสิง
อยู่ในเรือยังเห็นเป็นระวิง
เห็นฝุ่นกลิ้งริมฝั่งนั่งปิดตา
ถึงบางพลูไม่เห็นพลูอย่างปู่บอก
คนหัวหงอกเลยอดหมากจนปากหนา
ถึงบางพลัดขนัดหมดทั้งรถรา
ทั้งเรือกสวนก่อนหน้าหาไม่เจอ
ถึงบางโพธิ์โอ้ศรีมหาโพธิ
เจริญโลดขวักไขว่ไม่ต้องเผลอ
มีบ้านเรือนมากมายหลายnumber
มีร้านเฟอร์-คาเฟ่-เฮกันครืน
ถึงบ้านญวนไม่เห็นเป็นคนญวน
มีไทยล้วนตาชั้นเดียวจนเสียวกึ๋น
อีกสายเดี่ยวโชว์สะดือทุกวันคืน
ไม่ต้องฝืนก็ยังเห็นไม่เว้นวัน
แม้เหลียวลับกลับเห็นเป็นกันอยู่
นุ่งกันสั้นจุ๊ดจู๋ดูน่าขัน
อีกย้อมผมสีแสบแปลบสุบรรณ
สุดกระสันมันอารมณ์ชมจนเพลิน
โอ้ปางหลังครั้งเรายังหนุ่มแน่น
ที่เป็นสาวแก่นๆก็ยังเขิน
สรวมเสื้อผ้าปกปิดมิดเหลือเกิน
เวลาเดินเหมือนห่อผ้ามาไวไว
โอ้เดี๋ยวนี้เด็กๆทั้งเล็กโต
มันแต่งโชว์ชายพกหน้าอกใส
เปิดสะดืออวดแหลกเหมือนแขกไง
รองเท้าส้นสูงใหญ่เหมือนใส่ตึก
หางยาววิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก
น้ำกระฉอกสาดซัดสะบัดลึก
เสียงเครื่องยนต์ทะลวงรูแก้วหูสึก
เช้ายันค่ำจนดึกพิลึกแท้
เห็นเรือแจวลำเล็กเจ็กก๋วยเตี๋ยว
มันนั่งเสียวจ้วงมาอีกด่าแม่
เพราะเกลียวคลื่นโถมซัดอัดมันแจ
จนเกือบแผ่แทบล่มจมคงคา
ตลาดแก้วไม่มีแล้วมาแต่ต้น
พฤกษากล่นเกลื่อนฝั่งยังต้องหา
ผิวน้ำเกลื่อนกล่นหนักผักตบชวา
ลอยเป็นฝาน่าดูเหมือนปูพรม
เห็นท่าทรายทรายถมจมลงน้ำ
เป็นดินงอกเงื่อนง้ำเขาเทถม
ขยายที่กว้างขวางตรงกลางตม
แสนระทมคนเราเอาเปรียบคน
ถึงแขวงนนท์ยลหอนาฬิกา
เห็นเขาขายอะไรหว่าดูหน้าสน
อ๋อ เทปผีซีดีเถื่อนเกลื่อนสกนธ์
มากมายล้นทะลักกว่าผักปลา
มาถึงบางธรณีไม่มีโศก
ด้วยว่าโลกหมุนไปไม่เวียนหา
ของเก่าๆหายไปของใหม่มา
เป็นวัฏฏะของโลกโศรกทำไม
เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราเท่านั้นแหละ
ไปข้องแวะขอใครให้อาศัย
อยู่บ้านเช่าคอนโดก็แพงไป
เลยลอยไปในเรือเก่าเหงาอุรา
ถึงเกาะเกร็ดย่านมอญแต่ก่อนมี
มาเดี๋ยวนี้กลายไปเป็นไทยไปหมดจ้ะ
ปั้นหม้อขายใส่โอเลี้ยงอีกน้ำชา
หน่อกะลาข้าวแช่และทอดมัน
เรื่องผันแปรมันก็แหงแหละเพื่อนเอ๋ย
แต่ก่อนเคยคิดไว้ไม่แปรผัน
พอเวลาล่วงไปห่างไกลกัน
ที่สุขสันต์ก็โศรกเสียเพลียจริงเจียว
ถึงบางพูดมีร้านอาหารเด็ด
ยำตะไคร้ไม่เผ็ดจนเข็ดเขี้ยว
เขาตั้งศาลบูชาตรงคุ้งเคี้ยว
ที่น้ำเชี่ยวล่มเรือสุนันทา
ถึงบ้านใหม่ใจอยากได้บ้านใหม่
แพงเหลือใจไม่กล้าซื้ออสังหา
เพราะบ้านเราพังพานมานานช้า
เศรษฐกิจพังมาได้ห้าปี
ถึงบางเดื่อมะเดื่อใหญ่มีหลายต้น
สู้แดดฝนทนแช่น้ำทุกวันวี่
เหมือนคนไทยทนสุขทุกข์อัปปรีย์
ทนทู่ซี้มีชีวิตไปวันวัน
ถึงบางหลวงเชียงรากเหมือนจากรัก
เคยสมัครสโมสรสู่สวรรค์
เกี่ยวกระหวัดรัดใจให้จำนรร
สลายพลันตอนชราอาลัยวร
ถึงสามโคกโชคดีมีกํวยเตี๋ยว
อาแป๊ะเลี้ยวกราบเรือลอยสลอน
ทั้งเส้นเล็กเส้นใหญ่หมูเป็นลอน
ไม่ต้องทอนกินน้อยร้อยพอดี
โอ้ปทุมเมืองใหญ่เปลี่ยนไปมาก
บนฝั่งฟากนิคมถมแทนที่
กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมนำชีวี
แบบไฮเทคโนโลยีมีมากมาย
เดี๋ยวนี้เราเข้าสหัสวรรษใหม่
ตามฝรั่งไม่ไกลดั่งใจหมาย
ผลิตทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างท้าทาย
ญี่ปุ่นขายไทยผลิตพัลวัน
พอขายได้เขาแบ่งให้เหมือนน้ำข้าว
ไอ้พวกเราหลงดีใจเหมือนขายฝัน
ได้เศษเกินเขาเยินยอล่อให้กัน
ก็กระสันทำให้เขาเหมือนเอาใจ
ถึงบ้านงิ้วนึกเห็นงิ้วมีหนามคม
พญายมถือหอกใบใหญ่
ทั้งชายหญิงปีนป่ายไม่อายใคร
ต้นงิ้วใหญ่โหลดหนักเลยหักกลิ้ง
งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม
มิอาจแซมแทรกผิวกายเหล่าชายหญิง
คนเดี๋ยวนี้ด้านกามทรามจริงจริง
ต้นงิ้วทิ้งหนามคมตรมอุรา
เราเกิดมาอายุก็ปูนนี้
ยังโชคดีไม่หมองวาสนา
ฤาโชคร้ายไม่ได้ลองของนานา
ของอย่างว่าของหวานคาวเราไม่ลอง
โอ้คิดมาสารพัดสารพิษ
ต้องตั้งจิตไม่คิดจิตจักหมอง
ด้วยว่าเราอยู่ดีมีคู่ครอง
เลยแค่มองราชครามเมื่อยามเย็น
เรียงไปด้วยบ้านช่องทั้งสองฝั่ง
ทิ้งขยเจ้ากรรมทำน้ำเหม็น
อีกโฟมขาวพลาสติคก็ไม่เว้น
ไม่ซ่อนเร้นลอยฟ่องสยองตา
ครั้นสุริย์หลบเมฆพโยมยล
ก็มืดหม่นมัวหมองต้องส่องหา
แว่วเสียงเรือกาแฟแถเข้ามา
เลยสั่งชาดำเย็นเล่นแก้เสียว
เป็นเงาง้ำน้ำเจิ่งดูเวิ้งแหวะ
รายตลิ่งเฉอะแฉะเป็นคราบเขียว
อีกผักตบชวาลอยมาเกรียว
นั่นหมาเน่าลอยเลี้ยวละอองเชย
ไอ้เรื่องถ่อไม่เท่าไหร่ไม่สาหัส
แต่เรื่องงัดไม่ไหวใคร่เฉลย
แค่ค้ำถ่อไม่ต้องลองเพราะของเคย
อนาถเอ๋ยงัดแล้วล่มจมพงรก
ต้องถอยหลังแล้วตั้งสติถอน
พอโยกคลอนได้หน่อยไม่ค่อยหก
ครั้นถ่อใหม่ลื่นไหลไม่สะทก
จนเหงื่อตกแห้งหายพระพายพัด
เลยต้องนอนอ้างว้างอยู่กลางทุ่ง
นอนสะดุ้งยุงร้ายกลายมากัด
บินมารุมกลุ้มกายกว่าทรายพัด
สเปรย์ซัดแทบตายจึงได้นอน
เอกเขนกวิเวกวิเหวโหว
ยุงตัวโตบินฟู่ดูสลอน
หมู่ดาราพร่าพร่างพรางอัมพร
นกแสกร้องเร่ร่อนตอนสองยาม
ทั้งกบเขียดออดแอดฟังเอื่อยเอื่อย
น้ำไหลเฉื่อยแฉะชื้นชะวากหวาม
เสียงจ๋อมแจ๋มหมู่ปลาผวาตาม
นึกถีงยามสนุกสุขชมัด
ทั้งเพื่อนฝูงน้องพี่มีเพียบพร้อม
ต่างแวดล้อมยอยกอกอึดอัด
ลูกโป่งแตกเปรี้ยงปร้างง้างชะงัด
ที่เห็นอยู่หลัดหลัดก็พลัดหาย
ครั้นปีใหม่ตะกร้าเต็มหน้าห้อง
แถมยังกองล้นทะลักชักใจหาย
พอตกงานของขวัญพลันมลาย
การ์ดปีใหม่สักใบไม่มาจร
เสียงตุ๊กตุ๊กแว่วมาตอนฟ้าแจ้ง
มอเตอร์ไซค์เลี้ยวแซงตรงโค้งขอน
หางยาวล่องเร่งมาตามสาคร
ส่งเสียงซ้อนกลบนกกานานา
เถาผักบุ้งแซมโคลนบนดินเก่า
เหมือนหลังเต่าโผล่พรายทั้งซ้ายขวา
รองเท้าแตะปริ่มน้ำลอยผ่านมา
อีกถุงฝาพลาสติคขลุกขลิกกราย
เสียดายที่เพื่อนข้าไม่มาเห็น
คงลงเล่นเผ่นผางกลางทุ่งหมาย
แต่นี่เรือหางยาวมากบรรลัย
ขืนโดดเล่นแหวกว่ายหายทั้งพวง
อันตัวเราเท่านี้มีแต่หวัง
เคยพินทุ์พังลูกโป่งแตกแหลกยันสรวง
มาตกงานยามแก่เพราะแพ้ดวง
จนวัยล่วงห้าสิบห้ามันน่าเจ็บ
นี่จนใจไม่มีแม้ขี้เล็บ
ถึงหมัดเห็บก็ไม่เกาะเพราะไม่สน
ทั้งยศศักดิ์หักหมดต้องอดทน
เพราะความจนซัดเอาจนเศร้าใจ
๏ ต้องมุ่งหน้าหางานนานๆครั้ง
คิดถึงครั้งก่อนมาน้ำตาไหล
จะแวะเยี่ยมเยือนเพื่อนก็เจื่อนใจ
ไม่อยากให้เพื่อนมองจนหมองนวล
ด้วยยามยากบากหน้าต้องหาแดก
อกแทบแตกด้วยเรากลัวเขาสรวล
เหมือนขอทานซานซมไม่สมควร
มาขอส่วนบุญเขาไม่เข้าการ
๏ พอผ่านท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม
ริมอารามโอท็อปรอบประสาน
ทั้งของใช้กาแฟชาโบราณ
หม้อไหลานล้นเหลือจนเบื่อเซ็ง
เรื่อยมาจนสามแยกพนมยงค์
มีหล่อพระเทพองค์ทรงเจ๋งๆ
ทั้งอิศวรนารายณ์ฤษีเพ่ง
ไม่วังเวงเก๋งผ่านต้องคลานดู
อนาถหนอคนไทยเชื่อไปหมด
ทั้งดูมดดูหมอขอหวยคู่
อีกทรงเจ้าเข้าเทพเสพย์กันตรู
น่าอดสูหมดที่พึ่งจึงขอพร
บ้างซานซมกลับมาเข้าหาวัด
หลวงพี่จัดรับรองต้องถ่ายถอน
พออ่านดวงวางเลขเสกเสียก่อน
จึงเข้าบ่อนรำไพ่ไฮโลเจือ
ฝ่ายแม่หญิงยิ่งหนักชักมัวหมอง
หลวงพี่ต้องทำเสน่ห์เล่ห์ล้ำเหลือ
สักจิ้งจกปั้นขี้ผึ้งถึงในเสื้อ
ให้ผัวเชื่อชู้หลงงงจริงว่ะ
เล่นเจ้ากูหาเงินจนเกินคล่อง
วัดเลยหมองคนระยำทำวัฎฎะ
ศาสนาแปดเปื้อนเถื่อนเฟอะฟะ
ทั้งคนพระวุ่นโลกย์โศกทั้งกอง
พระดีๆแม้มีอยู่อีกมาก
ต้องลำบากเพราะโล้นเหลืองเฟื่องผยอง
ช่างมันเถอะจะรีบไปภูเขาทอง
ที่สูงล่องลอยฟ้านภาลัย
อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น
ที่เคยเป็นของเก่าเขาทำใหม่
บริเวณเขตขามงามวิไล
มีน้ำใสล้อมรอบเป็นขอบคัน
สร้างแนวรั้วล้อมรอบขอบวัด
แล้วเขาจัดสวนงามกำแพงกั้น
องค์เจดีย์สีทาใหม่อลังการ
เป็นช่อชั้นเชิงชานตระหง่านงาม
บนผิวน้ำลมฉิวพริ้วเกลียวคลื่น
อีกแมกไม้ร่มรื่นพื้นสนาม
เห็นเจดีย์ขาวแหววดูแวววาม
สะท้อนยามอัสดงคงงามครัน
อันกรุงเก่าเดี๋ยวนี้มีดีหลาย
ชื่อขจายทั่วยูเอ็นเป็นเมืองขวัญ
มรดกของโลกากล้าประชัน
ที่ไทยสรรค์สร้างไว้ให้ประจักษ์
แม้ล่วงผ่านวัยหลายร้อยปี
อยุธยาธานีคงศรีศักดิ์
ทั้งโบราณสถานมีพร้อมพรรค
เสียดายนักนึกน่าน้ำตากระเด็น
ถ้ารักกันคงมิเสื่อมเกียรติยศ
คงมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น
แต่นี่เพลิงหลงตัวมั่วกันเล่น
ล้วนแต่เป็นอุทาหรณ์สอนทั้งนั้น
นึกว่าตนเกรียงไกรใหญ่เปรียวปราด
จึ่งประมาทริปูศัตรูขัน
นึกว่าแน่เขามิอาจมาโรมรัน
จึงต้องบัลลัยจอดถึงวอดวาย
อีกเสนาบดีสติหลุด
ไพร่สมฉุดบ้านเมืองเรื่องฉิบหาย
ด้วยหลงตัวลืมตนจนมลาย
ดูบทเรียนง่ายๆไม่ต้องงง
ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ
ต้องเลิกละให้ได้อย่าไหลหลง
ต้องต่อสู้ด้วยปัญญาอย่าพะวง
อีกทั้งทรงสติดำริการ
จะทำงานสิ่งใดอย่าให้มั่ว
อย่าเมามัวเร่งรัดประสาทประสาน
จะสมหวังตั้งประโยชน์นิรันดร์กาล
สมัครสมานชาติไทยให้ถาวร
จึ่งประนมก้มกระพุ่มประทุมชาติ
สุทธาวาสสมัครสโมสร
ให้บ้านเมืองเฟื่องฟุ้งสถาพร
แล้วจึงจรจากตรงลงนาวา
ลงเรือด่วนทวนธารกลับบ้านแล้ว
มือถือแก้วซดเบียร์เพลียหนักหนา
แวะกรุงเก่าสักหน่อยค่อยเคลื่อนคลา
อรุณรุ่งจึงจะมาว่ากันใหม่
ครั้นรุ่งเช้าชมวิวเหมือนช่างวาด
เดินเก็บภาพดารดาษวาดหลากหลาย
จวบตะวันคล้อยคลอนตอนบ่ายๆ
จึงรีบผายผันแซงแข่งตะวัน
มาลงเรือที่ท่าน้ำที่ฉ่ำโชค
เห็นคนโบกมือทักเป็นจักรผัน
เรือลำใหญ่แล่นไล่คลื่นพรายพรรณ
สุริยันแยงตาฝ่านที
ถึงท่าน้ำวัดอรุณอารามหลวง
ต้องรอถ่วงฝรั่งเที่ยวลงเรือรี่
เดินกันเกลื่อนรองเท้าแตะขาสั้นมี
รกเต็มทีขายของมองรกตา
นิราศเรื่องภูเขาทองเหมือนมองรูป
แม้วาบวูบแปลกประหลาดวาสนา
ด้วยเรื้อรังสองร้อยปีที่ผ่านมา
ทั้งภาษาสำนวนดูกวนใจ
ใช่จะเปรียบกับท่านภู่ดูน่าเกลียด
ใช่จะเบียดสำนวนหาควรไม่
เพียงแต่คิดแผลงๆเป็นแรงใจ
เลยเขียนใหม่กลอนกวนชวนทัศนา
เหมือนบะหมี่สำเร็จรูปเป็นซองซอง
แกะจากกล่องต้มน้ำใส่ไว้รอท่า
ฉีกเครื่องปรุงเทใส่จับเวลา
แล้วยกมาสวาปามต้องจำเรอ
ขอจบความตามที่เห็นเป็นสังเขป
แล้วอัดเทปมาพิมพ์คอมพิวเตอร์
นักเลงกลอนนอนตะแคงเพราะแล้งเกลอ
ก็เลยเผลอเขียนเป็นกลอนสอนตัวเอง