7 ธันวาคม 2553 09:50 น.
สมุทร
๏ กรีดริ้วพริ้วมาอีกคราหรือ
โหมกระพือความหนาวมาร้าวหน
ไม้แห้งมองหาวถึงคราวทน
ใบหล่นระพื้นขมขื่นใจ
๏ เรียวโรยร่วงหักราวรักล่วง
หวงห่วงมาห่างอ้างว้างไฉน
ลมเอย เกลียดฉันเรื่องอันใด
หอบหนาวมาทำไม ใจร้ายนัก
๏ ทำไมไม่หอบกอบรักหวน
เย้ายวนรวงช่อที่ทอถัก
สวยสดงดงามคืนความรัก
มาประจักษ์คืนกระจ่างใจพร่างพราว
๏ ลมเอย พาลข่มให้ขมแล้ว
ไม่แคล้วฝืนห่มระทมหนาว
ลมหากเอ็นดูสักครู่คราว
โปรดพาพัดร้าว ไปให้พ้น!
3 ธันวาคม 2553 10:44 น.
สมุทร
นานแล้วที่ไม่เห็นหน้าพ่อ
นานแล้วที่จากบ้านมา
นานแล้วที่ฝันจำ
นานแล้ว
พ่อหวดก้นฉัน
ด้วยแส้เส้นใหญ่
ฉันเจ็บไปหลายวัน และจำ
ฉันทำผิดอะไรใหญ่หลงหรือ เปล่าเลย
ฉันทำผิดเล็กน้อยเท่านั้น เล็กน้อยมาก
เพียงแค่ฉันไปหยิบเงินพ่อเท่านั้น
เงินไม่กี่บาท จากกล่องใส่เงิน
ฉันไม่ได้ขโมย แต่พ่อไม่อยู่
มีขอทานมาขอเงิน
ฉันรู้เขาหิว
เขาไม่มีเงิน
ฉันไม่มีเงิน
แต่พ่อมีเงิน มีมากด้วย
ฉันหยิบมาแค่สิบบาทเท่านั้นเอง
ฉันส่งให้ขอทาน คิดว่าเขาคง
ไปซื้ออะไรกินได้
เขาจะได้ไม่หิว
ฉันจะบอกพ่อ แต่พ่อเรียกฉันก่อน
พ่อตีก้นฉัน พ่อบอกฉันขี้ขโมย
ฉันวิงวอน ฉันไม่ได้ขโมย
ฉันกำลังจะบอกพ่อ
แต่พ่อไม่ฟังฉัน
พ่อตีก้นฉัน
น้ำตาฉันร่วง
เปล่า มันไม่ได้ร่วงลงพื้น
มันร่วงเข้าไปในปาก เค็มปร่า
ฉันกลืนกินน้ำตา
ฉันคิดว่า
เด็กขอทานคงได้กินข้าว
ไม่ต้องกินน้ำตา
พ่อไม่ฟังฉัน
ฉันไม่ได้ขโมย
ฉันตั้งใจกับตัวเอง ฉันจะไม่ขโมย
และฉันจะไม่ลงโทษใครโดยไม่ฟังเหตุผล
นานแล้ว
นานแล้วที่ฝันจำ
นานแล้วที่จากบ้านมา
นานแล้วที่ไม่เห็นหน้าพ่อ
ฉันยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ฉันไม่เคยขโมย
ฉันคิดถึงพ่อ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ฉันคิดถึงพ่อ
2 ธันวาคม 2553 14:14 น.
สมุทร
๏ แสงสลัวมัวหมอกเงาดอกหม่น
มวลหนาวท้นจากเหนือมาเมื่อสาย
แดดเคยแรงแสงเคยจ้ามากลับกลาย
มืดมัวหมายห่อโลกให้โศกตรม
๏ เขม้นมองเหม่อไปปวดใจแล้ว
ทิวไม้แถวสีเทาเข้าผสม
ปลายกิ่งโก่งโง้งโงดูโง่งม
หนทางจมในหมอกหลอนหลอกตา
๏ แสงแห่งวันผันบิดวิกฤติทั่ว
ความสลัวแผ่สล้างสร้างผวา
ทางที่เคยผ่านไปแต่ไรมา
ก็เหมือนว่ามีมือมารื้อไป
๏ รื้อสิ่งเห็นรื้อวิถีรื้อชีวิต
มือยักษ์ปิดปมเงื่อนทุกเคลื่อนไหว
แม้นระงมจั๊กจั่นสนั่นไพร
ยังสิ้นไร้ทิศทางให้ย่างเดิน
๏ จะก่อไฟกองน้อยก็พลอยดับ
ด้วยหมอกหนามาทับแฉะฉุกเฉิน
ชื้นฉ่ำราวฝนพรมระทมเทิน
ให้ขัดเขินเข็ญชีพในตีบตัน
๏ นั่นผ้าผวยบนขื่อรื้อมาห่ม
พอต้องลมก็สลายคล้ายความฝัน
ซุกกายเข้าเสาเรือนสะเทือนพลัน
คานขื่อแปหักสะบั้นลงฟันดิน
๏ เมื่อความจนค่นแค้นมันแล่นทับ
ยากขยับขยายใดยามไร้สิน
เหลือขื่อแปเรือนหลังที่พังภินท์
จะสุมสิ้นก่อไฟไล่หนาวแล้ว
สมุทร
๒ ธ.ค.๕๓