14 ตุลาคม 2552 16:49 น.
สร้อยแสงแดงชรา
โคมเอ๋ยโคมทอง
ลอยล่องพ้นขอบสุเมรใหญ่
ทอแสงเรืองรองไฉไล
สาดฉายบดโสมโลมดิน
แสงโสมเจ้าอัปรา
หมู่ดาราหลบลี้หายสิ้น
เพลงทิวาเจิดจ้าเป็นอาจินต์
รังสีทองกระจายถิ่นทั่วสกนธ์
ฝูงวิหกบินหาอาหาร
สารสัตว์สำราญทั่วแห่งหน
ดอกหญ้าน้อยอวดกลีบจ้อยสยายตน
เหล่าพืชผลยิ้มรับสุริยัน
เพลงเอ๋ยเพลงทิวา
ทำนองกล้าลีลาเลิศดูเฉิดฉัน
ดุจหนึ่งมโหรีที่ประชัน
ทั้งลูกขั้นลูกตามงดงามจริง
ครั้นแสงแดดเริ่มแผดพลังแสง
ย่อมร้อนแรงเผาผลาญดั่งมารสิง
เหล่านกกาบินหาที่พักพิง
พอได้อิงหลบร้อนค่อยผ่อนใจ
จวบอาทิตย์อัสดงจึงลงเล่น
ออกจากแหล่งซ่อนเร้นเป็นฝูงใหญ่
เพลงทิวาก็ล้ามลายไป
เงียบสลายรอหลีกอีกวงเอย
12 ตุลาคม 2552 16:36 น.
สร้อยแสงแดงชรา
วังเอ๋ยวังเวง
สดับฟังเสียงเพลงแว่วหวาน
พระพายพัดพามาเจือจาน
ขับขานเสนาะโสตสุนทรี
เสียงดั่งซอล้อฝนที่โคนไผ่
ขลุ่ยไล้โลมรวงประกายศรี
เสียงพิณขยับรับราตรี
ศศิธรอ้อนพิรี้พิไรไพร
กรีดกรีดหรีดหริ่งอยู่ริมทุ่ง
เกาะยอดผักบุ้งอยู่ไหวไหว
ครั้นเมฆบังจันทราหากลัวไม่
ยังส่งฉายสีทองผ่องนภา
เมฆเอ๋ยเมฆคล้ำ
ใจเจ้าช่างดำไม่เข้าท่า
ใยบดบังแกล้งแสงงามตา
หรือฟ้าส่งเจ้าเข้ามาบัง
มืดเอ๋ยมืดครึ้ม
ฟ้าปิดดูอึมครึมทั้งฉากหลัง
อุสนียบาตฟาดเปรี้ยงส่งเสียงดัง
พิรุณหลั่งถั่งท่วมธรณินท์
วังเอ๋ยวังเวง
เสียงบรรเลงสูญหายมลายสิ้น
ด้วยอุทกปกคลุมธุลีดิน
ขลุ่ย ซอ พิณ เงียบสงบจบเสียงเพลง
9 ตุลาคม 2552 14:00 น.
สร้อยแสงแดงชรา
ไทยข้าวจ้าวลาวข้าวเหนียวเกี่ยวกันไหม
เรียกข้าวไพร่ข้าวจ้าวไม่เข้าท่า
ชอบตีความแหกคอกนอกตำรา
ตั้งคุณค่าคำชมมาข่มกัน
จะใหญ่โตถึงไหนผองไทยเอ๋ย
มาชมเชยยกย่องมองแล้วขัน
กระดิกนิ้วขนพองสยองชัน
ลาวทั้งนั้นไทยไปเหยียดเคียดทำไม
เลิกเสียทีพี่ไทยลาวอ้ายน้อง
เลิกไปจ้องผองลาวเขาก็ได้ไหม
มาร่วมเครือผูกพันฉันท์ลาวไทย
มาเริ่มใหม่หายบาดหมางคลางแคลงเคือง
คำว่าไทในลาวเขายกย่อง
ว่าคือผองลาวเสรีที่มีหน้า
ว่าคือลาวเป็นไทใช่ทาสมา
ล้วนผู้กล้าสุบรรณสุวรรณภูมิ